สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 47 ช่วยชีวิต

Now you are reading สามีข้าคือขุนนางใหญ่ Chapter บทที่ 47 ช่วยชีวิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมอเทวดาเลี่ยวพูดจบก็ออกไปราวกับหนี เขากลัวว่าหากตนไม่ไปตอนนี้จะไม่มีหนทางได้กลับไปอีกแล้ว พอท่านชายน้อยตาย เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเขารักษาแล้วตาย!

“เดี๋ยว! หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเลี่ยว!” ผู้ดูแลเหอไม่คิดเลยว่าหมอเทวดาที่เถ้าแก่ใหญ่จ่ายเงินก้อนโตเรียกมาจะไม่ใจสู้ขนาดนี้ ยังไม่ทันได้รักษาก็หนีไปแล้ว!

ทว่าเขาก็เข้าใจดีเหตุใดหมอเทวดาจึงหนี อาการของท่านชายน้อยนั้นย่ำแย่เหลือเกินจริงๆ เขาไม่ใช่หมอยังมองออกเลยว่าท่านชายน้อยไม่ไหวแล้ว

มิน่าเล่าได้ยินว่าโหวฮูหยินไม่ฉลองปีใหม่ ใช้เข่าปีนเขาอยู่ทุกวี่วัน คลานไปก็โขกหัวไป ขอพรให้

พระโพธิสัตว์คุ้มครองท่านชายน้อย

นี่มันไม่ใช่สิ่งที่กำลังมนุษย์จะสามารถเรียกคืนกลับมาได้แล้ว…

ผู้ดูแลเหอวิ่งตามออกมา

เด็กจัดยานั่นก็เผ่นแนบตามอาจารย์ไปแล้ว ผู้ดูแลเหอตามไปไม่ทันแม้กระทั่งชายผ้า

เถ้าแก่รองเห็นทั้งสามคนตื่นตระหนกลนลานออกมา ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น เห็นกู้เจียวลุกขึ้นเตรียมจะเข้าไปด้านใน จู่ๆ เขาก็ห้ามนางไว้ “จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระที่หุยถังชุน”

กู้เจียว “อ้อ เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปจัดการสิ”

เถ้าแก่รอง “เจ้ากลับไปด้วยกันกับข้า”

เถ้าแก่รองอยากให้กู้เจียวรักษาอาการป่วยของท่านชายน้อย นั่นเป็นเงื่อนไขแรกที่เกิดขึ้นว่ากู้เจียวสามารถรักษาอีกฝ่ายให้หายได้ แต่ท่าทางของพวกผู้ดูแลเหอทำให้ความคิดเขาสั่นคลอนขึ้นมา

ด้านหลังผู้ดูแลเหอคือน้องชายเขา ความสามารถของน้องชายเขา เขารู้ชัดแจ้งดี หมอที่เชิญมาคงเป็น

หมอเทวดาท้องถิ่นแน่ หมอเทวดาพอเข้าไปก็กลับเลย สามารถอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่าท่านชายน้อยหมดหนทางรักษาได้จริงๆ แล้ว

ฝีมือการแพทย์ในการรักษาอาจจะมีเป็นพันเป็นหมื่น แต่การวินิจฉัยว่าจะเป็นหรือตายใช้เพียงวิธีเดียวก็เพียงพอแล้ว

เขาไม่อาจทำลายกู้เจียวได้

อีกเดี๋ยวกู้เจียวเข้าไป ท่านชายน้อยอาจจะตายลงตรงหน้านางทันทีก็ได้ หากเป็นเช่นนั้น นางก็จะหมดหนทางหนีได้แน่

แน่นอนว่ากู้เจียวไม่มีทางรู้ถึงความคิดของเขา

ชาติก่อนนางเคยเป็นหมอ แต่นั่นก็เป็นเพียงการคุ้มครองฐานะตัวตนของนางเท่านั้น เนื้อแท้ของนางไม่ใช่คนดีเด่อะไร นางไม่มีทางเอาชีวิตตัวเองมาเดิมพันหรอก

“ได้ พวกเรากลับกัน” กู้เจียวพยักหน้า

ในชั่วขณะที่กู้เจียวหันหลังกลับนั้นเอง ดวงใจพลันกระตุก

“ท่านชาย…” เสียงร้องตกใจของสาวใช้ลอยมาจากในห้อง

ท่านชายน้อยชักกระตุกอยู่บนเตียง

จู่ๆ กู้เจียวก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

นางมั่นใจเหลือเกินว่าตัวเองไม่ได้ป่วย ดังนั้นความรู้สึกใจสั่นเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างแปลกประหลาดนัก

