สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 13

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 13 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในที่ราบด้านนอกเมืองหลวงไอเดเบิร์กของราชรัฐไมยาร์ด การต่อสู้ที่จะตัดสินประเทศกำลังจะเริ่มขึ้น

เฟอร์เรียสและไมยาร์ดได้แบ่งออกเป็นสองค่ายคร่าวๆ ตามตำแหน่งของนักยุทธศาสตร์ของพวกเขา ที่หนึ่งเป็นกองทัพเฟอร์เรียส 14000 นาย ที่ส่งมาจากอาณาจักรเฟอร์เรียส และอีกหนึ่งก็เป็นทหารประจำการ 4000 นายและกองทหารอาสาสมัคร 7000 นายของราชรัฐไมยาร์ด

แม้จะแยกเป็นสองค่าย แต่พวกเขาก็อยู่ในตำแหน่งที่พวกเขาสามารถสนับสนุนกันและกันได้ นอกจากนี่พวกเขายังอยู่บนเนินเขาเล็กๆสองแห่งที่พูดได้เลยว่าได้เปรียบในที่ราบ

บวกด้วยรอบๆฐานได้รับการป้องกันโดยรั้วกันม้า มันจะทำให้ยากที่จะจัดการผู้บัญชาการด้วยการบุกโจมตีเพียงครั้งเดียวและทำให้สายบังคับบัญชาอยู่ในความยุ่งเหยิง

บวกด้วยความกลัวที่จะโดนทั้งสองเนินประกบแล้วก็ยังมีกองทหารระดับกองพันสองกองที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันที่ด้านล่างเนิน ดังนั้นสายการป้องกันที่แข็งแกร่งจึงได้ถูกสร้างขึ้น

ในทางกับกันกองทัพจักรวรรดิไฮเซิร์คก็กำลังหลบอยู่ที่ด้านข้างเนินเขาที่ทหารไมยาร์ดอยู่

จาก9กองพัน มี4กองพันได้กระจายกันเป็นแถว ด้านหลังพวกเขามีอีกสามกองพันและหลังจากนั้นอีกก็มีกองพันทหารม้าจาฟฟ์และกองพันลิกูเรีย

ตามข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้า วอล์มได้รับการบอกมาว่า ดูเหมือนสี่กองพันแรกจะโจมตีเนินเขา และอีกสามกองพันจะไปขัดขวางกองทัพของเฟอร์เรียส ไมยาร์ดควรถูกทำลายก่อนเป็นอย่างแรก
 

กองพันทหาราบเบาลิกูเรียและกองพันทหารม้าจาฟฟ์ต้องบดขยี้ไมยาร์ดด้วยกับบุกโจมตีในครั้งเดียวหลังจากที่แนวหน้าจัดการกับอุปสรรคเช่นรั้วกันม้า วอล์มรู้สึกหดหู่ใจเมื่อเขาจินตนาการถึงความยากลำบากในหน้าที่ของกองพันที่ได้รับ

การต่อสู้เต็มรูปแบบได้เริ่มขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า เสียงแหวกสายลมและเสียงระเบิด เสียงกรีดร้องของผู้คนและม้าก็ดังมาจนถึงที่ที่วอล์มอยู่ แม้แต่จักรวรรดิไฮเซิร์คที่มีชื่อเสียงด้านการทหารที่แข็งแกร่งแต่มันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะโจมตีเนินเขาด้วยกองทัพขนาดเล็ก

วอล์มกำลังรออยู่ ในขณะที่พันธมิตรของเขากำลังต่อสู้เสี่ยงตายในแนวหน้า ความหงุดหงิดที่ไม่สามารถร่วมต่อสู้และความโล่งใจที่ไม่ได้ถูกวางไว้ในพื้นที่แห่งความตายและความกังวลของการต่อสู้ที่จะต้องเข้าร่วมในอีกไม่ช้า แล้วพวกมันก็ผสมปนกันไปหมด

หัวหน้าหน่วยดูเวย อ้าปากพูดออกมาในขณะที่ทุกคนรู้สึกประหม่า

“…ไม่ว่าจะยังไงนี่มันช้าเกินไป”

“หรือแนวรับของศัตรูอาจแข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้”

สำหรับจักรวรรดิไฮเซิร์ค ที่มีกองกำลังเพียงน้อยนิดความเร็วเป็นส่วนสำคัญ มันควรจะเป็นกองทหารมากประสบการณ์ ที่จะออกไปปะทะในสงครามและเล็งทำลายจุดอ่อน

เสียงของสนามรบที่วอล์มได้ยินมันยากที่เชื่อว่า4กองพันกำลังโจมตีอยู่ แม้โมเมนตัมจะมาก แต่แนวป้องกันก็ไม่ได้พังทลายลงเลย แน่นอนว่าวอล์มก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

“เราอยู่ที่ด้านข้างมากเกินไป”

วอล์ม ปล่อยความคิดของเขาออกมาตอนเขาเห็นการตั้งกอง หากใช้เวลานานมากเกินไปในการเอาชนะกองทัพไมยาร์ด เราจะต้องหยุดกองทัพเฟอร์เรียสที่จะโจมตีจากด้านข้างหรือด้านหลังที่จะตามมาอีก  ตอนนี้การขัดขวางกำลังดำเนินต่อไปด้วยอีกสามกองพัน และเฟอร์เรียสกำลังยุ่งอยู่กับทั้งสามกองพัน แล้วกองพันทั้งสามก็รวมกันโดยสมบูรณ์

“มันเป็นเรื่องจริงที่แค่สองกองพันก็พอแล้วที่จะถ่วงเวลา”

โจเซ่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของวอล์ม

“ใช่ แต่ถึงจะอย่างนั้นฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทหารม้าและทหารราบเบาถึงไม่ถูกส่งไปสักที”

ทหารราบเบามักจะถูกปฏิเหมือนคนคอยแก้ปัญหา  ถ้ามันยากเกินไปที่จะฝ่าไปพวกเขาก็จะถูกโยนให้ไปเปิดทางให้ทหารม้า

ช่องว่างและระยะห่างเป็นปัจจัยสำคัญมนสงคราม และวอล์มก็เข้าใจว่าถ้าเข้าให้ความสำคัญต่อการบุกเข้าไปลึก ทหารราบเบาสามารถใช้ตามเข้าไปได้ แต่ถ้าไม่สามารถทำพื้นฐานก่อนหน้าได้มันก็ไม่มีประโยชน์

“ฉันไม่คิดหลอกว่าผู้บัญชาการ เบเกอร์ จะอ่านพลาด…”

สุนทรพจน์ในเมืองซาร์เรียได้เข้ามาในหัวของวอล์ม เขาเป็นผู้บัญชาการที่เป็นแรงบันดาลใจให้ทหารและก็ยุติการสู้รบที่ชายแดนในเวลาสั้นๆ วอล์มไม่คิดว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

จากนั้นก็มีเสียงก้องของดาบดังมาจากทางซ้ายของเนินดังมาที่หูของ วอล์ม

“เอ่อ เป็นกองทัพหลักของเฟอร์เรียส”

มีสี่กองพันที่วอล์มมองเห็นได้ มีสองกองพันตรงกลางและที่เหลือที่ปีกซ้าย มันเป็นจำนวนเกือบสองเท่าและมันจะยากสำหรับพวกเขาที่จะถ่วงเวลา

“ยังไม่มีคำสั่งมาอีกเหรอ”

บาริโต้พูดออกมาอย่างท้อแท้

“แบบนี้มันไม่ดีแล้ว…”

นัวร์ที่มีประสบการณ์ในหน่วยน้อยพูดอออกมาอย่างกังวล

“กองกำลังสำรองของไมยาร์ดได้ออกมาจากเนินเขาด้านขวาแล้ว บ้าเอ้ยมันมีขนาดเท่ากับกองพัน”

สิ่งที่แย่ที่สุดที่คาดไว้ว่ากองกำลังสำรองเพียงกองเดียวของไมยาร์ดจะถูกส่งออกมาจากเนินเขาด้านขวา ได้เกิดขึ้น

“ฉันเห็นอีกกองพันของเฟอร์เรียสมาจากด้านนอกและมันกำลังจะล้อมเรา”

ตอนนี้การล้อมกำลังเกิดขึ้น วอล์มรู้สึกว่าเราจำเป็นที่จะต้องจัดทัพใหม่

ในขณะที่ทหารคนอื่นๆร้องออกมา มีเพียงหัวหน้าหน่วยเท่านั้นที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความคิด

“หัวหน้าดูเวย?”

โจเซ่ที่เห็นอย่างนั้นก็เรียกหัวหน้าหน่วย

“ตอนนี้มันวิกฤตแล้ว…แต่แนวหน้าก็ยังไม่หมดแรงอย่างมีนัยยะ กองกำลังที่ถูกส่งไปขัดขวางเฟอร์เรียสก็อุทิสตัวเต็มที่เพื่อถ่วงเวลา แต่ฉันว่ามันต้องมีบางอย่างอยู่แน่ๆฉันเชื่ออย่างนั้น”

มันเป็นช่วงเวลาที่กองพันของศัตรูจากไมยาร์ดกำลังลงจากเนินด้านขวา ก็ได้มีผู้ส่งสารวิ่งไปรอบๆกองพันลิกูเรีย วอล์มก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว

จากนั้นวอล์มก็เอามือกุมหน้าแล้วก็หายใจออกมา เขารู้สึกได้ถึงความอุ่นที่ออกมาที่มือของเขา
มันมักจะเป็นนิสัยที่วอล์มชอบทำก่อนการต่อสู้

บางทีอาจได้รับคำสั่งของผู้บัญชาการเบเกอร์จากผู้ส่งสารแล้ว ทันใดนั้นก็มีเสียงของผู้บัญชาการกองพันลิกูเรียดังออกมา

“จัดแถววว!! เป้าหมายคือค่ายของเฟอร์เรียส เราจะบุกไปทางปีกขวาและผ่านเนินเขาไปด้วยความเร็วเต็มที่ และจัดการให้เฟอร์เรียสต้องยอมแพ้ ทหารม้าก็จะออกแล้ว เตรียมตัว”

” ” ” ฮะ? ” ” ”   

ทหารที่ได้ยินคำสั่งส่วนใหญ่กำลังตกใจเพราะสถานการณ์ที่ได้รับ แล้ววอล์มก็ได้จัดการความคิดในหัวของเขา

จากกองพันทั้ง9กองพัน ในตอนนี้ที่อยู่ในสถานการณ์ที่ด้อยกว่า ได้มีสองกองพันพยายามจะบุกไปที่ค่ายหลักของศัตรู

แม้ว่าจะเป็นเนินเขาที่อยู่ติดกัน แต่ก็ยังมีระยะห่าง4ถึง5 กม. ทหารที่ฝึกโดยไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์จะทำได้โดยไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้สวนอุปกรณ์และพวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องจัดการศัตรูไปด้วยจนถึงปลายทาง

ที่ด้านหน้ามีเนินเขาที่ไมยาร์ดตั้งอยู่ และที่ด้านขวากองพันของไมยาร์ดก็เริ่มลงมาจากเนินเขา

วอล์ม ไม่คิดว่านี่จะเป็นสิ่งที่คนมีสติจะทำ ทำให้เขานึกถึงกองทัพพันธมิตรที่ไม่สามารถโจมตีได้

“ไม่จริงน่า…เป็นกลลวง…?”

หัวหน้าหน่วยพยักหน้าให้วอล์มที่พึมพำออกมา

“แสร้งทำเป็นว่าการโจมตีหยุดชะงักและล่อศัตรูออกมา นอกจากนี้ทหารของไมยาร์ดที่กำลังไปด้านหน้าก็ถูกกันไว้ที่นั่นจากเนินเขา กองกำลังสำรองสุดท้ายก็กำลังไปที่ค่ายของเราด้วย และการเปลี่ยนแปลงคำสั่งกระทันหันมันจะยากที่จะไปถึงพวกเขาทั้งหมด”

“ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีกองพันเหลืออยู่หนึ่งกองพันที่ค่ายเฟอร์เรียส และส่วนหนึ่งของกองพันใน 6 กองพันที่ถูกส่งออกไปก็อาจกลับมาและล้อมเราจากปีกซ้าย”

เพื่่อตอบกลับความคิดเห็นด้านลบของโจเซ่ วอล์มก็ได้พูดข้อมูลล่าสุดที่ได้จากสนามรับที่เขากำลังมองอยู่

“ไม่ กองทหารศัตรูที่สามารถกลับมาช่วยได้ง่ายที่สุด ได้เข้าร่วมการรบแล้ว”

หกกองพันของเฟอร์เรียสกำลังพยายามปิดปีกซ้ายของกองกำลังไฮเซิร์คเพื่อที่จะปิดล้อมให้สมบูรณ์ วงของมันกว้างมากและอยู่ไกลเนินเขาที่ค่ายอยู่เพราะตั้งใจจะปิดล้อม มันจะเป็นเรื่องยากและใช้เวลาที่จะส่งสารไปยังกองกำลังเหล่านั้นและหันหลังกลับ  ในระยะไกลออกไปวอล์มกำลังมองไปที่ กองกำลังพันธมิตรที่อยู่กลางวงล้อมที่ได้รับคำสั่งให้ขวางพวกมันที่ซึ่งสามารถกลับมายังค่ายหลักได้เร็วที่สุด

“ค่ายหลักศัตรู้จะถูกทำลาย เร็วหรือช้า มันจะเป็นตัวกำหนด ชัยชนะครั้งใหญ่หรือพ่ายแพ้ครั้งใหญ่”

เมื่อนึกถึงเส้นทางข้างหน้าแล้ว วอล์มหวังให้การคาดเดาของเขาพลาด

“เอ่อ กลยุทธ์ที่เหมือนการพนันนี่――”

นัวร์พูดอะไรไม่ออกทันที

แต่ก่อนที่วอล์มจะคิดไปมากกว่านี้

“ฉันคิดว่าผู้บัญชาการเบเกอร์มีวิธีคิดเป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นจงเตรียมตัวให้พร้อม ถ้านายคลายความระวังลงอาจตายได้”

ทุกคนหยุดพูด แล้ววอล์มก็รอเวลา

ไม่มีกลองหรือแตรที่จะประกาศการเคลื่อนพล กองทหารรวมกันอย่างหนาแน่น ในตอนแรกมันแน่นสำหรับแต่ละหมวดและกองร้อย แต่เมื่อพวกเขาเริ่มออกวิ่งช่องว่างก็ค่อยๆมากขึ้น

กองพันทั้งสองได้เริ่มออกเดินทัพเต็มกำลังอย่างเงียบๆ วอล์มถีบพื้นอย่างสิ้นหวังและออกวิ่ง

่กองทหารม้าได้ออกวิ่งราวกับลูกศรแล้วก็ได้ทำลายกองกำลังศัตรูที่ด้านล่างเนิน

เมื่อวอล์มมาถึงในไม่กี่นาที ศัตรูก็อยู่ในความวุ่นวายและมันก็เป็นโอกาสที่ดีจะจัดการศัตรู แต่ก็ต้องปล่อยผ่านและให้ความสำคัญกับแผน

“วิ่ง!!วิ่ง!!วิ่งต่อไปอย่าได้หยุด!!”

หัวหน้าหมวดที่สิ้นหวังโคซูรุตะโกนออกมาเสียงดัง วอล์มสังสัยว่าหัวหน้าหมวดไปเอาแรงมาจากไหน แต่ตอนนี้เขาต้องจดจ่อกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเขา

ขณะที่วิ่งเขาก็ได้เหวี่ยงฮาลเบิร์ดไปที่ศัตรูที่ขวางทาง มันได้เหวี่ยงลงที่ไหล่และตัดกระดูกไหปลาร้า แล้วก็ศัตรูคนต่อไป เขาก็ฟันไปที่ลำตัวพร้อมกับเกราะของศัตรู

บาดแผลทั้งสองนั่นเป็นไปได้พี่พวกเขาจะสามารถกลับมาสนามรบได้ถ้าห้ามเลือดทัน วอล์มต้องการจะโจมตีปิดฉาก แต่เขาก็ตัดสินว่ามันไม่จำเป็นสำหรับตอนนี้

เป็นเรื่องง่ายที่วอล์มจะจินตนาการว่าพวกเขาจะถูกจัดการโดยกองกำลังที่ตามหลังมา กองกำลังศัตรูที่ถูกกองทหารม้าบุกไปนั้นเปราะบางและอยู่ในความโกลาหลและหวาดกลัว

ในพวกนั้นมีบางกลุ่มที่พยายามจะฟื้นตัว

วอล์มเดาะลิ้นของเขาโดยคิดว่าพวกหัวหน้าหน่วยและทหารที่ไม่ได้รับคำสั่งนั้นยอมเยี่ยมแค่ไหน  TNแบบเสียง จิ๊ clicked tongue ไม่รู้จะเขียนไงเอาเดาะลิ้นไปก่อนละกัน

ศัตรูจำนวนมากได้มารออยู่ด้านหน้าของวอล์ม บางทีมันอาจมีประมาณร้อยคน

“วิลลาร์ท!! วอล์ม!!”

หัวหน้าดูเวย เรียกวอล์มและวิลลาร์ทออกมา ระยะห่างของศัตรูกำลังน้อยกว่า50เมตร พวกมันได้ตั้งหอกขึ้น และถ้าหากทหารไฮเซิร์คเข้าปะทะแบบตรงไปตรงมามันจะได้รับความเสียหายอย่างเลี่ยงไม่ได้

วอล์มเข้าใจถึงความตั้งใจของหัวหน้าดูเวยทันที และจดจ่ออยู่กับมานาของเขาขณะวิ่ง

วิลลาร์ทได้ปล่อยเวทมนตร์ไปก่อนหน้าเล็กน้อย มีศัตรู5หรือ6นายได้รับบาดเจ็บสาหัสและได้เปิดช่องว่างส่วนหนึ่งที่ด้านหน้า

วอล์มได้สร้างลูกไฟแบบเดียวกับวิลลาร์ท แล้วพวกศัตรูที่พยายามกลับมาตั้งรับอีกครั้งหลังจากได้รับความเสียหาย แต่ลูกไฟที่ปล่อยไปที่ตำแหน่งเปราะบางของศัตรูทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ที่ตรงกลางศัตรู

“บุก!!!”

หัวหน้าดูเวยและเหล่าทหารผ่านศึกไฮเซิร์ค ไม่สามารถมองผ่านจุดอ่อนนั้นไปได้และได้รีบบุกเข้าไปเป็นทรงของลิ่มที่ได้เกิดขึ้นเอง

คมมีดได้ตัดเข้าไปที่หัวที่ใส่หมวกแล้วก็แตกทะลุผ่านกะโหลกเข้าไปด้วยการโจมตีครั้งเดียว

ศัตรูอีกคนที่พยายามจะหยุดวอล์ม ก็ได้ถูกแทงด้วยหอกที่ไหล่ขาด้วยหอกของบาริโต้และนัวร์ ที่อยู่ข้างๆ และล้มลงกับพืเน

สิ่งที่รอศัตรูที่พยายามจะลุกก็คือเท้าของทหารไฮเซิร์คนับไม่ถ้วน ดังนั้นความตายจึงได้ถูกตัดสิน  TN And so, the death agony was immediately cut off.ใครรู้ข้อวิธีแก้ด้วยครับ

ทหารไฮเซิร์คที่บุกไป ได้ทำลายศัตรูลงโดยสมบูรณ์ และหาได้ยากที่จะมีหน่วยฟื้นขึ้นมาจากการโจมตีของทหารม้าได้ แต่พวกเขาก็ถูกพบและพุ่งเข้าใส่ในพริบตา

ผลกระทบแพร่กระจายไปรอบๆกองกำลังศัตรู เป็นที่รู้กันดีในตอนนี้รวมถึงวอล์มด้วย ที่ว่าไมยาร์ดที่สูญเสียกองกำลังประจำการจำนวนมากที่ชายแดนกำลังระดมกองกำลังอาสาสมัคร

เมื่อได้เห็นส่วนมากของกองกำลังประจำการถูกทำลายและถูกบุกรุกโดยวอล์มและคนอื่นๆ
กองกำลังอาสาสมัครก็รีบไปที่เนินเขาที่ซึ่งมีตำแหน่งได้เปรียบกว่าในการป้องกัน

“อย่าได้หนี่!!ยื้อเวลาไว้ ถ้าเราหยุดพวกมันไว้ที่นี่ได้เราจะชนะ――อัคค!!!”

มีทหารที่พยายามสร้างขบวนขึ้นมาอีกครั้งแต่เขาโดดเด่นมากเกินไป วอล์มรู้ว่าทหารไฮเซิร์คไม่ได้เป็นมัตรขนาดจะวิ่งต่อไปโดยทิ้งความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตีไว้ข้างหลัง

เหล่าทหารอาสาที่เห็นทหารผ่านศึกที่ว่องไวโดนเสียบอย่างจังก็ได้ล้มลง TN The militias, who saw veteran and nimble soldiers literally skewered, collapsed. แปลได้บอกด้วยครับ

“อย่าไปสนใจไอ้พวกมดปลวก วิ่งต่อไปที่เนินเขา!!”

หัวหน้าหน่วยได้ตะโกนปลุกใจคนอื่นๆ และหน่วยรอบๆก็ตามเขาไป

บางทีการวิ่งและสู้ไปด้วยได้กินพลังงานของหัวหน้าหมวดทำให้สามารถตอบโต้ได้ด้วยเสียงเบาๆเท่านั้น ถึงอย่างนั้นเมื่อได้เห็นเขาฟันทหารไมยาร์ดสองคนด้วยเทคนิคดาบเหล่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะออกมาจากก้อนไขมันเหล่านั้น วอล์มประหลาดใจและก็ได้เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับหัวหน้าหมวด

เสียงของชุดเกราะเสียดกันและกระจายฝุ่นไปทั่ว มันแกว่งไปแกว่งมา บนล่างซ้ายขวา ดังก้องไปรอบๆ ได้มีทหารบางคนได้ถอนตัวเนื่องจากอาการบาดเจ็บหรืออาจเพราะร่ายกายถึงขีดจำกัด แต่ส่วนใหญ่ยังคงวิ่งต่อไป

เนินเขาได้เข้ามาในสายตาของวอล์ม และทหารม้าก็ได้เข้าโจมตีทหารศัตรูที่ออกมารอบๆเนินเขา
ที่เหลืออยู่คือกองพันที่อยู่บนเนินเขาและเหล่าหัวกะทิภายใต้กองกำลังหลักของศัตรูที่ปกป้องค่าย

สายตาของวอล์มเริ่มเห็น‎ความแตกต่างของความสูงของความกว้าง‎ของเนินจากตำแหน่งของเขาอาจอีก20ถึง20เมตร เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงความชันของเนินจากขาที่เหนื่อยล้าของเขา

ด้วยธนูและลูกธนูหรือเวทย์ดินหรือทุกสิ่งที่มีพวกเขาพยายาจะหยุดทหารไฮเซิร์คที่พยายามบุกเข้ามา

ขาของวอล์มในตอนนี้นั้นหนักราวกับหิน แต่จิตวิญญาณต่อสู้ที่บ้าคลั้งได้กระจายไปทั่ว

ไม่มีโล่หรือเกราะที่สามารถป้องกันการโจมตีจากระยะกลางหรือไกลได้และให้พวกเขาสนใจไปที่การเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แต่หลังจากได้รับลูกไฟจากศัตรู ทหารหลายคนก็ถูกไฟลุกแล้วก็กรีดร้องและกลิ้งลงจากเนินเขา 

ทหารที่ถูกลูกธนูปักที่เข่าก็ร้องออกมาขณะที่คลานอยู่บนพื้น โดยปกติแล้วขวัญกำลังใจของกองกำลังจะลดลงอย่างมาก

“บุกต่อไป!!”

อย่างไรก็ตามความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดได้ทำลายเหตุผลและเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นดั่งเครื่องจักรสังหารที่มีจุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียวคือบุกไปที่กองบัญชาการศัตรู

เมื่อเห็นค่ายหลักของเฟอร์เรียสที่มีรั้วกันม้าบวกด้วยพื้นที่ที่สูงแล้ววอล์มก็รู้สึกตกใจ

“ทำลายพวกมันซะ!!เปิดทางให้ทหารม้า!!ไม่งั้นมันจะเป็น”จุดจบของพวกเรา”!!!”

เป็นความจริงจากสิ่งที่หัวหน้าดูเวยพูดออกมา และมันได้ผลักดันคนอื่นๆและคุกคามศัตรู หากพวกเขาไม่สามารถทำลายพวกมันที่นี่ได้ กองทัพหลักและกองพันลิกูเรียจะถูกทำลาย

วิธีเดียวที่จะรอดได้คือชิงเนินเขามาและจัดการผู้บัญชาการศัตรู

“ดึงงงง!!!”

” “อ้ากกก” ”

โจเซ่ร้องออกมาขณะที่เขาไปที่รั้วม้าตามมาด้วยเสียงของบาริโต้และนัวร์ รั้วกันม้าที่ฝังอยู่ที่พื้นยังคงต้านพวกเขาอย่างหนัก แต่ก็เริ่มมีคนอื่นเข้ามาช่วย

แน่นอนว่าทหารเฟอร์เรียสไม่ได้นิ่งเฉยเช่นกัน พวกมันแทงหอกไปที่ทหารไฮเซิร์คหรือยิงด้วยธนูเพื่อกันไม่ให้พวกเขาจัดการสิ่งกีดขวางที่ป้องกันฐานของพวกมัน

วอล์มดึงรั้วกันม้าด้วยแรงทั้งหมดที่เขามีเพื่อเอามันออกมา

ขณะเดียวกันนั้นก็ได้มีลูกธนูผ่านหน้าของวอล์มไป เมื่อเขาก้มลงพร้อมกับเสียงแหลมสูงนั้น  ความเจ็บปวดก็ได้แล่นผ่านมาจากหมวกของเขา

“แก! รออยู่นี่ เดี่ยวฉันไปเอง”

เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดแล้ว วอล์มก็โกรธ บางทีนักธนูอาจรำคาญจากนั้นเขาก็ยิงอีกครั้ง
แต่มันก็แค่ผ่านหัวของวอล์มไป

“มันออกมาแล้ว เปิดทางได้!!”

ในไม่ช้ารั้วกันม้าก็ถึงขีดจำกันและถูกดึงออกมา เช่นเดียวกันกับอันอื่นๆก็ถูกดึงออกมาทีละรั้ว

หัวหน้าหมวดออกคำสั่ง ทั้งร่างของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดและเหงื่อและเขาก็หายใจอย่างแรง

ทหารรีบเรงมือและเข้าใจทันทีว่าอะไรกำลังมา จากเสียงก้องที่กำลังเข้าใกล้จากด้านหลัง

“ทหารม้าจาฟฟ์มาแล้ว ถ้าไม่อยากถูกเหยียบก็หลบไป!!!”

จากคำพูดของโจเซ่ ทหารก็หลบออกไปทางซ้ายและขวา คล้ายกับกำลังต้อนรับพวกเขา

ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยเลือด ศพ เสียงกรีดร้องและเสียงคำรามของความโกรธ กองพันทหารม้าที่เรียกได้ว่าบ้าการต่อสู้ก็พุ่งเข้าไปเป็นเส้นตรง

ทหารเฟอร์เรียสที่ตั้งรูปขบวนเป็นหัวหอกเพื่อที่จะหยุดพวกเขาก็ถูกทำลายโดยเวทมนตร์ของนักเวทย์ที่ขี่ม้าและถูกจัดการจากการโจมตี

ศัตรูที่ยิงธนูใส่วอล์ม ก็ถูกแแทงด้วยฮาลเบิร์ดและได้มีรูที่เกราะและหน้าท้องจากนั้นเขาก็ได้กลายเป็นหนึ่งในศพที่กระจัดกระจายไปทั่ว

การโจมตีครั้งสุดท้ายของทหารม้าได้ลากศัตรูไปสู่ความโกลาหล

จากนั้นทหารคนอื่นๆก็โค่นรั้วกันม้าที่เหลือลงและเริ่มบุกเข้าไป

“อย่าได้พลาดผู้บัญชาการศัตรูไป ฆ่ามันซะ”

ในสงครามของโลกนี้ที่ขั้นตอนการปฏิบัติหลังจากสูญเสียสายบังคับบัญไปไม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อเสียไปมันจะยากที่จะจัดการ หากจัดการผู้บัญชาการศัตรูได้กองทัพทั้งหมดก็จะไม่สมบูรณ์อีกต่อไป

แต่ถ้าหากพลาดผู้บัญชาการศัตรูไป กองทัพศัตรูก็สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้

เป็าหมายต่อไปได้โผล่มาต่อหน้าวอล์มที่ได้เข้าไปในค่ายของศัตรูขณะที่กวัดแกว่งฮาลเบิร์ดของเขา

มันเป็นกลุ่มที่มีเครื่องสวมใส่แตกต่างจากทหารธรรมดาอย่างชัดเจน น่าจะเป็นองคลักษณ์ของค่ายนี้

“หลบไป! หรือจะให้ฉันจัดการแกลงตรงนี้?!!”

องคลักษณ์ตะโกนกลับมาทันทีจากการยั่วยุของวอล์ม

“หุบปาก!!!”

ศัตรูถือดาบยาวด้วยมือทั้งสองข้างแล้วก็ฟันใส่วอล์ม ตรงข้ามกับน้ำเสียงของเขา การเคลื่อนไหวของเขาและการฟันนั้นเฉียบคม แล้ววอล์มได้ฟันฮาลเบิร์ดจากด้านล่างขึ้นบน

เสียงกระทบแหลมสูงของโลหะดังออกมา ด้วยทักษะ วอล์มได้เปิดใช้งาน《จู่โจม》และตัดข้อมือข้างหนึ่งของศัตรู

“อัคคค”

น่าแปลกใจที่เขาไม่สนใจแม้จะมีแผลและเลือดออก เขายังคงถือดาบด้วยมือข้างที่เหลือของเขาแล้วพุ่งเข้าหาวอล์ม

วอล์มก้าวถอยหลังแล้วจากนั้นก็แทงฮาลเบิร์ดใส่เขาหลายครั้ง ศัตรูสามารถรับได้จนถึงครั้งที่สอง แต่เมื่อการโจมตีครั้งที่สามมันก็ได้เข้าไปที่คอของเขาและตัดคอส่วนหนึ่งของเขาออก

ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ล้มลงโดยทันที แต่หลังจากที่เขากระอีกเลือดเขาก็ล้มตัวลง

เห็นได้ชัดว่าฝือมือของเขานั้นเทียบไม่ได้กับทหารทั่วไป เขาได้รับการฝึกมาอย่างดีอย่างแน่นอน

ที่นี่มีศพทหารไฮเซิร์คมากกว่าก่อนหน้า วอล์มมองไปรอบๆเขารู้สึกว่าเป้าหมายต้องอยู่แถวๆนี้แน่

“มีกลุ่มที่ดูแปลกๆ ทางซ้ายด้านหลัง!!”

เป็นโจ่เซ่ที่สังเกตุเห็น  ศัตรูที่อยู่รอบๆพยายามอย่างหนักที่จะดันกลับและปกป้องตำแหน่งไว้  แต่มีแค่กลุ่มนั้่นเท่านั้นที่พยายาจะหลบหนีจากด้านข้างเนินเขาไปที่ที่ราบ

“หน่วยดูเวย หยุดพวกมันซะ!!”

หัวหน้าหมวดโคซูรุที่หายใจถี่รัวได้ตะโกนเรียกชื่อหน่วยที่วอล์มอยู่

“ฮ๊ะ!! อย่ามาไร้สาระ!!”

มีหลายกลุ่มที่พยายามลงจากเนินเขา แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตัวล่อเพื่อให้ผู้บัญชาการหลบหนี
แต่ว่ามีกลุ่มหนึ่งที่ดูสิ้นหวังแปลกกว่ากลุ่มอื่นๆ

“ไรนัส! ทิเบิร์ด! ดานฟาน!!”

ชื่อของคนโง่ทั้งสามถูกเรียกออกมาโดยหัวหน้าดูเวย แต่ทิเบิร์ดที่เป็นหัวโจกของคนโง่ทั้งสาม ตอบกลับอย่างหนักหน่วง

“เป็นไปไม่ได้!ทีแค่เราสามคน นั่นมันเกือบเท่านึงเลยนะ!”

หน่วยกำลังเข้าปะทะไม่มีกำลังมากพอ และระยะห่างระหว่างกลุ่มศัตรูและวอล์มมีแต่มากขึ้น เท่านั้น

“ดื้อดึงจริงๆ!”

หัวหน้าดูเวยได้ฟันศัตรูสองคนพร้อมกันด้วยขวานของเขา แต่มันก็ยังไม่พอ

วอล์มจดจ่อกับมานาของเขาโดยเล็งไปที่ กลุ่มเล็กๆที่ขวางทางเขาอยู่ เขาคิดว่าแค่ลูกไฟมันยังไม่พอ และกลุ่มศัตรูที่มีชุดเกราะทั้งตัวก็พยายามขวาง

มันจำเป็นสำหรับวอล์มที่จะต้องกระจายไฟเป็นวงกว้างโดยที่ไม่ลดพลังทำลายลง

วอล์มจินตนาการถึงวังวนไฟที่เผาเมืองหลวงของบ้านเกิดในโลกก่อนของเขา

เขาจินตนาการถึงสิ่งที่เขาได้เห็นในหนังสือ ในเน็ตและทีวี เขากัดฟันเบาๆ และก็ได้มีเวทย์ธาตุไฟและลมอยู่ในมือของเขา

จนถึงตอนนี้ปกติเขาจะใช้เวทย์ธาตุเดียวในแต่ละครั้ง ต่างจากครั้งนี้วอล์มคิดว่าการใช้มันพร้อมกันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ความร้อนที่แผดเผาร่างกาย และลมที่โคจรรอบๆตัวของวอล์ม

ไม่ มันยังไม่พอ

น้ำลายกำลังจะไหลออกจากปากของเขาที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง โดยปกติแล้ว ตอนนี้วอล์มกำลังใช้สมาธิจนสุดขีดแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน

แต่ก็พบว่าตอนนี้ไม่ใครที่คุ้มกันเขา

“ฆ-ฆ่ามันซะ!!!”

ผู้บัญชาการศัตรูที่สังเกตุเห็นชี้ไปที่วอล์มแล้วตะโกนออกมา

“ฉันไม่ยอมให้แกทำอย่างนั้นหลอก”

มีทหารสามคนได้รีบเข้าไปช่วยวอล์มในฐานะหน่วยกล้าตาย แต่โจเซ่ นัวร์และบาริโต้ก็อยู่ที่นั่น

“วอล์มจัดการเลย!!”

เสียงตะโกนที่ใส่อารมณ์ดังมาจาก วิลลาร์ท ที่ปกติจะไม่แสดงอารมณ์ออกมา แม้แต่ตอนฆ่าคน

แล้วก็ได้มีเปรวเพลิงสีฟ้าหมุนวนออกมาจากร่างวอล์ม แล้วมันก็พระกระจายไปทั่วด้วยลม

“เขาคุมมันไม่ได้เหรอ!?ไม่ นี่มัน…”

วิลลาร์ท ที่กำลังดูอยู่นั้นสับสน

“นั่นมันอะไรกัน!?”

“ผมของผมไหม้หมดแล้ว คุณวอล์ม นี่ผมเอง”

“หลบไปซะ! ไม่งั้นนายจะโดนมันไปด้วย!”

คำวิพากษ์วิจารณ์ดังออกมาจากทหารรอบตัวของเขา แต่ในไม่ช้ามันก็กลายเป็นเสียงเชียร์ แล้วเปลวไฟและลมก็เข้าปกคลุมศัตรูห้าคนแล้วก็ถูกเผาในครั้งเดียว ไฟและลมเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตนั้นหวาดกลัวมาตั้งแต่โบราณ

เปลวไฟร้อนที่แผดเผาผิวหนังและทำให้อยากหลับตาและสายลมที่พัดเขย่าเหล่าพีชพันธุ์และเส้นผมอย่างรุนแรง

เป็นครั้งแรกที่ทหารเฟอร์เรียสที่แม้จะถูกโจมตีโดยทหารม้าและหัวหน้าดูเวยที่ใช้《จู่โจม》ก็ไม่กลัว แต่ตอนนี้… เปลวไฟได้แผดเผาพื้นดินและกระจายฝุ่นออกไปราวกับว่ามันกำลังกัดกินพื้นดินในขณะที่วอล์มเดิน

มันมีพลังทำลายมากเท่ากับการโปรยลูกไฟไปทั่วอย่างต่อเนื่อง แล้วปัญหาก็เข้ามา ความเหนื่อยล้าได้เข้าโจมตีวอล์ม เนื่องจากเวทมนตร์ที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรและก็ด้วยความเหนื่อยล้าต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มรบ

มานาของวอล์มกำลังจะหมด

“ยังก่อน…”

เหล่าศัตรูที่หนีจากเปลวไฟและลมและพวกเขายังไม่ล้มลง ในมุมมองที่มืดมน วอล์มมองไปที่ศัตรูและขยับแขนที่ไร้เรี่ยวแรงของเขาและด้วยแขนนั้นมันได้ปล่อยพลังทั้งหมดออกไป แล้วมันก็พุ่งแผดเผาตัดผ่านกองกำลังของศัตรูด้วยเปลวไฟ

“อ้าาา ไฟมันกำลังลามมา…”

“อร็าคคคคคคคคค”

“ดับมันที ดับมันนนน!!!”

หมุษย์หลายสิบคนถูกเปลวไฟแผดเผาและตาย มันเป็นเหมือนกับนรก กลิ่นไหม้ยังคงติดอยู่ในจมูกของวอล์ม และเสียงร้องก็ยังดังก้องอยู่ในหู

สุดท้ายนี้จิตวิญญาณการต่อสู้ของศัตรูก็ถูกทำลายลงเมื่อได้เห็ยมัน ที่ราวกับว่าประตูนรกได้เปิดออก

ไฟยังกระจายไปหากลุ่มที่พยายามจะหลบหนี ในเหล่าศัตรูที่พยายามดับไฟและยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายนั้นมีการแต่งตัวที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ

เสื้อผ้าที่มีการปักด้วยสีทองและชุดเกราะสีฉูดฉาดที่ปกติสามารถเห็นได้ในงานพิธีเท่านั้น และดาบในมือที่แวววาวต่างจากเหล็กและเงิน วอล์มบอกได้อย่างรวดเร็วว่ามันคือดาบที่ทำจากแร่เงินเวทมนตร์ “มิธริล”

“เหลือแค่แกเท่นั้น”

โมเมนตัมของเปลวไฟและลมที่รวมตัวกันดั่งนรกกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว

*****
จบไปแล้วกับตอนที่13 แฮร่ หายไปนานเลย เพราะมันยากและยาวด้วยแหละผมทำคนเดียวไม่มีคนปรึกษาเวลาเจอปัญหามันก็จะนานหน่อยๆบ้างก็ไม่ทำแม่งเแล้วเจอกันงี้ คิดว่าตอนนี้ผมแปลไม่ได้ลื่นสักเท่าไร อยากให้แก้ตรงไหนบอกได้นะครับ เบาๆหน่อยนะครับช่วงนี้บอบบาง ฮ่า แล้วก็
ขอขอบคุณสำหรับทุกๆComment ครับ
ทั้งนี้ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 13

