สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 4

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดหกวันหลังจากปราบก็อบลินที่หมู่บ้าน หน่วยดูเวยก็ได้มาถึงอดีตอาณาจักรคาโนอาที่ถูกผนวกเข้ามา

เมื่อเห็นหมู่บ้านในดินแดนที่ถูกรวมเข้ามา คุณอาจเห็นร่องรอยของสงครามเมื่อ 5 ปีก่อน

ไกลออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะไปถึงเมืองที่ติดกับดินแดนของ ไมยาร์ด ที่เรียกว่า ‘ซาร์เรีย’

นอกจากกำแพงป้องกันเมืองแม่น้ำและคูน้ำแล้วตอนนี้เมืองซาร์เรียได้ถูกใช้เป็นป้อมปราการ
ของจักรวรรดิไฮเซิร์ค

เมืองซาร์เรียซึ่งเชื่อมต่อกับเมืองอื่นๆ ในจักรวรรดิ โดยพูดได้ว่าเป็นสถานที่เหมาะกับการไว้เติมเสบียงและกองกำลังสำหรับการรบกับ ไมยาร์ด กองกำลังขนาดกองพลประจำการอยู่รอบๆ

ในการรุกรานครั้งนี้กองพลกำลังรวมตัวกันจากหลายๆที่ รวมเป็น 9 กองพล ประมาณ 18,00 นาย
กำลังรวมพลกันที่นี่เพื่อเข้ายึด ไมยาร์ด

ซาร์เรียเป็นเมื่องสุดท้ายของอาณาจักรคาโนอาที่ยอมจำนนต่อจักรวรรดิไฮเซิร์ค แต่แม้หลังผ่านไป
5 ปั กำแพงและสะพานหนยังคงถูกทิ้งไว้ด้วยร่องรอยการทำลายล้างด้วยเวทมนตร์และหิน

หลังจากผ่านประตูปราการและเข้าสู่เมืองคูณจะเห็นถนนสายหลักเรียงรายไปด้วยร้านค้าและบ้านพัก

สินค้าจำนวนมากที่ขายที่นี่นั้นมีราคาแพงกว่าที่อื่นๆ ในจักรวรรดิ โดยเฉพาะร้ายขายของชำ เมื่อ วอล์ม ยังเป็นชาวนา ราคาแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เข้าสามารถซื้อได้

ประชาชนหลายคนที่เดินอยู๋บนถนนผอมและไม่สามารถพูดได้ว่า มีสัดส่วนมาตรฐาน ข้อยกเว้นพียงอย่างเดียวคือมีกองทัพของจักรวรรดิไฮเซิร์คประจำการอยู่

หลังจากไปถึงป้อมปราการ ซาร์เรีย สิ่งที่รอหน่วยของดเวย ที่กำลังพักอยู่ที่รานฝึกซ้อมคือ..

“เหล่าบุคลากรทหารยังมาไม่ถึงตามแผนที่นัดไว้ ยินดีเถอะ วันนี้ว่าง”

“ฮ่าา! เยี่ยมเวลาเวลาว่า”

“จะไปดื่มไหม? หรือ ผู้หญิงดี?”

“หรือจะทั้งสองอย่างพร้อมกัน”

ไรนัส ทิเบิร์ด และดานฟาน คนโง่ทั้งสามหายตัวไปในซอยหลังที่พักทันทีหลังจากพวกเขาได้ยิน
เมื่อเห็นแบบนั้นหัวหน้า ดูเวย ก็บ่นและกุมขมับ

“โอ้ ยังไม่พออีกเหรอ ถามจริง มันคงไม่เป็นไรที่จะปล่อยพวกเขาไปตอนนี?”

เมื่อพิจารณถึงเวลาที่มี พวกจึงซื่อสัตย์ต่อความต้องการของตนเอง

ท้ายที่สุดประเทศของพวกเขาก็รบกับประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งใหญ่และเล็ก
คำว่า “สงบสุข” วอล์ม ลืมไปนานแล้ว

สำหรับการเข้ากองทัพเขาติดอยู่ในสนามรบได้รับการต่อสู้ที่อันตรายถึงตายและเอาตัวรอดและใช้เวลาในการฝึกซ้อมและการเดินขบวนตอนที่ไม่ได้รบ

และตอนนี้เป็นเวลาว่าง สำหรับทหารเช่นนี้มันเหมือนเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ วอล์ม คิดว่ามันเป็นการฝึกแบบใหม่?

“เวลาว่างเหรอ?”

แสดงความวิตกในสิ่งที่คนปกติจะมีความสุข วอล์ม ตั้งคำถามอย่างวิตก หัวหน้าห่น่วยตอบด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อเห็นแบบนั้น

“ไม่ชอบมันเหรอ”

“มะ ไม่ ไม่ใช้แบบนั้น”

“เอาละ นายสามารภทอะไรก็ได้ที่อยากเช่นเดียวกับพวนั้น เหล้า บุหรี่ หรือผูหญิง ค่อไปจะเป็นการตู้สู้ที่ใหญ่และยาวนาน ใช้ชีวิตอย่าให้เสียใจทีหลัง แต่ก็ให้ตั้งใจเวลารวมพล อยู่ในแถวตอนรุ่งเช้า ถ้านายมาสายจะถูกลงโทษ”

ทันทีที่หัวหน้าหน่วยตบมือสมาชิคที่เหลือก็กระจายออกไป ที่เหลืออยู่่คือหัวหน้า โจเซ่ และ วอล์ม

“แล้วนายจะทำอะไร วอล์ม”

“อ่า เอิ่มม …ทำออะไรดี…”

เมื่อถูกโจเซ่ถาม วอล์ม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีกับเวลาว่างสั้นๆ ที่เพิ่งได้รับ

สุดท้าย วอล์ม ก็เติบโตมาในชนบทไม่เคยออกจากหมู่บ้นจนถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ

เมื่อตอนอยู่ที่ชนบทยกเว้นทำไร่เขาก็ออกสมุนไพรป่าและล่าสัตว์ในป่า โอกาศที่จะทำอะไรอิสระหายไปนานแล้ว

เมื่อได้รัคำสั่งทันทีว่า “ทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ” แน่นอนว่า วอล์ม อดไม่ได้ที่จะสับสน

“นายไม่มีอะไรอยากทำเรอะ”

“ฉันจะไปดื่มกับหัวหน้าดูเวย เขาเคยมาแล้วครั้งหนึ่งดังนั้นเขาจึงเป็นไกด์ที่เยี่ยมยอดสำหรับโรงเตี้ยม และมันยังอยู่ใกล้ มากับพวกเราไหมล่ะ วอล์ม”

ขณะได้รับการช่วยเหลือ วอล์ม จึงยอมรับมันและตามพวกเขาโดยไม่คิดอะไรเลย

พวกเขาเดินออกจากถนนหลักเขาไปในซอย

จากช้าวบ้านไปจนถึงทหารที่กำลังมองหาร้านค้าไปถึงขอทาร พวกเขาเดินผ่านผู้คนหลายประเภท

ในมุมหนุ่งของซอยด้านหลังมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่และพูดว่า…

“สักคืนไหมคะ”

มันอาจเป็นสาววัยรุ่น แทบจะมองเห็นกระดูกทุกต่างของร่างกายแทนที่จะเห็นเนื้อหนังเช่นผู้หญิงธรรมดา

หญิงสาวกำลังสุ่มเรียกทหารสักคน

จากนั้นเธอก็มองที่ วอล์ม

“สักคืนไหมคะ”

“ไม่ฉันไม่ต้องการ”

อีกสองคนก็ไม่สนใจเช่นกัน

วอล์ม และคนอื่นๆ ปฏิเสธเธอ เธอกัดฟันและก้มมองพื้น

“เอาไปหาซื้อของซะ”

วอล์ม ให้เหรียญทองแดงบางส่วนโดยรู้ว่าไม่สามรถแก้ปัญหาได้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยิ้มและขอบคุณวอล์ม

มันเป็นเงินที่ฉันได้มาจากศพ ฉันแน่ใจว่าเหรียญจะยินดีที่ถูกใช้ให้เธออิ่มท้องมากกว่าหายไปกับเหล่าและบุหรีของทหาร

หลังจากนั้นเธอก็หายไปในซอยด้านหลังโดยไม่แสดงสีหน้านิ่งๆ

“ให้ทานอีกแล้ว ทำอย่างพอนะ เคไหม”

โจเซ่ที่อยู่ข้างหลังบอกกับวอล์ม วอล์มขมวดคิ้ว

“เธอฉลาดมันคงดีกับเธอ ถ้าเธอแสดงท่าทางมีความสุขเกินไปจะถูกรุมร้อมไปด้วยพวกขอทาน”

วอล์มมองไปรอบๆ และเขาเห็นผู้นคน เด็กเล็ก ที่สูญเสียแขนขาเพราะสงครามกำลังขอทาน และเป็นความจริงที่เขาไม่สามารถให้ทานทุกคนได้

“…ใช่ คราวหลังฉันจะระวังมากกว่านี้”

บางทีเขาอาจพอใจแล้วโจเซ่พยักหน้า

“ฉันไม่ได้จะบอกว่ามันไม่ดี แต่มันคงจะดีกว่าที่จะได้อะไรตอบแทนแม้แต่ฉันก็ยังลังเลที่จะทำมันในตรอกซอยด้านหลังหรือต่อหน้าชายหลายคน”

ขณะวอล์ม มองตามสายตาของโจเซ่ เขาก็เห็นทหารคนอื่นหายไปในดรอก เมื่อเขาตั้งใจฟังเสียง ก็จะได้ยินเสียงที่รั่วไหลออกมาจากตรอก เขาเหมือนได้ยินเสียงคนโง่ทั้งสามปะปนอยู่ด้วย

“พวกนั้นไม่ใช่โสเภณี ซ่องตั้งอยู่ไกลจากที่นี่ เนื่องจากทหารหลายคนมารวมตัวกันครั้งนี้คนนอกจึงขายตัวด้วยตัวเองเพราะพวกเขาต้องหาค่าเลี้ยงชีพแต่ถ้าถูกพบพวกเขาก็จะมีปัญหา

ย่านโคมแดงเป็นสิ่งสถานที่ซับซ้อน และในทุกๆ โลกหลายครั้งจะลงมือรุนแรงเพื่อปกป้องธุรกิจ

หัวหน้าหน่วยยังคงเดินลึกเข้าไปในซอยโดยไม่ได้พบคนพวกนั้น ตอนแรกพวกเขาดูกลัวและคนเดียว
ที่ถูกเรียกก็คือวอล์ม

“แม้ว่านายจะฆ่าคนมากมายในสนามรบนายก็ไม่ได้สนใจสถานที่อื่น วอล์ม นายไม่ใช่นักบวชหรืออัศวินที่ให้ความสำคัญกับเกียรติยศ มันมีความหมายเล็กน้อยในหน้าที่ สุดท้ายจะไปไกลแค่ไหนเราก็เป็นแค่ทหาร”

โจเซ่นั้นเหมือนวอล์มเขาถูกเกณฑ์มา แต่ภูมิหลังเขานั้นหายากมาก เขาเคยเป็นเป็นลูกชายคนที่สี่ของพ่อค้า อาจมีวิธีอื่นในการใช้ชีวิตเช่นเป็นคนรับใช้ของพ่อค้าคนอื่น แต่เขาบอกว่าการหารายได้ในสนามรบเป็นวิธีที่แน่นอนว่าเขาจะมีเกวียนหรือร้านค้า

ถึงอย่างนั้นโจเซ่ก็ปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดในสนามรบได้และได้เปลี่ยนวิธีคิดของเขาไป ในทางกลับกันวอล์ฒ ยังคงไม่สามารถจัดการกับวิธีคิดของชีวิตก่อนหน้าของเขาได้และเขาไม่สามารถทิ้งมันไปได้

ขณะฟังโจเซ่อยู่หัวหน้าหน่วยก็พึมพำอย่าเหงาๆ

“แต่เดิมเมืองนี้เดิมเป็นของอาณาจักรคาโนอา เป็นดินแดนที่อุดมสมบุรณ์ ที่มันกลายเป็นแบบนี้เพราะสงคราม”

“ฉันเห็น แต่ก่อนมันไม่ใช่แบบนี้เหรอ”

โจเซ่ซึ่งดูเหมือนจะสนใจหัวข้อนี้ก็ถามหัวหน้า

“เมื่อห้าปีที่แล้ว คาโนอาเข้ามาแทรกแซกจักรวรรดิซึ่งกำลังเพิ่่มพรมแดนเรื่อยๆ พวกเขาจัดการเพื่อชนะสงครามแม้กระยึดหมู่บ้าน เห็นนี่ไหมถั่วที่ฉันมักจะกินบ่อยๆ พวกเขาใช้มันเพื่อเลี้ยงพวกปศุสัตว์”

หัวหน้าหน่วยหยิบกระเป๋าออกมา ด้านในเป็นถั่วที่วอล์มกินหลายครั้งในช่วงเดือนมีนาคม และกินมันหลายครั้งในขณะที่หัวหน้าใช้เป็นส่วนผสมสำหรับซุป

“และตอนนี้มันก็กลายเป็นแบบนี้ อดีตขุนนางคาโนอา แกรนด์ดยุคไมยาร์ดได้ละทิ้ง
อาณาจักรคาโนอาและหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาณาจักรเฟอร์เรียส แต่กองทัพที่ถูงส่งมาจาก
เฟอรฺเรียสและทหารที่หลบหนีได้นำปศุสัตว์และข้าวจากที่อื่่นๆของอาณาจักรคาโนอาแล้วจึงเผาทุ่งนา จักรวรรดิซึ่งขาดกำลังพลได้เลื่อนการรุกรานออกไปจนถึงตอนนี้”

“นั่นมันแย่มาก”

โจเซ่ส่ายหัวและดูเหนื่อยกับมัน

กลยุทธ์ดินแดนไหม้เกรียมมีประสิทธิภาพสำหรับกองกำลังที่พึ่งพาดินแดนศัตรูเพื่อใช้เป็นเสบียง
แม้ในโลกที่การขนส่งหมุนเวียนด้วยกระเป๋าเวทย์และเม้และเหล่าสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่าในโลกก่อน
จักรวรรดิไฮเซิร์คก็ยังลำบากในการสนับสนุนตัวเอง

แกรนด์ดยุคไมยาร์ดได้ยอมแพ้ในดินแดนของเขาและอาณาจักรเฟอร์เรียสก็ให้การสนับสนุนอาหารเพียงแม้จะเพียงเล็กน้อยและในที่สุดเขาก็วางแผนที่จะเอาอาณาจักรคาโนอากลับคืนมา 
แต่ความแค้นที่อดีตพลเมืองของอาณาจักรคาโนอามีต่อแกรนด์ดยุคไมยาร์ดและะ
อาณาจักรเฟอร์เรียสนั้นหนักกว่าที่มุ่งเป้าไปที่ฝั่งจักรวรรดิ เมื่อคุณถูกทรยศโดยคนที่คุณไว้ใจมากที่สุดใครๆ ก็โกรธใช่ไหมละ”

“ฉันกังวลกับกองพันที่ประกอบด้วยอดีตพลเมืองคาโนอาที่เข้าร้วมในสงครามครั้งนี้ แต่คงไม่น่่าเป็รไรหลอก”

ดังนั้น วอล์ม จึงได้รู้สึกจักอาณาจักรคาโนอามากขึ้น

ขณะพูดกันอยู่พวกเขาก็มาถึงโรงเตี้ยม

มันเป็นอาคารสองชั้นที่มีบาร์ที่ชั้นหนึ่งและห้องพักที่ชั้นสอง ผนังด้านนอกสกปรกจากเขม่านี่อาจออกมาจากกลัวและประตูทางเข้ามีรอยขีดข่วนเล็กๆเหมือนเคยถูกทุบมาก่อน

ขณะที่พวกเขาผลักประตูเข้าไปกริ่งก็ส่งสัญญาณว่าลูกค้าเข้ามาในร้านแล้ว

ที่โต๊ะใกล้เคาน์เตอร์มีทหาร ไฮเซิร์ค ห้าคนและด้านหลังมีชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นขาประจำที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าและของตกแต่งอย่างประณีตและตัดเย็บมาอย่างดี

วอล์ม คิดว่าคนเหล่านั้นอาจเป็นพ่อค้าในเมืองโดยตัดสินจากรูปลักษณ์ของพวกเขา

ร่วมกับหัวหน้าดูเวย พวกเราก็ไปนั่งที่โต๊ะห่างจากสองกลุ่มนั้น

“วันนี้ฉันเลี้ยงเอง นายเห็นไหมว่ามีทหารใหม่สองคนรอดจากศึกแรกของพวกเขา มันก็นานแล้วตั้งแตาวอล์ม”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นโจเซ่ก็ผิวปากอย่างมีความสุขและวอล์มก็ยิ้มอย่างพอใจ

หัวหน้าหน่วยยกมือขึ้นและหันไปมองและเจ้าของก็ออกมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์

“ขอเอลสามขวดกับไวน์หนึ่งขวด แล้วก็มีอาหารอะไรที่ทำได้ทันทีไหม”

ครู่หนึ่งเจ้าของร้านก็แสดงท่าทางคิดอยู่และตอบ

“เราสามารถเสิร์ฟซุปและขนมปังอบ ควาย และถั่วได้ทันทีที่เราอุ่นมันและยังมีปลาดุกสำหรับสามที่”

“เอามาให้เราสามคน แล้วก็ปลาดุกขอเป็นทอด”

เจ้าของพยักหน้าและเข้าไปในครัว ซุปและขนมปังกับเบียร์ถูกนำมาเสิร์ฟเร็วกว่าที่ วอล์มคาดไว้

“เหมือนกับที่ชายแดนลิเบอริโต้ ขอให้เราได้รับชัยชนะจาก ไมยาร์ด!!”

หัวหน้ายกแก้วขึ้น

วอล์มไม่ลังเลที่จะชนแก้วอย่างแรง

กริ้ง!!

หลังจากเสียงชนแก้วพวกเขาก็ดื่มทั้งหมดในครั้งเดียว

มันเป็นประเพณีชนิดหนึ่ง แต่สำหรับทหารที่อยู่ในสงครามมักจะทำเกินจริงเมื่อพวกเขาดื่ม

วอล์มได้รับการบอกว่า ทหารที่ไม่ทำเช่นนั้นหมายความว่าพวกเขาขาดความน่าเชื่อถือ

เด็กเสิร์ฟเทเบียร์ลงในแก้วมากขึ้นในขณะมองว่าพวกเราต้องการอะไร

วอล์มแบ่งขนมปังเป็นชิ้นพอดีคำแล้วเอาไปแช่ในซุปแล้วจึงนำเข้าปาก รสชาติที่ล้นออกมาจากเนื้อควายและความเข้มข้นของหัวหอมและถั่วกระจายอยู่ในปากของเขา

เขาใช้ซ่อมแทงส่วนผสมที่อยู่ในซุปแล้วนำเข้าปาก เนื้อเหนียวของความก็นิ่มขึ้นเช่นกัน ถั่วก็ถูกต้มในระดับปานกลางและเมื่อเคี้ยวเบาๆ เขาก็รู้สึกถึงเนื้อสัมผัสของหัวหอมและถั่วที่สมดุลกัน

“ฉันคิดว่าฉันจะเบื่อซุปถั่วแล้ว แต่ด้วยทักษะของพ่อครัวมันกลับอร่อยกว่าที่คิดไว้”

ขณะที่วอล์มกำลังชมอาหาร โจเซ่ ก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ปกติแล้วจะมีของปรุงสุกหรือดิบไว้มากมาย”

ปลาดูกทอดเรียงรายอยู่บนโต๊ะหลังจากกินซุปเสร็จ เนื้อปลาดุกถูกแบ่งเป็นสามชิ้นแต่เนื่องจากมีปลา
สามตัวสำหรับทั้งสามคน วอล์มจึงยื่นมือออกไปโดยคิดว่ามันคงจะดีที่จะกินมัน

เขานำมันเข้าไปในปากด้วยส้อม หลังจากเนื้อสัมผัสของปลาดุกกระจายในปาก มันมีรสชาติของเนื้อสีขาวที่เบาผสมกับหนังปลาได้ดีเข้ารู้สึกว่าสามารถกินมันเท่าไรก็ได้

“ปลาดุกอร่อยสุดๆ”

การต้องกินแต่อาหารแห้งหรืออาหารต้มมันเป็นความเจ็บปวดของ วอล์ม ซึ่งเติบโตมาในวัฒนธรรมอาหารอันหลากหลายเมื่อชีวิตก่อนของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขาสามารถสนุกไปกับการกินโดยไม่ต้องคิดเกี่ยวกับการโดนโจมตีตอนกลางคืนหรือรีบตื่นตอนเช้า

“ครั้งสุดท้ายที่เรากินปลาคือเมื่อไรนะ? มันคือก่อนที่เขาจะไปที่ชายแดน ลิเบอริโต้หรือเปล่านะ? ตอนนั้นเป็นปลาแม่น้ำด้วย ไม่ใช่ปลาดุก”

หัวหน้าหน่วยอารมณ์ดีแล้วดื่มเบียร์ทันทีและเอื้อมไปหยีบขวดไวน์

 

“เอ้า กินและดื่ม”

ตามที่ได้ยิน วอล์ม ก็ดื่มเบียร์ที่่เหลือและไวน์ก็ถูกเติมในแก้วเปล่า มันเหมาจะเอาไว้ตัดรสชาติมันในปาก

พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่ไม่มีอะไรจะหยุดพวกเขาจากการดื่มเหล้า

วอล์ม ลืมทุกอย่างแล้วก็เพลิดเพลินไปกับอาหารและเครื่องดื่มตรงหน้่า

****
จบไปแล้วกับตอนที่4 เมื่อวานที่พูดเรื่องตำแหน่งไปวันนี้เลยทักไปถามคนแปล ENG และนี่คือคำตอบ
ทั้งนี้ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 4

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดหกวันหลังจากปราบก็อบลินที่หมู่บ้าน หน่วยดูเวยก็ได้มาถึงอดีตอาณาจักรคาโนอาที่ถูกผนวกเข้ามา

เมื่อเห็นหมู่บ้านในดินแดนที่ถูกรวมเข้ามา คุณอาจเห็นร่องรอยของสงครามเมื่อ 5 ปีก่อน

ไกลออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะไปถึงเมืองที่ติดกับดินแดนของ ไมยาร์ด ที่เรียกว่า ‘ซาร์เรีย’

นอกจากกำแพงป้องกันเมืองแม่น้ำและคูน้ำแล้วตอนนี้เมืองซาร์เรียได้ถูกใช้เป็นป้อมปราการ
ของจักรวรรดิไฮเซิร์ค

เมืองซาร์เรียซึ่งเชื่อมต่อกับเมืองอื่นๆ ในจักรวรรดิ โดยพูดได้ว่าเป็นสถานที่เหมาะกับการไว้เติมเสบียงและกองกำลังสำหรับการรบกับ ไมยาร์ด กองกำลังขนาดกองพลประจำการอยู่รอบๆ

ในการรุกรานครั้งนี้กองพลกำลังรวมตัวกันจากหลายๆที่ รวมเป็น 9 กองพล ประมาณ 18,00 นาย
กำลังรวมพลกันที่นี่เพื่อเข้ายึด ไมยาร์ด

ซาร์เรียเป็นเมื่องสุดท้ายของอาณาจักรคาโนอาที่ยอมจำนนต่อจักรวรรดิไฮเซิร์ค แต่แม้หลังผ่านไป
5 ปั กำแพงและสะพานหนยังคงถูกทิ้งไว้ด้วยร่องรอยการทำลายล้างด้วยเวทมนตร์และหิน

หลังจากผ่านประตูปราการและเข้าสู่เมืองคูณจะเห็นถนนสายหลักเรียงรายไปด้วยร้านค้าและบ้านพัก

สินค้าจำนวนมากที่ขายที่นี่นั้นมีราคาแพงกว่าที่อื่นๆ ในจักรวรรดิ โดยเฉพาะร้ายขายของชำ เมื่อ วอล์ม ยังเป็นชาวนา ราคาแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เข้าสามารถซื้อได้

ประชาชนหลายคนที่เดินอยู๋บนถนนผอมและไม่สามารถพูดได้ว่า มีสัดส่วนมาตรฐาน ข้อยกเว้นพียงอย่างเดียวคือมีกองทัพของจักรวรรดิไฮเซิร์คประจำการอยู่

หลังจากไปถึงป้อมปราการ ซาร์เรีย สิ่งที่รอหน่วยของดเวย ที่กำลังพักอยู่ที่รานฝึกซ้อมคือ..

“เหล่าบุคลากรทหารยังมาไม่ถึงตามแผนที่นัดไว้ ยินดีเถอะ วันนี้ว่าง”

“ฮ่าา! เยี่ยมเวลาเวลาว่า”

“จะไปดื่มไหม? หรือ ผู้หญิงดี?”

“หรือจะทั้งสองอย่างพร้อมกัน”

ไรนัส ทิเบิร์ด และดานฟาน คนโง่ทั้งสามหายตัวไปในซอยหลังที่พักทันทีหลังจากพวกเขาได้ยิน
เมื่อเห็นแบบนั้นหัวหน้า ดูเวย ก็บ่นและกุมขมับ

“โอ้ ยังไม่พออีกเหรอ ถามจริง มันคงไม่เป็นไรที่จะปล่อยพวกเขาไปตอนนี?”

เมื่อพิจารณถึงเวลาที่มี พวกจึงซื่อสัตย์ต่อความต้องการของตนเอง

ท้ายที่สุดประเทศของพวกเขาก็รบกับประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งใหญ่และเล็ก
คำว่า “สงบสุข” วอล์ม ลืมไปนานแล้ว

สำหรับการเข้ากองทัพเขาติดอยู่ในสนามรบได้รับการต่อสู้ที่อันตรายถึงตายและเอาตัวรอดและใช้เวลาในการฝึกซ้อมและการเดินขบวนตอนที่ไม่ได้รบ

และตอนนี้เป็นเวลาว่าง สำหรับทหารเช่นนี้มันเหมือนเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ วอล์ม คิดว่ามันเป็นการฝึกแบบใหม่?

“เวลาว่างเหรอ?”

แสดงความวิตกในสิ่งที่คนปกติจะมีความสุข วอล์ม ตั้งคำถามอย่างวิตก หัวหน้าห่น่วยตอบด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อเห็นแบบนั้น

“ไม่ชอบมันเหรอ”

“มะ ไม่ ไม่ใช้แบบนั้น”

“เอาละ นายสามารภทอะไรก็ได้ที่อยากเช่นเดียวกับพวนั้น เหล้า บุหรี่ หรือผูหญิง ค่อไปจะเป็นการตู้สู้ที่ใหญ่และยาวนาน ใช้ชีวิตอย่าให้เสียใจทีหลัง แต่ก็ให้ตั้งใจเวลารวมพล อยู่ในแถวตอนรุ่งเช้า ถ้านายมาสายจะถูกลงโทษ”

ทันทีที่หัวหน้าหน่วยตบมือสมาชิคที่เหลือก็กระจายออกไป ที่เหลืออยู่่คือหัวหน้า โจเซ่ และ วอล์ม

“แล้วนายจะทำอะไร วอล์ม”

“อ่า เอิ่มม …ทำออะไรดี…”

เมื่อถูกโจเซ่ถาม วอล์ม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีกับเวลาว่างสั้นๆ ที่เพิ่งได้รับ

สุดท้าย วอล์ม ก็เติบโตมาในชนบทไม่เคยออกจากหมู่บ้นจนถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ

เมื่อตอนอยู่ที่ชนบทยกเว้นทำไร่เขาก็ออกสมุนไพรป่าและล่าสัตว์ในป่า โอกาศที่จะทำอะไรอิสระหายไปนานแล้ว

เมื่อได้รัคำสั่งทันทีว่า “ทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ” แน่นอนว่า วอล์ม อดไม่ได้ที่จะสับสน

“นายไม่มีอะไรอยากทำเรอะ”

“ฉันจะไปดื่มกับหัวหน้าดูเวย เขาเคยมาแล้วครั้งหนึ่งดังนั้นเขาจึงเป็นไกด์ที่เยี่ยมยอดสำหรับโรงเตี้ยม และมันยังอยู่ใกล้ มากับพวกเราไหมล่ะ วอล์ม”

ขณะได้รับการช่วยเหลือ วอล์ม จึงยอมรับมันและตามพวกเขาโดยไม่คิดอะไรเลย

พวกเขาเดินออกจากถนนหลักเขาไปในซอย

จากช้าวบ้านไปจนถึงทหารที่กำลังมองหาร้านค้าไปถึงขอทาร พวกเขาเดินผ่านผู้คนหลายประเภท

ในมุมหนุ่งของซอยด้านหลังมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่และพูดว่า…

“สักคืนไหมคะ”

มันอาจเป็นสาววัยรุ่น แทบจะมองเห็นกระดูกทุกต่างของร่างกายแทนที่จะเห็นเนื้อหนังเช่นผู้หญิงธรรมดา

หญิงสาวกำลังสุ่มเรียกทหารสักคน

จากนั้นเธอก็มองที่ วอล์ม

“สักคืนไหมคะ”

“ไม่ฉันไม่ต้องการ”

อีกสองคนก็ไม่สนใจเช่นกัน

วอล์ม และคนอื่นๆ ปฏิเสธเธอ เธอกัดฟันและก้มมองพื้น

“เอาไปหาซื้อของซะ”

วอล์ม ให้เหรียญทองแดงบางส่วนโดยรู้ว่าไม่สามรถแก้ปัญหาได้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยิ้มและขอบคุณวอล์ม

มันเป็นเงินที่ฉันได้มาจากศพ ฉันแน่ใจว่าเหรียญจะยินดีที่ถูกใช้ให้เธออิ่มท้องมากกว่าหายไปกับเหล่าและบุหรีของทหาร

หลังจากนั้นเธอก็หายไปในซอยด้านหลังโดยไม่แสดงสีหน้านิ่งๆ

“ให้ทานอีกแล้ว ทำอย่างพอนะ เคไหม”

โจเซ่ที่อยู่ข้างหลังบอกกับวอล์ม วอล์มขมวดคิ้ว

“เธอฉลาดมันคงดีกับเธอ ถ้าเธอแสดงท่าทางมีความสุขเกินไปจะถูกรุมร้อมไปด้วยพวกขอทาน”

วอล์มมองไปรอบๆ และเขาเห็นผู้นคน เด็กเล็ก ที่สูญเสียแขนขาเพราะสงครามกำลังขอทาน และเป็นความจริงที่เขาไม่สามารถให้ทานทุกคนได้

“…ใช่ คราวหลังฉันจะระวังมากกว่านี้”

บางทีเขาอาจพอใจแล้วโจเซ่พยักหน้า

“ฉันไม่ได้จะบอกว่ามันไม่ดี แต่มันคงจะดีกว่าที่จะได้อะไรตอบแทนแม้แต่ฉันก็ยังลังเลที่จะทำมันในตรอกซอยด้านหลังหรือต่อหน้าชายหลายคน”

ขณะวอล์ม มองตามสายตาของโจเซ่ เขาก็เห็นทหารคนอื่นหายไปในดรอก เมื่อเขาตั้งใจฟังเสียง ก็จะได้ยินเสียงที่รั่วไหลออกมาจากตรอก เขาเหมือนได้ยินเสียงคนโง่ทั้งสามปะปนอยู่ด้วย

“พวกนั้นไม่ใช่โสเภณี ซ่องตั้งอยู่ไกลจากที่นี่ เนื่องจากทหารหลายคนมารวมตัวกันครั้งนี้คนนอกจึงขายตัวด้วยตัวเองเพราะพวกเขาต้องหาค่าเลี้ยงชีพแต่ถ้าถูกพบพวกเขาก็จะมีปัญหา

ย่านโคมแดงเป็นสิ่งสถานที่ซับซ้อน และในทุกๆ โลกหลายครั้งจะลงมือรุนแรงเพื่อปกป้องธุรกิจ

หัวหน้าหน่วยยังคงเดินลึกเข้าไปในซอยโดยไม่ได้พบคนพวกนั้น ตอนแรกพวกเขาดูกลัวและคนเดียว
ที่ถูกเรียกก็คือวอล์ม

“แม้ว่านายจะฆ่าคนมากมายในสนามรบนายก็ไม่ได้สนใจสถานที่อื่น วอล์ม นายไม่ใช่นักบวชหรืออัศวินที่ให้ความสำคัญกับเกียรติยศ มันมีความหมายเล็กน้อยในหน้าที่ สุดท้ายจะไปไกลแค่ไหนเราก็เป็นแค่ทหาร”

โจเซ่นั้นเหมือนวอล์มเขาถูกเกณฑ์มา แต่ภูมิหลังเขานั้นหายากมาก เขาเคยเป็นเป็นลูกชายคนที่สี่ของพ่อค้า อาจมีวิธีอื่นในการใช้ชีวิตเช่นเป็นคนรับใช้ของพ่อค้าคนอื่น แต่เขาบอกว่าการหารายได้ในสนามรบเป็นวิธีที่แน่นอนว่าเขาจะมีเกวียนหรือร้านค้า

ถึงอย่างนั้นโจเซ่ก็ปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดในสนามรบได้และได้เปลี่ยนวิธีคิดของเขาไป ในทางกลับกันวอล์ฒ ยังคงไม่สามารถจัดการกับวิธีคิดของชีวิตก่อนหน้าของเขาได้และเขาไม่สามารถทิ้งมันไปได้

ขณะฟังโจเซ่อยู่หัวหน้าหน่วยก็พึมพำอย่าเหงาๆ

“แต่เดิมเมืองนี้เดิมเป็นของอาณาจักรคาโนอา เป็นดินแดนที่อุดมสมบุรณ์ ที่มันกลายเป็นแบบนี้เพราะสงคราม”

“ฉันเห็น แต่ก่อนมันไม่ใช่แบบนี้เหรอ”

โจเซ่ซึ่งดูเหมือนจะสนใจหัวข้อนี้ก็ถามหัวหน้า

“เมื่อห้าปีที่แล้ว คาโนอาเข้ามาแทรกแซกจักรวรรดิซึ่งกำลังเพิ่่มพรมแดนเรื่อยๆ พวกเขาจัดการเพื่อชนะสงครามแม้กระยึดหมู่บ้าน เห็นนี่ไหมถั่วที่ฉันมักจะกินบ่อยๆ พวกเขาใช้มันเพื่อเลี้ยงพวกปศุสัตว์”

หัวหน้าหน่วยหยิบกระเป๋าออกมา ด้านในเป็นถั่วที่วอล์มกินหลายครั้งในช่วงเดือนมีนาคม และกินมันหลายครั้งในขณะที่หัวหน้าใช้เป็นส่วนผสมสำหรับซุป

“และตอนนี้มันก็กลายเป็นแบบนี้ อดีตขุนนางคาโนอา แกรนด์ดยุคไมยาร์ดได้ละทิ้ง
อาณาจักรคาโนอาและหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาณาจักรเฟอร์เรียส แต่กองทัพที่ถูงส่งมาจาก
เฟอรฺเรียสและทหารที่หลบหนีได้นำปศุสัตว์และข้าวจากที่อื่่นๆของอาณาจักรคาโนอาแล้วจึงเผาทุ่งนา จักรวรรดิซึ่งขาดกำลังพลได้เลื่อนการรุกรานออกไปจนถึงตอนนี้”

“นั่นมันแย่มาก”

โจเซ่ส่ายหัวและดูเหนื่อยกับมัน

กลยุทธ์ดินแดนไหม้เกรียมมีประสิทธิภาพสำหรับกองกำลังที่พึ่งพาดินแดนศัตรูเพื่อใช้เป็นเสบียง
แม้ในโลกที่การขนส่งหมุนเวียนด้วยกระเป๋าเวทย์และเม้และเหล่าสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่าในโลกก่อน
จักรวรรดิไฮเซิร์คก็ยังลำบากในการสนับสนุนตัวเอง

แกรนด์ดยุคไมยาร์ดได้ยอมแพ้ในดินแดนของเขาและอาณาจักรเฟอร์เรียสก็ให้การสนับสนุนอาหารเพียงแม้จะเพียงเล็กน้อยและในที่สุดเขาก็วางแผนที่จะเอาอาณาจักรคาโนอากลับคืนมา 
แต่ความแค้นที่อดีตพลเมืองของอาณาจักรคาโนอามีต่อแกรนด์ดยุคไมยาร์ดและะ
อาณาจักรเฟอร์เรียสนั้นหนักกว่าที่มุ่งเป้าไปที่ฝั่งจักรวรรดิ เมื่อคุณถูกทรยศโดยคนที่คุณไว้ใจมากที่สุดใครๆ ก็โกรธใช่ไหมละ”

“ฉันกังวลกับกองพันที่ประกอบด้วยอดีตพลเมืองคาโนอาที่เข้าร้วมในสงครามครั้งนี้ แต่คงไม่น่่าเป็รไรหลอก”

ดังนั้น วอล์ม จึงได้รู้สึกจักอาณาจักรคาโนอามากขึ้น

ขณะพูดกันอยู่พวกเขาก็มาถึงโรงเตี้ยม

มันเป็นอาคารสองชั้นที่มีบาร์ที่ชั้นหนึ่งและห้องพักที่ชั้นสอง ผนังด้านนอกสกปรกจากเขม่านี่อาจออกมาจากกลัวและประตูทางเข้ามีรอยขีดข่วนเล็กๆเหมือนเคยถูกทุบมาก่อน

ขณะที่พวกเขาผลักประตูเข้าไปกริ่งก็ส่งสัญญาณว่าลูกค้าเข้ามาในร้านแล้ว

ที่โต๊ะใกล้เคาน์เตอร์มีทหาร ไฮเซิร์ค ห้าคนและด้านหลังมีชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นขาประจำที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าและของตกแต่งอย่างประณีตและตัดเย็บมาอย่างดี

วอล์ม คิดว่าคนเหล่านั้นอาจเป็นพ่อค้าในเมืองโดยตัดสินจากรูปลักษณ์ของพวกเขา

ร่วมกับหัวหน้าดูเวย พวกเราก็ไปนั่งที่โต๊ะห่างจากสองกลุ่มนั้น

“วันนี้ฉันเลี้ยงเอง นายเห็นไหมว่ามีทหารใหม่สองคนรอดจากศึกแรกของพวกเขา มันก็นานแล้วตั้งแตาวอล์ม”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นโจเซ่ก็ผิวปากอย่างมีความสุขและวอล์มก็ยิ้มอย่างพอใจ

หัวหน้าหน่วยยกมือขึ้นและหันไปมองและเจ้าของก็ออกมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์

“ขอเอลสามขวดกับไวน์หนึ่งขวด แล้วก็มีอาหารอะไรที่ทำได้ทันทีไหม”

ครู่หนึ่งเจ้าของร้านก็แสดงท่าทางคิดอยู่และตอบ

“เราสามารถเสิร์ฟซุปและขนมปังอบ ควาย และถั่วได้ทันทีที่เราอุ่นมันและยังมีปลาดุกสำหรับสามที่”

“เอามาให้เราสามคน แล้วก็ปลาดุกขอเป็นทอด”

เจ้าของพยักหน้าและเข้าไปในครัว ซุปและขนมปังกับเบียร์ถูกนำมาเสิร์ฟเร็วกว่าที่ วอล์มคาดไว้

“เหมือนกับที่ชายแดนลิเบอริโต้ ขอให้เราได้รับชัยชนะจาก ไมยาร์ด!!”

หัวหน้ายกแก้วขึ้น

วอล์มไม่ลังเลที่จะชนแก้วอย่างแรง

กริ้ง!!

หลังจากเสียงชนแก้วพวกเขาก็ดื่มทั้งหมดในครั้งเดียว

มันเป็นประเพณีชนิดหนึ่ง แต่สำหรับทหารที่อยู่ในสงครามมักจะทำเกินจริงเมื่อพวกเขาดื่ม

วอล์มได้รับการบอกว่า ทหารที่ไม่ทำเช่นนั้นหมายความว่าพวกเขาขาดความน่าเชื่อถือ

เด็กเสิร์ฟเทเบียร์ลงในแก้วมากขึ้นในขณะมองว่าพวกเราต้องการอะไร

วอล์มแบ่งขนมปังเป็นชิ้นพอดีคำแล้วเอาไปแช่ในซุปแล้วจึงนำเข้าปาก รสชาติที่ล้นออกมาจากเนื้อควายและความเข้มข้นของหัวหอมและถั่วกระจายอยู่ในปากของเขา

เขาใช้ซ่อมแทงส่วนผสมที่อยู่ในซุปแล้วนำเข้าปาก เนื้อเหนียวของความก็นิ่มขึ้นเช่นกัน ถั่วก็ถูกต้มในระดับปานกลางและเมื่อเคี้ยวเบาๆ เขาก็รู้สึกถึงเนื้อสัมผัสของหัวหอมและถั่วที่สมดุลกัน

“ฉันคิดว่าฉันจะเบื่อซุปถั่วแล้ว แต่ด้วยทักษะของพ่อครัวมันกลับอร่อยกว่าที่คิดไว้”

ขณะที่วอล์มกำลังชมอาหาร โจเซ่ ก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ปกติแล้วจะมีของปรุงสุกหรือดิบไว้มากมาย”

ปลาดูกทอดเรียงรายอยู่บนโต๊ะหลังจากกินซุปเสร็จ เนื้อปลาดุกถูกแบ่งเป็นสามชิ้นแต่เนื่องจากมีปลา
สามตัวสำหรับทั้งสามคน วอล์มจึงยื่นมือออกไปโดยคิดว่ามันคงจะดีที่จะกินมัน

เขานำมันเข้าไปในปากด้วยส้อม หลังจากเนื้อสัมผัสของปลาดุกกระจายในปาก มันมีรสชาติของเนื้อสีขาวที่เบาผสมกับหนังปลาได้ดีเข้ารู้สึกว่าสามารถกินมันเท่าไรก็ได้

“ปลาดุกอร่อยสุดๆ”

การต้องกินแต่อาหารแห้งหรืออาหารต้มมันเป็นความเจ็บปวดของ วอล์ม ซึ่งเติบโตมาในวัฒนธรรมอาหารอันหลากหลายเมื่อชีวิตก่อนของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขาสามารถสนุกไปกับการกินโดยไม่ต้องคิดเกี่ยวกับการโดนโจมตีตอนกลางคืนหรือรีบตื่นตอนเช้า

“ครั้งสุดท้ายที่เรากินปลาคือเมื่อไรนะ? มันคือก่อนที่เขาจะไปที่ชายแดน ลิเบอริโต้หรือเปล่านะ? ตอนนั้นเป็นปลาแม่น้ำด้วย ไม่ใช่ปลาดุก”

หัวหน้าหน่วยอารมณ์ดีแล้วดื่มเบียร์ทันทีและเอื้อมไปหยีบขวดไวน์

 

“เอ้า กินและดื่ม”

ตามที่ได้ยิน วอล์ม ก็ดื่มเบียร์ที่่เหลือและไวน์ก็ถูกเติมในแก้วเปล่า มันเหมาจะเอาไว้ตัดรสชาติมันในปาก

พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่ไม่มีอะไรจะหยุดพวกเขาจากการดื่มเหล้า

วอล์ม ลืมทุกอย่างแล้วก็เพลิดเพลินไปกับอาหารและเครื่องดื่มตรงหน้่า

****
จบไปแล้วกับตอนที่4 เมื่อวานที่พูดเรื่องตำแหน่งไปวันนี้เลยทักไปถามคนแปล ENG และนี่คือคำตอบ
ทั้งนี้ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 4

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดหกวันหลังจากปราบก็อบลินที่หมู่บ้าน หน่วยดูเวยก็ได้มาถึงอดีตอาณาจักรคาโนอาที่ถูกผนวกเข้ามา

เมื่อเห็นหมู่บ้านในดินแดนที่ถูกรวมเข้ามา คุณอาจเห็นร่องรอยของสงครามเมื่อ 5 ปีก่อน

ไกลออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะไปถึงเมืองที่ติดกับดินแดนของ ไมยาร์ด ที่เรียกว่า ‘ซาร์เรีย’

นอกจากกำแพงป้องกันเมืองแม่น้ำและคูน้ำแล้วตอนนี้เมืองซาร์เรียได้ถูกใช้เป็นป้อมปราการ
ของจักรวรรดิไฮเซิร์ค

เมืองซาร์เรียซึ่งเชื่อมต่อกับเมืองอื่นๆ ในจักรวรรดิ โดยพูดได้ว่าเป็นสถานที่เหมาะกับการไว้เติมเสบียงและกองกำลังสำหรับการรบกับ ไมยาร์ด กองกำลังขนาดกองพลประจำการอยู่รอบๆ

ในการรุกรานครั้งนี้กองพลกำลังรวมตัวกันจากหลายๆที่ รวมเป็น 9 กองพล ประมาณ 18,00 นาย
กำลังรวมพลกันที่นี่เพื่อเข้ายึด ไมยาร์ด

ซาร์เรียเป็นเมื่องสุดท้ายของอาณาจักรคาโนอาที่ยอมจำนนต่อจักรวรรดิไฮเซิร์ค แต่แม้หลังผ่านไป
5 ปั กำแพงและสะพานหนยังคงถูกทิ้งไว้ด้วยร่องรอยการทำลายล้างด้วยเวทมนตร์และหิน

หลังจากผ่านประตูปราการและเข้าสู่เมืองคูณจะเห็นถนนสายหลักเรียงรายไปด้วยร้านค้าและบ้านพัก

สินค้าจำนวนมากที่ขายที่นี่นั้นมีราคาแพงกว่าที่อื่นๆ ในจักรวรรดิ โดยเฉพาะร้ายขายของชำ เมื่อ วอล์ม ยังเป็นชาวนา ราคาแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เข้าสามารถซื้อได้

ประชาชนหลายคนที่เดินอยู๋บนถนนผอมและไม่สามารถพูดได้ว่า มีสัดส่วนมาตรฐาน ข้อยกเว้นพียงอย่างเดียวคือมีกองทัพของจักรวรรดิไฮเซิร์คประจำการอยู่

หลังจากไปถึงป้อมปราการ ซาร์เรีย สิ่งที่รอหน่วยของดเวย ที่กำลังพักอยู่ที่รานฝึกซ้อมคือ..

“เหล่าบุคลากรทหารยังมาไม่ถึงตามแผนที่นัดไว้ ยินดีเถอะ วันนี้ว่าง”

“ฮ่าา! เยี่ยมเวลาเวลาว่า”

“จะไปดื่มไหม? หรือ ผู้หญิงดี?”

“หรือจะทั้งสองอย่างพร้อมกัน”

ไรนัส ทิเบิร์ด และดานฟาน คนโง่ทั้งสามหายตัวไปในซอยหลังที่พักทันทีหลังจากพวกเขาได้ยิน
เมื่อเห็นแบบนั้นหัวหน้า ดูเวย ก็บ่นและกุมขมับ

“โอ้ ยังไม่พออีกเหรอ ถามจริง มันคงไม่เป็นไรที่จะปล่อยพวกเขาไปตอนนี?”

เมื่อพิจารณถึงเวลาที่มี พวกจึงซื่อสัตย์ต่อความต้องการของตนเอง

ท้ายที่สุดประเทศของพวกเขาก็รบกับประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งใหญ่และเล็ก
คำว่า “สงบสุข” วอล์ม ลืมไปนานแล้ว

สำหรับการเข้ากองทัพเขาติดอยู่ในสนามรบได้รับการต่อสู้ที่อันตรายถึงตายและเอาตัวรอดและใช้เวลาในการฝึกซ้อมและการเดินขบวนตอนที่ไม่ได้รบ

และตอนนี้เป็นเวลาว่าง สำหรับทหารเช่นนี้มันเหมือนเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ วอล์ม คิดว่ามันเป็นการฝึกแบบใหม่?

“เวลาว่างเหรอ?”

แสดงความวิตกในสิ่งที่คนปกติจะมีความสุข วอล์ม ตั้งคำถามอย่างวิตก หัวหน้าห่น่วยตอบด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อเห็นแบบนั้น

“ไม่ชอบมันเหรอ”

“มะ ไม่ ไม่ใช้แบบนั้น”

“เอาละ นายสามารภทอะไรก็ได้ที่อยากเช่นเดียวกับพวนั้น เหล้า บุหรี่ หรือผูหญิง ค่อไปจะเป็นการตู้สู้ที่ใหญ่และยาวนาน ใช้ชีวิตอย่าให้เสียใจทีหลัง แต่ก็ให้ตั้งใจเวลารวมพล อยู่ในแถวตอนรุ่งเช้า ถ้านายมาสายจะถูกลงโทษ”

ทันทีที่หัวหน้าหน่วยตบมือสมาชิคที่เหลือก็กระจายออกไป ที่เหลืออยู่่คือหัวหน้า โจเซ่ และ วอล์ม

“แล้วนายจะทำอะไร วอล์ม”

“อ่า เอิ่มม …ทำออะไรดี…”

เมื่อถูกโจเซ่ถาม วอล์ม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีกับเวลาว่างสั้นๆ ที่เพิ่งได้รับ

สุดท้าย วอล์ม ก็เติบโตมาในชนบทไม่เคยออกจากหมู่บ้นจนถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ

เมื่อตอนอยู่ที่ชนบทยกเว้นทำไร่เขาก็ออกสมุนไพรป่าและล่าสัตว์ในป่า โอกาศที่จะทำอะไรอิสระหายไปนานแล้ว

เมื่อได้รัคำสั่งทันทีว่า “ทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ” แน่นอนว่า วอล์ม อดไม่ได้ที่จะสับสน

“นายไม่มีอะไรอยากทำเรอะ”

“ฉันจะไปดื่มกับหัวหน้าดูเวย เขาเคยมาแล้วครั้งหนึ่งดังนั้นเขาจึงเป็นไกด์ที่เยี่ยมยอดสำหรับโรงเตี้ยม และมันยังอยู่ใกล้ มากับพวกเราไหมล่ะ วอล์ม”

ขณะได้รับการช่วยเหลือ วอล์ม จึงยอมรับมันและตามพวกเขาโดยไม่คิดอะไรเลย

พวกเขาเดินออกจากถนนหลักเขาไปในซอย

จากช้าวบ้านไปจนถึงทหารที่กำลังมองหาร้านค้าไปถึงขอทาร พวกเขาเดินผ่านผู้คนหลายประเภท

ในมุมหนุ่งของซอยด้านหลังมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่และพูดว่า…

“สักคืนไหมคะ”

มันอาจเป็นสาววัยรุ่น แทบจะมองเห็นกระดูกทุกต่างของร่างกายแทนที่จะเห็นเนื้อหนังเช่นผู้หญิงธรรมดา

หญิงสาวกำลังสุ่มเรียกทหารสักคน

จากนั้นเธอก็มองที่ วอล์ม

“สักคืนไหมคะ”

“ไม่ฉันไม่ต้องการ”

อีกสองคนก็ไม่สนใจเช่นกัน

วอล์ม และคนอื่นๆ ปฏิเสธเธอ เธอกัดฟันและก้มมองพื้น

“เอาไปหาซื้อของซะ”

วอล์ม ให้เหรียญทองแดงบางส่วนโดยรู้ว่าไม่สามรถแก้ปัญหาได้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยิ้มและขอบคุณวอล์ม

มันเป็นเงินที่ฉันได้มาจากศพ ฉันแน่ใจว่าเหรียญจะยินดีที่ถูกใช้ให้เธออิ่มท้องมากกว่าหายไปกับเหล่าและบุหรีของทหาร

หลังจากนั้นเธอก็หายไปในซอยด้านหลังโดยไม่แสดงสีหน้านิ่งๆ

“ให้ทานอีกแล้ว ทำอย่างพอนะ เคไหม”

โจเซ่ที่อยู่ข้างหลังบอกกับวอล์ม วอล์มขมวดคิ้ว

“เธอฉลาดมันคงดีกับเธอ ถ้าเธอแสดงท่าทางมีความสุขเกินไปจะถูกรุมร้อมไปด้วยพวกขอทาน”

วอล์มมองไปรอบๆ และเขาเห็นผู้นคน เด็กเล็ก ที่สูญเสียแขนขาเพราะสงครามกำลังขอทาน และเป็นความจริงที่เขาไม่สามารถให้ทานทุกคนได้

“…ใช่ คราวหลังฉันจะระวังมากกว่านี้”

บางทีเขาอาจพอใจแล้วโจเซ่พยักหน้า

“ฉันไม่ได้จะบอกว่ามันไม่ดี แต่มันคงจะดีกว่าที่จะได้อะไรตอบแทนแม้แต่ฉันก็ยังลังเลที่จะทำมันในตรอกซอยด้านหลังหรือต่อหน้าชายหลายคน”

ขณะวอล์ม มองตามสายตาของโจเซ่ เขาก็เห็นทหารคนอื่นหายไปในดรอก เมื่อเขาตั้งใจฟังเสียง ก็จะได้ยินเสียงที่รั่วไหลออกมาจากตรอก เขาเหมือนได้ยินเสียงคนโง่ทั้งสามปะปนอยู่ด้วย

“พวกนั้นไม่ใช่โสเภณี ซ่องตั้งอยู่ไกลจากที่นี่ เนื่องจากทหารหลายคนมารวมตัวกันครั้งนี้คนนอกจึงขายตัวด้วยตัวเองเพราะพวกเขาต้องหาค่าเลี้ยงชีพแต่ถ้าถูกพบพวกเขาก็จะมีปัญหา

ย่านโคมแดงเป็นสิ่งสถานที่ซับซ้อน และในทุกๆ โลกหลายครั้งจะลงมือรุนแรงเพื่อปกป้องธุรกิจ

หัวหน้าหน่วยยังคงเดินลึกเข้าไปในซอยโดยไม่ได้พบคนพวกนั้น ตอนแรกพวกเขาดูกลัวและคนเดียว
ที่ถูกเรียกก็คือวอล์ม

“แม้ว่านายจะฆ่าคนมากมายในสนามรบนายก็ไม่ได้สนใจสถานที่อื่น วอล์ม นายไม่ใช่นักบวชหรืออัศวินที่ให้ความสำคัญกับเกียรติยศ มันมีความหมายเล็กน้อยในหน้าที่ สุดท้ายจะไปไกลแค่ไหนเราก็เป็นแค่ทหาร”

โจเซ่นั้นเหมือนวอล์มเขาถูกเกณฑ์มา แต่ภูมิหลังเขานั้นหายากมาก เขาเคยเป็นเป็นลูกชายคนที่สี่ของพ่อค้า อาจมีวิธีอื่นในการใช้ชีวิตเช่นเป็นคนรับใช้ของพ่อค้าคนอื่น แต่เขาบอกว่าการหารายได้ในสนามรบเป็นวิธีที่แน่นอนว่าเขาจะมีเกวียนหรือร้านค้า

ถึงอย่างนั้นโจเซ่ก็ปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดในสนามรบได้และได้เปลี่ยนวิธีคิดของเขาไป ในทางกลับกันวอล์ฒ ยังคงไม่สามารถจัดการกับวิธีคิดของชีวิตก่อนหน้าของเขาได้และเขาไม่สามารถทิ้งมันไปได้

ขณะฟังโจเซ่อยู่หัวหน้าหน่วยก็พึมพำอย่าเหงาๆ

“แต่เดิมเมืองนี้เดิมเป็นของอาณาจักรคาโนอา เป็นดินแดนที่อุดมสมบุรณ์ ที่มันกลายเป็นแบบนี้เพราะสงคราม”

“ฉันเห็น แต่ก่อนมันไม่ใช่แบบนี้เหรอ”

โจเซ่ซึ่งดูเหมือนจะสนใจหัวข้อนี้ก็ถามหัวหน้า

“เมื่อห้าปีที่แล้ว คาโนอาเข้ามาแทรกแซกจักรวรรดิซึ่งกำลังเพิ่่มพรมแดนเรื่อยๆ พวกเขาจัดการเพื่อชนะสงครามแม้กระยึดหมู่บ้าน เห็นนี่ไหมถั่วที่ฉันมักจะกินบ่อยๆ พวกเขาใช้มันเพื่อเลี้ยงพวกปศุสัตว์”

หัวหน้าหน่วยหยิบกระเป๋าออกมา ด้านในเป็นถั่วที่วอล์มกินหลายครั้งในช่วงเดือนมีนาคม และกินมันหลายครั้งในขณะที่หัวหน้าใช้เป็นส่วนผสมสำหรับซุป

“และตอนนี้มันก็กลายเป็นแบบนี้ อดีตขุนนางคาโนอา แกรนด์ดยุคไมยาร์ดได้ละทิ้ง
อาณาจักรคาโนอาและหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาณาจักรเฟอร์เรียส แต่กองทัพที่ถูงส่งมาจาก
เฟอรฺเรียสและทหารที่หลบหนีได้นำปศุสัตว์และข้าวจากที่อื่่นๆของอาณาจักรคาโนอาแล้วจึงเผาทุ่งนา จักรวรรดิซึ่งขาดกำลังพลได้เลื่อนการรุกรานออกไปจนถึงตอนนี้”

“นั่นมันแย่มาก”

โจเซ่ส่ายหัวและดูเหนื่อยกับมัน

กลยุทธ์ดินแดนไหม้เกรียมมีประสิทธิภาพสำหรับกองกำลังที่พึ่งพาดินแดนศัตรูเพื่อใช้เป็นเสบียง
แม้ในโลกที่การขนส่งหมุนเวียนด้วยกระเป๋าเวทย์และเม้และเหล่าสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่าในโลกก่อน
จักรวรรดิไฮเซิร์คก็ยังลำบากในการสนับสนุนตัวเอง

แกรนด์ดยุคไมยาร์ดได้ยอมแพ้ในดินแดนของเขาและอาณาจักรเฟอร์เรียสก็ให้การสนับสนุนอาหารเพียงแม้จะเพียงเล็กน้อยและในที่สุดเขาก็วางแผนที่จะเอาอาณาจักรคาโนอากลับคืนมา 
แต่ความแค้นที่อดีตพลเมืองของอาณาจักรคาโนอามีต่อแกรนด์ดยุคไมยาร์ดและะ
อาณาจักรเฟอร์เรียสนั้นหนักกว่าที่มุ่งเป้าไปที่ฝั่งจักรวรรดิ เมื่อคุณถูกทรยศโดยคนที่คุณไว้ใจมากที่สุดใครๆ ก็โกรธใช่ไหมละ”

“ฉันกังวลกับกองพันที่ประกอบด้วยอดีตพลเมืองคาโนอาที่เข้าร้วมในสงครามครั้งนี้ แต่คงไม่น่่าเป็รไรหลอก”

ดังนั้น วอล์ม จึงได้รู้สึกจักอาณาจักรคาโนอามากขึ้น

ขณะพูดกันอยู่พวกเขาก็มาถึงโรงเตี้ยม

มันเป็นอาคารสองชั้นที่มีบาร์ที่ชั้นหนึ่งและห้องพักที่ชั้นสอง ผนังด้านนอกสกปรกจากเขม่านี่อาจออกมาจากกลัวและประตูทางเข้ามีรอยขีดข่วนเล็กๆเหมือนเคยถูกทุบมาก่อน

ขณะที่พวกเขาผลักประตูเข้าไปกริ่งก็ส่งสัญญาณว่าลูกค้าเข้ามาในร้านแล้ว

ที่โต๊ะใกล้เคาน์เตอร์มีทหาร ไฮเซิร์ค ห้าคนและด้านหลังมีชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นขาประจำที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าและของตกแต่งอย่างประณีตและตัดเย็บมาอย่างดี

วอล์ม คิดว่าคนเหล่านั้นอาจเป็นพ่อค้าในเมืองโดยตัดสินจากรูปลักษณ์ของพวกเขา

ร่วมกับหัวหน้าดูเวย พวกเราก็ไปนั่งที่โต๊ะห่างจากสองกลุ่มนั้น

“วันนี้ฉันเลี้ยงเอง นายเห็นไหมว่ามีทหารใหม่สองคนรอดจากศึกแรกของพวกเขา มันก็นานแล้วตั้งแตาวอล์ม”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นโจเซ่ก็ผิวปากอย่างมีความสุขและวอล์มก็ยิ้มอย่างพอใจ

หัวหน้าหน่วยยกมือขึ้นและหันไปมองและเจ้าของก็ออกมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์

“ขอเอลสามขวดกับไวน์หนึ่งขวด แล้วก็มีอาหารอะไรที่ทำได้ทันทีไหม”

ครู่หนึ่งเจ้าของร้านก็แสดงท่าทางคิดอยู่และตอบ

“เราสามารถเสิร์ฟซุปและขนมปังอบ ควาย และถั่วได้ทันทีที่เราอุ่นมันและยังมีปลาดุกสำหรับสามที่”

“เอามาให้เราสามคน แล้วก็ปลาดุกขอเป็นทอด”

เจ้าของพยักหน้าและเข้าไปในครัว ซุปและขนมปังกับเบียร์ถูกนำมาเสิร์ฟเร็วกว่าที่ วอล์มคาดไว้

“เหมือนกับที่ชายแดนลิเบอริโต้ ขอให้เราได้รับชัยชนะจาก ไมยาร์ด!!”

หัวหน้ายกแก้วขึ้น

วอล์มไม่ลังเลที่จะชนแก้วอย่างแรง

กริ้ง!!

หลังจากเสียงชนแก้วพวกเขาก็ดื่มทั้งหมดในครั้งเดียว

มันเป็นประเพณีชนิดหนึ่ง แต่สำหรับทหารที่อยู่ในสงครามมักจะทำเกินจริงเมื่อพวกเขาดื่ม

วอล์มได้รับการบอกว่า ทหารที่ไม่ทำเช่นนั้นหมายความว่าพวกเขาขาดความน่าเชื่อถือ

เด็กเสิร์ฟเทเบียร์ลงในแก้วมากขึ้นในขณะมองว่าพวกเราต้องการอะไร

วอล์มแบ่งขนมปังเป็นชิ้นพอดีคำแล้วเอาไปแช่ในซุปแล้วจึงนำเข้าปาก รสชาติที่ล้นออกมาจากเนื้อควายและความเข้มข้นของหัวหอมและถั่วกระจายอยู่ในปากของเขา

เขาใช้ซ่อมแทงส่วนผสมที่อยู่ในซุปแล้วนำเข้าปาก เนื้อเหนียวของความก็นิ่มขึ้นเช่นกัน ถั่วก็ถูกต้มในระดับปานกลางและเมื่อเคี้ยวเบาๆ เขาก็รู้สึกถึงเนื้อสัมผัสของหัวหอมและถั่วที่สมดุลกัน

“ฉันคิดว่าฉันจะเบื่อซุปถั่วแล้ว แต่ด้วยทักษะของพ่อครัวมันกลับอร่อยกว่าที่คิดไว้”

ขณะที่วอล์มกำลังชมอาหาร โจเซ่ ก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ปกติแล้วจะมีของปรุงสุกหรือดิบไว้มากมาย”

ปลาดูกทอดเรียงรายอยู่บนโต๊ะหลังจากกินซุปเสร็จ เนื้อปลาดุกถูกแบ่งเป็นสามชิ้นแต่เนื่องจากมีปลา
สามตัวสำหรับทั้งสามคน วอล์มจึงยื่นมือออกไปโดยคิดว่ามันคงจะดีที่จะกินมัน

เขานำมันเข้าไปในปากด้วยส้อม หลังจากเนื้อสัมผัสของปลาดุกกระจายในปาก มันมีรสชาติของเนื้อสีขาวที่เบาผสมกับหนังปลาได้ดีเข้ารู้สึกว่าสามารถกินมันเท่าไรก็ได้

“ปลาดุกอร่อยสุดๆ”

การต้องกินแต่อาหารแห้งหรืออาหารต้มมันเป็นความเจ็บปวดของ วอล์ม ซึ่งเติบโตมาในวัฒนธรรมอาหารอันหลากหลายเมื่อชีวิตก่อนของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขาสามารถสนุกไปกับการกินโดยไม่ต้องคิดเกี่ยวกับการโดนโจมตีตอนกลางคืนหรือรีบตื่นตอนเช้า

“ครั้งสุดท้ายที่เรากินปลาคือเมื่อไรนะ? มันคือก่อนที่เขาจะไปที่ชายแดน ลิเบอริโต้หรือเปล่านะ? ตอนนั้นเป็นปลาแม่น้ำด้วย ไม่ใช่ปลาดุก”

หัวหน้าหน่วยอารมณ์ดีแล้วดื่มเบียร์ทันทีและเอื้อมไปหยีบขวดไวน์

 

“เอ้า กินและดื่ม”

ตามที่ได้ยิน วอล์ม ก็ดื่มเบียร์ที่่เหลือและไวน์ก็ถูกเติมในแก้วเปล่า มันเหมาจะเอาไว้ตัดรสชาติมันในปาก

พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่ไม่มีอะไรจะหยุดพวกเขาจากการดื่มเหล้า

วอล์ม ลืมทุกอย่างแล้วก็เพลิดเพลินไปกับอาหารและเครื่องดื่มตรงหน้่า

****
จบไปแล้วกับตอนที่4 เมื่อวานที่พูดเรื่องตำแหน่งไปวันนี้เลยทักไปถามคนแปล ENG และนี่คือคำตอบ
ทั้งนี้ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) 4

Now you are reading สายตาที่เหมือนโคลนนั่น กำลังคาดหวังสิ่งใด? (Nigoru Hitomi de Nani wo Negau) Chapter 4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดหกวันหลังจากปราบก็อบลินที่หมู่บ้าน หน่วยดูเวยก็ได้มาถึงอดีตอาณาจักรคาโนอาที่ถูกผนวกเข้ามา

เมื่อเห็นหมู่บ้านในดินแดนที่ถูกรวมเข้ามา คุณอาจเห็นร่องรอยของสงครามเมื่อ 5 ปีก่อน

ไกลออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะไปถึงเมืองที่ติดกับดินแดนของ ไมยาร์ด ที่เรียกว่า ‘ซาร์เรีย’

นอกจากกำแพงป้องกันเมืองแม่น้ำและคูน้ำแล้วตอนนี้เมืองซาร์เรียได้ถูกใช้เป็นป้อมปราการ
ของจักรวรรดิไฮเซิร์ค

เมืองซาร์เรียซึ่งเชื่อมต่อกับเมืองอื่นๆ ในจักรวรรดิ โดยพูดได้ว่าเป็นสถานที่เหมาะกับการไว้เติมเสบียงและกองกำลังสำหรับการรบกับ ไมยาร์ด กองกำลังขนาดกองพลประจำการอยู่รอบๆ

ในการรุกรานครั้งนี้กองพลกำลังรวมตัวกันจากหลายๆที่ รวมเป็น 9 กองพล ประมาณ 18,00 นาย
กำลังรวมพลกันที่นี่เพื่อเข้ายึด ไมยาร์ด

ซาร์เรียเป็นเมื่องสุดท้ายของอาณาจักรคาโนอาที่ยอมจำนนต่อจักรวรรดิไฮเซิร์ค แต่แม้หลังผ่านไป
5 ปั กำแพงและสะพานหนยังคงถูกทิ้งไว้ด้วยร่องรอยการทำลายล้างด้วยเวทมนตร์และหิน

หลังจากผ่านประตูปราการและเข้าสู่เมืองคูณจะเห็นถนนสายหลักเรียงรายไปด้วยร้านค้าและบ้านพัก

สินค้าจำนวนมากที่ขายที่นี่นั้นมีราคาแพงกว่าที่อื่นๆ ในจักรวรรดิ โดยเฉพาะร้ายขายของชำ เมื่อ วอล์ม ยังเป็นชาวนา ราคาแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เข้าสามารถซื้อได้

ประชาชนหลายคนที่เดินอยู๋บนถนนผอมและไม่สามารถพูดได้ว่า มีสัดส่วนมาตรฐาน ข้อยกเว้นพียงอย่างเดียวคือมีกองทัพของจักรวรรดิไฮเซิร์คประจำการอยู่

หลังจากไปถึงป้อมปราการ ซาร์เรีย สิ่งที่รอหน่วยของดเวย ที่กำลังพักอยู่ที่รานฝึกซ้อมคือ..

“เหล่าบุคลากรทหารยังมาไม่ถึงตามแผนที่นัดไว้ ยินดีเถอะ วันนี้ว่าง”

“ฮ่าา! เยี่ยมเวลาเวลาว่า”

“จะไปดื่มไหม? หรือ ผู้หญิงดี?”

“หรือจะทั้งสองอย่างพร้อมกัน”

ไรนัส ทิเบิร์ด และดานฟาน คนโง่ทั้งสามหายตัวไปในซอยหลังที่พักทันทีหลังจากพวกเขาได้ยิน
เมื่อเห็นแบบนั้นหัวหน้า ดูเวย ก็บ่นและกุมขมับ

“โอ้ ยังไม่พออีกเหรอ ถามจริง มันคงไม่เป็นไรที่จะปล่อยพวกเขาไปตอนนี?”

เมื่อพิจารณถึงเวลาที่มี พวกจึงซื่อสัตย์ต่อความต้องการของตนเอง

ท้ายที่สุดประเทศของพวกเขาก็รบกับประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งใหญ่และเล็ก
คำว่า “สงบสุข” วอล์ม ลืมไปนานแล้ว

สำหรับการเข้ากองทัพเขาติดอยู่ในสนามรบได้รับการต่อสู้ที่อันตรายถึงตายและเอาตัวรอดและใช้เวลาในการฝึกซ้อมและการเดินขบวนตอนที่ไม่ได้รบ

และตอนนี้เป็นเวลาว่าง สำหรับทหารเช่นนี้มันเหมือนเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ วอล์ม คิดว่ามันเป็นการฝึกแบบใหม่?

“เวลาว่างเหรอ?”

แสดงความวิตกในสิ่งที่คนปกติจะมีความสุข วอล์ม ตั้งคำถามอย่างวิตก หัวหน้าห่น่วยตอบด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อเห็นแบบนั้น

“ไม่ชอบมันเหรอ”

“มะ ไม่ ไม่ใช้แบบนั้น”

“เอาละ นายสามารภทอะไรก็ได้ที่อยากเช่นเดียวกับพวนั้น เหล้า บุหรี่ หรือผูหญิง ค่อไปจะเป็นการตู้สู้ที่ใหญ่และยาวนาน ใช้ชีวิตอย่าให้เสียใจทีหลัง แต่ก็ให้ตั้งใจเวลารวมพล อยู่ในแถวตอนรุ่งเช้า ถ้านายมาสายจะถูกลงโทษ”

ทันทีที่หัวหน้าหน่วยตบมือสมาชิคที่เหลือก็กระจายออกไป ที่เหลืออยู่่คือหัวหน้า โจเซ่ และ วอล์ม

“แล้วนายจะทำอะไร วอล์ม”

“อ่า เอิ่มม …ทำออะไรดี…”

เมื่อถูกโจเซ่ถาม วอล์ม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีกับเวลาว่างสั้นๆ ที่เพิ่งได้รับ

สุดท้าย วอล์ม ก็เติบโตมาในชนบทไม่เคยออกจากหมู่บ้นจนถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ

เมื่อตอนอยู่ที่ชนบทยกเว้นทำไร่เขาก็ออกสมุนไพรป่าและล่าสัตว์ในป่า โอกาศที่จะทำอะไรอิสระหายไปนานแล้ว

เมื่อได้รัคำสั่งทันทีว่า “ทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ” แน่นอนว่า วอล์ม อดไม่ได้ที่จะสับสน

“นายไม่มีอะไรอยากทำเรอะ”

“ฉันจะไปดื่มกับหัวหน้าดูเวย เขาเคยมาแล้วครั้งหนึ่งดังนั้นเขาจึงเป็นไกด์ที่เยี่ยมยอดสำหรับโรงเตี้ยม และมันยังอยู่ใกล้ มากับพวกเราไหมล่ะ วอล์ม”

ขณะได้รับการช่วยเหลือ วอล์ม จึงยอมรับมันและตามพวกเขาโดยไม่คิดอะไรเลย

พวกเขาเดินออกจากถนนหลักเขาไปในซอย

จากช้าวบ้านไปจนถึงทหารที่กำลังมองหาร้านค้าไปถึงขอทาร พวกเขาเดินผ่านผู้คนหลายประเภท

ในมุมหนุ่งของซอยด้านหลังมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่และพูดว่า…

“สักคืนไหมคะ”

มันอาจเป็นสาววัยรุ่น แทบจะมองเห็นกระดูกทุกต่างของร่างกายแทนที่จะเห็นเนื้อหนังเช่นผู้หญิงธรรมดา

หญิงสาวกำลังสุ่มเรียกทหารสักคน

จากนั้นเธอก็มองที่ วอล์ม

“สักคืนไหมคะ”

“ไม่ฉันไม่ต้องการ”

อีกสองคนก็ไม่สนใจเช่นกัน

วอล์ม และคนอื่นๆ ปฏิเสธเธอ เธอกัดฟันและก้มมองพื้น

“เอาไปหาซื้อของซะ”

วอล์ม ให้เหรียญทองแดงบางส่วนโดยรู้ว่าไม่สามรถแก้ปัญหาได้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยิ้มและขอบคุณวอล์ม

มันเป็นเงินที่ฉันได้มาจากศพ ฉันแน่ใจว่าเหรียญจะยินดีที่ถูกใช้ให้เธออิ่มท้องมากกว่าหายไปกับเหล่าและบุหรีของทหาร

หลังจากนั้นเธอก็หายไปในซอยด้านหลังโดยไม่แสดงสีหน้านิ่งๆ

“ให้ทานอีกแล้ว ทำอย่างพอนะ เคไหม”

โจเซ่ที่อยู่ข้างหลังบอกกับวอล์ม วอล์มขมวดคิ้ว

“เธอฉลาดมันคงดีกับเธอ ถ้าเธอแสดงท่าทางมีความสุขเกินไปจะถูกรุมร้อมไปด้วยพวกขอทาน”

วอล์มมองไปรอบๆ และเขาเห็นผู้นคน เด็กเล็ก ที่สูญเสียแขนขาเพราะสงครามกำลังขอทาน และเป็นความจริงที่เขาไม่สามารถให้ทานทุกคนได้

“…ใช่ คราวหลังฉันจะระวังมากกว่านี้”

บางทีเขาอาจพอใจแล้วโจเซ่พยักหน้า

“ฉันไม่ได้จะบอกว่ามันไม่ดี แต่มันคงจะดีกว่าที่จะได้อะไรตอบแทนแม้แต่ฉันก็ยังลังเลที่จะทำมันในตรอกซอยด้านหลังหรือต่อหน้าชายหลายคน”

ขณะวอล์ม มองตามสายตาของโจเซ่ เขาก็เห็นทหารคนอื่นหายไปในดรอก เมื่อเขาตั้งใจฟังเสียง ก็จะได้ยินเสียงที่รั่วไหลออกมาจากตรอก เขาเหมือนได้ยินเสียงคนโง่ทั้งสามปะปนอยู่ด้วย

“พวกนั้นไม่ใช่โสเภณี ซ่องตั้งอยู่ไกลจากที่นี่ เนื่องจากทหารหลายคนมารวมตัวกันครั้งนี้คนนอกจึงขายตัวด้วยตัวเองเพราะพวกเขาต้องหาค่าเลี้ยงชีพแต่ถ้าถูกพบพวกเขาก็จะมีปัญหา

ย่านโคมแดงเป็นสิ่งสถานที่ซับซ้อน และในทุกๆ โลกหลายครั้งจะลงมือรุนแรงเพื่อปกป้องธุรกิจ

หัวหน้าหน่วยยังคงเดินลึกเข้าไปในซอยโดยไม่ได้พบคนพวกนั้น ตอนแรกพวกเขาดูกลัวและคนเดียว
ที่ถูกเรียกก็คือวอล์ม

“แม้ว่านายจะฆ่าคนมากมายในสนามรบนายก็ไม่ได้สนใจสถานที่อื่น วอล์ม นายไม่ใช่นักบวชหรืออัศวินที่ให้ความสำคัญกับเกียรติยศ มันมีความหมายเล็กน้อยในหน้าที่ สุดท้ายจะไปไกลแค่ไหนเราก็เป็นแค่ทหาร”

โจเซ่นั้นเหมือนวอล์มเขาถูกเกณฑ์มา แต่ภูมิหลังเขานั้นหายากมาก เขาเคยเป็นเป็นลูกชายคนที่สี่ของพ่อค้า อาจมีวิธีอื่นในการใช้ชีวิตเช่นเป็นคนรับใช้ของพ่อค้าคนอื่น แต่เขาบอกว่าการหารายได้ในสนามรบเป็นวิธีที่แน่นอนว่าเขาจะมีเกวียนหรือร้านค้า

ถึงอย่างนั้นโจเซ่ก็ปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดในสนามรบได้และได้เปลี่ยนวิธีคิดของเขาไป ในทางกลับกันวอล์ฒ ยังคงไม่สามารถจัดการกับวิธีคิดของชีวิตก่อนหน้าของเขาได้และเขาไม่สามารถทิ้งมันไปได้

ขณะฟังโจเซ่อยู่หัวหน้าหน่วยก็พึมพำอย่าเหงาๆ

“แต่เดิมเมืองนี้เดิมเป็นของอาณาจักรคาโนอา เป็นดินแดนที่อุดมสมบุรณ์ ที่มันกลายเป็นแบบนี้เพราะสงคราม”

“ฉันเห็น แต่ก่อนมันไม่ใช่แบบนี้เหรอ”

โจเซ่ซึ่งดูเหมือนจะสนใจหัวข้อนี้ก็ถามหัวหน้า

“เมื่อห้าปีที่แล้ว คาโนอาเข้ามาแทรกแซกจักรวรรดิซึ่งกำลังเพิ่่มพรมแดนเรื่อยๆ พวกเขาจัดการเพื่อชนะสงครามแม้กระยึดหมู่บ้าน เห็นนี่ไหมถั่วที่ฉันมักจะกินบ่อยๆ พวกเขาใช้มันเพื่อเลี้ยงพวกปศุสัตว์”

หัวหน้าหน่วยหยิบกระเป๋าออกมา ด้านในเป็นถั่วที่วอล์มกินหลายครั้งในช่วงเดือนมีนาคม และกินมันหลายครั้งในขณะที่หัวหน้าใช้เป็นส่วนผสมสำหรับซุป

“และตอนนี้มันก็กลายเป็นแบบนี้ อดีตขุนนางคาโนอา แกรนด์ดยุคไมยาร์ดได้ละทิ้ง
อาณาจักรคาโนอาและหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาณาจักรเฟอร์เรียส แต่กองทัพที่ถูงส่งมาจาก
เฟอรฺเรียสและทหารที่หลบหนีได้นำปศุสัตว์และข้าวจากที่อื่่นๆของอาณาจักรคาโนอาแล้วจึงเผาทุ่งนา จักรวรรดิซึ่งขาดกำลังพลได้เลื่อนการรุกรานออกไปจนถึงตอนนี้”

“นั่นมันแย่มาก”

โจเซ่ส่ายหัวและดูเหนื่อยกับมัน

กลยุทธ์ดินแดนไหม้เกรียมมีประสิทธิภาพสำหรับกองกำลังที่พึ่งพาดินแดนศัตรูเพื่อใช้เป็นเสบียง
แม้ในโลกที่การขนส่งหมุนเวียนด้วยกระเป๋าเวทย์และเม้และเหล่าสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่าในโลกก่อน
จักรวรรดิไฮเซิร์คก็ยังลำบากในการสนับสนุนตัวเอง

แกรนด์ดยุคไมยาร์ดได้ยอมแพ้ในดินแดนของเขาและอาณาจักรเฟอร์เรียสก็ให้การสนับสนุนอาหารเพียงแม้จะเพียงเล็กน้อยและในที่สุดเขาก็วางแผนที่จะเอาอาณาจักรคาโนอากลับคืนมา 
แต่ความแค้นที่อดีตพลเมืองของอาณาจักรคาโนอามีต่อแกรนด์ดยุคไมยาร์ดและะ
อาณาจักรเฟอร์เรียสนั้นหนักกว่าที่มุ่งเป้าไปที่ฝั่งจักรวรรดิ เมื่อคุณถูกทรยศโดยคนที่คุณไว้ใจมากที่สุดใครๆ ก็โกรธใช่ไหมละ”

“ฉันกังวลกับกองพันที่ประกอบด้วยอดีตพลเมืองคาโนอาที่เข้าร้วมในสงครามครั้งนี้ แต่คงไม่น่่าเป็รไรหลอก”

ดังนั้น วอล์ม จึงได้รู้สึกจักอาณาจักรคาโนอามากขึ้น

ขณะพูดกันอยู่พวกเขาก็มาถึงโรงเตี้ยม

มันเป็นอาคารสองชั้นที่มีบาร์ที่ชั้นหนึ่งและห้องพักที่ชั้นสอง ผนังด้านนอกสกปรกจากเขม่านี่อาจออกมาจากกลัวและประตูทางเข้ามีรอยขีดข่วนเล็กๆเหมือนเคยถูกทุบมาก่อน

ขณะที่พวกเขาผลักประตูเข้าไปกริ่งก็ส่งสัญญาณว่าลูกค้าเข้ามาในร้านแล้ว

ที่โต๊ะใกล้เคาน์เตอร์มีทหาร ไฮเซิร์ค ห้าคนและด้านหลังมีชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นขาประจำที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าและของตกแต่งอย่างประณีตและตัดเย็บมาอย่างดี

วอล์ม คิดว่าคนเหล่านั้นอาจเป็นพ่อค้าในเมืองโดยตัดสินจากรูปลักษณ์ของพวกเขา

ร่วมกับหัวหน้าดูเวย พวกเราก็ไปนั่งที่โต๊ะห่างจากสองกลุ่มนั้น

“วันนี้ฉันเลี้ยงเอง นายเห็นไหมว่ามีทหารใหม่สองคนรอดจากศึกแรกของพวกเขา มันก็นานแล้วตั้งแตาวอล์ม”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นโจเซ่ก็ผิวปากอย่างมีความสุขและวอล์มก็ยิ้มอย่างพอใจ

หัวหน้าหน่วยยกมือขึ้นและหันไปมองและเจ้าของก็ออกมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์

“ขอเอลสามขวดกับไวน์หนึ่งขวด แล้วก็มีอาหารอะไรที่ทำได้ทันทีไหม”

ครู่หนึ่งเจ้าของร้านก็แสดงท่าทางคิดอยู่และตอบ

“เราสามารถเสิร์ฟซุปและขนมปังอบ ควาย และถั่วได้ทันทีที่เราอุ่นมันและยังมีปลาดุกสำหรับสามที่”

“เอามาให้เราสามคน แล้วก็ปลาดุกขอเป็นทอด”

เจ้าของพยักหน้าและเข้าไปในครัว ซุปและขนมปังกับเบียร์ถูกนำมาเสิร์ฟเร็วกว่าที่ วอล์มคาดไว้

“เหมือนกับที่ชายแดนลิเบอริโต้ ขอให้เราได้รับชัยชนะจาก ไมยาร์ด!!”

หัวหน้ายกแก้วขึ้น

วอล์มไม่ลังเลที่จะชนแก้วอย่างแรง

กริ้ง!!

หลังจากเสียงชนแก้วพวกเขาก็ดื่มทั้งหมดในครั้งเดียว

มันเป็นประเพณีชนิดหนึ่ง แต่สำหรับทหารที่อยู่ในสงครามมักจะทำเกินจริงเมื่อพวกเขาดื่ม

วอล์มได้รับการบอกว่า ทหารที่ไม่ทำเช่นนั้นหมายความว่าพวกเขาขาดความน่าเชื่อถือ

เด็กเสิร์ฟเทเบียร์ลงในแก้วมากขึ้นในขณะมองว่าพวกเราต้องการอะไร

วอล์มแบ่งขนมปังเป็นชิ้นพอดีคำแล้วเอาไปแช่ในซุปแล้วจึงนำเข้าปาก รสชาติที่ล้นออกมาจากเนื้อควายและความเข้มข้นของหัวหอมและถั่วกระจายอยู่ในปากของเขา

เขาใช้ซ่อมแทงส่วนผสมที่อยู่ในซุปแล้วนำเข้าปาก เนื้อเหนียวของความก็นิ่มขึ้นเช่นกัน ถั่วก็ถูกต้มในระดับปานกลางและเมื่อเคี้ยวเบาๆ เขาก็รู้สึกถึงเนื้อสัมผัสของหัวหอมและถั่วที่สมดุลกัน

“ฉันคิดว่าฉันจะเบื่อซุปถั่วแล้ว แต่ด้วยทักษะของพ่อครัวมันกลับอร่อยกว่าที่คิดไว้”

ขณะที่วอล์มกำลังชมอาหาร โจเซ่ ก็พยักหน้าเห็นด้วย

“ปกติแล้วจะมีของปรุงสุกหรือดิบไว้มากมาย”

ปลาดูกทอดเรียงรายอยู่บนโต๊ะหลังจากกินซุปเสร็จ เนื้อปลาดุกถูกแบ่งเป็นสามชิ้นแต่เนื่องจากมีปลา
สามตัวสำหรับทั้งสามคน วอล์มจึงยื่นมือออกไปโดยคิดว่ามันคงจะดีที่จะกินมัน

เขานำมันเข้าไปในปากด้วยส้อม หลังจากเนื้อสัมผัสของปลาดุกกระจายในปาก มันมีรสชาติของเนื้อสีขาวที่เบาผสมกับหนังปลาได้ดีเข้ารู้สึกว่าสามารถกินมันเท่าไรก็ได้

“ปลาดุกอร่อยสุดๆ”

การต้องกินแต่อาหารแห้งหรืออาหารต้มมันเป็นความเจ็บปวดของ วอล์ม ซึ่งเติบโตมาในวัฒนธรรมอาหารอันหลากหลายเมื่อชีวิตก่อนของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขาสามารถสนุกไปกับการกินโดยไม่ต้องคิดเกี่ยวกับการโดนโจมตีตอนกลางคืนหรือรีบตื่นตอนเช้า

“ครั้งสุดท้ายที่เรากินปลาคือเมื่อไรนะ? มันคือก่อนที่เขาจะไปที่ชายแดน ลิเบอริโต้หรือเปล่านะ? ตอนนั้นเป็นปลาแม่น้ำด้วย ไม่ใช่ปลาดุก”

หัวหน้าหน่วยอารมณ์ดีแล้วดื่มเบียร์ทันทีและเอื้อมไปหยีบขวดไวน์

 

“เอ้า กินและดื่ม”

ตามที่ได้ยิน วอล์ม ก็ดื่มเบียร์ที่่เหลือและไวน์ก็ถูกเติมในแก้วเปล่า มันเหมาจะเอาไว้ตัดรสชาติมันในปาก

พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่ไม่มีอะไรจะหยุดพวกเขาจากการดื่มเหล้า

วอล์ม ลืมทุกอย่างแล้วก็เพลิดเพลินไปกับอาหารและเครื่องดื่มตรงหน้่า

****
จบไปแล้วกับตอนที่4 เมื่อวานที่พูดเรื่องตำแหน่งไปวันนี้เลยทักไปถามคนแปล ENG และนี่คือคำตอบ
ทั้งนี้ขอขอบคุณ ENG จากKinokura Translation  
เพจผู้แปล (1) เหนื่อยน้อ การแปล | Facebook

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+