“หรือข้าจะมีจรรณยาบรรณแพทย์เช่นนี้ ปล่อยคนไข้ไม่สนใจใยดีก็จะไม่สบายใจต่อมโนธรรมไปจนถึงเจ็บปวดใจแล้ว”

เขาเจ็บ นางก็เจ็บ

แปลกจริง

สุดท้ายกู้เจียวก็เดินเข้าไปด้านใน

ในจวนมีหมอหลวงประจำอยู่ กำลังปรุงยาให้ท่านชายน้อยในห้องยา ไม่ได้อยู่ในห้องท่านชายน้อย บรรดาคนรับใช้รีบไปเชิญมา

ท่ามกลางความโกลาหล ไม่มีใครสนใจกู้เจียวว่าจะเข้าไปในห้องหรือไม่

เมื่อกู้เจียวมาถึงหน้าเตียง เขาก็หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว

สีหน้ากู้เจียวเคร่งขรึมขึ้น ไม่พูดพร่ำทำเพลงก้าวขึ้นเตียง คุกเข่าอยู่ข้างกายท่านชายน้อย สองมือกดลงบนทรวงอกเขา เริ่มทำการกู้ชีพฉุกเฉินให้เขาทันที

“แม่นางกู้…” เถ้าแก่รองพอเข้าห้องมาก็ตกใจกับภาพตรงหน้า เด็กสาวนางนี้ทำอะไรกับท่านชายน้อยน่ะ

ยามนี้กู้เจียวไม่มีเวลามาสนใจเรื่องกระเป๋ายาจะแดงหรือไม่ นางเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เฝ้าหน้าประตูไว้! อย่าให้คนอื่นเข้ามา!”

“…ได้!” เถ้าแก่รองสมองยังชะงักค้างอยู่ แต่กลับปิดประตูลงอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

หมอชรารออยู่ในห้อง ดูว่ามีอะไรที่ตัวเองสามารถช่วยได้หรือไม่

กู้เจียวกดอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใด “เอากล่องยาข้าออกมา! จุดเทียนกับตะเกียงน้ำมันซะ! จุดให้หมดเลย!”

หมอชรารีบไปหยิบกล่องยาออกมาจากตะกร้า แต่พบว่าตัวเองเปิดไม่ออก

กู้เจียวเปิดกล่องยาเอง เขาไปจุดเทียนกับตะเกียงน้ำมัน

กู้เจียวฉีดอะดรีนาลีนเข้าหลอดเลือดดำให้ท่านชายน้อย

หมอชราปากอ้าตาค้าง เด็กสาวนางนี้…เอาของแปลกประหลาดอะไรมาแทงเส้นเลือดของท่านชายน้อยกัน

อะดรีนาลีนเข็มแรกฉีดเสร็จเรียบร้อย ผลลัพธ์กลับไม่เป็นดั่งที่คิด

ยามนี้ ผู้ดูแลและสาวใช้ในจวนพาหมอหลวงมาแล้ว เถ้าแก่รองจำคำสั่งของกู้เจียวได้จึงสาวเท้ายาวๆ ไปขวางทางพวกเขาเอาไว้

“เจ้าเป็นใครน่ะ” แม่บ้านผู้ดูแลถามอย่างไม่สบอารมณ์

คนที่พาพวกกู้เจียวเข้ามาเมื่อครู่เป็นบ่าวรับใช้คนหนึ่ง เขาออกไปแล้ว ณ ที่นั้นมีเพียงสาวใช้อย่างอวี้หยาที่รู้จักเขา อวี้หยาเป็นคนรับใช้ที่พาผู้ดูแลเหอเข้ามา

อวี้หยาชี้หน้าเขาพลางเอ่ยว่า “ข้ารู้จัก! เขาเป็นคนสวมรอยหุยชุนถังสาขาเมืองหลวง!”

เถ้าแก่รองเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “สวมรอยอะไร พวกเรามาจากหุยชุนถัง! แต่ไม่ใช่ร้านที่อยู่ใน

เมืองหลวงแค่นั้นเอง!”

อวี้หยาฟ้องว่า “แม่บ้านดูสิ! เขายอมรับแล้ว!”