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 13 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในที่ราบด้านนอกเมืองหลวงไอเดเบิร์กของราชรัฐไมยาร์ด การต่อสู้ที่จะตัดสินประเทศกำลังจะเริ่มขึ้น

เฟอร์เรียสและไมยาร์ดได้แบ่งออกเป็นสองค่ายคร่าวๆ ตามตำแหน่งของนักยุทธศาสตร์ของพวกเขา ที่หนึ่งเป็นกองทัพเฟอร์เรียส 14000 นาย ที่ส่งมาจากอาณาจักรเฟอร์เรียส และอีกหนึ่งก็เป็นทหารประจำการ 4000 นายและกองทหารอาสาสมัคร 7000 นายของราชรัฐไมยาร์ด

แม้จะแยกเป็นสองค่าย แต่พวกเขาก็อยู่ในตำแหน่งที่พวกเขาสามารถสนับสนุนกันและกันได้ นอกจากนี่พวกเขายังอยู่บนเนินเขาเล็กๆสองแห่งที่พูดได้เลยว่าได้เปรียบในที่ราบ

บวกด้วยรอบๆฐานได้รับการป้องกันโดยรั้วกันม้า มันจะทำให้ยากที่จะจัดการผู้บัญชาการด้วยการบุกโจมตีเพียงครั้งเดียวและทำให้สายบังคับบัญชาอยู่ในความยุ่งเหยิง

บวกด้วยความกลัวที่จะโดนทั้งสองเนินประกบแล้วก็ยังมีกองทหารระดับกองพันสองกองที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันที่ด้านล่างเนิน ดังนั้นสายการป้องกันที่แข็งแกร่งจึงได้ถูกสร้างขึ้น

ในทางกับกันกองทัพจักรวรรดิไฮเซิร์คก็กำลังหลบอยู่ที่ด้านข้างเนินเขาที่ทหารไมยาร์ดอยู่

จาก9กองพัน มี4กองพันได้กระจายกันเป็นแถว ด้านหลังพวกเขามีอีกสามกองพันและหลังจากนั้นอีกก็มีกองพันทหารม้าจาฟฟ์และกองพันลิกูเรีย

ตามข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้า วอล์มได้รับการบอกมาว่า ดูเหมือนสี่กองพันแรกจะโจมตีเนินเขา และอีกสามกองพันจะไปขัดขวางกองทัพของเฟอร์เรียส ไมยาร์ดควรถูกทำลายก่อนเป็นอย่างแรก
 

กองพันทหาราบเบาลิกูเรียและกองพันทหารม้าจาฟฟ์ต้องบดขยี้ไมยาร์ดด้วยกับบุกโจมตีในครั้งเดียวหลังจากที่แนวหน้าจัดการกับอุปสรรคเช่นรั้วกันม้า วอล์มรู้สึกหดหู่ใจเมื่อเขาจินตนาการถึงความยากลำบากในหน้าที่ของกองพันที่ได้รับ

การต่อสู้เต็มรูปแบบได้เริ่มขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า เสียงแหวกสายลมและเสียงระเบิด เสียงกรีดร้องของผู้คนและม้าก็ดังมาจนถึงที่ที่วอล์มอยู่ แม้แต่จักรวรรดิไฮเซิร์คที่มีชื่อเสียงด้านการทหารที่แข็งแกร่งแต่มันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะโจมตีเนินเขาด้วยกองทัพขนาดเล็ก

วอล์มกำลังรออยู่ ในขณะที่พันธมิตรของเขากำลังต่อสู้เสี่ยงตายในแนวหน้า ความหงุดหงิดที่ไม่สามารถร่วมต่อสู้และความโล่งใจที่ไม่ได้ถูกวางไว้ในพื้นที่แห่งความตายและความกังวลของการต่อสู้ที่จะต้องเข้าร่วมในอีกไม่ช้า แล้วพวกมันก็ผสมปนกันไปหมด

หัวหน้าหน่วยดูเวย อ้าปากพูดออกมาในขณะที่ทุกคนรู้สึกประหม่า

“…ไม่ว่าจะยังไงนี่มันช้าเกินไป”

“หรือแนวรับของศัตรูอาจแข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้”

สำหรับจักรวรรดิไฮเซิร์ค ที่มีกองกำลังเพียงน้อยนิดความเร็วเป็นส่วนสำคัญ มันควรจะเป็นกองทหารมากประสบการณ์ ที่จะออกไปปะทะในสงครามและเล็งทำลายจุดอ่อน

เสียงของสนามรบที่วอล์มได้ยินมันยากที่เชื่อว่า4กองพันกำลังโจมตีอยู่ แม้โมเมนตัมจะมาก แต่แนวป้องกันก็ไม่ได้พังทลายลงเลย แน่นอนว่าวอล์มก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

“เราอยู่ที่ด้านข้างมากเกินไป”

วอล์ม ปล่อยความคิดของเขาออกมาตอนเขาเห็นการตั้งกอง หากใช้เวลานานมากเกินไปในการเอาชนะกองทัพไมยาร์ด เราจะต้องหยุดกองทัพเฟอร์เรียสที่จะโจมตีจากด้านข้างหรือด้านหลังที่จะตามมาอีก  ตอนนี้การขัดขวางกำลังดำเนินต่อไปด้วยอีกสามกองพัน และเฟอร์เรียสกำลังยุ่งอยู่กับทั้งสามกองพัน แล้วกองพันทั้งสามก็รวมกันโดยสมบูรณ์

“มันเป็นเรื่องจริงที่แค่สองกองพันก็พอแล้วที่จะถ่วงเวลา”

โจเซ่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของวอล์ม

“ใช่ แต่ถึงจะอย่างนั้นฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทหารม้าและทหารราบเบาถึงไม่ถูกส่งไปสักที”

ทหารราบเบามักจะถูกปฏิเหมือนคนคอยแก้ปัญหา  ถ้ามันยากเกินไปที่จะฝ่าไปพวกเขาก็จะถูกโยนให้ไปเปิดทางให้ทหารม้า

ช่องว่างและระยะห่างเป็นปัจจัยสำคัญมนสงคราม และวอล์มก็เข้าใจว่าถ้าเข้าให้ความสำคัญต่อการบุกเข้าไปลึก ทหารราบเบาสามารถใช้ตามเข้าไปได้ แต่ถ้าไม่สามารถทำพื้นฐานก่อนหน้าได้มันก็ไม่มีประโยชน์

“ฉันไม่คิดหลอกว่าผู้บัญชาการ เบเกอร์ จะอ่านพลาด…”

สุนทรพจน์ในเมืองซาร์เรียได้เข้ามาในหัวของวอล์ม เขาเป็นผู้บัญชาการที่เป็นแรงบันดาลใจให้ทหารและก็ยุติการสู้รบที่ชายแดนในเวลาสั้นๆ วอล์มไม่คิดว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

จากนั้นก็มีเสียงก้องของดาบดังมาจากทางซ้ายของเนินดังมาที่หูของ วอล์ม

“เอ่อ เป็นกองทัพหลักของเฟอร์เรียส”

มีสี่กองพันที่วอล์มมองเห็นได้ มีสองกองพันตรงกลางและที่เหลือที่ปีกซ้าย มันเป็นจำนวนเกือบสองเท่าและมันจะยากสำหรับพวกเขาที่จะถ่วงเวลา

“ยังไม่มีคำสั่งมาอีกเหรอ”

บาริโต้พูดออกมาอย่างท้อแท้

“แบบนี้มันไม่ดีแล้ว…”

นัวร์ที่มีประสบการณ์ในหน่วยน้อยพูดอออกมาอย่างกังวล

“กองกำลังสำรองของไมยาร์ดได้ออกมาจากเนินเขาด้านขวาแล้ว บ้าเอ้ยมันมีขนาดเท่ากับกองพัน”

สิ่งที่แย่ที่สุดที่คาดไว้ว่ากองกำลังสำรองเพียงกองเดียวของไมยาร์ดจะถูกส่งออกมาจากเนินเขาด้านขวา ได้เกิดขึ้น

“ฉันเห็นอีกกองพันของเฟอร์เรียสมาจากด้านนอกและมันกำลังจะล้อมเรา”

ตอนนี้การล้อมกำลังเกิดขึ้น วอล์มรู้สึกว่าเราจำเป็นที่จะต้องจัดทัพใหม่

ในขณะที่ทหารคนอื่นๆร้องออกมา มีเพียงหัวหน้าหน่วยเท่านั้นที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความคิด

“หัวหน้าดูเวย?”

โจเซ่ที่เห็นอย่างนั้นก็เรียกหัวหน้าหน่วย

“ตอนนี้มันวิกฤตแล้ว…แต่แนวหน้าก็ยังไม่หมดแรงอย่างมีนัยยะ กองกำลังที่ถูกส่งไปขัดขวางเฟอร์เรียสก็อุทิสตัวเต็มที่เพื่อถ่วงเวลา แต่ฉันว่ามันต้องมีบางอย่างอยู่แน่ๆฉันเชื่ออย่างนั้น”

มันเป็นช่วงเวลาที่กองพันของศัตรูจากไมยาร์ดกำลังลงจากเนินด้านขวา ก็ได้มีผู้ส่งสารวิ่งไปรอบๆกองพันลิกูเรีย วอล์มก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว

จากนั้นวอล์มก็เอามือกุมหน้าแล้วก็หายใจออกมา เขารู้สึกได้ถึงความอุ่นที่ออกมาที่มือของเขา
มันมักจะเป็นนิสัยที่วอล์มชอบทำก่อนการต่อสู้

บางทีอาจได้รับคำสั่งของผู้บัญชาการเบเกอร์จากผู้ส่งสารแล้ว ทันใดนั้นก็มีเสียงของผู้บัญชาการกองพันลิกูเรียดังออกมา

“จัดแถววว!! เป้าหมายคือค่ายของเฟอร์เรียส เราจะบุกไปทางปีกขวาและผ่านเนินเขาไปด้วยความเร็วเต็มที่ และจัดการให้เฟอร์เรียสต้องยอมแพ้ ทหารม้าก็จะออกแล้ว เตรียมตัว”

” ” ” ฮะ? ” ” ”   

ทหารที่ได้ยินคำสั่งส่วนใหญ่กำลังตกใจเพราะสถานการณ์ที่ได้รับ แล้ววอล์มก็ได้จัดการความคิดในหัวของเขา

จากกองพันทั้ง9กองพัน ในตอนนี้ที่อยู่ในสถานการณ์ที่ด้อยกว่า ได้มีสองกองพันพยายามจะบุกไปที่ค่ายหลักของศัตรู

แม้ว่าจะเป็นเนินเขาที่อยู่ติดกัน แต่ก็ยังมีระยะห่าง4ถึง5 กม. ทหารที่ฝึกโดยไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์จะทำได้โดยไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้สวนอุปกรณ์และพวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องจัดการศัตรูไปด้วยจนถึงปลายทาง

ที่ด้านหน้ามีเนินเขาที่ไมยาร์ดตั้งอยู่ และที่ด้านขวากองพันของไมยาร์ดก็เริ่มลงมาจากเนินเขา

วอล์ม ไม่คิดว่านี่จะเป็นสิ่งที่คนมีสติจะทำ ทำให้เขานึกถึงกองทัพพันธมิตรที่ไม่สามารถโจมตีได้

“ไม่จริงน่า…เป็นกลลวง…?”

หัวหน้าหน่วยพยักหน้าให้วอล์มที่พึมพำออกมา

“แสร้งทำเป็นว่าการโจมตีหยุดชะงักและล่อศัตรูออกมา นอกจากนี้ทหารของไมยาร์ดที่กำลังไปด้านหน้าก็ถูกกันไว้ที่นั่นจากเนินเขา กองกำลังสำรองสุดท้ายก็กำลังไปที่ค่ายของเราด้วย และการเปลี่ยนแปลงคำสั่งกระทันหันมันจะยากที่จะไปถึงพวกเขาทั้งหมด”

“ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีกองพันเหลืออยู่หนึ่งกองพันที่ค่ายเฟอร์เรียส และส่วนหนึ่งของกองพันใน 6 กองพันที่ถูกส่งออกไปก็อาจกลับมาและล้อมเราจากปีกซ้าย”

เพื่่อตอบกลับความคิดเห็นด้านลบของโจเซ่ วอล์มก็ได้พูดข้อมูลล่าสุดที่ได้จากสนามรับที่เขากำลังมองอยู่

“ไม่ กองทหารศัตรูที่สามารถกลับมาช่วยได้ง่ายที่สุด ได้เข้าร่วมการรบแล้ว”

หกกองพันของเฟอร์เรียสกำลังพยายามปิดปีกซ้ายของกองกำลังไฮเซิร์คเพื่อที่จะปิดล้อมให้สมบูรณ์ วงของมันกว้างมากและอยู่ไกลเนินเขาที่ค่ายอยู่เพราะตั้งใจจะปิดล้อม มันจะเป็นเรื่องยากและใช้เวลาที่จะส่งสารไปยังกองกำลังเหล่านั้นและหันหลังกลับ  ในระยะไกลออกไปวอล์มกำลังมองไปที่ กองกำลังพันธมิตรที่อยู่กลางวงล้อมที่ได้รับคำสั่งให้ขวางพวกมันที่ซึ่งสามารถกลับมายังค่ายหลักได้เร็วที่สุด

“ค่ายหลักศัตรู้จะถูกทำลาย เร็วหรือช้า มันจะเป็นตัวกำหนด ชัยชนะครั้งใหญ่หรือพ่ายแพ้ครั้งใหญ่”

เมื่อนึกถึงเส้นทางข้างหน้าแล้ว วอล์มหวังให้การคาดเดาของเขาพลาด

“เอ่อ กลยุทธ์ที่เหมือนการพนันนี่――”

นัวร์พูดอะไรไม่ออกทันที

แต่ก่อนที่วอล์มจะคิดไปมากกว่านี้

“ฉันคิดว่าผู้บัญชาการเบเกอร์มีวิธีคิดเป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นจงเตรียมตัวให้พร้อม ถ้านายคลายความระวังลงอาจตายได้”

ทุกคนหยุดพูด แล้ววอล์มก็รอเวลา

ไม่มีกลองหรือแตรที่จะประกาศการเคลื่อนพล กองทหารรวมกันอย่างหนาแน่น ในตอนแรกมันแน่นสำหรับแต่ละหมวดและกองร้อย แต่เมื่อพวกเขาเริ่มออกวิ่งช่องว่างก็ค่อยๆมากขึ้น

กองพันทั้งสองได้เริ่มออกเดินทัพเต็มกำลังอย่างเงียบๆ วอล์มถีบพื้นอย่างสิ้นหวังและออกวิ่ง

่กองทหารม้าได้ออกวิ่งราวกับลูกศรแล้วก็ได้ทำลายกองกำลังศัตรูที่ด้านล่างเนิน

เมื่อวอล์มมาถึงในไม่กี่นาที ศัตรูก็อยู่ในความวุ่นวายและมันก็เป็นโอกาสที่ดีจะจัดการศัตรู แต่ก็ต้องปล่อยผ่านและให้ความสำคัญกับแผน

“วิ่ง!!วิ่ง!!วิ่งต่อไปอย่าได้หยุด!!”

หัวหน้าหมวดที่สิ้นหวังโคซูรุตะโกนออกมาเสียงดัง วอล์มสังสัยว่าหัวหน้าหมวดไปเอาแรงมาจากไหน แต่ตอนนี้เขาต้องจดจ่อกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเขา

ขณะที่วิ่งเขาก็ได้เหวี่ยงฮาลเบิร์ดไปที่ศัตรูที่ขวางทาง มันได้เหวี่ยงลงที่ไหล่และตัดกระดูกไหปลาร้า แล้วก็ศัตรูคนต่อไป เขาก็ฟันไปที่ลำตัวพร้อมกับเกราะของศัตรู

บาดแผลทั้งสองนั่นเป็นไปได้พี่พวกเขาจะสามารถกลับมาสนามรบได้ถ้าห้ามเลือดทัน วอล์มต้องการจะโจมตีปิดฉาก แต่เขาก็ตัดสินว่ามันไม่จำเป็นสำหรับตอนนี้

เป็นเรื่องง่ายที่วอล์มจะจินตนาการว่าพวกเขาจะถูกจัดการโดยกองกำลังที่ตามหลังมา กองกำลังศัตรูที่ถูกกองทหารม้าบุกไปนั้นเปราะบางและอยู่ในความโกลาหลและหวาดกลัว

ในพวกนั้นมีบางกลุ่มที่พยายามจะฟื้นตัว

วอล์มเดาะลิ้นของเขาโดยคิดว่าพวกหัวหน้าหน่วยและทหารที่ไม่ได้รับคำสั่งนั้นยอมเยี่ยมแค่ไหน  TNแบบเสียง จิ๊ clicked tongue ไม่รู้จะเขียนไงเอาเดาะลิ้นไปก่อนละกัน

ศัตรูจำนวนมากได้มารออยู่ด้านหน้าของวอล์ม บางทีมันอาจมีประมาณร้อยคน

“วิลลาร์ท!! วอล์ม!!”

หัวหน้าดูเวย เรียกวอล์มและวิลลาร์ทออกมา ระยะห่างของศัตรูกำลังน้อยกว่า50เมตร พวกมันได้ตั้งหอกขึ้น และถ้าหากทหารไฮเซิร์คเข้าปะทะแบบตรงไปตรงมามันจะได้รับความเสียหายอย่างเลี่ยงไม่ได้

วอล์มเข้าใจถึงความตั้งใจของหัวหน้าดูเวยทันที และจดจ่ออยู่กับมานาของเขาขณะวิ่ง

วิลลาร์ทได้ปล่อยเวทมนตร์ไปก่อนหน้าเล็กน้อย มีศัตรู5หรือ6นายได้รับบาดเจ็บสาหัสและได้เปิดช่องว่างส่วนหนึ่งที่ด้านหน้า

วอล์มได้สร้างลูกไฟแบบเดียวกับวิลลาร์ท แล้วพวกศัตรูที่พยายามกลับมาตั้งรับอีกครั้งหลังจากได้รับความเสียหาย แต่ลูกไฟที่ปล่อยไปที่ตำแหน่งเปราะบางของศัตรูทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ที่ตรงกลางศัตรู

“บุก!!!”

หัวหน้าดูเวยและเหล่าทหารผ่านศึกไฮเซิร์ค ไม่สามารถมองผ่านจุดอ่อนนั้นไปได้และได้รีบบุกเข้าไปเป็นทรงของลิ่มที่ได้เกิดขึ้นเอง

คมมีดได้ตัดเข้าไปที่หัวที่ใส่หมวกแล้วก็แตกทะลุผ่านกะโหลกเข้าไปด้วยการโจมตีครั้งเดียว

ศัตรูอีกคนที่พยายามจะหยุดวอล์ม ก็ได้ถูกแทงด้วยหอกที่ไหล่ขาด้วยหอกของบาริโต้และนัวร์ ที่อยู่ข้างๆ และล้มลงกับพืเน

สิ่งที่รอศัตรูที่พยายามจะลุกก็คือเท้าของทหารไฮเซิร์คนับไม่ถ้วน ดังนั้นความตายจึงได้ถูกตัดสิน  TN And so, the death agony was immediately cut off.ใครรู้ข้อวิธีแก้ด้วยครับ

ทหารไฮเซิร์คที่บุกไป ได้ทำลายศัตรูลงโดยสมบูรณ์ และหาได้ยากที่จะมีหน่วยฟื้นขึ้นมาจากการโจมตีของทหารม้าได้ แต่พวกเขาก็ถูกพบและพุ่งเข้าใส่ในพริบตา

ผลกระทบแพร่กระจายไปรอบๆกองกำลังศัตรู เป็นที่รู้กันดีในตอนนี้รวมถึงวอล์มด้วย ที่ว่าไมยาร์ดที่สูญเสียกองกำลังประจำการจำนวนมากที่ชายแดนกำลังระดมกองกำลังอาสาสมัคร

เมื่อได้เห็นส่วนมากของกองกำลังประจำการถูกทำลายและถูกบุกรุกโดยวอล์มและคนอื่นๆ
กองกำลังอาสาสมัครก็รีบไปที่เนินเขาที่ซึ่งมีตำแหน่งได้เปรียบกว่าในการป้องกัน

“อย่าได้หนี่!!ยื้อเวลาไว้ ถ้าเราหยุดพวกมันไว้ที่นี่ได้เราจะชนะ――อัคค!!!”

มีทหารที่พยายามสร้างขบวนขึ้นมาอีกครั้งแต่เขาโดดเด่นมากเกินไป วอล์มรู้ว่าทหารไฮเซิร์คไม่ได้เป็นมัตรขนาดจะวิ่งต่อไปโดยทิ้งความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตีไว้ข้างหลัง

เหล่าทหารอาสาที่เห็นทหารผ่านศึกที่ว่องไวโดนเสียบอย่างจังก็ได้ล้มลง TN The militias, who saw veteran and nimble soldiers literally skewered, collapsed. แปลได้บอกด้วยครับ

“อย่าไปสนใจไอ้พวกมดปลวก วิ่งต่อไปที่เนินเขา!!”

หัวหน้าหน่วยได้ตะโกนปลุกใจคนอื่นๆ และหน่วยรอบๆก็ตามเขาไป

บางทีการวิ่งและสู้ไปด้วยได้กินพลังงานของหัวหน้าหมวดทำให้สามารถตอบโต้ได้ด้วยเสียงเบาๆเท่านั้น ถึงอย่างนั้นเมื่อได้เห็นเขาฟันทหารไมยาร์ดสองคนด้วยเทคนิคดาบเหล่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะออกมาจากก้อนไขมันเหล่านั้น วอล์มประหลาดใจและก็ได้เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับหัวหน้าหมวด

เสียงของชุดเกราะเสียดกันและกระจายฝุ่นไปทั่ว มันแกว่งไปแกว่งมา บนล่างซ้ายขวา ดังก้องไปรอบๆ ได้มีทหารบางคนได้ถอนตัวเนื่องจากอาการบาดเจ็บหรืออาจเพราะร่ายกายถึงขีดจำกัด แต่ส่วนใหญ่ยังคงวิ่งต่อไป

เนินเขาได้เข้ามาในสายตาของวอล์ม และทหารม้าก็ได้เข้าโจมตีทหารศัตรูที่ออกมารอบๆเนินเขา
ที่เหลืออยู่คือกองพันที่อยู่บนเนินเขาและเหล่าหัวกะทิภายใต้กองกำลังหลักของศัตรูที่ปกป้องค่าย

สายตาของวอล์มเริ่มเห็น‎ความแตกต่างของความสูงของความกว้าง‎ของเนินจากตำแหน่งของเขาอาจอีก20ถึง20เมตร เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงความชันของเนินจากขาที่เหนื่อยล้าของเขา

ด้วยธนูและลูกธนูหรือเวทย์ดินหรือทุกสิ่งที่มีพวกเขาพยายาจะหยุดทหารไฮเซิร์คที่พยายามบุกเข้ามา

ขาของวอล์มในตอนนี้นั้นหนักราวกับหิน แต่จิตวิญญาณต่อสู้ที่บ้าคลั้งได้กระจายไปทั่ว

ไม่มีโล่หรือเกราะที่สามารถป้องกันการโจมตีจากระยะกลางหรือไกลได้และให้พวกเขาสนใจไปที่การเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แต่หลังจากได้รับลูกไฟจากศัตรู ทหารหลายคนก็ถูกไฟลุกแล้วก็กรีดร้องและกลิ้งลงจากเนินเขา 

ทหารที่ถูกลูกธนูปักที่เข่าก็ร้องออกมาขณะที่คลานอยู่บนพื้น โดยปกติแล้วขวัญกำลังใจของกองกำลังจะลดลงอย่างมาก

“บุกต่อไป!!”

อย่างไรก็ตามความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดได้ทำลายเหตุผลและเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นดั่งเครื่องจักรสังหารที่มีจุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียวคือบุกไปที่กองบัญชาการศัตรู

เมื่อเห็นค่ายหลักของเฟอร์เรียสที่มีรั้วกันม้าบวกด้วยพื้นที่ที่สูงแล้ววอล์มก็รู้สึกตกใจ

“ทำลายพวกมันซะ!!เปิดทางให้ทหารม้า!!ไม่งั้นมันจะเป็น”จุดจบของพวกเรา”!!!”

เป็นความจริงจากสิ่งที่หัวหน้าดูเวยพูดออกมา และมันได้ผลักดันคนอื่นๆและคุกคามศัตรู หากพวกเขาไม่สามารถทำลายพวกมันที่นี่ได้ กองทัพหลักและกองพันลิกูเรียจะถูกทำลาย

วิธีเดียวที่จะรอดได้คือชิงเนินเขามาและจัดการผู้บัญชาการศัตรู

“ดึงงงง!!!”

” “อ้ากกก” ”

โจเซ่ร้องออกมาขณะที่เขาไปที่รั้วม้าตามมาด้วยเสียงของบาริโต้และนัวร์ รั้วกันม้าที่ฝังอยู่ที่พื้นยังคงต้านพวกเขาอย่างหนัก แต่ก็เริ่มมีคนอื่นเข้ามาช่วย

แน่นอนว่าทหารเฟอร์เรียสไม่ได้นิ่งเฉยเช่นกัน พวกมันแทงหอกไปที่ทหารไฮเซิร์คหรือยิงด้วยธนูเพื่อกันไม่ให้พวกเขาจัดการสิ่งกีดขวางที่ป้องกันฐานของพวกมัน

วอล์มดึงรั้วกันม้าด้วยแรงทั้งหมดที่เขามีเพื่อเอามันออกมา

ขณะเดียวกันนั้นก็ได้มีลูกธนูผ่านหน้าของวอล์มไป เมื่อเขาก้มลงพร้อมกับเสียงแหลมสูงนั้น  ความเจ็บปวดก็ได้แล่นผ่านมาจากหมวกของเขา

“แก! รออยู่นี่ เดี่ยวฉันไปเอง”

เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดแล้ว วอล์มก็โกรธ บางทีนักธนูอาจรำคาญจากนั้นเขาก็ยิงอีกครั้ง
แต่มันก็แค่ผ่านหัวของวอล์มไป

“มันออกมาแล้ว เปิดทางได้!!”

ในไม่ช้ารั้วกันม้าก็ถึงขีดจำกันและถูกดึงออกมา เช่นเดียวกันกับอันอื่นๆก็ถูกดึงออกมาทีละรั้ว

หัวหน้าหมวดออกคำสั่ง ทั้งร่างของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดและเหงื่อและเขาก็หายใจอย่างแรง

ทหารรีบเรงมือและเข้าใจทันทีว่าอะไรกำลังมา จากเสียงก้องที่กำลังเข้าใกล้จากด้านหลัง

“ทหารม้าจาฟฟ์มาแล้ว ถ้าไม่อยากถูกเหยียบก็หลบไป!!!”

จากคำพูดของโจเซ่ ทหารก็หลบออกไปทางซ้ายและขวา คล้ายกับกำลังต้อนรับพวกเขา

ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยเลือด ศพ เสียงกรีดร้องและเสียงคำรามของความโกรธ กองพันทหารม้าที่เรียกได้ว่าบ้าการต่อสู้ก็พุ่งเข้าไปเป็นเส้นตรง

ทหารเฟอร์เรียสที่ตั้งรูปขบวนเป็นหัวหอกเพื่อที่จะหยุดพวกเขาก็ถูกทำลายโดยเวทมนตร์ของนักเวทย์ที่ขี่ม้าและถูกจัดการจากการโจมตี

ศัตรูที่ยิงธนูใส่วอล์ม ก็ถูกแแทงด้วยฮาลเบิร์ดและได้มีรูที่เกราะและหน้าท้องจากนั้นเขาก็ได้กลายเป็นหนึ่งในศพที่กระจัดกระจายไปทั่ว

การโจมตีครั้งสุดท้ายของทหารม้าได้ลากศัตรูไปสู่ความโกลาหล

จากนั้นทหารคนอื่นๆก็โค่นรั้วกันม้าที่เหลือลงและเริ่มบุกเข้าไป

“อย่าได้พลาดผู้บัญชาการศัตรูไป ฆ่ามันซะ”

ในสงครามของโลกนี้ที่ขั้นตอนการปฏิบัติหลังจากสูญเสียสายบังคับบัญไปไม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อเสียไปมันจะยากที่จะจัดการ หากจัดการผู้บัญชาการศัตรูได้กองทัพทั้งหมดก็จะไม่สมบูรณ์อีกต่อไป

แต่ถ้าหากพลาดผู้บัญชาการศัตรูไป กองทัพศัตรูก็สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้

เป็าหมายต่อไปได้โผล่มาต่อหน้าวอล์มที่ได้เข้าไปในค่ายของศัตรูขณะที่กวัดแกว่งฮาลเบิร์ดของเขา

มันเป็นกลุ่มที่มีเครื่องสวมใส่แตกต่างจากทหารธรรมดาอย่างชัดเจน น่าจะเป็นองคลักษณ์ของค่ายนี้

“หลบไป! หรือจะให้ฉันจัดการแกลงตรงนี้?!!”

องคลักษณ์ตะโกนกลับมาทันทีจากการยั่วยุของวอล์ม

“หุบปาก!!!”

ศัตรูถือดาบยาวด้วยมือทั้งสองข้างแล้วก็ฟันใส่วอล์ม ตรงข้ามกับน้ำเสียงของเขา การเคลื่อนไหวของเขาและการฟันนั้นเฉียบคม แล้ววอล์มได้ฟันฮาลเบิร์ดจากด้านล่างขึ้นบน

เสียงกระทบแหลมสูงของโลหะดังออกมา ด้วยทักษะ วอล์มได้เปิดใช้งาน《จู่โจม》และตัดข้อมือข้างหนึ่งของศัตรู

“อัคคค”

น่าแปลกใจที่เขาไม่สนใจแม้จะมีแผลและเลือดออก เขายังคงถือดาบด้วยมือข้างที่เหลือของเขาแล้วพุ่งเข้าหาวอล์ม

วอล์มก้าวถอยหลังแล้วจากนั้นก็แทงฮาลเบิร์ดใส่เขาหลายครั้ง ศัตรูสามารถรับได้จนถึงครั้งที่สอง แต่เมื่อการโจมตีครั้งที่สามมันก็ได้เข้าไปที่คอของเขาและตัดคอส่วนหนึ่งของเขาออก

ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ล้มลงโดยทันที แต่หลังจากที่เขากระอีกเลือดเขาก็ล้มตัวลง

เห็นได้ชัดว่าฝือมือของเขานั้นเทียบไม่ได้กับทหารทั่วไป เขาได้รับการฝึกมาอย่างดีอย่างแน่นอน

ที่นี่มีศพทหารไฮเซิร์คมากกว่าก่อนหน้า วอล์มมองไปรอบๆเขารู้สึกว่าเป้าหมายต้องอยู่แถวๆนี้แน่

“มีกลุ่มที่ดูแปลกๆ ทางซ้ายด้านหลัง!!”

เป็นโจ่เซ่ที่สังเกตุเห็น  ศัตรูที่อยู่รอบๆพยายามอย่างหนักที่จะดันกลับและปกป้องตำแหน่งไว้  แต่มีแค่กลุ่มนั้่นเท่านั้นที่พยายาจะหลบหนีจากด้านข้างเนินเขาไปที่ที่ราบ

“หน่วยดูเวย หยุดพวกมันซะ!!”

หัวหน้าหมวดโคซูรุที่หายใจถี่รัวได้ตะโกนเรียกชื่อหน่วยที่วอล์มอยู่

“ฮ๊ะ!! อย่ามาไร้สาระ!!”

มีหลายกลุ่มที่พยายามลงจากเนินเขา แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตัวล่อเพื่อให้ผู้บัญชาการหลบหนี
แต่ว่ามีกลุ่มหนึ่งที่ดูสิ้นหวังแปลกกว่ากลุ่มอื่นๆ

“ไรนัส! ทิเบิร์ด! ดานฟาน!!”

ชื่อของคนโง่ทั้งสามถูกเรียกออกมาโดยหัวหน้าดูเวย แต่ทิเบิร์ดที่เป็นหัวโจกของคนโง่ทั้งสาม ตอบกลับอย่างหนักหน่วง

“เป็นไปไม่ได้!ทีแค่เราสามคน นั่นมันเกือบเท่านึงเลยนะ!”

หน่วยกำลังเข้าปะทะไม่มีกำลังมากพอ และระยะห่างระหว่างกลุ่มศัตรูและวอล์มมีแต่มากขึ้น เท่านั้น

“ดื้อดึงจริงๆ!”

หัวหน้าดูเวยได้ฟันศัตรูสองคนพร้อมกันด้วยขวานของเขา แต่มันก็ยังไม่พอ

วอล์มจดจ่อกับมานาของเขาโดยเล็งไปที่ กลุ่มเล็กๆที่ขวางทางเขาอยู่ เขาคิดว่าแค่ลูกไฟมันยังไม่พอ และกลุ่มศัตรูที่มีชุดเกราะทั้งตัวก็พยายามขวาง

มันจำเป็นสำหรับวอล์มที่จะต้องกระจายไฟเป็นวงกว้างโดยที่ไม่ลดพลังทำลายลง

วอล์มจินตนาการถึงวังวนไฟที่เผาเมืองหลวงของบ้านเกิดในโลกก่อนของเขา

เขาจินตนาการถึงสิ่งที่เขาได้เห็นในหนังสือ ในเน็ตและทีวี เขากัดฟันเบาๆ และก็ได้มีเวทย์ธาตุไฟและลมอยู่ในมือของเขา

จนถึงตอนนี้ปกติเขาจะใช้เวทย์ธาตุเดียวในแต่ละครั้ง ต่างจากครั้งนี้วอล์มคิดว่าการใช้มันพร้อมกันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ความร้อนที่แผดเผาร่างกาย และลมที่โคจรรอบๆตัวของวอล์ม

ไม่ มันยังไม่พอ

น้ำลายกำลังจะไหลออกจากปากของเขาที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง โดยปกติแล้ว ตอนนี้วอล์มกำลังใช้สมาธิจนสุดขีดแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน

แต่ก็พบว่าตอนนี้ไม่ใครที่คุ้มกันเขา

“ฆ-ฆ่ามันซะ!!!”

ผู้บัญชาการศัตรูที่สังเกตุเห็นชี้ไปที่วอล์มแล้วตะโกนออกมา

“ฉันไม่ยอมให้แกทำอย่างนั้นหลอก”

มีทหารสามคนได้รีบเข้าไปช่วยวอล์มในฐานะหน่วยกล้าตาย แต่โจเซ่ นัวร์และบาริโต้ก็อยู่ที่นั่น

“วอล์มจัดการเลย!!”

เสียงตะโกนที่ใส่อารมณ์ดังมาจาก วิลลาร์ท ที่ปกติจะไม่แสดงอารมณ์ออกมา แม้แต่ตอนฆ่าคน

แล้วก็ได้มีเปรวเพลิงสีฟ้าหมุนวนออกมาจากร่างวอล์ม แล้วมันก็พระกระจายไปทั่วด้วยลม

“เขาคุมมันไม่ได้เหรอ!?ไม่ นี่มัน…”

วิลลาร์ท ที่กำลังดูอยู่นั้นสับสน

“นั่นมันอะไรกัน!?”

“ผมของผมไหม้หมดแล้ว คุณวอล์ม นี่ผมเอง”

“หลบไปซะ! ไม่งั้นนายจะโดนมันไปด้วย!”

คำวิพากษ์วิจารณ์ดังออกมาจากทหารรอบตัวของเขา แต่ในไม่ช้ามันก็กลายเป็นเสียงเชียร์ แล้วเปลวไฟและลมก็เข้าปกคลุมศัตรูห้าคนแล้วก็ถูกเผาในครั้งเดียว ไฟและลมเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตนั้นหวาดกลัวมาตั้งแต่โบราณ

เปลวไฟร้อนที่แผดเผาผิวหนังและทำให้อยากหลับตาและสายลมที่พัดเขย่าเหล่าพีชพันธุ์และเส้นผมอย่างรุนแรง

เป็นครั้งแรกที่ทหารเฟอร์เรียสที่แม้จะถูกโจมตีโดยทหารม้าและหัวหน้าดูเวยที่ใช้《จู่โจม》ก็ไม่กลัว แต่ตอนนี้… เปลวไฟได้แผดเผาพื้นดินและกระจายฝุ่นออกไปราวกับว่ามันกำลังกัดกินพื้นดินในขณะที่วอล์มเดิน

มันมีพลังทำลายมากเท่ากับการโปรยลูกไฟไปทั่วอย่างต่อเนื่อง แล้วปัญหาก็เข้ามา ความเหนื่อยล้าได้เข้าโจมตีวอล์ม เนื่องจากเวทมนตร์ที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรและก็ด้วยความเหนื่อยล้าต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มรบ

มานาของวอล์มกำลังจะหมด

“ยังก่อน…”

เหล่าศัตรูที่หนีจากเปลวไฟและลมและพวกเขายังไม่ล้มลง ในมุมมองที่มืดมน วอล์มมองไปที่ศัตรูและขยับแขนที่ไร้เรี่ยวแรงของเขาและด้วยแขนนั้นมันได้ปล่อยพลังทั้งหมดออกไป แล้วมันก็พุ่งแผดเผาตัดผ่านกองกำลังของศัตรูด้วยเปลวไฟ

“อ้าาา ไฟมันกำลังลามมา…”

“อร็าคคคคคคคคค”

“ดับมันที ดับมันนนน!!!”

หมุษย์หลายสิบคนถูกเปลวไฟแผดเผาและตาย มันเป็นเหมือนกับนรก กลิ่นไหม้ยังคงติดอยู่ในจมูกของวอล์ม และเสียงร้องก็ยังดังก้องอยู่ในหู

สุดท้ายนี้จิตวิญญาณการต่อสู้ของศัตรูก็ถูกทำลายลงเมื่อได้เห็ยมัน ที่ราวกับว่าประตูนรกได้เปิดออก

ไฟยังกระจายไปหากลุ่มที่พยายามจะหลบหนี ในเหล่าศัตรูที่พยายามดับไฟและยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายนั้นมีการแต่งตัวที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ

เสื้อผ้าที่มีการปักด้วยสีทองและชุดเกราะสีฉูดฉาดที่ปกติสามารถเห็นได้ในงานพิธีเท่านั้น และดาบในมือที่แวววาวต่างจากเหล็กและเงิน วอล์มบอกได้อย่างรวดเร็วว่ามันคือดาบที่ทำจากแร่เงินเวทมนตร์ “มิธริล”

“เหลือแค่แกเท่นั้น”

โมเมนตัมของเปลวไฟและลมที่รวมตัวกันดั่งนรกกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว

*****
จบไปแล้วกับตอนที่13 แฮร่ หายไปนานเลย เพราะมันยากและยาวด้วยแหละผมทำคนเดียวไม่มีคนปรึกษาเวลาเจอปัญหามันก็จะนานหน่อยๆบ้างก็ไม่ทำแม่งเแล้วเจอกันงี้ คิดว่าตอนนี้ผมแปลไม่ได้ลื่นสักเท่าไร อยากให้แก้ตรงไหนบอกได้นะครับ เบาๆหน่อยนะครับช่วงนี้บอบบาง ฮ่า แล้วก็
ขอขอบคุณสำหรับทุกๆComment ครับ
ทั้งนี้ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+