สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 24

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 24 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“สนับสนุนการล่าถอย!? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน”

โจเซ่ตกใจกับคำพูดที่คาดไม่ถึงจากหัวหน้าดูเวย 

“ฉันก็สงสัยในหูของฉันเหมือนกัน ฉันขอรายละเอียดเพิ่มจากหัวหน้าหมวดแล้ว แล้วฉันก็ตกใจมากกว่าเดิมอีก อาณาจักรเฟอร์เรียส อาณาจักรไครซิท สหพันธ์การค้าลิเบอริโต้และก็เศษเหลือของราชรัฐไมยาร์ด มันร่วมมือกันแล้วน่ะสิ”

“เอ๊ะ? หมายความว่า เป็นพันธมิตรกันทั้งสี่ประเทศเลยเหรอคะ?”

นัวร์ถามออกมาด้วยสีหน้างุนงง ท้ายที่สุดประเทศทั้งสี่ประเทศนี้นั้นไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ดีและควรจะอยู่ในความตึงเครียดต่อกันและกัน แล้วตอนนี้จู่ๆพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนที่ต่อกัน มันยากสำหรับวอล์มที่จะไม่ตกใจเหมือนกัน

“ถูกต้อง  มีการจู่โจมทำลายส่วนหนึ่งของกองพันซาร์เรีย และกองพันอื่่นๆก็กำลังล่าถอยในขณะที่ปะทะไปด้วย”

“พวกมันมีเท่าไรกัน?”

“ในฐานะแค่ทหารราบ ฉันก็อยากจะบอกว่านายไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ แต่เหมือนกองทัพทั้งหมดของศัตรูจะมีมากเกิน 60,000”

“6- 60,000?”

ปากของบาริโต้ยังคงเปิดค้างอยู่ จำนวนทหารทั้งหมดในแนวหน้าเฟอร์เรียสนั้นมีเพียงแค่ 16,000 เท่านั้น แม้จะมีการเสริมกำลังจากแนวหน้าไมยาร์ดและจากเมืองหลวง แต่ก็คงจะดีถ้ารวมคนมาได้ 23,000 ถึง 24,000 คน

“เราจะค่อยๆถอนตัวโดยรักษาการป้องกันไปด้วย สนามรบที่แท้จริงนั้นจะเป็นรอบๆ ป้อมปราการซาราเยโว่ที่ชายแดนไมยาร์ด เราอาจขาดกำลังพลดังนั้นป้อมปราการจะไม่สามารถแสดงผลที่แท้จริงได้ แต่ตราบใดที่เรามีเสบียงและกองปล้นสะดม แม้เราจะชนะไม่ได้ แต่เราก็จะไม่แพ้เช่นกัน”

“เราจะทิ้งเหมืองไปไหมคะ?”

นัวร์ถาม ถ้าเกิดเหมืองถูกเอาคืนไปมันจะเปล่าประโยชน์ วอล์มเข้าใจดี มันฟังดูเหมือนเรื่องตลกที่เขาต้องแลกมันมาด้วยเลือดเนิ้อ แต่สุดท้ายแล้วเหมืองที่ยึดมาได้อย่างยากลำบากจะถูกส่งคืนให้ศัตรู

“ช่วยอะไรไม่ได้ เธอสามารถจัดการกับศัตรู 60,000 คนบนสนามได้ไหมล่ะ? ฉันไม่คิดว่าจะได้มันคืนกลับมาฟรีๆหรอกนะ”

ด้วยเสียงตะโกน เหมืองก็ดังก้องและฝุ่นบางส่วนก็ลอยขึ้นไปในอากาศราวกับมันรู้ว่าเหล่าทหารจะทำอะไร

“โอ้ เราจะทิ้งหลังคาแล้ว”

โจเซ่ปรบมือออกมาราวกับมั่นใจ

“ใช่ เราจะให้เชลยขนเสบียงมาที่นี่ ตอนแรกพวกเขามีแผนที่จะฆ่าพวกมันทั้งหมด แต่ดูเหมือนพวกมันจะถูกย้ายไปที่ปราสาทเก่าแห่งหนึ่งในไมยาร์ดและถูกใช้ให้เป็นทาส”

วอล์มนั้นไม่ต้องการฆ่าเชลยศึกที่ไม่ต่อต้านทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงรู้สึกโล่งใจกับการตัดสินนั้น

“นั่นคือทั้งหมดแล้ว กองพันลิกูเรียจะคอยสนับสนุนการล่าถอยของพันธมิตรในเหมือง มันจะดีกว่าปกติเพราะมันจะเป็นศึกป้องกัน แต่ถ้าผ่อนคลายมากไปจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง อย่าลืมซะล่ะ”

สี่วันหลังการประชุมพันธมิตรสี่ดินแดน ในที่สุดก็ได้รุดไปที่เหมืองที่ได้รับปกป้องโดยวอล์ม กองกำลังหลักของศัตรูคือสหพันธ์การค้าลิเบอริโต้ที่คุ้นเคย

“โจเซ่ อย่าปล่อยให้บันไดพาดมาสิฟระ!”

โจ่เซ่ที่อยู่ด้ายขวาของวอล์ม ได้คว้าปลายบันไดและผลักมันลง ทหารลิเบอริโต้ที่ปืนไปได้ครึ่งทางแล้วได้ร่วงลงกับพื้นโดนกระพือแขนขาของเขาในอากาศ  

วอล์มทิ้งหินขนาดเท่ากับลำตัวมนุษย์ใส่ศัตรูที่อยู่ด้านล่าง หินร่วงลงไปโดยได้บดขยี้ส่วนหนึ่งของบันไดและได้ลดความสามารถการต่อสู้ของศัตรบางคนลง

“โยนลงไปอีก ยังมีอีกเยอะ”

หินและหินแร่ที่ถูกแบกออกมาจากเหมืองได้เปลี่ยนเป็นอาวุธขว้างปาที่ยอดเยี่ยม

ผู้บัญชากองทัพลิเบอร์โต้ที่แต่งตัวดีใต้เกราะเป็นเป้าหมายที่ดีสำหรับการขว้าง มีแค่หัวเท่านั้นที่ได้รับการป้องกันจากโล่ แต่เนื่องจากการขว้างปานับไม่ถ้วน พื้นจึงไม่สม่ำเสมอและการเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ดี

เมื่อหินที่ขว้างโดยหัวหน้าดูเวยไปโดนที่นั่น ผู้บัญชากองทัพของลิเบอริโต้ก็ล้มลงพื้น

ศัตรูคนอื่นๆก็ไม่นิ่งเฉยเช่นกัน เหล่าทหารไฮเซิร์คก็ได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูที่ลอยเข้ามาเป็นระยะๆ

“ลูกไฟ!!!”

ทันทีหลังจากที่่มีคนตะโกน เปลวไฟก็รุกโชนที่ทางเดินกำแพงและทหารก็ทรุดตัวลงโดยไม่ได้แม้แต่กรีดร้อง

“สายไปแล้ว หัวเขาถูกเผาไปแล้ว”

ทหารยอมแพ้ให้กับเพื่อนร่วมชาติ และเริ่มยิงธนูใส่ศัตรูด้านล่าง

“วอล์ม ศัตรูกำลังมีโมเมนตำที่ทางด้านซ้าย ไปทักทายพวกมันซะ”

ไม่ใช่หัวหน้าดูเวย แต่เป็นหัวหน้าหมวดอ้วนโคซูรุที่ออกคำสั่ง

วอล์มวิ่งผ่านกำแพงที่หน่วยของดูเวยอยู่ และได้มาถึงจุดถัดไปที่อีกหน่วยอยู่ เป็นที่แน่นอนศัตรูกำลังเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง และมีทหารจำนวนนับไม่ถ้วยกำลังวิ่งอยู่ใต้ทางเดินกำแพง

“ฉันจะใช้มัน”

เมื่อวอล์มเตือน ทหารรอบๆก็หลบออกไปเพื่อรักษาระยะห่าง

“ถอยไป!! ไม่งั้นจะโดนไปด้วย!!”

ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้รับการปฏิบิติเป็นเหมือนกับอาวุธที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจและเปิดใช้เงาน《เพลิงปีศาจ》

หน้ากากสั่นเพื่่อชื่่นชมยินดี ในขณะเดียวกันทหารลิเบอริโต้ก็กรีดร้องออกมาเมื่อสังเกตุได้ว่าวอล์มโน้มตัวไปข้างหน้า

“ม-มันเป็นผู้ใช้《เพลิงปีศาจ》อาคคค!!!”

“อย่าปล่อยมันให้ใช้ได้ ฆ่ามัน!!”

มีศัตรูคนหนึ่งถือธนูและพุ่งเป้าไปที่วอล์ม แต่มันก็ช้าเกินไป เมื่ออากาศร้อนไหลไปรอบๆมันก็ได้กระจายเปลวเพลิงอันบ้าระห่ำไปด้วยเช่นกัน

“กร อาคคคค!!!”

“ร้อนนน เวรเอ้ย!! มันไม่ยอดดับ!!”

“ถอยทัพ ถอยทัพพพพ!!”

หลังจากดูคนมากกว่า 30 คนถูกห่อไปด้วยไฟ เหล่าทหารลิเบอริโต้ก็ได้ล่าถอย เหล่าคนที่มึนเมาเพราะไฟและคนที่อยู่ห่างไกลที่มีความต้านทางบางอย่างสามารถดับไฟและหลับหนีไปได้

ในตอนจบ มีคนที่ตายจาก《เพลิงปีศาจ》ประมาณ 20 คน

ไฟสีน้ำเงินส่องสว่างจากศพ กลิ่นแปลกๆจากมนุษย์ที่ถูกเผาไหม้ได้เจาะเข้ามาที่โพรงจมูก มันเป็นกลิ่นที่วอล์มคุ้นเคยกับการได้กลิ่นดี

ประมาณสองเท่าของคนจำนวนมากจะมีอาการบาดเจ็บที่หลอดลมหรือผิวในขณะนี้ แม้ว่าการเพิ่มพลังทำลายสูงสุดจะเพิ่มความเสียหายเป็นสองเท่า แต่วอล์มก็ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าหมวดโคซูรุ ให้ประหยัดมานาไว้และให้เพิ่มจำนวนศัตรูที่ได้รับบาดเจ็บ

“ไม่ว่าจะฉันจะเห็นมันกี่ครั้ง ก็น่าสยดสยองจริงๆ”

“ฉันดีใจจริงๆ ที่เขาอยู่ฝั่งเรา ขอบคุณจริงๆ”

เหล่าทหารพันธมิตรที่หลบออกไปได้มาตบไหล่ของวอล์มทีละคน

“ให้ความสำคัญกับการเติมหินและรักษาคนเจ็บเดี๋ยวนี้ ศัตรูกำลังกลัว《เพลิงแห่งประตูนรก》เพราะมันได้เผาผู้บัญชาการศัตรูด้วย”

วอล์มกลับไปที่ที่หน่วยของดูเวยรับผิดชอบอยู่ นอกเหลือจากการทำลายล้างของปีกซ้ายแล้วเหล่าทหารที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักของสหพันธ์การค้าลิเบอริโต้ดูเหมือนจะล่าถอยออกไปเพื่อจัดทัพใหม่

―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบ 
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 24

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 24 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“สนับสนุนการล่าถอย!? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน”

โจเซ่ตกใจกับคำพูดที่คาดไม่ถึงจากหัวหน้าดูเวย 

“ฉันก็สงสัยในหูของฉันเหมือนกัน ฉันขอรายละเอียดเพิ่มจากหัวหน้าหมวดแล้ว แล้วฉันก็ตกใจมากกว่าเดิมอีก อาณาจักรเฟอร์เรียส อาณาจักรไครซิท สหพันธ์การค้าลิเบอริโต้และก็เศษเหลือของราชรัฐไมยาร์ด มันร่วมมือกันแล้วน่ะสิ”

“เอ๊ะ? หมายความว่า เป็นพันธมิตรกันทั้งสี่ประเทศเลยเหรอคะ?”

นัวร์ถามออกมาด้วยสีหน้างุนงง ท้ายที่สุดประเทศทั้งสี่ประเทศนี้นั้นไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ดีและควรจะอยู่ในความตึงเครียดต่อกันและกัน แล้วตอนนี้จู่ๆพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนที่ต่อกัน มันยากสำหรับวอล์มที่จะไม่ตกใจเหมือนกัน

“ถูกต้อง  มีการจู่โจมทำลายส่วนหนึ่งของกองพันซาร์เรีย และกองพันอื่่นๆก็กำลังล่าถอยในขณะที่ปะทะไปด้วย”

“พวกมันมีเท่าไรกัน?”

“ในฐานะแค่ทหารราบ ฉันก็อยากจะบอกว่านายไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ แต่เหมือนกองทัพทั้งหมดของศัตรูจะมีมากเกิน 60,000”

“6- 60,000?”

ปากของบาริโต้ยังคงเปิดค้างอยู่ จำนวนทหารทั้งหมดในแนวหน้าเฟอร์เรียสนั้นมีเพียงแค่ 16,000 เท่านั้น แม้จะมีการเสริมกำลังจากแนวหน้าไมยาร์ดและจากเมืองหลวง แต่ก็คงจะดีถ้ารวมคนมาได้ 23,000 ถึง 24,000 คน

“เราจะค่อยๆถอนตัวโดยรักษาการป้องกันไปด้วย สนามรบที่แท้จริงนั้นจะเป็นรอบๆ ป้อมปราการซาราเยโว่ที่ชายแดนไมยาร์ด เราอาจขาดกำลังพลดังนั้นป้อมปราการจะไม่สามารถแสดงผลที่แท้จริงได้ แต่ตราบใดที่เรามีเสบียงและกองปล้นสะดม แม้เราจะชนะไม่ได้ แต่เราก็จะไม่แพ้เช่นกัน”

“เราจะทิ้งเหมืองไปไหมคะ?”

นัวร์ถาม ถ้าเกิดเหมืองถูกเอาคืนไปมันจะเปล่าประโยชน์ วอล์มเข้าใจดี มันฟังดูเหมือนเรื่องตลกที่เขาต้องแลกมันมาด้วยเลือดเนิ้อ แต่สุดท้ายแล้วเหมืองที่ยึดมาได้อย่างยากลำบากจะถูกส่งคืนให้ศัตรู

“ช่วยอะไรไม่ได้ เธอสามารถจัดการกับศัตรู 60,000 คนบนสนามได้ไหมล่ะ? ฉันไม่คิดว่าจะได้มันคืนกลับมาฟรีๆหรอกนะ”

ด้วยเสียงตะโกน เหมืองก็ดังก้องและฝุ่นบางส่วนก็ลอยขึ้นไปในอากาศราวกับมันรู้ว่าเหล่าทหารจะทำอะไร

“โอ้ เราจะทิ้งหลังคาแล้ว”

โจเซ่ปรบมือออกมาราวกับมั่นใจ

“ใช่ เราจะให้เชลยขนเสบียงมาที่นี่ ตอนแรกพวกเขามีแผนที่จะฆ่าพวกมันทั้งหมด แต่ดูเหมือนพวกมันจะถูกย้ายไปที่ปราสาทเก่าแห่งหนึ่งในไมยาร์ดและถูกใช้ให้เป็นทาส”

วอล์มนั้นไม่ต้องการฆ่าเชลยศึกที่ไม่ต่อต้านทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงรู้สึกโล่งใจกับการตัดสินนั้น

“นั่นคือทั้งหมดแล้ว กองพันลิกูเรียจะคอยสนับสนุนการล่าถอยของพันธมิตรในเหมือง มันจะดีกว่าปกติเพราะมันจะเป็นศึกป้องกัน แต่ถ้าผ่อนคลายมากไปจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง อย่าลืมซะล่ะ”

สี่วันหลังการประชุมพันธมิตรสี่ดินแดน ในที่สุดก็ได้รุดไปที่เหมืองที่ได้รับปกป้องโดยวอล์ม กองกำลังหลักของศัตรูคือสหพันธ์การค้าลิเบอริโต้ที่คุ้นเคย

“โจเซ่ อย่าปล่อยให้บันไดพาดมาสิฟระ!”

โจ่เซ่ที่อยู่ด้ายขวาของวอล์ม ได้คว้าปลายบันไดและผลักมันลง ทหารลิเบอริโต้ที่ปืนไปได้ครึ่งทางแล้วได้ร่วงลงกับพื้นโดนกระพือแขนขาของเขาในอากาศ  

วอล์มทิ้งหินขนาดเท่ากับลำตัวมนุษย์ใส่ศัตรูที่อยู่ด้านล่าง หินร่วงลงไปโดยได้บดขยี้ส่วนหนึ่งของบันไดและได้ลดความสามารถการต่อสู้ของศัตรบางคนลง

“โยนลงไปอีก ยังมีอีกเยอะ”

หินและหินแร่ที่ถูกแบกออกมาจากเหมืองได้เปลี่ยนเป็นอาวุธขว้างปาที่ยอดเยี่ยม

ผู้บัญชากองทัพลิเบอร์โต้ที่แต่งตัวดีใต้เกราะเป็นเป้าหมายที่ดีสำหรับการขว้าง มีแค่หัวเท่านั้นที่ได้รับการป้องกันจากโล่ แต่เนื่องจากการขว้างปานับไม่ถ้วน พื้นจึงไม่สม่ำเสมอและการเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ดี

เมื่อหินที่ขว้างโดยหัวหน้าดูเวยไปโดนที่นั่น ผู้บัญชากองทัพของลิเบอริโต้ก็ล้มลงพื้น

ศัตรูคนอื่นๆก็ไม่นิ่งเฉยเช่นกัน เหล่าทหารไฮเซิร์คก็ได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูที่ลอยเข้ามาเป็นระยะๆ

“ลูกไฟ!!!”

ทันทีหลังจากที่่มีคนตะโกน เปลวไฟก็รุกโชนที่ทางเดินกำแพงและทหารก็ทรุดตัวลงโดยไม่ได้แม้แต่กรีดร้อง

“สายไปแล้ว หัวเขาถูกเผาไปแล้ว”

ทหารยอมแพ้ให้กับเพื่อนร่วมชาติ และเริ่มยิงธนูใส่ศัตรูด้านล่าง

“วอล์ม ศัตรูกำลังมีโมเมนตำที่ทางด้านซ้าย ไปทักทายพวกมันซะ”

ไม่ใช่หัวหน้าดูเวย แต่เป็นหัวหน้าหมวดอ้วนโคซูรุที่ออกคำสั่ง

วอล์มวิ่งผ่านกำแพงที่หน่วยของดูเวยอยู่ และได้มาถึงจุดถัดไปที่อีกหน่วยอยู่ เป็นที่แน่นอนศัตรูกำลังเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง และมีทหารจำนวนนับไม่ถ้วยกำลังวิ่งอยู่ใต้ทางเดินกำแพง

“ฉันจะใช้มัน”

เมื่อวอล์มเตือน ทหารรอบๆก็หลบออกไปเพื่อรักษาระยะห่าง

“ถอยไป!! ไม่งั้นจะโดนไปด้วย!!”

ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้รับการปฏิบิติเป็นเหมือนกับอาวุธที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจและเปิดใช้เงาน《เพลิงปีศาจ》

หน้ากากสั่นเพื่่อชื่่นชมยินดี ในขณะเดียวกันทหารลิเบอริโต้ก็กรีดร้องออกมาเมื่อสังเกตุได้ว่าวอล์มโน้มตัวไปข้างหน้า

“ม-มันเป็นผู้ใช้《เพลิงปีศาจ》อาคคค!!!”

“อย่าปล่อยมันให้ใช้ได้ ฆ่ามัน!!”

มีศัตรูคนหนึ่งถือธนูและพุ่งเป้าไปที่วอล์ม แต่มันก็ช้าเกินไป เมื่ออากาศร้อนไหลไปรอบๆมันก็ได้กระจายเปลวเพลิงอันบ้าระห่ำไปด้วยเช่นกัน

“กร อาคคคค!!!”

“ร้อนนน เวรเอ้ย!! มันไม่ยอดดับ!!”

“ถอยทัพ ถอยทัพพพพ!!”

หลังจากดูคนมากกว่า 30 คนถูกห่อไปด้วยไฟ เหล่าทหารลิเบอริโต้ก็ได้ล่าถอย เหล่าคนที่มึนเมาเพราะไฟและคนที่อยู่ห่างไกลที่มีความต้านทางบางอย่างสามารถดับไฟและหลับหนีไปได้

ในตอนจบ มีคนที่ตายจาก《เพลิงปีศาจ》ประมาณ 20 คน

ไฟสีน้ำเงินส่องสว่างจากศพ กลิ่นแปลกๆจากมนุษย์ที่ถูกเผาไหม้ได้เจาะเข้ามาที่โพรงจมูก มันเป็นกลิ่นที่วอล์มคุ้นเคยกับการได้กลิ่นดี

ประมาณสองเท่าของคนจำนวนมากจะมีอาการบาดเจ็บที่หลอดลมหรือผิวในขณะนี้ แม้ว่าการเพิ่มพลังทำลายสูงสุดจะเพิ่มความเสียหายเป็นสองเท่า แต่วอล์มก็ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าหมวดโคซูรุ ให้ประหยัดมานาไว้และให้เพิ่มจำนวนศัตรูที่ได้รับบาดเจ็บ

“ไม่ว่าจะฉันจะเห็นมันกี่ครั้ง ก็น่าสยดสยองจริงๆ”

“ฉันดีใจจริงๆ ที่เขาอยู่ฝั่งเรา ขอบคุณจริงๆ”

เหล่าทหารพันธมิตรที่หลบออกไปได้มาตบไหล่ของวอล์มทีละคน

“ให้ความสำคัญกับการเติมหินและรักษาคนเจ็บเดี๋ยวนี้ ศัตรูกำลังกลัว《เพลิงแห่งประตูนรก》เพราะมันได้เผาผู้บัญชาการศัตรูด้วย”

วอล์มกลับไปที่ที่หน่วยของดูเวยรับผิดชอบอยู่ นอกเหลือจากการทำลายล้างของปีกซ้ายแล้วเหล่าทหารที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักของสหพันธ์การค้าลิเบอริโต้ดูเหมือนจะล่าถอยออกไปเพื่อจัดทัพใหม่

―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบ 
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 24

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 24 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เปลี่ยนชื่่อ อาณาจักรเครสท์ เป็น ไครซิท
―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
อาซามะ ยูโตะ กำลังมองลงไปที่ร่องรอยบนพื้นดินที่เขาได้สลักไว้ นี่ไม่ใช่การต่อสู้ครั้งแรกของเขา ถึงอย่างนั้นเวลาเขาฆ่าคน เขาก็อดที่จะไม่มีอารมณ์อ่อนไหวไม่ได้

เมื่อครึ่งปีที่แล้วยูโตะได้มาที่โลกนี้ เมื่อตอนที่เขากลับจากโรงเรียนกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนของเขา และถูกแมวดำเชื้อเชิญไปที่ศารเจ้าเก่าแห่งหนึ่ง

แต่ก็ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น และแมวดำก็หายไป ยูโตะและเพื่อนของเขาพยายามที่จะกลับบ้าน แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกดึงลงเข้าไปในวงวลสีดำที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้น

เมื่อยูโตะตื่นขึ้นมา ก็ไม่ได้อยู่ที่ศาลเจ้าแล้ว แต่มันเป็นซากปรักหักพังหินเก่าๆ

ถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าคนที่หลงยุค แล้วพวกเขาก็เปิดทางให้ โจฮานน่า อัศวินหญิงที่อ้างว่าเป็นอัศวินในภาคีอัศวินเรฮาเซน(Order of Reharzen) ได้ให้คำอธิบายอย่างอ่อนโยนกับยูโตะที่สับสนอย่างมาก

ใช้เวลาสี่ถึงห้าชั่วโมงกับการสนทนาและการสาธิต 《เวทมนตร์》และ《ทักษะ》เพื่อยืนยันว่าที่นี่คือต่างโลก

ภายใต้โจฮานน่าที่รับหน้าที่ที่ยากลำบากนี้ ยูโตะและเพื่อนของเขาที่ได้รับการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะต่างๆในทุกๆวัน แล้วพวกเขาก็ได้ถูกเรียกว่า “ผู้กล้าทั้งสาม” ในต่างโลกนี้และแต่ละคนจะได้รับบทบาททั้งในและนอกประเทศ

ในหมู่พวกเขานั้น ยูโตะนั้นเป็นที่ประจักษ์ใน《เวทมนตร์》และ《ทักษะ》ที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้และได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ราวกับจะลืมโลกก่อนของเขา และแต่เดิมยูโตะนั้นมีความสามารถทางด้านกีฬาสูงและมักจะได้รับเลือกเป็นตัวแทนในการแข่งขันกีฬา 

ในอาณาจักรไครซิท ที่ซึ่งมีดินแดนปีศาจที่ทรงพลังอยู่ใกล้ๆ ปีศาจนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าชัง แต่ก็ยังเป็นทรัพยากรอีกด้วย

เหล่ามอนสเตอร์ที่ถูกปราบจะถูกแปรรูปเป็นของใช้ประจำวันและเกราะ ยูโตะยังจำวันที่เขาได้กินเนื้อออร์คที่เขาฆ่าได้อย่างชัดเจน

ถึงอย่างนั้นยูโตะก็ไม่สามารถจะคุ้นชินกับการฆ่าคนได้ ครั้งแรกที่เขาชี้ดาบเข้าหาผู้คนคือที่หมู่บ้านใกล้ๆกับดินแดนปีศาจ ที่มีพวกทหารจากอาณาจักรคาโนอาที่ล้มสลายได้ผันเป็นโจร อาละวาดอยู่ที่นั่น

ยูโตะนั้นไม่ใช่คนที่มีสำนึกแห่งความยุติธรรรม แต่เขาก็มีศีลธรรมและสำนึกของผู้คนสมัยใหม่ จริงๆแล้วเขายังลังเลที่จะฆ่าคนอยู่

หน่วยปราบปรามได้ขับไล่พวกโจรไปที่รังของพวกมัน และคาดไว้ว่าการบุกจะทำให้สูญเสียไปมาก มือของยูโตะนั้นสั่น แต่เขาก็กำหมัดของเขาและพยายามกลั้นอารมณ์ของเขาและไปที่แนวหน้า

ผมลัพธ์ที่ได้นั้นน่ากลัว ยูโตะได้ใช้ทักษะ《การฟันศักดิ์สิทธิ์》สิ่งกีดขวางของที่ซ่อนถูกนั้นพัดปลิวไปจากการระเบิดเพียงครั้งเดียวและโจรมากกว่า12 คนก็ตายลงทันที ส่วนที่เหลือก็ถูกอัศวินจัดการลง ยูโตะเองก็ได้ต่อสู้กับโจรที่ซ่อนอยู่และได้แทงอกของโจรด้วยดาบ

ความรู้สึกที่เขารู้สึกได้บนมือของเขานั้นยังคงติดอยู่เป็นเวลาหลายเดือนและเขาไม่สามารถแม้แต่จะกินได้อย่างถูกต้องเป็นเวลาหลายวัน ยูโตะนั้นเป็นเพียงแค่นักเรียนมัธยมปลายเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงตกอยู่ภายใต้จิตใจที่ไม่สามารถยอมรับได้

ถึงอย่างนั้นเป็นเพราะการมีอยู่ของเหล่าอัศวินและเพื่อนสมัยเด็กที่ถูกส่งมาโลกนี้กับเขา

ในทีสุดยูโตะก็กลับจากท้องทะเลแห่งความคิดสู่ความเป็นจริงได้

“…มีกี่คนกันที่ตาย”

《การฟันศักดิ์สิทธิ์》ของยูโตะได้ทำลายอาคารที่ผู้บัญชากองร้อยของศัตรูอยู่ และได้ฆ่าคนสี่สิบถึงห้าสิบคน รวมถึงทหารไฮเซิร์คที่พยายจะหลบหนีด้วย

แม้ว่าพันธมิตรของเขาและชาวบ้านที่ได้รับการปลดปล่อยจะขอบคุณเขา แต่ใจของยูโตะก็ไม่ได้ดีขึ้น

“ยูโตะ นายกังวลอะไรน่ะ?”

มันคือ อิซากิ มาโคโตะ ผู้ที่ถูกเคลื่อนย้ายมาเหมือนกันที่เรียกยูโตะ

“ฮะ มาโคโตะ..”

“โทษทีฉันเอง อายาเนะกำลังรักษาผู้บาดเจ็บอยู่น่ะ”

 

มาโคโตะหัวเราะออกมาขณะที่ตบที่เอวของยูโตะ

 

มาโคโตะนั้นก็ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้และสังหารศัตรูด้วยเวทมตร์ระยะไกลเช่นกัน

“นายกังวลเรื่องนี้มามากพอแล้วน่า ฉันรู้ว่ามันยากที่จะเปลี่ยนความคิด แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมีขีวิตอยู่ที่นี่แล้วนิ่”

“ก็ถูก เราไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว”

มีสองความหมายอยู่เบื้องหลังคำพูดของยูโตะ หนึ่งคือที่พวกเขาไม่สามารถกลับไปโลกก่อนได้และอีกอย่างคือพวกเขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตที่ปราศจากการฆ่าหมุษย์คนอื่นๆได้แล้ว

ยูโตะและคนอื่นๆนั้นได้รับพรจากรอบๆตัวและผู้พิทักษ์ นอกเหนือจากการดูแลพวกเขาจนกว่าจะปรับตัวได้แล้ว พวกเขายังได้ใช้ชีวิตที่อาจเรียกว่า”ชนชั้นสูง”ในโลกนี้ และในโลกนี้พวกเขาได้เห็นหลายครั้งแล้วว่าคนที่ไร้พลังถูกย่ำยีอย่างโหดร้ายอย่างไร 

หากจักรวรรดิไฮเซิร์คที่เป็นผู้รุกรานถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครจัดการ อาณาจักรไครซิทในท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นรัฐบริพารหรือเลวร้ายที่สุดก็คือ ล้มสลาย เช่นเดียวกันกับราชรัฐไมยาร์ดและอาณาจักรคาโนอา ดังนั้นยูโตะจึงได้ตัดสินใจ

เพื่อที่เขาจะได้ปกป้องประเทศที่เป็นสถานที่ที่เขาและเพื่อนของเขาได้รับการดูแแล ไม่ทางใดที่เขาจะรอดพ้นจากการต่อสู้ได้อีกต่อไป

“ไม่เป็นไรหรอกน่า  เรามีทั้งคุณโจฮานน่าและพวกฉัน เรามาทำให้ดีที่สุดกันเถอะ”

“ใช่ เราจะเอาตัวรอดในโลกนี้ได้อย่างแน่นอน”

“ใช่….อ่า อื่ม เธอยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม มากินกันเถอะ ฉันมีเนื้ออร์คแห้งและซุปถั่วและปลาโทงดอง”     (เมนูอะไรนิ marinated fighting swordfish)

“ออร์คอีกแล้ว ก็ดี แม้ว่ามันจะดูเหมือน “นั่น” แต่รสชาติมันก็อร่อย ใช่มั้ย?”

“ใช่ ไปชวนอายาเนะมากินด้วยกันเถอะ”

ยูโตะถูกมาโคโตะลากตัวหายไปในเต็นท์ เขาได้มาที่โลกนี้และได้สูยเสียหลายสิ่งนับไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังคงได้รับบางอย่าง ยูโตะพยายามความคิดและจดจ่อไปที่อาหาร

―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบ น่าสงสารวอล์มนะดันมาเป็นผู้มาเกิดใหม่ไม่ได้ถูกอัญเชิญหรือมีทักษะเทพติดตัวตั้งแต่ต้น เริ่มต้นตั้งแต่เป็นชาวนาไปเลยไง แล้วก็ Order of Raharzen ใครมีชื่อดีๆบอกด้วย แถมภาพออกแบบของทั้งสามหน่อ
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook
 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 24

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 24 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เปลี่ยนชื่่อ อาณาจักรเครสท์ เป็น ไครซิท
―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
อาซามะ ยูโตะ กำลังมองลงไปที่ร่องรอยบนพื้นดินที่เขาได้สลักไว้ นี่ไม่ใช่การต่อสู้ครั้งแรกของเขา ถึงอย่างนั้นเวลาเขาฆ่าคน เขาก็อดที่จะไม่มีอารมณ์อ่อนไหวไม่ได้

เมื่อครึ่งปีที่แล้วยูโตะได้มาที่โลกนี้ เมื่อตอนที่เขากลับจากโรงเรียนกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนของเขา และถูกแมวดำเชื้อเชิญไปที่ศารเจ้าเก่าแห่งหนึ่ง

แต่ก็ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น และแมวดำก็หายไป ยูโตะและเพื่อนของเขาพยายามที่จะกลับบ้าน แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกดึงลงเข้าไปในวงวลสีดำที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้น

เมื่อยูโตะตื่นขึ้นมา ก็ไม่ได้อยู่ที่ศาลเจ้าแล้ว แต่มันเป็นซากปรักหักพังหินเก่าๆ

ถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าคนที่หลงยุค แล้วพวกเขาก็เปิดทางให้ โจฮานน่า อัศวินหญิงที่อ้างว่าเป็นอัศวินในภาคีอัศวินเรฮาเซน(Order of Reharzen) ได้ให้คำอธิบายอย่างอ่อนโยนกับยูโตะที่สับสนอย่างมาก

ใช้เวลาสี่ถึงห้าชั่วโมงกับการสนทนาและการสาธิต 《เวทมนตร์》และ《ทักษะ》เพื่อยืนยันว่าที่นี่คือต่างโลก

ภายใต้โจฮานน่าที่รับหน้าที่ที่ยากลำบากนี้ ยูโตะและเพื่อนของเขาที่ได้รับการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะต่างๆในทุกๆวัน แล้วพวกเขาก็ได้ถูกเรียกว่า “ผู้กล้าทั้งสาม” ในต่างโลกนี้และแต่ละคนจะได้รับบทบาททั้งในและนอกประเทศ

ในหมู่พวกเขานั้น ยูโตะนั้นเป็นที่ประจักษ์ใน《เวทมนตร์》และ《ทักษะ》ที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้และได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ราวกับจะลืมโลกก่อนของเขา และแต่เดิมยูโตะนั้นมีความสามารถทางด้านกีฬาสูงและมักจะได้รับเลือกเป็นตัวแทนในการแข่งขันกีฬา 

ในอาณาจักรไครซิท ที่ซึ่งมีดินแดนปีศาจที่ทรงพลังอยู่ใกล้ๆ ปีศาจนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าชัง แต่ก็ยังเป็นทรัพยากรอีกด้วย

เหล่ามอนสเตอร์ที่ถูกปราบจะถูกแปรรูปเป็นของใช้ประจำวันและเกราะ ยูโตะยังจำวันที่เขาได้กินเนื้อออร์คที่เขาฆ่าได้อย่างชัดเจน

ถึงอย่างนั้นยูโตะก็ไม่สามารถจะคุ้นชินกับการฆ่าคนได้ ครั้งแรกที่เขาชี้ดาบเข้าหาผู้คนคือที่หมู่บ้านใกล้ๆกับดินแดนปีศาจ ที่มีพวกทหารจากอาณาจักรคาโนอาที่ล้มสลายได้ผันเป็นโจร อาละวาดอยู่ที่นั่น

ยูโตะนั้นไม่ใช่คนที่มีสำนึกแห่งความยุติธรรรม แต่เขาก็มีศีลธรรมและสำนึกของผู้คนสมัยใหม่ จริงๆแล้วเขายังลังเลที่จะฆ่าคนอยู่

หน่วยปราบปรามได้ขับไล่พวกโจรไปที่รังของพวกมัน และคาดไว้ว่าการบุกจะทำให้สูญเสียไปมาก มือของยูโตะนั้นสั่น แต่เขาก็กำหมัดของเขาและพยายามกลั้นอารมณ์ของเขาและไปที่แนวหน้า

ผมลัพธ์ที่ได้นั้นน่ากลัว ยูโตะได้ใช้ทักษะ《การฟันศักดิ์สิทธิ์》สิ่งกีดขวางของที่ซ่อนถูกนั้นพัดปลิวไปจากการระเบิดเพียงครั้งเดียวและโจรมากกว่า12 คนก็ตายลงทันที ส่วนที่เหลือก็ถูกอัศวินจัดการลง ยูโตะเองก็ได้ต่อสู้กับโจรที่ซ่อนอยู่และได้แทงอกของโจรด้วยดาบ

