สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 142 อย่ามาแตะข้า ข้าง่วง

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 142 อย่ามาแตะข้า ข้าง่วง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 142 อย่ามาแตะข้า ข้าง่วง

บรรยากาศในโรงน้ำชาเงียบสนิท

ถังหมิงฉงคลี่พัดของเขาอย่างร้อนรน แล้วเอ่ยตามประสาคนปากแข็ง “ผู้ใดจะรู้ว่าถูกหรือไม่ ข้าว่าหญิงคนนั้นช่างมากเล่ห์จริง ๆ บางทีนางอาจจะจงใจเขียนเลขผิด ๆ ลงไป”

“ท่านเจ้าสำนัก! ท่านอาจารย์!”

ใครบางคนเปิดประตูเข้ามา จากนั้นเจ้าสำนักก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า ข้างหลังมีอาจารย์แห่งสำนักบัณฑิตเขาเขียวติดตามมาด้วย

อาจารย์เฉียนหยิบหนังสือเล่มที่มู่ซืออวี่อ่านเมื่อครู่นี้ขึ้นมา แล้วมอบให้เจ้าสำนักด้วยสองมือ

หลังจากเจ้าสำนักอ่านจบก็ถอนหายใจ

“ท่านเจ้าสำนัก หญิงผู้นั้นเพียงแค่เดาสุ่มเขียนขึ้นมา ท่านอย่าได้โมโหไปเลย” ถังหมิงฉงเอ่ย

“เฮอะ!” ไป๋เหวยคังมองถังหมิงฉงอย่างเย็นชา “เขียนขึ้นมาสุ่ม ๆ แล้วยังถูกได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้านี้แม้กระทั่งสตรีก็สู้ไม่ได้”

ทุกคนถึงกับตะลึง

จะเป็นไปได้อย่างไร?

รอบแรกนางทำได้ถูกต้อง รอบนี้ยังทำได้ถูกต้องอีก นี่จะกล่าวเกินจริงไปหน่อยหรือเปล่า

โจทย์ปัญหาเมื่อครู่นี้ง่ายที่สุด ส่วนข้อหลังนั้นแม้แต่พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจ ไม่เช่นนั้นคงไม่หดหู่เช่นนี้

“นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าภรรยาลู่อี้จะฉลาดเฉลียว หากมีภรรยาเช่นนี้ เขาจะต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้อย่างแน่นอน” อาจารย์กล่าวชื่นชม

“น่าเสียดาย…” แววตาของไป๋เหวยคังเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง

เสียดายศิษย์รักของเขาเหลือเกิน

….

ในตอนที่มู่ซืออวี่กลับมาที่ร้าน คนอื่น ๆ ก็กลับมาแล้ว

พวกเขาทำงานในร้านต่อจนถึงกลางดึกอันเงียบสงัด คนงานกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน ส่วนลู่อี้พามู่ซืออวี่ไปค้างแรมที่โรงเตี๊ยม

“ฮูหยิน น้ำร้อนพร้อมแล้ว ค่อย ๆ ใช้นะขอรับ” คนดูแลโรงเตี๊ยมทักทายด้วยรอยยิ้ม

มู่ซืออวี่พยักหน้ายิ้ม ๆ “ขอบคุณ”

ข้างหลังฉากบังตา น้ำร้อนในถังน้ำแผ่ไอร้อนออกมา ทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยไอน้ำอุ่น

มู่ซืออวี่เหนื่อยล้าเต็มทน เห็นน้ำร้อนแล้วทำให้รู้สึกสบายไม่น้อย นางร้อนอกร้อนใจอยากจะปลดผ้าคาดเอวโดยเร็ว แต่จู่ ๆ นางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยุดปลดผ้าคาดเอวแล้วหันกลับไปมอง

ลู่อี้กระแอมเบา ๆ หนึ่งที “ข้าจะออกไปสูดอากาศ”

ปัง!

ประตูเปิดออก จากนั้นก็ปิดลง

เหลือเพียงมู่ซืออวี่อยู่ในห้องเพียงคนเดียว

ในที่สุดนางก็ได้อาบน้ำร้อนแสนสบาย

“ฮ้าาา สบายสุด ๆ” มู่ซืออวี่นอนลงในถัง

ลู่อี้ยืนอยู่ที่ประตู หลังจากได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากข้างในก็ยิ้มออกมาบาง ๆ

ในขณะเดียวกัน ห้องข้าง ๆ ก็มีเสียงเล็ดลอดออกมา เป็นเสียงของบุรุษสตรีผสานกันอย่างกำกวม ไม่เบาแต่อย่างใด

ลู่อี้คลายคอเสื้อของตน กำลังจะเดินไปด้านซ้าย ทว่าเสียงที่ออกมาจากทางซ้ายไม่ได้เบาไปกว่าทางขวานัก

ลู่อี้ “…”

นี่มันโรงเตี๊ยม มาทำอะไรกัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!

ไม่แปลกใจว่าเหตุใดเมื่อครู่นี้คนดูแลโรงเตี๊ยมถึงได้มองพวกเขาแปลก ๆ บางทีอาจนึกว่าพวกเขาเป็นประเภทเดียวกับบุรุษสตรีที่ลอบร่วมรักกันเหล่านั้น

“เหตุใดข้างในจึงเงียบเสียงไปแล้ว?” ลู่อี้พึมพำกับตนเอง

เขารออยู่พักหนึ่งแต่ก็ยังไม่มีเสียงอะไร จึงลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเข้าไปดูข้างใน

“เจ้าอาบน้ำเสร็จแล้วหรือ?” ลู่อี้พยายามตะโกนเข้าไปข้างใน

“ข้าจะเข้าไปแล้ว”

ขณะที่ลู่อี้กล่าว เขาก็เดินเข้าไปข้างหลังฉากบังตา

มู่ซืออวี่นอนอยู่ตรงขอบถัง หลับตาพริ้มอยู่ใต้แสงไฟ รอบตัวปกคลุมด้วยม่านหมอก ขับให้นางดูน่าพิศวงไม่น้อย

ลู่อี้เบือนหน้าหนี แตะแขนของนางเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า “ตื่นเถิด”

“อย่าหลับตรงนี้”

“ฮูหยิน… ตื่นเถิด”

มู่ซืออวี่ทำปากขมุบขมิบ หายใจฮึดฮัดแล้วปัดมือเขาออก “อย่ามาแตะข้า ข้าง่วง”

น้ำเย็นลงแล้ว ไม่อาจปล่อยให้นางหลับอยู่เช่นนี้ มิเช่นนั้นเกรงว่าพรุ่งนี้ต้องจับไข้เป็นแน่

ลู่อี้มองไปรอบ ๆ แล้วจึงหยิบเสื้อผ้าของนางขึ้นมา จากนั้นห่อตัวของนางเอาไว้ แล้วอุ้มนางไปยังเตียงนอน

ถึงแม้จะมีเสื้อผ้ากั้นกลาง แต่เสื้อผ้านี้ก็บางเป็นอย่างมาก เขาจึงสัมผัสได้ถึงผิวอันอ่อนนุ่มของนางอย่างช่วยไม่ได้

ลู่อี้วางนางลงบนเตียง จากนั้นห่มผ้าให้ เหลือเพียงศีรษะที่โผล่พ้นออกมา

เขาเพิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอกก็เห็นนางพลิกตัวหันไปอีกทาง ด้วยเหตุนี้แผ่นหลังขาวผ่องจึงเผยออกมาให้เห็น

เขาข่มตาลง ห่มผ้าให้นางอีกครั้ง

ฟึ่บ

ฟึ่บ

หลังจากพลิกกลับไปกลับมา เขาก็ชุ่มโชกไปทั้งตัว

หน้าผากของเขาเปียกชื้น แม้แต่เขาก็ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นน้ำอาบหรือเหงื่อกันแน่

ลู่อี้เข้ามาข้างหลังฉากบังตา ใช้น้ำที่อาบแล้วชำระล้างร่างกายของตัวเอง

เขาเดินไปที่เตียงอีกครั้ง มองมู่ซืออวี่ผู้หลับไปด้วยท่านอนที่ผิดแปลกเป็นพิเศษ จากนั้นจึงลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบหนังสือออกจากห่อผ้าที่นำมาด้วย

เขาอาศัยแสงเทียนเพื่ออ่านมัน

….

“ซาลาเปา ซาลาเปานึ่งร้อน ๆ ขายซาลาเปาจ้า!”

มู่ซืออวี่ลุกขึ้นนั่งกะทันหัน “ซาลาเปา!”

ลู่อี้ผู้ที่เพิ่งเอนตัวลงนอนบนพื้นได้ครู่เดียวลืมตาขึ้น เขามองดูมู่ซืออวี่ที่กำลังสับสนมึนงง เมื่อเห็นร่างกายขาวนวลก็ไอขึ้นมาเบา ๆ ก่อนจะละสายตาออกอย่างว้าวุ่นใจ

“เจ้า… เจ้าใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะ”

“อะไรหรือ… ว้าย!” มู่ซืออวี่กรีดร้อง

ลู่อี้รีบวิ่งเข้าไปปิดปากนางไว้ทันที

มู่ซืออวี่จ้องมองเขา สายตาทั้งขัดเขินทั้งหมดอาลัยตายอยาก

ลู่อี้รู้ทันทีว่านางเข้าใจผิดแล้ว จึงเอ่ยด้วยความกระอักกระอ่วน “เมื่อคืนเจ้าเหนื่อยเกินไป ระหว่างอาบน้ำจึงหลับไปกลางคัน น้ำเย็นเกินไป ข้าปลุกแล้วเจ้าก็ไม่ตื่น ข้าเลยอุ้มเจ้าไปนอนบนเตียง”

“แค่เพียงอุ้มข้ามาไว้บนเตียงหรือ?” มู่ซืออวี่ได้ฟังคำอธิบายของเขาแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมา

แม้แต่อยู่ระหว่างอาบน้ำก็ยังหลับได้ ดูเหมือนเมื่อวานนี้นางจะอ่อนล้าจริง ๆ

ร่างกายนี้เปราะบางนัก

“อืม” ลู่อี้หลุบตาลง

“เช่นนั้นเจ้าได้…”

“ไม่”

“ข้ายังไม่ทันพูดเลย! เจ้าคงไม่ได้กินปูนร้อนท้องใช่หรือไม่?”

“ข้าใช้เสื้อผ้าห่อเจ้าไว้ ไม่ได้แตะต้องเจ้า” ลู่อี้เอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก

ในความเป็นจริง เสื้อผ้าบางขนาดนั้นจะไม่แตะได้อย่างไร ตอนที่เขาอุ้มนางขึ้นมา ดูเหมือนจะไปแตะบางสิ่งที่นุ่มหยุ่นเป็นพิเศษเข้าด้วย

แต่เรื่องเหล่านี้เขาไม่กล้าบอกนาง มิเช่นนั้นเขาจะไม่กลายเป็นคนมักมากบ้าตัณหาหรือ

มู่ซืออวี่กระดากอาย ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดไปชั่วขณะ

“เสื้อผ้ายับยู่ยี่หมดแล้ว ข้าจะใส่อย่างไร?”

“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่” ลู่อี้บอก

มู่ซืออวี่มองลู่อี้วิ่งออกไป นางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมด้วยความโมโหแล้วบ่นออกมา

“น่าอายเกินไปแล้ว!!”

ถึงแม้ร่างกายนี้จะเป็นภรรยาของลู่อี้ ทั้งสองคนมีสัมพันธ์ทางกายกันมานานแล้ว แต่นางไม่เคยเปลื้องผ้าต่อหน้าชายใด

มู่ซืออวี่พันร่างกายของตัวเองประหนึ่งเป็นดักแด้

ไม่นานนักก็มีคนมาแตะนาง หญิงสาวจึงโผล่หัวออกมา ช้อนตามองชายหนุ่มตรงหน้า

ลู่อี้เห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของนางแดงเรื่อ ริมฝีปากแดงก่ำถูกขบเม้มเล็กน้อยเหมือนลูกแมวขี้รำคาญ ราวกับว่าวินาทีถัดไปนางจะปรี่เข้ามาข่วนเขา

“ข้าซื้อเสื้อผ้ามาให้เจ้า ไม่รู้ว่าพอดีหรือไม่ ข้าวางไว้ตรงนี้นะ”

ลู่อี้วางชุดกระโปรงไว้ข้างเตียง

มู่ซืออวี่เหลือบมอง เห็นเป็นสีฟ้าครามสีโปรดของนางก็ตอบไปว่า

“ขอบคุณ”

เมื่อลู่อี้เดินออกไป มู่ซืออวี่ก็ลงจากเตียง

ลู่อี้หยุดยืนอยู่ที่ประตู พอดีกับที่คนในห้องทางขวาเดินออกมา

“…”

“…”

ทั้งสองฝ่ายต่างมองหน้ากัน

เป็นถังเหยียนจื้อและมู่ซือเจียวนั่นเอง

มู่ซือเจียวหน้าเปลี่ยนสีทันที “เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”

ลู่อี้ไม่อยากพูดด้วยแต่อย่างใด

มู่ซือเจียวมองที่ที่ลู่อี้ยืนอยู่ ความเย้ยหยันแวบผ่านสายตาของนาง “ข้านึกว่ามู่ซืออวี่จะเก่งกาจ ที่ไหนได้ก็ไม่ได้ดีเด่อะไร ข้าว่าแล้ว สายตาของเจ้าไม่มืดบอด จะทนอยู่กับมู่ซืออวี่ไปเพื่ออะไร ที่แท้เจ้ากลับออกมามีเรื่องราวดี ๆ อยู่ข้างนอกนี่เอง”

ถังเหยียนจื้อก็รู้จักลู่อี้เช่นกัน เขาตบหลังมือของมู่ซือเจียวเบา ๆ “เจียวเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทานอาหารเช้ารสเลิศ”

“ท่านพี่ดีกับข้าที่สุดแล้ว” มู่ซือเจียวเอ่ยอย่างออดอ้อน

มู่ซืออวี่เปิดประตูออกมาเอ่ยกับลู่อี้ว่า “นี่ข้าหูฝาดไปใช่หรือไม่? เหตุใดข้าถึงได้ยินเสียงหญิงบ้ามู่ซือเจียวเล่า?”

เมื่อเห็นมู่ซือเจียวเบิกตากว้าง นางก็เงียบเสียงลง

ที่แท้ไม่ใช่หูฝาด แต่เป็นหญิงบ้านั่นจริง ๆ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 142 อย่ามาแตะข้า ข้าง่วง

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 142 อย่ามาแตะข้า ข้าง่วง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 142 อย่ามาแตะข้า ข้าง่วง

บรรยากาศในโรงน้ำชาเงียบสนิท

ถังหมิงฉงคลี่พัดของเขาอย่างร้อนรน แล้วเอ่ยตามประสาคนปากแข็ง “ผู้ใดจะรู้ว่าถูกหรือไม่ ข้าว่าหญิงคนนั้นช่างมากเล่ห์จริง ๆ บางทีนางอาจจะจงใจเขียนเลขผิด ๆ ลงไป”

“ท่านเจ้าสำนัก! ท่านอาจารย์!”

ใครบางคนเปิดประตูเข้ามา จากนั้นเจ้าสำนักก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า ข้างหลังมีอาจารย์แห่งสำนักบัณฑิตเขาเขียวติดตามมาด้วย

อาจารย์เฉียนหยิบหนังสือเล่มที่มู่ซืออวี่อ่านเมื่อครู่นี้ขึ้นมา แล้วมอบให้เจ้าสำนักด้วยสองมือ

หลังจากเจ้าสำนักอ่านจบก็ถอนหายใจ

“ท่านเจ้าสำนัก หญิงผู้นั้นเพียงแค่เดาสุ่มเขียนขึ้นมา ท่านอย่าได้โมโหไปเลย” ถังหมิงฉงเอ่ย

“เฮอะ!” ไป๋เหวยคังมองถังหมิงฉงอย่างเย็นชา “เขียนขึ้นมาสุ่ม ๆ แล้วยังถูกได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้านี้แม้กระทั่งสตรีก็สู้ไม่ได้”

ทุกคนถึงกับตะลึง

จะเป็นไปได้อย่างไร?

รอบแรกนางทำได้ถูกต้อง รอบนี้ยังทำได้ถูกต้องอีก นี่จะกล่าวเกินจริงไปหน่อยหรือเปล่า

โจทย์ปัญหาเมื่อครู่นี้ง่ายที่สุด ส่วนข้อหลังนั้นแม้แต่พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจ ไม่เช่นนั้นคงไม่หดหู่เช่นนี้

“นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าภรรยาลู่อี้จะฉลาดเฉลียว หากมีภรรยาเช่นนี้ เขาจะต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้อย่างแน่นอน” อาจารย์กล่าวชื่นชม

“น่าเสียดาย…” แววตาของไป๋เหวยคังเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง

เสียดายศิษย์รักของเขาเหลือเกิน

….

ในตอนที่มู่ซืออวี่กลับมาที่ร้าน คนอื่น ๆ ก็กลับมาแล้ว

พวกเขาทำงานในร้านต่อจนถึงกลางดึกอันเงียบสงัด คนงานกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน ส่วนลู่อี้พามู่ซืออวี่ไปค้างแรมที่โรงเตี๊ยม

“ฮูหยิน น้ำร้อนพร้อมแล้ว ค่อย ๆ ใช้นะขอรับ” คนดูแลโรงเตี๊ยมทักทายด้วยรอยยิ้ม

มู่ซืออวี่พยักหน้ายิ้ม ๆ “ขอบคุณ”

ข้างหลังฉากบังตา น้ำร้อนในถังน้ำแผ่ไอร้อนออกมา ทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยไอน้ำอุ่น

มู่ซืออวี่เหนื่อยล้าเต็มทน เห็นน้ำร้อนแล้วทำให้รู้สึกสบายไม่น้อย นางร้อนอกร้อนใจอยากจะปลดผ้าคาดเอวโดยเร็ว แต่จู่ ๆ นางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยุดปลดผ้าคาดเอวแล้วหันกลับไปมอง

ลู่อี้กระแอมเบา ๆ หนึ่งที “ข้าจะออกไปสูดอากาศ”

ปัง!

ประตูเปิดออก จากนั้นก็ปิดลง

เหลือเพียงมู่ซืออวี่อยู่ในห้องเพียงคนเดียว

ในที่สุดนางก็ได้อาบน้ำร้อนแสนสบาย

“ฮ้าาา สบายสุด ๆ” มู่ซืออวี่นอนลงในถัง

ลู่อี้ยืนอยู่ที่ประตู หลังจากได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากข้างในก็ยิ้มออกมาบาง ๆ

ในขณะเดียวกัน ห้องข้าง ๆ ก็มีเสียงเล็ดลอดออกมา เป็นเสียงของบุรุษสตรีผสานกันอย่างกำกวม ไม่เบาแต่อย่างใด

ลู่อี้คลายคอเสื้อของตน กำลังจะเดินไปด้านซ้าย ทว่าเสียงที่ออกมาจากทางซ้ายไม่ได้เบาไปกว่าทางขวานัก

ลู่อี้ “…”

นี่มันโรงเตี๊ยม มาทำอะไรกัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!

ไม่แปลกใจว่าเหตุใดเมื่อครู่นี้คนดูแลโรงเตี๊ยมถึงได้มองพวกเขาแปลก ๆ บางทีอาจนึกว่าพวกเขาเป็นประเภทเดียวกับบุรุษสตรีที่ลอบร่วมรักกันเหล่านั้น

“เหตุใดข้างในจึงเงียบเสียงไปแล้ว?” ลู่อี้พึมพำกับตนเอง

เขารออยู่พักหนึ่งแต่ก็ยังไม่มีเสียงอะไร จึงลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเข้าไปดูข้างใน

“เจ้าอาบน้ำเสร็จแล้วหรือ?” ลู่อี้พยายามตะโกนเข้าไปข้างใน

“ข้าจะเข้าไปแล้ว”

ขณะที่ลู่อี้กล่าว เขาก็เดินเข้าไปข้างหลังฉากบังตา

มู่ซืออวี่นอนอยู่ตรงขอบถัง หลับตาพริ้มอยู่ใต้แสงไฟ รอบตัวปกคลุมด้วยม่านหมอก ขับให้นางดูน่าพิศวงไม่น้อย

ลู่อี้เบือนหน้าหนี แตะแขนของนางเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า “ตื่นเถิด”

“อย่าหลับตรงนี้”

“ฮูหยิน… ตื่นเถิด”

มู่ซืออวี่ทำปากขมุบขมิบ หายใจฮึดฮัดแล้วปัดมือเขาออก “อย่ามาแตะข้า ข้าง่วง”

น้ำเย็นลงแล้ว ไม่อาจปล่อยให้นางหลับอยู่เช่นนี้ มิเช่นนั้นเกรงว่าพรุ่งนี้ต้องจับไข้เป็นแน่

ลู่อี้มองไปรอบ ๆ แล้วจึงหยิบเสื้อผ้าของนางขึ้นมา จากนั้นห่อตัวของนางเอาไว้ แล้วอุ้มนางไปยังเตียงนอน

ถึงแม้จะมีเสื้อผ้ากั้นกลาง แต่เสื้อผ้านี้ก็บางเป็นอย่างมาก เขาจึงสัมผัสได้ถึงผิวอันอ่อนนุ่มของนางอย่างช่วยไม่ได้

ลู่อี้วางนางลงบนเตียง จากนั้นห่มผ้าให้ เหลือเพียงศีรษะที่โผล่พ้นออกมา

เขาเพิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอกก็เห็นนางพลิกตัวหันไปอีกทาง ด้วยเหตุนี้แผ่นหลังขาวผ่องจึงเผยออกมาให้เห็น

เขาข่มตาลง ห่มผ้าให้นางอีกครั้ง

ฟึ่บ

ฟึ่บ

หลังจากพลิกกลับไปกลับมา เขาก็ชุ่มโชกไปทั้งตัว

หน้าผากของเขาเปียกชื้น แม้แต่เขาก็ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นน้ำอาบหรือเหงื่อกันแน่

ลู่อี้เข้ามาข้างหลังฉากบังตา ใช้น้ำที่อาบแล้วชำระล้างร่างกายของตัวเอง

เขาเดินไปที่เตียงอีกครั้ง มองมู่ซืออวี่ผู้หลับไปด้วยท่านอนที่ผิดแปลกเป็นพิเศษ จากนั้นจึงลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบหนังสือออกจากห่อผ้าที่นำมาด้วย

เขาอาศัยแสงเทียนเพื่ออ่านมัน

….

“ซาลาเปา ซาลาเปานึ่งร้อน ๆ ขายซาลาเปาจ้า!”

มู่ซืออวี่ลุกขึ้นนั่งกะทันหัน “ซาลาเปา!”

ลู่อี้ผู้ที่เพิ่งเอนตัวลงนอนบนพื้นได้ครู่เดียวลืมตาขึ้น เขามองดูมู่ซืออวี่ที่กำลังสับสนมึนงง เมื่อเห็นร่างกายขาวนวลก็ไอขึ้นมาเบา ๆ ก่อนจะละสายตาออกอย่างว้าวุ่นใจ

“เจ้า… เจ้าใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะ”

“อะไรหรือ… ว้าย!” มู่ซืออวี่กรีดร้อง

ลู่อี้รีบวิ่งเข้าไปปิดปากนางไว้ทันที

มู่ซืออวี่จ้องมองเขา สายตาทั้งขัดเขินทั้งหมดอาลัยตายอยาก

ลู่อี้รู้ทันทีว่านางเข้าใจผิดแล้ว จึงเอ่ยด้วยความกระอักกระอ่วน “เมื่อคืนเจ้าเหนื่อยเกินไป ระหว่างอาบน้ำจึงหลับไปกลางคัน น้ำเย็นเกินไป ข้าปลุกแล้วเจ้าก็ไม่ตื่น ข้าเลยอุ้มเจ้าไปนอนบนเตียง”

“แค่เพียงอุ้มข้ามาไว้บนเตียงหรือ?” มู่ซืออวี่ได้ฟังคำอธิบายของเขาแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมา

แม้แต่อยู่ระหว่างอาบน้ำก็ยังหลับได้ ดูเหมือนเมื่อวานนี้นางจะอ่อนล้าจริง ๆ

ร่างกายนี้เปราะบางนัก

“อืม” ลู่อี้หลุบตาลง

“เช่นนั้นเจ้าได้…”

“ไม่”

“ข้ายังไม่ทันพูดเลย! เจ้าคงไม่ได้กินปูนร้อนท้องใช่หรือไม่?”