เถ้าแก่รองมึนงง ไม่สิ แม่นาง ช้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น

แม่บ้านผู้ดูแลแม้จะไม่บิดเบือนความหมายของเถ้าแก่รอง แต่ก็ค่อนข้างดูแคลนโรงหมอนอกเมืองหลวง

อยู่ดี ที่พวกเขาเข้ามาได้ล้วนเป็นเพราะโหวฮูหยินอับจนหนทาง อยากจะลองดูทั้งๆ ที่รู้ว่าสิ้นหวังก็เท่านั้น

“เจ้ามาขวางอยู่ตรงนี้หมายความอย่างไร” นางถามเสียงเย็นชา

เถ้าแก่รองปลุกความกล้าให้ตัวเอง เอ่ยว่า “หมอหุยชุนถังของพวกเรากำลังช่วยชีวิตท่านชายน้อยบ้านเจ้าอยู่ด้านใน ไม่อยากให้ท่านชายน้อยของพวกเจ้าเกิดเรื่องใดขึ้นละก็ ทางที่ดีก็อย่าได้เข้าไปกวน!”

“แม่บ้าน พวกเขาเป็นพวกหลอกลวง!” สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้น

นางอยู่ในห้องเห็นหมดแล้ว ท่านชายน้อยหมดลมหายใจไปแล้ว!

“เจ้าแน่ใจว่าสามารถช่วยท่านชายน้อยได้” เสียงดุดันของแม่บ้านผู้ดูแลราวกับมีดจ่ออยู่เหนือศีรษะ

เถ้าแก่รอง

แผ่นหลังเถ้าแก่รองมีเหงื่อเย็นผุดซึมขึ้นท่วม

แม่บ้านเจ้าเล่ห์ นี่กำลังปัดความรับผิดชอบมาให้พวกเขา หากเกิดเรื่องขึ้นกับท่านชายน้อย ไม่ใช่พวกนางดูแลไม่ดี แต่เป็นเพราะหุยชุนถังช่วยชีวิตไม่ได้

อันที่จริงพวกนางดูแลอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่หากท่านชายน้อยตาย อย่างไรเสียก็ต้องมี

คนรับผิดชอบ แบกรับโทสะของท่านโหวและโหวฮูหยิน

ใครจะยอมให้เป็นตัวเองล่ะ

เถ้าแก่รองขากำลังสั่น

แม่นางกู้ เจ้าทำได้หรือไม่

ไม่ได้

ใช้อะดรีนาลีนสามเข็มเข้าไปแล้ว!

หมอชราก็ค่อยๆ สัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลขึ้นมาแล้วเช่นกัน ต่อให้เขาไม่รู้ว่าเข็มแปลกประหลาดพรรค์นี้มันมาได้อย่างไร แต่ก็เข้าใจได้ว่าพวกมันต้องมีไว้เพื่อใช้ช่วยชีวิตแน่

“แม่นางกู้…ยอมแพ้เถอะ…”

“ข้าจะลองอีกรอบ!” กู้เจียวนับเวลาเรียบร้อยก็ฉีดอะดรีนาลีนเข็มที่สี่เข้าร่างกาย

หากเข็มนี้ไม่ได้อีก นางก็ช่วยชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว…

ผู้คนนอกประตูรอกันไม่ไหวแล้ว ทุกชั่วขณะล้วนทรมานสำหรับทุกคน

เถ้าแก่รองเหงื่อเย็นหยดไหลลงพื้น

แม่บ้านผู้ดูแลแววตาดุดัน “กระแทกประตูเปิดให้ข้า!”

สาวใช้สองนางร่างกายกำยำเรี่ยวแรงแข็งขันตรงมาผลักเถ้าแก่รองไปอีกด้าน ยกเท้าหมายจะถีบประตู ทันใดนั้นเอง สาวใช้ที่ชื่ออวี้หยานางนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “แม่บ้าน ฟังสิเจ้าคะ!”

แม่บ้านผู้ดูแลทำสัญญาณมือ ทุกคนพลันเงียบลง

“…โหวกเหวกจริง”

เป็นเสียงของท่านชายน้อย

แผ่วเบายิ่ง อ่อนแรงไม่น้อย

พวกนางไม่ได้ยินเสียงท่านชายน้อยมาสิบวันแล้ว พวกนางนึกว่าท่านชายน้อยจะตายจริงๆ แล้ว แต่เมื่อครู่…เมื่อครู่…

“พะ…พวกเจ้าได้ยินกันแล้วกระมัง” เป็นครั้งแรกที่แม่บ้านผู้ดูแลรู้ว่าตัวเองตื่นเต้น

ทุกคนพากันพยักหน้า

แม้ว่าจะแผ่วเบามาก แต่พวกเขาได้ยินกันจริงๆ!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *