สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 63 พี่สาวน้องชาย

Now you are reading สามีข้าคือขุนนางใหญ่ Chapter บทที่ 63 พี่สาวน้องชาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กู้เหยี่ยนเห็นสายตาของกู้เจียวก็รู้ว่านางจำตนเองได้ ใบหน้าหล่อเหลาสุดแสนอมทุกข์นั้นเผยรอยยิ้มบางออกมา

กู้เจียวเห็นรอยยิ้มของเขา อารมณ์ก็ดีขึ้นมาไม่น้อย ขณะที่กำลังจะเดินหน้าเข้าไปทักทายเขา ก็เห็นเขายกนิ้วชี้ขาวดุจหยกนั้นแนบกับริมฝีปาก

กู้เจียวเข้าใจในทันที หลบตาลงแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แม้เหล่าองครักษ์จะเป็นคนหมู่บ้านเวินเฉวียนซานเหมือนกัน แต่ไม่เคยเห็นกู้เจียวมาก่อน เพราะอย่างนั้นจึงไม่รู้จักตัวตนของกู้เจียว ทว่าพอเห็นกู้เจียวไม่เป็นอะไร จึงเดินหน้าตามหาต่อไป

เมื่อมั่นใจแล้วว่าคนเหล่านั้นเดินออกไปไกลแล้ว กู้เจียวจึงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ารถม้าคันนั้น

นั่นเป็นรถม้าของชาวบ้านทั่วไป รูปลักษณ์ภายนอกดูแสนเรียบง่าย เหล่าองครักษ์จึงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าท่านชายผู้สูงศักดิ์จะอยู่ในซ่อนตัวอยู่ในรถม้าเช่นนั้น

กู้เจียวเลิกม่านรถขึ้น มองดูชายหนุ่มขี้โรครูปงามเบื้องหน้าก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร แถมยังไม่มีองครักษ์ติดตามมาสักคน”

“ข้ามาหาเจ้า” กู้เหยี่ยนเอ่ยตามตรง

“มาหาข้าอย่างนั้นหรือ ท่านไม่สบายตรงไหนหรือ” กู้เจียวยื่นมือเข้าไปในหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว หมายจะจับชีพจรเขา แต่พอคว้าข้อมือเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นเพียงแค่เด็กจัดยาในจวน

นางชักมือกลับในทันที

รอยยิ้มบางเผยขึ้นบนซีดขาวของกู้เหยี่ยน “ข้ารู้ว่าคือเจ้า”

ฮะ รู้ได้อย่างไร

กู้เจียวเกาหัวอย่างมึนงง

นี่เธอเผลอปล่อยไก่ไปตอนไหนกัน

กู้เหยี่ยนหัวเราะท่าทางสับสนของนาง “คนอื่นไม่รู้หรอก เจ้าขึ้นมาเถอะ”

ความลับของเธอเริ่มรั่วไหลแล้ว คนแรกคือชายชราผู้นั้น ต่อมาก็มีเถ้าแก่รองกับเหล่าฮูหยิน ตอนนี้ยังมีท่านชายคนนี้อีก

ทว่ากู้เจียวยังดึงดันที่จะปฏิเสธ “ข้าไม่ได้เป็นคนรักษาท่านเสียหน่อย หมอหลี่แห่งหุยชุนถังต่างหาก ข้าแค่เป็นเด็กหยิบตาของเขา”

กู้เหยี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้น เด็กหยิบยา เจ้าจะขึ้นมาได้หรือยัง หากยังไม่ขึ้นมาอีก

พวกเขาจะสังเกตเห็นข้าเอานะ”

กู้เจียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขึ้นรถม้าในทันใด

นางนั่งลงข้างกายกู้เหยี่ยน

พอได้นั่งบนรถม้าคันนี้ แม้แต่กู้เจียวยังรู้สึกว่าทรุดโทรมเหลือเกิน ช่างลำบากท่านชายแท้

กู้เหยี่ยนกลับไม่นึกรังเกียจแต่อย่างใด ขอแค่ได้เจอนาง จะนั่งรถอะไรก็ได้ทั้งนั้น

กู้เหยี่ยนยิ้มพลางยื่นข้อมือขาวอันผอมบางจนแทบเห็นกระดูกออกมา “เช่นนั้นเด็กหยิบยาอย่างเจ้าจะจับชีพจรให้ข้าได้หรือยัง”

กู้เจียวสีหน้านิ่งเรียบ “อาจจะไม่แม่นก็ได้”

กู้เหยี่ยนยิ้มบางพลางพยักหน้า “อืม”

กู้เจียวจับชีพจรให้เขา ดูเหมือนว่าชีพจรจะสม่ำเสมอกว่าคราวก่อนไม่น้อย

จากนั้นนางก็เปิดกล่องยาน้อยแล้วหยิบหูฟังสเต็ตโทสโคปออกมา

“นั่นคือสิ่งใด” กู้เหยี่ยนถามอย่างสงสัย

“หูฟังน่ะ ถอดเสื้อออกสิ” หมอกู้เอ่ยเสียงเย็นชา

กู้เหยี่ยนชะงักไป “…”