ความรู้สึกที่เขารู้สึกได้บนมือของเขานั้นยังคงติดอยู่เป็นเวลาหลายเดือนและเขาไม่สามารถแม้แต่จะกินได้อย่างถูกต้องเป็นเวลาหลายวัน ยูโตะนั้นเป็นเพียงแค่นักเรียนมัธยมปลายเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงตกอยู่ภายใต้จิตใจที่ไม่สามารถยอมรับได้

ถึงอย่างนั้นเป็นเพราะการมีอยู่ของเหล่าอัศวินและเพื่อนสมัยเด็กที่ถูกส่งมาโลกนี้กับเขา

ในทีสุดยูโตะก็กลับจากท้องทะเลแห่งความคิดสู่ความเป็นจริงได้

“…มีกี่คนกันที่ตาย”

《การฟันศักดิ์สิทธิ์》ของยูโตะได้ทำลายอาคารที่ผู้บัญชากองร้อยของศัตรูอยู่ และได้ฆ่าคนสี่สิบถึงห้าสิบคน รวมถึงทหารไฮเซิร์คที่พยายจะหลบหนีด้วย

แม้ว่าพันธมิตรของเขาและชาวบ้านที่ได้รับการปลดปล่อยจะขอบคุณเขา แต่ใจของยูโตะก็ไม่ได้ดีขึ้น

“ยูโตะ นายกังวลอะไรน่ะ?”

มันคือ อิซากิ มาโคโตะ ผู้ที่ถูกเคลื่อนย้ายมาเหมือนกันที่เรียกยูโตะ

“ฮะ มาโคโตะ..”

“โทษทีฉันเอง อายาเนะกำลังรักษาผู้บาดเจ็บอยู่น่ะ”

 

มาโคโตะหัวเราะออกมาขณะที่ตบที่เอวของยูโตะ

 

มาโคโตะนั้นก็ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้และสังหารศัตรูด้วยเวทมตร์ระยะไกลเช่นกัน

“นายกังวลเรื่องนี้มามากพอแล้วน่า ฉันรู้ว่ามันยากที่จะเปลี่ยนความคิด แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมีขีวิตอยู่ที่นี่แล้วนิ่”

“ก็ถูก เราไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว”

มีสองความหมายอยู่เบื้องหลังคำพูดของยูโตะ หนึ่งคือที่พวกเขาไม่สามารถกลับไปโลกก่อนได้และอีกอย่างคือพวกเขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตที่ปราศจากการฆ่าหมุษย์คนอื่นๆได้แล้ว

ยูโตะและคนอื่นๆนั้นได้รับพรจากรอบๆตัวและผู้พิทักษ์ นอกเหนือจากการดูแลพวกเขาจนกว่าจะปรับตัวได้แล้ว พวกเขายังได้ใช้ชีวิตที่อาจเรียกว่า”ชนชั้นสูง”ในโลกนี้ และในโลกนี้พวกเขาได้เห็นหลายครั้งแล้วว่าคนที่ไร้พลังถูกย่ำยีอย่างโหดร้ายอย่างไร 

หากจักรวรรดิไฮเซิร์คที่เป็นผู้รุกรานถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครจัดการ อาณาจักรไครซิทในท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นรัฐบริพารหรือเลวร้ายที่สุดก็คือ ล้มสลาย เช่นเดียวกันกับราชรัฐไมยาร์ดและอาณาจักรคาโนอา ดังนั้นยูโตะจึงได้ตัดสินใจ

เพื่อที่เขาจะได้ปกป้องประเทศที่เป็นสถานที่ที่เขาและเพื่อนของเขาได้รับการดูแแล ไม่ทางใดที่เขาจะรอดพ้นจากการต่อสู้ได้อีกต่อไป

“ไม่เป็นไรหรอกน่า  เรามีทั้งคุณโจฮานน่าและพวกฉัน เรามาทำให้ดีที่สุดกันเถอะ”

“ใช่ เราจะเอาตัวรอดในโลกนี้ได้อย่างแน่นอน”

“ใช่….อ่า อื่ม เธอยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม มากินกันเถอะ ฉันมีเนื้ออร์คแห้งและซุปถั่วและปลาโทงดอง”     (เมนูอะไรนิ marinated fighting swordfish)

“ออร์คอีกแล้ว ก็ดี แม้ว่ามันจะดูเหมือน “นั่น” แต่รสชาติมันก็อร่อย ใช่มั้ย?”

“ใช่ ไปชวนอายาเนะมากินด้วยกันเถอะ”

ยูโตะถูกมาโคโตะลากตัวหายไปในเต็นท์ เขาได้มาที่โลกนี้และได้สูยเสียหลายสิ่งนับไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังคงได้รับบางอย่าง ยูโตะพยายามความคิดและจดจ่อไปที่อาหาร

―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบ น่าสงสารวอล์มนะดันมาเป็นผู้มาเกิดใหม่ไม่ได้ถูกอัญเชิญหรือมีทักษะเทพติดตัวตั้งแต่ต้น เริ่มต้นตั้งแต่เป็นชาวนาไปเลยไง แล้วก็ Order of Raharzen ใครมีชื่อดีๆบอกด้วย แถมภาพออกแบบของทั้งสามหน่อ
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook
 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+