“ข้าใช้เสื้อผ้าห่อเจ้าไว้ ไม่ได้แตะต้องเจ้า” ลู่อี้เอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก

ในความเป็นจริง เสื้อผ้าบางขนาดนั้นจะไม่แตะได้อย่างไร ตอนที่เขาอุ้มนางขึ้นมา ดูเหมือนจะไปแตะบางสิ่งที่นุ่มหยุ่นเป็นพิเศษเข้าด้วย

แต่เรื่องเหล่านี้เขาไม่กล้าบอกนาง มิเช่นนั้นเขาจะไม่กลายเป็นคนมักมากบ้าตัณหาหรือ

มู่ซืออวี่กระดากอาย ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดไปชั่วขณะ

“เสื้อผ้ายับยู่ยี่หมดแล้ว ข้าจะใส่อย่างไร?”

“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่” ลู่อี้บอก

มู่ซืออวี่มองลู่อี้วิ่งออกไป นางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมด้วยความโมโหแล้วบ่นออกมา

“น่าอายเกินไปแล้ว!!”

ถึงแม้ร่างกายนี้จะเป็นภรรยาของลู่อี้ ทั้งสองคนมีสัมพันธ์ทางกายกันมานานแล้ว แต่นางไม่เคยเปลื้องผ้าต่อหน้าชายใด

มู่ซืออวี่พันร่างกายของตัวเองประหนึ่งเป็นดักแด้

ไม่นานนักก็มีคนมาแตะนาง หญิงสาวจึงโผล่หัวออกมา ช้อนตามองชายหนุ่มตรงหน้า

ลู่อี้เห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของนางแดงเรื่อ ริมฝีปากแดงก่ำถูกขบเม้มเล็กน้อยเหมือนลูกแมวขี้รำคาญ ราวกับว่าวินาทีถัดไปนางจะปรี่เข้ามาข่วนเขา

“ข้าซื้อเสื้อผ้ามาให้เจ้า ไม่รู้ว่าพอดีหรือไม่ ข้าวางไว้ตรงนี้นะ”

ลู่อี้วางชุดกระโปรงไว้ข้างเตียง

มู่ซืออวี่เหลือบมอง เห็นเป็นสีฟ้าครามสีโปรดของนางก็ตอบไปว่า

“ขอบคุณ”

เมื่อลู่อี้เดินออกไป มู่ซืออวี่ก็ลงจากเตียง

ลู่อี้หยุดยืนอยู่ที่ประตู พอดีกับที่คนในห้องทางขวาเดินออกมา

“…”

“…”

ทั้งสองฝ่ายต่างมองหน้ากัน

เป็นถังเหยียนจื้อและมู่ซือเจียวนั่นเอง

มู่ซือเจียวหน้าเปลี่ยนสีทันที “เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”

ลู่อี้ไม่อยากพูดด้วยแต่อย่างใด

มู่ซือเจียวมองที่ที่ลู่อี้ยืนอยู่ ความเย้ยหยันแวบผ่านสายตาของนาง “ข้านึกว่ามู่ซืออวี่จะเก่งกาจ ที่ไหนได้ก็ไม่ได้ดีเด่อะไร ข้าว่าแล้ว สายตาของเจ้าไม่มืดบอด จะทนอยู่กับมู่ซืออวี่ไปเพื่ออะไร ที่แท้เจ้ากลับออกมามีเรื่องราวดี ๆ อยู่ข้างนอกนี่เอง”

ถังเหยียนจื้อก็รู้จักลู่อี้เช่นกัน เขาตบหลังมือของมู่ซือเจียวเบา ๆ “เจียวเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทานอาหารเช้ารสเลิศ”

“ท่านพี่ดีกับข้าที่สุดแล้ว” มู่ซือเจียวเอ่ยอย่างออดอ้อน

มู่ซืออวี่เปิดประตูออกมาเอ่ยกับลู่อี้ว่า “นี่ข้าหูฝาดไปใช่หรือไม่? เหตุใดข้าถึงได้ยินเสียงหญิงบ้ามู่ซือเจียวเล่า?”

เมื่อเห็นมู่ซือเจียวเบิกตากว้าง นางก็เงียบเสียงลง

ที่แท้ไม่ใช่หูฝาด แต่เป็นหญิงบ้านั่นจริง ๆ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+