กู้เจียวปลดกระดุมเสื้อของเขา แล้วแนบไดอะแฟรมลงบนอก

จังหวะการเต้นของหัวใจยังไม่เสถียรทั้งยังมีเสียงรบกวน ยารักษาภาวะหัวใจล้มเหลวนั้นใช้กับเขาได้ผล เพียงแต่ก็ไม่ทำให้หายสนิทราวกับยาวิเศษ

“ทรมานมากใช่หรือไม่” กู้เจียวเก็บหูฟังลง

กู้เหยี่ยนก้มหน้าลง ปลายนิ้วเรียวขาวซีดกระชับเสื้อเข้าหากัน “ไม่ทรมานแล้วจริงๆ ดีกว่า

แต่ก่อนมากแล้ว”

หลายปีมานี้เขาต้องใช้ชีวิตกับความเจ็บปวด ไม่เคยได้สัมผัสกับความผ่อนคลายเหมือน

คนทั่วไป เพียงแค่ความเจ็บปวดนั้นคลายลงไปเพียงนิด นั่นก็ดีมากโขสำหรับเขาแล้ว

“เรื่องแหวนหยกขาวนั่นทำเจ้าลำบากแย่” กู้เหยี่ยนโพล่งขึ้นมา

กู้เจียวนิ่งชะงักไป หากเขาไม่พูดถึง นางคงลืมไปแล้ว ความจริงแล้วก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรมากมายนัก คนไม่สำคัญ หากจะเข้าใจผิดไปก็ช่างประไร “เป็นข้าที่หยิบแหวนของท่านไปก่อน ข้าต่างหากที่ควรขอโทษท่านถึงจะถูก”

กู้เหยี่ยนเกลียดท่าทีห่างเหินของนางที่มีต่อตน “ข้าไม่อยากได้คำขอโทษจากเจ้า”

กู้เจียวหัวเราะเสียงแผ่วเบา ไม่ตอบโต้หัวข้อสนทนานี้ “เหตุใดถึงต้องหนีองครักษ์ด้วย”

“พวกเขาน่ารำคาญ”

กู้เจียวแหวกม่านออก มองไปยังชายชุดดำที่นอนอยู่บนพื้น “แต่ท่านอาจจะเจอกับมือสังหารเอาได้นะ”

กู้เหยี่ยนเอ่ยด้วยยิ้ม “เขาไม่ใช่มือสังหาร แต่เป็นองครักษ์ลับของข้า ล่อให้พวกเขาไปทางอื่นน่ะ”

กู้เจียวกระพริบตาปริบๆ ราวกับตนไม่มีความผิดใด “เขาช่างโชคร้ายนัก ถูกนักเลงพวกนั้นรุมกระทืบเสียแล้ว”

ห่างออกไปไม่ไกลองครักษ์อีกคนกำลังกระอักเลือดออกมา แม่นาง พูดความจริงเหตุใดต้องยักคิ้วหลิ่วตาเช่นนั้นด้วย

“อืม” กู้เหยี่ยนยิ้มอ่อน “ถูกพวกนักเลงรุมกระทืบเอาน่ะ อย่าไปสนใจพวกเขาเลย ล้มเองก็ต้องลุกเอง”

…ถ้าไม่ได้ล้มเองล่ะ

กู้เจียวกระแอมให้โล่งคอ “องครักษ์ลับของท่านไม่ได้มีแค่คนเดียวหรือ”

รอยยิ้มของกู้เหยี่ยนยังคงไม่จางหาย “มีสองคน”

ดูท่าแล้วคนที่หนีไปได้คนนั้นคงจะเป็นองครักษ์ลับของเขาจริงอย่างที่ว่า โชคดีที่นางไม่ได้ตามไป ไม่อย่างนั้นคงเตะจนสลบเหมือดไปอีกคน จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตแน่

ความกระอักกระอ่วนเผยขึ้นบนใบหน้าของกู้เจียวอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าชื่ออะไรหรือ” กู้เหยี่ยนถาม

“กู้เจียว” กู้เจียวตอบ

กู้เหยี่ยนตกใจ “เจ้าก็แซ่กู้หรือ ข้าชื่อกู้เหยี่ยน ห้าร้อยปีก่อนเราเป็นคนตระกูลเดียวกัน”

กู้เจียวตื่นเต้นดีใจ คุณชายผู้สูงศักดิ์ลดตัวลงมาคบค้ากับสาวน้อยบ้านนาเช่นนี้ ไม่กลัวท่านพ่อท่านแม่รู้เข้าแล้วโบยท่านเอาหรือ

“เจ้าหิวหรือไม่” กู้เหยี่ยนถาม

กู้เจียวตื่นแต่เช้า ทั้งยังเดินทางมาไกล ยามนี้จึงรู้สึกหิวขึ้นมาแล้วจริงๆ

ตัวอำเภอฝั่งตะวันตกมิได้เจริญเท่าฝั่งตะวันออก ไม่มีโรงเหล้าขึ้นชื่อ ครึ่งค่อนวันกว่าจะหาร้านอาหารเล็กๆ ที่ดูเข้าท่าได้สักร้าน

“ท่านเคยมาที่แบบนี้ด้วยหรือ” กู้เจียวลงจากรถม้าแล้วเอ่ยถาม

“ไม่เคยหรอก” กู้เหยี่ยนตอบตามตรง

ร่างผอมแห้งที่แทบจะถูกลมพัดปลิว จวนโหวเลี้ยงเขาดั่งไข่ในหิน จะยอมให้ออกมาย่านโลกีย์เช่นนี้ได้อย่างไร

แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องพรรค์นี้มากนัก ประการแรกเพราะเขานั้นไม่มีแรงออกมาเถลไถล ประการที่สองคือเขาคร้านจะออกมาเถลไถลเช่นกัน

ทว่าวันนี้นั้นต่างออกไป

เขาไม่ได้ทรมานเหมือนแต่ก่อน และเขาเองก็อยากพบนาง

ทั้งสองหามุมที่ค่อนข้างเงียบสงบแล้วนั่งลง ใบหน้าและเสื้อผ้าอาภรณ์ของกู้เหยี่ยนดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย เขาเกลียดการถูกคนจับจ้องเป็นที่สุด ทว่าหากได้อยู่กับนางแล้ว เขาจะยอมปล่อยไปสักหน

คนงานของร้านไม่เคยเห็นท่ายชายผู้สูงศักดิ์เช่นนี้มาก่อน ถึงกับลืมว่าต้องต้อนรับทักทาย

กู้เหยี่ยนสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ

กู้เขียวขมวดคิ้ว “ท่านกินได้หรือ”

มีทั้งขาหมูน้ำแดง หมูก้อนน้ำแดง ทั้งยังมีข้าวอบกุนเชียง อาการป่วยของเขาต้องควบคุมอาหารนะ!

กู้เหยี่ยนยกมือขึ้นเท้าคางพลางมองนาง “เจ้าก็ช่วยข้ากินสิ”

กู้เจียว “…”

กู้เจียวอยากจะเล่นตัวสักนิด แต่เขาอาหารที่เขาสั่งล้วนแต่ของโปรดของนาง

ความจริงแล้วกู้เหยี่ยนอยากกินอาหารพวกนี้มาตลอด เพียงแต่หมอหลวงห้ามไม่ให้เขากิน

สุดท้ายแล้วก็เป็นกู้เจียวที่กินเนื้อกินปลาอย่างอิ่มหมีพีมัน ส่วนกู้เหยียบนั้นกลับกินได้แค่ข้าวต้ม

จะว่าไปแล้ว แค่ได้เห็นนางกินก็เหมือนตัวเองได้กินแล้ว รู้สึกอิ่มเอมที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนก่อตัวขึ้น

หลังจากกินข้าว กู้เหยี่ยนก็เดินไปจ่ายเงิน กู้เจียวเปิดกล่องยาใบน้อยดูอีกครั้ง

มียารักษาภาวะหัวใจล้มเหลวเพิ่มขึ้นมาอย่างที่คิดไว้จริงๆ

กู้เจียวแกะยาออกจากแผง แล้วใส่ลงไปในขวดดินเผาใบเล็กเหมือนคราวก่อน ทั้งยังใช้ชาดสีแดงเขียนวิธีกินและปริมาณไว้ที่ข้างขวด

เมื่อกู้เหยี่ยนเดินกลับมา กู้เจียวก็ยื่นขวดยาให้เขา “ยาที่ท่านกินใกล้จะหมดแล้วใช่หรือไม่”

กู้เหยี่ยนมองยาในมือของนาง ก่อนจะตกอยู่ในภวังค์ของความคิด

กู้เจียวเฉไฉต่อ “หมอหลี่ให้ข้ามาน่ะ!”

กู้เหยี่ยน “…อ๋อ”

“กินยาให้ตรงเวลา จะออกไปเดินผ่อนคลายอารมณ์ข้างนอกก็ได้ แต่อย่าคลาดจากองครักษ์ แถมองครักษ์ลับของท่านฝีมือยิ่งใช้ไม่ได้อยู่ด้วย โดนฟาดไปไม้เดียวก็สลบไปแล้ว…”

กู้เจียวเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง ทันใดนั้นก็เห็นเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองมาที่ตน ในใจของนางกระตุกโหวง ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น “ข้าไม่ได้เป็นคนตีเขานะ ข้าเปล่า! ข้าไม่ทำร้ายใคร!”

ข้าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

กู้เหยี่ยนแอบหัวเราะตัวโยนอยู่ในใจ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *