สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 33

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 33 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วอล์มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับปากของเขา และจากนั้นสมองของเขาก็เจ็บปวดราวกับถูกค้อนสงครามทุบซ้ำแล้วซ้ำอีก แขนขาไม่สามารถขยับได้อย่างอิสระและหน้าอกก็รู้สึกเจ็บเวลาหายใจออก

“อะ…อ่า อ”

รู้สึกหายใจไม่ออกและร่างกายของวอล์มก็หนัก กลิ่นของดินและกลิ่นเหม็นติดอยู่ในจมูก เมื่อวอล์มขยับร่างกายของเขา ความมืดก็จางหายไปหลังจากต่อต้านเล็กน้อย

วอล์มหายใจจากปอดราวกับโหยหา ก้อนดินและน้ำออกมา วอล์มใช้เวลาสักครู่ก่อนที่จะรู้ว่าเขาจมอยู่ในพื้นดิน ถึงอย่างนั้น หลังจากที่เขาออกมาจาก

พื้นดิน การมองเห็นครึ่งหนึ่งของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดและอีกครึ่งหนึ่งเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน

กลิ่นที่วอล์มคุ้นเคยในสนามรบนั้นรุนแรงกว่าปกติ เมื่อเขาขยับเพียงตาขวาและมองไปรอบๆ เขาก็ได้พบกับความพินาศของสิ่งที่มันเคยเป็นและทหารจำนวนมากที่ถูกทิ้งไว้อย่างยุ่งเหยิง 

วอล์มรู้สึกเจ็บปวดอย่างหมองคล้ำ ราวกับมีคีมบีบรัดหัวของเขาและรู้สึกเจ็บที่ดวงตาราวกับมันถูกน้ำแข็งแทงทะลุ เขาเห็นหน้าของเขาในเงาสะท้อนของดาบที่เขาดึงออกมา มันไม่มีบาดแผลที่เห็นได้ชัด แต่ดวงตาสีดำข้างหนึ่งของเขากลายเป็นโคลนและเปลี่ยนสี

ไม่มีอะไรสะท้อนในดวงตาโคลน วอล์มตระหนักได้ถึงแสงที่หายไปจากตาซ้าย

อ่าา ฉันเดาว่ามันเป็นเพราะเรื่องนั้นสินะ…

น่าแปลก วอล์มเชื่อว่าเขาถูกเผาด้วยเวทมนตร์ เขาได้รับการโจมตีด้วยมานาหนาแน่นจำนวนมาก โชตดีที่มันแค่ดวงตาข้างเดียว

วอล์มตรวจสภาพร่างกายของเขา หัวน่าจแตก น่าแปลที่แผลเริ่มสมานแล้ว นิ้วในมือซ้ายของเขาทั้งหมดหงอไปทั่ว ทุกครั้งที่เขาสูดอากาศเขาจะต้องรู้สึกเจ็บปวดเหลือทน เขาอยู่ใสภาพที่ไม่ดีอย่างแน่นอน หลังจากตรวจสภาพร่างกายของเขามาระยะหนึ่ง วอล์มก็เงยหน้าสู่ฟากฟ้าอีกครั้ง มันเป็นพระจันทร์เต็มดวง ลักษณะของดวงจันทร์เปลี่ยนไปจากที่เขาจำได้

“กี่วันแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้น?”

วอล์มถามออกมา แต่ก็ไม่มีคำตอบมีเพียงความตายที่รายรอบตัวเขา ศพถูกโยนลงไปในหลุมที่เกิดจากเวทมนตร์ 

ศพทีทิ้งไม่ได้และศพที่ฝังครึ่งร่างในพื้นก็เริ่มสลายตัว หนูและหนอนปกคลุมร่างกายและกลืนกินมัน

พวกเขาทั้งหมดเป็นของกองทัพจักรวรรดิไฮเซิร์ค

เหมือนว่าพวกมันไม่ได้สนใจศพของศัตรูมากนัก

วอล์มคาดเดาว่าพวกมันฝังศพของกองทัพศัตรูได้อย่างแย่ กลิ่นของน้ำศักดิ์สิทธิ์แทบจะไม่มีเลย

ดินและทรายจำนวนมากที่เกิดจากการระเบิดได้ซ่อนวอล์มไว้ใต้พื้นดิน ดังนั้นจึงได้เลี่ยงความเสียหายจากสัตว์และศัตรู

“อ่าา อาก ไรนัส ทิเบิร์ด ดานฟาน…”

วอล์มกล่าวถึงหลายชื่อ เป็นสมาชิกสามคนที่เก่าแก่ที่สุดของหน่วยดูเวย เขาไม่ได้สนิทสนมกับพวกเขาเป็นพิเศษ แต่เป็นความจริงที่ว่าเขาอยู่ในสนามรบที่อันตรายถึงชีวิจและเกือบจะตายด้วยกันมาเกือบปี

ห่างไกลจากความเป็นเพื่อน  แต่พวกเขาก็ซื่อตรงต่อความปรารถนา เป็นความประทับใจที่วอล์มมีต่อทั้งสามคน ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าชีวิตของเขาเคยได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา

การแจ้งตือนสีแดงสดกำลังกรีดร้องในสมองของวอล์ม

หยุด ไม่อย่ามากไปกว่านี้

――เขาเห็นผมสีแดงสด คันธนูแตกหัก และขวานสงครามของหัวหน้าดูเวยที่หัก

“อึ อากกก”

ท้องที่ว่างกระชับขึ้นและกรดก็เพิ่มขึ้นมา ความรู้สึกรอบปากนั้นแย่สุดๆ

วอล์มกำมือโดยไม่รู้ตัว

จะต้องทำอย่างไรต่อจากนี้?

วอล์มที่อ่อนแอไม่มีเวลาให้คิดมากนัก

ธงทั้งหมดที่ส่องสว่างใต้แสงจันทร์เป็นของพันธมิตรสี่ดินแดน ชั้นส่วนใหญ่ถูกยึดแล้ว และชั้นที่วอล์มดูแลก็กลายเป็นสุสานขนาดใหญ่

แนวหน้าจะไม่เงียบแบบนี้  เดาว่ามันจะต้องเป็นเขตปลอดภัยในพื้นที่ที่ถูกบดขยี้อย่างสมบูรณืโดยพันธมิตรสี่ดินแดน

วอล์มสามารถเข้าใจได้ว่ากำลังหลักของศัตรูกำลังยัดทหารเข้าไปที่ชั้นที่ยังคงได้รับการป้องกันจากกองทัพจักรวรรดิไฮเซิร์ค

มากแค่ไหนกัน? ทั้งหมด? เหลือแค้กำแพงหรือเปล่า?ฉันควรทำยังไงดี? ฉันควรแกล้งทำเป็นศพต่อไปหรือจะหลบหนีหลังจากเห็นช่องว่างดี? หรือควรจะยอมจำนน?

เมื่อวอล์มมองลงมาเขาพบเบ้าตาที่ว่างเปล่าของสหายที่เขาไม่ค่อยได้คุยด้วย และมีศพอื่นที่ไม่สามารถคงรูปร่างเดิมของใบหน้าไว้ได้ ไม่ใช่แค่หนึ่ง วอล์มได้รับการบอกเล่าจากพี่ชายของเขาว่าผู้ที่สูญเสียดวงตาทั้งสองข้างก่อนที่จะตายจะไม่สามารถไปถึงประตูนรกได้ แล้วนับประสาอะไรกับในนรก และจะใช้เวลาในชีวิตที่เหลือของพวกเขาท่องไปในความมืดอันว่างเปล่า วอล์มไม่รู้ว่าดวงตาถูกควักออกมาก่อนหรือหลังจากตาย ศพมีมือถูกผูกไว้ที่ด้านหลังซึ่งหมายความว่าพวกเขาถูกฆ่าตายหลังจากถูกจับตัว

เพราะทหารบันดาลโทสะ? หรือเพราะตั้งใจ?

――ทหารที่ไม่สามาถระงับอารุมณ์และบันดาลโทสะแม้หลังจากศัตรูยอมจำนนนั้นก็เป็นเรื่องทั่วไปในสงครามเช่นกัน อาหาร การเฝ้าระวัง  วอล์มที่ซึ่งเคยจัดการกับเชลยนั้นมีประสบการณ์ว่าเชลยศึกนั้นมีค่าใช้จ่ายมากเพียงใด

จักรวรรดิไฮเซิร์คที่กำลังงดเว้นอย่างเป็นทางการจากการสังหารเชลยศึกเพื่อให้ความรู้สึกของดินแดนที่เข้ายึดเสื่อมลงและรักษาความปลอดภัยให้กับกำลังแรงงาน วอล์มได้เห็นหลายครั้งแม้แต่กับจักรวรรดิไฮเซิร์คก็ฆ่าเชลยศึกเนื่องจากขาดเสบียงสำหรับพวกเขาเองและทำให้ทหารสงบลง ทหารนับไม่ถ้วนของพันธมิตรสี่ดินแดนนั้นถูกสังหารหรือได้รับบาดเจ็บในชั้นที่ 3 วอล์มสามารถจินตนาการได้ว่ากองทัพที่ซึ่งไม่ได้มีสายบังคับบัญชาเป็นปึกแผ่นจะปฏิบัติต่อเชลยศึกแตกต่างกันไป ซึ่งนำไปศู่การทำลายล้างเชลยศึก ถึงอย่างนั้นวอล์มก็ไม่เข้าใจความจำเป็นของการเอาดวงตาของศพออกไป

“มันคือสงคราม มันไม่ได้แปลก แต่…”

จำเป็นไหมที่จะต้องชิงชังศัตรูขนาดนั้น?

ทุกอย่่าง”ถูกต้อง”แล้วในสงคราม?

เมื่อคำดังกล่าวเข้ามาในใจ วอล์มก็เผยฟันของเขาและหัวเราะเสียงดัง

“ฮ่าๆ ฮ่ะ ฮ่าาา อึก”

แม้ฉันจะฆ่าคนเหมือกัน แต่ทำไมฉันยังเก็บความเชื่อและบุคลิกไว้กัน?

วอล์มไม่รู้จริงๆว่าผ่านไปกี่วันแล้ว ถึงอย่างนั้นในหัวของเขา สมาชิกหน่วยที่หยอกล้อจนถึงไม่กี่ชั่วโมงนี้ก็เข้ามาในความคิด

“อ่าา ใช่ ความตายเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน มันเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือสงคราามมันเป็นสงคราม ฆ่าคนอื่น และก็อาจถูกฆ่าเองด้วย”

วอล์มพยายามแยกแยะสถานการณ์ แต่อารมณ์ก็ขัดขวางเขา

ในตอนนั้นวอล์มรู้สึกว่าแสงสว่างกำลังเข้าใกล้เขาที่ซึ่งอยู่ในที่มืด

“เห้ย ดูนั่นดิ มันมีบางอย่างยืนอยู่”

“อันเดดอีกแล้วเหรอ? แม้จะถูกฆ่าไปแล้วแต่ไอ้พวกทหารไฮเซิร์คมันก็ยังทำให้เราเดือดร้อนจริงๆ”

“เราได้บดขยี้ดวงตาและแขนขาของคนแถวๆนี้ไปแล้ว มันจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดีอย่างแน่นอน รีบไปบดขยี้หัวมันกันเถอะ”

บทสนทนาของทหารเฟอร์เรียสที่ซึ่งไร้กังวลนั้นสามารถได้ยินได้ วอล์มประกายด้วยความคิดที่จะยอมจำนนและขอร้องศัตรู แต่เขาก็เห็นอีกครั้งว่าสหายของเขาเป็นยังไง มีแขนขาถูกมันไว้และเสียชีวิต

“ยอมจำนวน เฮอะ อย่ามาล้อเล่น พวกมันคือคนที่ทรมานพวกเขา”

แม้ว่าจะข้อร้องให้รอดชีวิต แต่พวกมันก็จะไม่ทำให้ตายง่ายๆ

“ฉันควรจะเอาหนอนมาปกและแกล้งทำเป็นศพดีไหมนะ? ฮะ ก็ไม่เลวเลย”

มันไม่ใช่ความคิดที่ดีถ้ามีเพียงแค่วอล์มเท่านั้น เพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าเขาถูกล้อมไปด้วยทหารกว่า 10,000 นาย ที่ตรงกลางของดินแดนของศัตรู

หน้าที่ ความรับผิดชอบ การแก้แค้น

อธิษฐานต่อหน่วย ความภักดีต่อบ้านเกิดเมืองนอนและความเกลียดชังต่อศัตรู

『”นายกำลังปรารถนาอะไรด้วยดวงตาโคลนนั่น”』

“…..”

“โอ้ว มันพึมพำบางอย่างรึเปล่า”

“มันก็แค่ครวญครางน่า”

“สกปรกจริง ตาของมันไม่ได้ถูกบดขยี้ หรือมันอาจเป็นคนที่พลาดไป”

“ฮะ เมื่อเราล้อมมันและจัดการผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ”

อ่า!

วอล์มคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา 

เขาจำได้ว่า《เพลิงปีศาจ》ถูกเรียกว่า《เพลิงแห่งประตูนรก》

ถ้าฉันเผามันอย่างยิ่งไหญ่คนเหล่านี้ก็จะไม่หลงทางแล้วใช่ไหม?

ด้วยความหวังที่สหายของเขาจะสามารถไปถึงขุมนรกได้ วอล์มบอกกับสหายของเขาที่ไร้ซึ่งดวงตา

“แม้ว่านายจะมองไม่เห็น แต่นายก็ยังรู้สึกถึง《เพลิงปีศาจ》ของฉันได้ ฉันจะจุดไฟให้เป็นพิเศษ ไฟที่ยิ่งใหญ่”

ในขณะที่วอล์มปั่นคำพูดให้กับสหายของเขา ในที่สุดทหารเฟอร์เรียสก็ตระหนักว่ามันไม่ใช่อันเดด

“มันไม่ใช่อันเดด มันยังไม่ตาย”

“มันก็ไอ้ขี้ขลาดที่รอดด้วยการแกล้งเป็นศพจากการต่อสู้เมื่อ 5 วันก่อนเท่านั้นล่ะน่า”

“5 วันในที่แบบนี้..?”

มีบางอย่างกระทบกับเท้าของวอล์มที่ยืนนิ่งอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาและพึมพำอย่างมีความสุข

“นายไม่คิดมากเหรอ? อยากมาด้วยกันไหม? นับจากนี้ไปมันจะเป็นกองไฟกองใหญ่”

หน้ากากส่งเสียงราวกับว่ามันตกลง วอล์มค่อยๆสวมหน้ากากและหายใจออก บางทีอาจเป็นเพราะการกระตุ้นของลมหายใจหรือจินตนาการถึงกองไฟที่กำลังจะเกิดขึ้น หน้ากากก็สั่นอย่างรุนแรง

―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบ – ก้าวแรก  
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebo
 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 33

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 33 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วอล์มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับปากของเขา และจากนั้นสมองของเขาก็เจ็บปวดราวกับถูกค้อนสงครามทุบซ้ำแล้วซ้ำอีก แขนขาไม่สามารถขยับได้อย่างอิสระและหน้าอกก็รู้สึกเจ็บเวลาหายใจออก

“อะ…อ่า อ”

รู้สึกหายใจไม่ออกและร่างกายของวอล์มก็หนัก กลิ่นของดินและกลิ่นเหม็นติดอยู่ในจมูก เมื่อวอล์มขยับร่างกายของเขา ความมืดก็จางหายไปหลังจากต่อต้านเล็กน้อย

วอล์มหายใจจากปอดราวกับโหยหา ก้อนดินและน้ำออกมา วอล์มใช้เวลาสักครู่ก่อนที่จะรู้ว่าเขาจมอยู่ในพื้นดิน ถึงอย่างนั้น หลังจากที่เขาออกมาจาก

พื้นดิน การมองเห็นครึ่งหนึ่งของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดและอีกครึ่งหนึ่งเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน

กลิ่นที่วอล์มคุ้นเคยในสนามรบนั้นรุนแรงกว่าปกติ เมื่อเขาขยับเพียงตาขวาและมองไปรอบๆ เขาก็ได้พบกับความพินาศของสิ่งที่มันเคยเป็นและทหารจำนวนมากที่ถูกทิ้งไว้อย่างยุ่งเหยิง 

วอล์มรู้สึกเจ็บปวดอย่างหมองคล้ำ ราวกับมีคีมบีบรัดหัวของเขาและรู้สึกเจ็บที่ดวงตาราวกับมันถูกน้ำแข็งแทงทะลุ เขาเห็นหน้าของเขาในเงาสะท้อนของดาบที่เขาดึงออกมา มันไม่มีบาดแผลที่เห็นได้ชัด แต่ดวงตาสีดำข้างหนึ่งของเขากลายเป็นโคลนและเปลี่ยนสี

ไม่มีอะไรสะท้อนในดวงตาโคลน วอล์มตระหนักได้ถึงแสงที่หายไปจากตาซ้าย

อ่าา ฉันเดาว่ามันเป็นเพราะเรื่องนั้นสินะ…

น่าแปลก วอล์มเชื่อว่าเขาถูกเผาด้วยเวทมนตร์ เขาได้รับการโจมตีด้วยมานาหนาแน่นจำนวนมาก โชตดีที่มันแค่ดวงตาข้างเดียว

วอล์มตรวจสภาพร่างกายของเขา หัวน่าจแตก น่าแปลที่แผลเริ่มสมานแล้ว นิ้วในมือซ้ายของเขาทั้งหมดหงอไปทั่ว ทุกครั้งที่เขาสูดอากาศเขาจะต้องรู้สึกเจ็บปวดเหลือทน เขาอยู่ใสภาพที่ไม่ดีอย่างแน่นอน หลังจากตรวจสภาพร่างกายของเขามาระยะหนึ่ง วอล์มก็เงยหน้าสู่ฟากฟ้าอีกครั้ง มันเป็นพระจันทร์เต็มดวง ลักษณะของดวงจันทร์เปลี่ยนไปจากที่เขาจำได้

“กี่วันแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้น?”

วอล์มถามออกมา แต่ก็ไม่มีคำตอบมีเพียงความตายที่รายรอบตัวเขา ศพถูกโยนลงไปในหลุมที่เกิดจากเวทมนตร์ 

ศพทีทิ้งไม่ได้และศพที่ฝังครึ่งร่างในพื้นก็เริ่มสลายตัว หนูและหนอนปกคลุมร่างกายและกลืนกินมัน

พวกเขาทั้งหมดเป็นของกองทัพจักรวรรดิไฮเซิร์ค

เหมือนว่าพวกมันไม่ได้สนใจศพของศัตรูมากนัก

วอล์มคาดเดาว่าพวกมันฝังศพของกองทัพศัตรูได้อย่างแย่ กลิ่นของน้ำศักดิ์สิทธิ์แทบจะไม่มีเลย

ดินและทรายจำนวนมากที่เกิดจากการระเบิดได้ซ่อนวอล์มไว้ใต้พื้นดิน ดังนั้นจึงได้เลี่ยงความเสียหายจากสัตว์และศัตรู

“อ่าา อาก ไรนัส ทิเบิร์ด ดานฟาน…”

วอล์มกล่าวถึงหลายชื่อ เป็นสมาชิกสามคนที่เก่าแก่ที่สุดของหน่วยดูเวย เขาไม่ได้สนิทสนมกับพวกเขาเป็นพิเศษ แต่เป็นความจริงที่ว่าเขาอยู่ในสนามรบที่อันตรายถึงชีวิจและเกือบจะตายด้วยกันมาเกือบปี

ห่างไกลจากความเป็นเพื่อน  แต่พวกเขาก็ซื่อตรงต่อความปรารถนา เป็นความประทับใจที่วอล์มมีต่อทั้งสามคน ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าชีวิตของเขาเคยได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา

การแจ้งตือนสีแดงสดกำลังกรีดร้องในสมองของวอล์ม

หยุด ไม่อย่ามากไปกว่านี้

――เขาเห็นผมสีแดงสด คันธนูแตกหัก และขวานสงครามของหัวหน้าดูเวยที่หัก

“อึ อากกก”

ท้องที่ว่างกระชับขึ้นและกรดก็เพิ่มขึ้นมา ความรู้สึกรอบปากนั้นแย่สุดๆ

วอล์มกำมือโดยไม่รู้ตัว

จะต้องทำอย่างไรต่อจากนี้?

วอล์มที่อ่อนแอไม่มีเวลาให้คิดมากนัก

ธงทั้งหมดที่ส่องสว่างใต้แสงจันทร์เป็นของพันธมิตรสี่ดินแดน ชั้นส่วนใหญ่ถูกยึดแล้ว และชั้นที่วอล์มดูแลก็กลายเป็นสุสานขนาดใหญ่

แนวหน้าจะไม่เงียบแบบนี้  เดาว่ามันจะต้องเป็นเขตปลอดภัยในพื้นที่ที่ถูกบดขยี้อย่างสมบูรณืโดยพันธมิตรสี่ดินแดน

วอล์มสามารถเข้าใจได้ว่ากำลังหลักของศัตรูกำลังยัดทหารเข้าไปที่ชั้นที่ยังคงได้รับการป้องกันจากกองทัพจักรวรรดิไฮเซิร์ค

มากแค่ไหนกัน? ทั้งหมด? เหลือแค้กำแพงหรือเปล่า?ฉันควรทำยังไงดี? ฉันควรแกล้งทำเป็นศพต่อไปหรือจะหลบหนีหลังจากเห็นช่องว่างดี? หรือควรจะยอมจำนน?

เมื่อวอล์มมองลงมาเขาพบเบ้าตาที่ว่างเปล่าของสหายที่เขาไม่ค่อยได้คุยด้วย และมีศพอื่นที่ไม่สามารถคงรูปร่างเดิมของใบหน้าไว้ได้ ไม่ใช่แค่หนึ่ง วอล์มได้รับการบอกเล่าจากพี่ชายของเขาว่าผู้ที่สูญเสียดวงตาทั้งสองข้างก่อนที่จะตายจะไม่สามารถไปถึงประตูนรกได้ แล้วนับประสาอะไรกับในนรก และจะใช้เวลาในชีวิตที่เหลือของพวกเขาท่องไปในความมืดอันว่างเปล่า วอล์มไม่รู้ว่าดวงตาถูกควักออกมาก่อนหรือหลังจากตาย ศพมีมือถูกผูกไว้ที่ด้านหลังซึ่งหมายความว่าพวกเขาถูกฆ่าตายหลังจากถูกจับตัว

เพราะทหารบันดาลโทสะ? หรือเพราะตั้งใจ?

――ทหารที่ไม่สามาถระงับอารุมณ์และบันดาลโทสะแม้หลังจากศัตรูยอมจำนนนั้นก็เป็นเรื่องทั่วไปในสงครามเช่นกัน อาหาร การเฝ้าระวัง  วอล์มที่ซึ่งเคยจัดการกับเชลยนั้นมีประสบการณ์ว่าเชลยศึกนั้นมีค่าใช้จ่ายมากเพียงใด

จักรวรรดิไฮเซิร์คที่กำลังงดเว้นอย่างเป็นทางการจากการสังหารเชลยศึกเพื่อให้ความรู้สึกของดินแดนที่เข้ายึดเสื่อมลงและรักษาความปลอดภัยให้กับกำลังแรงงาน วอล์มได้เห็นหลายครั้งแม้แต่กับจักรวรรดิไฮเซิร์คก็ฆ่าเชลยศึกเนื่องจากขาดเสบียงสำหรับพวกเขาเองและทำให้ทหารสงบลง ทหารนับไม่ถ้วนของพันธมิตรสี่ดินแดนนั้นถูกสังหารหรือได้รับบาดเจ็บในชั้นที่ 3 วอล์มสามารถจินตนาการได้ว่ากองทัพที่ซึ่งไม่ได้มีสายบังคับบัญชาเป็นปึกแผ่นจะปฏิบัติต่อเชลยศึกแตกต่างกันไป ซึ่งนำไปศู่การทำลายล้างเชลยศึก ถึงอย่างนั้นวอล์มก็ไม่เข้าใจความจำเป็นของการเอาดวงตาของศพออกไป

“มันคือสงคราม มันไม่ได้แปลก แต่…”

จำเป็นไหมที่จะต้องชิงชังศัตรูขนาดนั้น?

ทุกอย่่าง”ถูกต้อง”แล้วในสงคราม?

เมื่อคำดังกล่าวเข้ามาในใจ วอล์มก็เผยฟันของเขาและหัวเราะเสียงดัง

“ฮ่าๆ ฮ่ะ ฮ่าาา อึก”

แม้ฉันจะฆ่าคนเหมือกัน แต่ทำไมฉันยังเก็บความเชื่อและบุคลิกไว้กัน?

วอล์มไม่รู้จริงๆว่าผ่านไปกี่วันแล้ว ถึงอย่างนั้นในหัวของเขา สมาชิกหน่วยที่หยอกล้อจนถึงไม่กี่ชั่วโมงนี้ก็เข้ามาในความคิด

“อ่าา ใช่ ความตายเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน มันเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือสงคราามมันเป็นสงคราม ฆ่าคนอื่น และก็อาจถูกฆ่าเองด้วย”

วอล์มพยายามแยกแยะสถานการณ์ แต่อารมณ์ก็ขัดขวางเขา

ในตอนนั้นวอล์มรู้สึกว่าแสงสว่างกำลังเข้าใกล้เขาที่ซึ่งอยู่ในที่มืด

“เห้ย ดูนั่นดิ มันมีบางอย่างยืนอยู่”

“อันเดดอีกแล้วเหรอ? แม้จะถูกฆ่าไปแล้วแต่ไอ้พวกทหารไฮเซิร์คมันก็ยังทำให้เราเดือดร้อนจริงๆ”

“เราได้บดขยี้ดวงตาและแขนขาของคนแถวๆนี้ไปแล้ว มันจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดีอย่างแน่นอน รีบไปบดขยี้หัวมันกันเถอะ”

บทสนทนาของทหารเฟอร์เรียสที่ซึ่งไร้กังวลนั้นสามารถได้ยินได้ วอล์มประกายด้วยความคิดที่จะยอมจำนนและขอร้องศัตรู แต่เขาก็เห็นอีกครั้งว่าสหายของเขาเป็นยังไง มีแขนขาถูกมันไว้และเสียชีวิต

“ยอมจำนวน เฮอะ อย่ามาล้อเล่น พวกมันคือคนที่ทรมานพวกเขา”

แม้ว่าจะข้อร้องให้รอดชีวิต แต่พวกมันก็จะไม่ทำให้ตายง่ายๆ

“ฉันควรจะเอาหนอนมาปกและแกล้งทำเป็นศพดีไหมนะ? ฮะ ก็ไม่เลวเลย”

มันไม่ใช่ความคิดที่ดีถ้ามีเพียงแค่วอล์มเท่านั้น เพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าเขาถูกล้อมไปด้วยทหารกว่า 10,000 นาย ที่ตรงกลางของดินแดนของศัตรู

หน้าที่ ความรับผิดชอบ การแก้แค้น

อธิษฐานต่อหน่วย ความภักดีต่อบ้านเกิดเมืองนอนและความเกลียดชังต่อศัตรู

『”นายกำลังปรารถนาอะไรด้วยดวงตาโคลนนั่น”』

“…..”

“โอ้ว มันพึมพำบางอย่างรึเปล่า”

“มันก็แค่ครวญครางน่า”

“สกปรกจริง ตาของมันไม่ได้ถูกบดขยี้ หรือมันอาจเป็นคนที่พลาดไป”

“ฮะ เมื่อเราล้อมมันและจัดการผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ”

อ่า!

วอล์มคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา 

เขาจำได้ว่า《เพลิงปีศาจ》ถูกเรียกว่า《เพลิงแห่งประตูนรก》

ถ้าฉันเผามันอย่างยิ่งไหญ่คนเหล่านี้ก็จะไม่หลงทางแล้วใช่ไหม?

ด้วยความหวังที่สหายของเขาจะสามารถไปถึงขุมนรกได้ วอล์มบอกกับสหายของเขาที่ไร้ซึ่งดวงตา

“แม้ว่านายจะมองไม่เห็น แต่นายก็ยังรู้สึกถึง《เพลิงปีศาจ》ของฉันได้ ฉันจะจุดไฟให้เป็นพิเศษ ไฟที่ยิ่งใหญ่”

ในขณะที่วอล์มปั่นคำพูดให้กับสหายของเขา ในที่สุดทหารเฟอร์เรียสก็ตระหนักว่ามันไม่ใช่อันเดด

“มันไม่ใช่อันเดด มันยังไม่ตาย”

“มันก็ไอ้ขี้ขลาดที่รอดด้วยการแกล้งเป็นศพจากการต่อสู้เมื่อ 5 วันก่อนเท่านั้นล่ะน่า”

“5 วันในที่แบบนี้..?”

มีบางอย่างกระทบกับเท้าของวอล์มที่ยืนนิ่งอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาและพึมพำอย่างมีความสุข

“นายไม่คิดมากเหรอ? อยากมาด้วยกันไหม? นับจากนี้ไปมันจะเป็นกองไฟกองใหญ่”

หน้ากากส่งเสียงราวกับว่ามันตกลง วอล์มค่อยๆสวมหน้ากากและหายใจออก บางทีอาจเป็นเพราะการกระตุ้นของลมหายใจหรือจินตนาการถึงกองไฟที่กำลังจะเกิดขึ้น หน้ากากก็สั่นอย่างรุนแรง

―――――――――――――――――――――――――――――――――――――――
จบ – ก้าวแรก  
ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebo
 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+