สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 648 การแข่งขันตีคลี

Now you are reading สามีข้าคือขุนนางใหญ่ Chapter บทที่ 648 การแข่งขันตีคลี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 648 การแข่งขันตีคลี

สนามแข่งตีคลีของสำนักบัณฑิตหลิงโปถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน อัฒจันทร์ทั้งสองฝั่งมีขนาดสูงใหญ่ ทำให้มุมมองค่อนข้างกว้าง ที่นั่งถูกออกแบบให้บริเวณหัวและท้ายเป็นที่นั่งธรรมดา ส่วนที่นั่งตรงกลางอัฒจันทร์ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะกล่าวว่าอัฒจันทร์ที่ทหารยามพาพวกเขาไปนั้นเป็นที่นั่งที่ดีที่สุด ทั้งใหญ่โต และสว่างไสว มีม่านลูกปัดหยกห้อยอยู่ทุกด้านราวกับศาลาที่หรูหรา

“ว้าว”

เด็กสาวที่ติดสอยห้อยตามเซียวเหิงมาด้วยต่างพากันทำตาลุกวาว

นี่… นี่มัน ยิ่งใหญ่เกินไปไหม!

นอกจากความหรูหราของที่นั่งแล้ว ยังมีสาวใช้ออกมารอต้อนรับพวกเขา พอเห็นเซียวเหิงเดินมากับเสี่ยวจิ้งคง สาวใช้ทั้งสองก็รีบกุลีกุจอเปิดม่านต้อนรับ “เชิญแม่นางกู้เจ้าค่ะ”

เซียวเหิงและคนอื่นๆ เดินเข้าไปข้างใน

ภายนอกว่าดูหรูหราแล้ว แต่เมื่อเข้าไปข้างใน พวกเขาพบว่าทุกอย่างอยู่เหนือจินตนาการและความคาดหวังของพวกเขาไปมากเสียยิ่งกว่าเดิม

ในนั้นมีโต๊ะน้ำชาที่ถูกจัดวางเป็นระเบียบ ทุกมุมของมีตะเกียงหอมที่ถูกจุดไว้ส่งกลิ่นหอมอวลไปทั่วเพื่อดับกลิ่นเหงื่อไคลจากสนามแข่งขัน

เด็กสาวทั้งสามร้องอุทานออกมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่ซาบซึ้ง

“ท่านชายของพวกเจ้าคือผู้ใดกัน” หนึ่งในเด็กสาวถามขึ้น

สาวใช้ที่กำลังจัดจานผลไม้สดก็หันมาตอบด้วยรอยยิ้ม “ท่านชายกล่าวว่า ตราบใดที่พวกท่านมีความสุข ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเขาคือใครเจ้าค่ะ”

พวกท่านรึ

คำว่าพวกท่านเมื่อครู่นี้ สาวใช้เป็นคนเติมให้เอง เด็กสาวได้ยินดังนั้นก็ยิ่งดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่

ท่านชายเดิมทีต้องการเชิญแค่แม่นางกู้แค่คนเดียวเท่านั้น

ผลไม้ที่อยู่บนจานถูกนำไปแช่เย็นมาแล้ว พอเข้าปากคำแรก ความร้อนในร่างกายก็มลายหายไปทันทีไอรีนโนเวล

เซียวเหิงกับเสี่ยวจิ้งคงนั่งโต๊ะเดียวกัน ส่วนเด็กสาวสามคนนั่งด้วยกัน ยังมีอีกโต๊ะนึงที่ว่างอยู่ เสี่ยวจิ้งคงเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปจองโต๊ะว่างนั้น ทีนี้เขาก็สามารถนั่งได้สองโต๊ะแล้ว!

ม่านลูกปัดหยกถูกเปิดไว้ด้านหนึ่ง ส่วนอีกสามด้านที่เหลือมีไว้เพื่อพรางตา ดังนั้นคนที่นั่งอยู่ด้านในยังคงสามารถรับลมได้

“เย็นสบายดีจัง” หนึ่งในเด็กสาวเอ่ยขึ้น

“อื้อ” เด็กสาวอีกสองคนหัวเราะชอบใจพร้อมกับผงกหัว

พวกเขารู้สึกโชคดีที่เลือกเข้าหากู้เจียว จะไปหาที่นั่งดีๆ แบบนี้จากไหนได้อีก

เซียวเหิงไม่สนใจว่าจะได้นั่งตรงไหน สายตาของเขาสอดส่องตามหากู้เจียวตั้งแต่วินาทีที่เข้ามาในสนาม

เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าครั้งนี้กู้เจียวเข้าร่วมด้วยหรือไม่ เพราะเขาไม่รู้ว่ากู้เจียวเล่นตีคลีได้ เพียงแต่เขารู้สึกติดใจอะไรบางอย่าง จึงตัดสินใจมาที่สนามแข่งเพื่อดูว่าเขาจะได้เจอนางหรือไม่

แม้เขาจะไม่เจอกู้เจียว ทว่าเขาเห็นกู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นที่นั่งอยู่เยื้องฝั่งตรงข้ามกับเขา

พวกเขานั่งอยู่ข้างเจ้าสำนักเสิน ทั้งสองดูเหมือนจะได้รับการดูแลอย่างดีจากเจ้าสำนัก ขณะที่บัณฑิตคนอื่นๆ ต้องไปนั่งตรงที่นั่งตากแดด

พอเห็นกู้เหยี่ยน เซียวเหิงก็รู้ในทันทีว่ากู้เจียวมาที่นี่ ด้วยเงื่อนไขทางด้านร่างกายรวมถึงนิสัยของกู้เหยี่ยนคงไม่มีทางออกมาในที่คนมากมายเช่นนี้แน่นอน

แม้ตรงที่นั่งของพวกเขาจะมีร่มกำบัง แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับที่นั่งของเซียวเหิงในตอนนี้ อีกทั้งพวกเขาไม่ได้มีผลไม้เย็นๆ ไว้ทานด้วย

และไม่นาน เจ้าตัวเล็กก็เห็นสองคนนั้นแล้วเหมือนกัน

“เย้ เย้ เย้!”

พี่เหยี่ยน! พี่เสี่ยวซุ่น!

เสี่ยวจิ้งคงดีใจกระโดดโลดเต้นไปมา “ข้าข้าข้า ข้าจะออกไป…เล่น!”

“ท่านชายน้อยต้องการจะไปที่ไหนหรือเจ้าคะ ให้ข้าน้อยพาไปไหมเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยถาม

“ข้าไปเอง!” จากนั้นเสี่ยวจิ้งคงก็รีบวิ่งออกไป ผ่านไปได้ครู่เดียว เจ้าตัวเล็กก็วิ่งกลับมาหยิบผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะ แล้วหันไปเอ่ยกับพี่เขยตัวแสบ “ข้าไปก่อนน้า!”

เขาจะเอาผลไม้ไปแบ่งกินกับพี่เหยี่ยนและพี่เสี่ยวซุ่น!

เซียวเหิงมิได้ห้ามอะไร

เขาไม่อาจให้ใครมาล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเขากับกู้เจียวได้ แต่สำหรับเสี่ยวจิ้งคง ด้วยความที่เขายังเด็กนักจึงไม่เป็นที่สงสัยของผู้คน

และที่สำคัญ อากาศที่นี่ก็ร้อนมากจริงๆ

เซียวเหิงมองดูผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะ พลางนึกว่าเจ้าตัวเล็กมือเล็กนิดเดียว เลยหยิบผลไม้ไปได้ไม่เยอะ

เขามองตามเจ้าตัวเล็กไปตลอด จนกระทั่งเสี่ยวจิ้งคงเข้าไปตรงที่นั่งของพวกเขา ซ้ำยังทำให้เจ้าสำนักเสินเอ็นดูจนหัวเราะยิ้มแย้มได้ พอเห็นดังนั้น เซียวเหิงถึงได้ละสายตาออกอย่างวางใจแล้วมองไปที่สนามแข่งดังเดิม

การแข่งกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว สำนักบัณฑิตเทียนฉงจะได้ออกมาเป็นกลุ่มที่เท่าไหร่กัน

ณ ห้องใต้หลังคาบริเวณนอกสนาม หลังจากอาจารย์อู่ทำการจับฉลากเสร็จก็มุ่งหน้ากลับมาที่ห้องรับรองของเทียนฉง

กู้เจียวและคนอื่นๆ สวมอุปกรณ์ป้องกันเสร็จเรียบร้อย และกำลังง่วนกับการเช็ดทำความสะอาดและทดสอบไม้ตีคลีในมือ

“พวกเราได้แข่งเป็นกลุ่มที่สาม” อาจารย์อู่กล่าว

“พวกเราจะได้แข่งกับใครหรือขอรับ ใช่พวกอู่เย่ว์หรือไม่” หยวนเซียวถามขึ้น

หยวนเซียวเป็นบัณฑิตจากห้องหมิงเฟิงถัง เขาเป็นคนเซิ่งตู อยู่กองหลังด้วยกันกับจ้าวเวย ซึ่งเป็นคนฉีตู

“อู่เย่ว์ได้แข่งเป็นกลุ่มที่เจ็ด ครั้งนี้พวกเราต้องแข่งกับสำนักบัณฑิตชิงเย่ว์ล่ะ” อาจารย์อู่ตอบ

พอได้ยินชื่อของสำนักบัณฑิตชิงเย่ว์ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นนอกจากกู้เจียวและมู่ชิงเฉินต่างก็เริ่มมีอาการลนลาน

หยวนเซียวเริ่มเอ่ยเสียงหลง “เหตุใดต้องเป็นชิงเย่ว์ด้วย แบบนี้มัน มัน แย่กว่าให้เราไปแข่งกับพวกอู่เย่ว์อีกนะขอรับ!”

กู้เจียวหันไปหามู่ชิงเฉินด้วยสีหน้ามึนงง

เขาจึงอธิบายให้ฟัง “บัณฑิตของสำนักชิงเย่ว์มีคนที่เป็นนักตีคลีของราชสำนักด้วยน่ะ”

กู้เจียว “อ้อ”

“เจ้าไม่กลัวรึ” มู่ชิงเฉินถาม

มู่ชิงเฉิน “…”

ที่ว่ามาก็ฟังขึ้นอยู่

“จ้าวเวย เป็นอะไรไปรึ” อาจารย์อู่สังเกตท่าทีที่ดูผิดปกติของจ้าวเวย

เขาเอามือกุมท้อง พร้อมกันมาตอบด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด “กระผม คงกินของแสลงไปน่ะขอรับ”

กู้เจียวรีบเดินเข้าไปวัดชีพจรให้เขา “กินอะไรมาตอนเช้า”

จ้าวเวยพยายามเก็บอาการปวดแล้วตอบออกไป “กินซาลาเปาไปสองลูก…”

จากนั้นกู้เจียวใช้นิ้วกดที่บริเวณท้องของเขา “เจ็บไหม”艾琳小說

“ไม่เจ็บ”

“ตรงนี้ล่ะ”

“ก็ไม่นะ”

“คงจะกินของที่ไม่ถูกกับท้องไส้เข้าไปจริงๆ ” จากนั้นกู้เจียวก็หยิบยาผงขึ้นมาจากกล่องฉุกเฉิน “กินพร้อมกับน้ำนะ”

จ้าวเวยก็กินยาตามที่กู้เจียวบอก

ขณะเดียวกัน การแข่งขันของกลุ่มแรกก็ได้เริ่มขึ้น

เป็นการแข่งระหว่างสำนักบัณฑิตหลิงโปกับสำนักบัณฑิตหมางซาน ผลคือหลิงโปชนะไป

ตามมาด้วยกลุ่มที่สอง แข่งขันกันระหว่างสำนักบัณฑิตหงเฟิงกับสำนักบัณฑิตอู๋ถง ผลปรากฏอู๋ถงเป็นฝ่ายชนะ

“ถึงตาพวกเราแล้ว” มู่ชิงเฉินเอ่ยกับกู้เจียว

กู้เจียวพยักหน้า แล้วกระโดดขึ้นม้า ทะยานออกไปสู่สนามพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ

ทางเข้าสนามมีสองฝั่ง โดยสำนักบัณฑิตชิงเย่ว์เป็นฝ่ายเข้าสนามก่อน

ทั้งสนามเต็มไปด้วยเสียงร้องกึกก้องตอนที่นักตีคลีของราชสำนักเดินนำขบวนออกมา

ตามมาด้วยผู้เล่นอีกสามคน เรียกเสียงจากผู้ชมได้ไม่แพ้กัน

มู่ชิงเฉินคอยแนะนำผู้เล่นของอีกฝ่ายให้กู้เจียวได้ฟังตามลำดับ

“นักคลีม้าของราชสำนักคนนั้นมีนามว่าสวี่ผิง เขาเก่งในการโจมตีระยะไกลและมีกลยุทธ์ที่สูงมาก ไม่มีใครสามารถขโมยลูกจากไม้ของเขาได้”

“ส่วนคนนั้น นามถงเผิง อยู่ในวงการตีคลีมาสิบปี”

“ส่วนนั่น นามหนานกงหลิน อยู่ในวงการแปดปี”

“คนของตระกูลหนานกงรึ” กู้เจียวเอ่ยทักพร้อมกับหรี่ตาลง

“ท่านชายน้อยแห่งตระกูลหนานกงน่ะ” มู่ชิงเฉินอธิบาย

สายตาของกู้เจียวจับจ้องไปที่ชายหนุ่มที่ดูมีความมั่นใจและหยิ่งผยองในคราวเดียวกันกำลังโบกมือให้ผู้ชมบนอัฒจันทร์

พอมาถึงคนที่สี่ มุมปากของมู่ชิงเฉินก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย

กู้เจียวมัวแต่ให้ความสนใจหนานกงหลิน เลยไม่ได้สังเกตท่าทีของคนข้างๆ

“คนนั้นคือซูเฮ่า” มู่ชิงเฉินบอก

กู้เจียวร้องอ้อ

ต่อไปก็ถึงคราวเปิดตัวของพวกเขาแล้ว

นำโดยมู่ชิงเฉิน วินาทีที่เขาเดินออกมา ทั้งสนามพลันปกคลุมไปด้วยเสียงร้องให้กำลังใจจากเด็กสาว

“ท่านชายชิงเฉิน! เป็นท่านชายชิงเฉินจริงๆ ด้วย!”

“ในที่สุดข้าก็ได้เห็นท่านชายชิงเฉินตัวจริงเสียงจริงแล้ว!”

“ท่านชายชิงเฉิน!”

“ท่านชายชิงเฉิน!”

เสียงกรี๊ดของเด็กสาวทั้งสามทำเอาแก้วหูของเซียวเหิงแทบจะระเบิด

หยวนเซียวและมู่ชวนเดินตามมู่ชิงเฉินออกมาตามลำดับ

แม้ทั้งสองจะเป็นชายหนุ่มรูปงามเช่นเดียวกัน แต่เมื่อมู่ชิงเฉินอยู่ตรงหน้าพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะหล่อเหลาและสง่างามสักเพียงใด พวกเขาก็ทำได้เพียงทำหน้าที่เป็นไม้ประดับให้กับมู่ชิงเฉินเท่านั้น

แน่นอนว่าพวกเขาชินแล้ว

กู้เจียวคือคนสุดท้ายที่ออกมา

นางยังใหม่ เลยไม่ค่อยมีใครรู้จัก มีเพียงปานแดงที่แก้มซ้ายเท่านั้นที่เรียกความสนใจของผู้ชมได้

และแล้วผู้เล่นทั้งสองฝ่ายก็ได้พบกัน

“ในที่สุดข้าก็มีโอกาสได้ประลองฝีมือกับท่านชายชิงเฉินเสียที เป็นเกียรติอย่างยิ่ง” สวี่ผิงเอ่ยกับมู่ชิงเฉิน

“เกรงใจเกินไปแล้ว” มู่ชิงเฉินตอบเสียงเรียบ

ซูเฮ่ากวาดตามองอีกฝ่าย ก่อนจะหยุดที่ใบหน้าของมู่ชิงเฉิน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้องสี่! เจ้าก็ร่วมการแข่งด้วยรึ ใยถึงไม่รีบบอกก่อนเล่า! ถ้าท่านพ่อรู้ คงลางานแล้วรีบมาดูเจ้าแข่งอย่างแน่นอน!”

กู้เจียวได้ยินดังนั้นก็นึกถึงตอนที่มู่ชิงเฉินบอกว่าเขาชื่อซูเฮ่า

พวกเขามาจากตระกูลซูเหมือนกัน

มู่ชวนที่อยู่ด้านข้างจึงกระซิบอธิบายให้กู้เจียวฟัง “ซูเฮ่า ท่านชายสามของตระกูลซู เป็นบุตรนอกสมรส มารดาของชิงเฉินไม่พอใจเรื่องนี้เอามากๆ เลยให้ชิงเฉินใช้แซ่ตามนาง ซูเฮ่าเป็นคนที่น่ารำคาญมาก เอาแต่อิจฉาพี่สี่ของข้าอยู่เสมอ! แต่ไม่ว่าเขาจะอิจฉาแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ อย่างไรเสียพี่สี่เป็นบุตรชายที่ชอบด้วยกฎหมาย ต่อให้เขาเปลี่ยนอีกกี่ร้อยนามสกุล พี่สี่ก็ยังคงเป็นลูกที่ชอบด้วยกฎหมายอยู่วันยังค่ำ และพี่สี่คือคนที่ท่านลุงเอ็นดูมากที่สุดด้วย!”

ฟังจากน้ำเสียงของเขา

ก็รู้แล้วว่าซูเฮ่าคนนี้เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาแค่ไหน

ส่วนหนานกงหลินไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกันกับมู่ชิงเฉิน เพียงแต่เขาแอบอิจฉามู่ชิงเฉินอยู่บ้างก็เท่านั้น

“ช่วงนี้ข้าได้ยินว่าพวกสำนักบัณฑิตเทียนฉงกร่างจนไปรังแกบัณฑิตอู่เย่ว์แล้วใช่ไหม” หนานกงหลินโพล่งขึ้นพร้อมหัวเราะ

ตอนนั้นกู้เจียวต่อยบุตรชายของรองแม่ทัพหนานกงจนบาดเจ็บสาหัส

ฟังจากน้ำเสียงของหนานกงหลินแล้ว ดูเหมือนจะอยากเอาคืนให้คนของตัวเอง

“ฝีมือเจ้าสินะ” หนานกงหลินหันไปทางกู้เจียวอย่างไม่สบอารมณ์

เขาจำปานแดงของกู้เจียวได้

หนานกงหลินแสยะยิ้มพร้อมข่มขู่ “ระวังตกจากม้าโดยไม่รู้ตัวล่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด