สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 188 หนังสือฉบับลงลายมือ

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 188 หนังสือฉบับลงลายมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 188 หนังสือฉบับลงลายมือ

เมื่อนางเห็นสาวใช้คนนั้นก้าวเข้าประตูไป มู่ซืออวี่ก็ถอยหลังกลับมา เอ่ยกับเซี่ยคุนที่อยู่ข้างหลัง “พี่เซี่ย อีกเดี๋ยวอย่าอยู่ห่างจากข้า”

“อืม” เหตุการณ์คราวก่อน ทำให้เขาไม่กล้าหละหลวมอีก

“เชิญทางนี้…” สาวใช้คนนั้นพานางเข้าไปเรือนด้านหลัง สุดท้ายจึงหยุดอยู่ที่ ‘เรือนหรงหยาง’

สมกับที่จวนโหยวมีกิจการใหญ่โต เรือนหลังนี้ใหญ่โตมาก ทิวทัศน์ในสวนก็งดงาม ในสวนเต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าล้ำค่านานาชนิด ตกแต่งได้สวยงามเป็นพิเศษ กระทั่งมู่ซืออวี่ยังต้องเอ่ยว่าช่างมีเอกลักษณ์และโอ่อ่า

“ฮูหยินกำลังป้อนยาให้คุณชาย รบกวนฮูหยินลู่รอที่นี่ประเดี๋ยว”

“ได้”

มู่ซืออวี่หาเก้าอี้แล้วนั่งลง ส่วนเซี่ยคุนยืนอยู่ข้าง ๆ นาง

หลังจากเกิดเหตุการณ์ถูกผลักตกน้ำ เซี่ยคุนติดตามเป็นเงาตามตัวยิ่งกว่าเดิม

เดิมทีเขาก็สูงราว ๆ 190 เซนติเมตรอยู่แล้ว เมื่อยืนแน่นิ่งไม่ไหวติงเช่นนี้ก็ย่อมสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน

สาวใช้นำชาและอาหารทานเล่นมาให้ ก่อนจะเหลือบมองเซี่ยคุนด้วยความสงสัย ทว่าเมื่อเซี่ยคุนมองมา นางก็ก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวแล้วค่อย ๆ ถอยออกไป

มู่ซืออวี่หยิบชาจอกหนึ่งส่งให้เซี่ยคุน

“ไม่ดื่ม” เซี่ยคุนปฏิเสธ

มู่ซืออวี่จะอย่างไรก็ได้ นางจึงยกขึ้นจิบเสียเอง

ในห้องมีรูปภาพที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย อย่างไรเสียนางก็วาดภาพได้ดีเช่นกัน ย่อมเห็นความแตกต่างว่าภาพไหนดีภาพไหนไม่ดี เมื่อกวาดตามองเครื่องเรือนของที่นี่ ล้วนแล้วแต่ทำจากไม้จันทน์แดงอย่างดี

“ขออภัยที่ให้รอนาน” เสียงเข้มเสียงหนึ่งดังขึ้น

มู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นสตรีที่เดินเข้ามา ดวงตาของนางพลันเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

“เป็นท่านนี่เอง”

นางสวมเสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีต ประดับเครื่องหัวอย่างดีบนผม กลิ่นอายแผ่ออกมาอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง ราวกับแอ่งน้ำนิ่งที่ฉาบไปด้วยประกายแสง มีชีวิตชีวาขึ้นมากทีเดียว

“ข้าเอง ฮูหยินลู่”

ณ เรือนกรุ่นฝัน

มู่ซืออวี่เท้าคางเหม่อลอย มองผู้คนสัญจรไปมาบนท้องถนน รู้สึกว่างานเลี้ยงสังสรรค์ยามค่ำคืนในยุคปัจจุบันห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ราวกับเป็นเรื่องที่เกิดแต่ชาติปางก่อน

ใช่ เป็นชีวิตก่อน!

บางทีหญิงสาวอาจจะเปลี่ยนตนเองได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นคนผู้นั้นถึงได้ตัดสินใจเช่นนั้น

“พวกเจ้ารู้หรือไม่ ‘คันฉ่องสองด้าน’ ขายดีมาก ข้าลำบากลำบนยื้อแย่งซื้อมาได้หนึ่งเล่ม” ชายหนุ่มเอ่ยกับสหายของเขาระหว่างที่กำลังเลือกเครื่องเรือนที่ชอบ

“หาซื้อได้ยากจริง ๆ ข้าอยากซื้อยังซื้อไม่ได้เลย”

มู่ซืออวี่ลูบคางตนเอง ดูเหมือนนางจะมีวิธีใหม่แล้ว

“พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะออกไปข้างนอกสักประเดี๋ยว”

ณ หอหนังสือหงเหวิน มู่ซืออวี่เป็นคนคุ้นเคยของที่นี่ ผู้ดูแลหอจึงทักทายนางอย่างกระตือรือร้น เพียงนางเอ่ยว่านางอยากพบผู้ตรวจหนังสือฟางเพื่อหารือบางอย่าง ก็มีคนมาพานางไปพบทันที

“ผู้ตรวจหนังสือฟาง?” มู่ซืออวี่ยิ้มพลางเอ่ยทัก

ผู้ตรวจหนังสือฟางกำลังตรวจทานเนื้อหาต้นฉบับ เขาเงยหน้าขึ้นมามองมู่ซืออวี่ ครั้นเห็นมือของนางว่างเปล่าก็เอ่ยกับนางอย่างเย็นชาว่า “หากไม่ส่งเล่มใหม่มา ข้าก็ไม่มีอะไรจะกล่าวกับเจ้า”

“ท่านอย่าเป็นเช่นนี้สิเจ้าคะ!” มู่ซืออวี่ก้าวเข้าไปไกล้ ๆ “ข้ามีเรื่องการค้าจะหารือกับท่าน”

“ไหนพูดมาให้ข้าฟังซิ”

“เรื่องเป็นอย่างนี้ ข้าสามารถรบเร้าน้องสามีให้ส่งเล่มที่หกให้เร็วขึ้นได้ แต่มีเงื่อนไขหนึ่งอย่าง เล่มที่ออกใหม่นั้น ผู้ตรวจหนังสือฟางสามารถส่งฉบับคัดลอกให้ข้าสักห้าสิบฉบับได้หรือไม่? ห้าสิบฉบับนี้ข้าวางแผนจะให้มีการลงลายมือผู้เขียน จะขายเป็นการสมนาคุณลูกค้าของข้า”

“ลงลายมือ?” ผู้ตรวจหนังสือฟางวางพู่กันในมือลง แสดงท่าทีสนใจ “ไหนว่ามา”

มู่ซืออวี่อธิบายความหมายของการลงลายมือในหนังสือให้ผู้ตรวจหนังสือฟางฟัง เขาดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “ข้าจะขายให้เจ้าห้าสิบเล่ม แต่น้องสามีของเจ้าจะต้องลงลายมือสองร้อยฉบับ”

“ในเมื่อเป็นการลงลายมือในหนังสือ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องสร้างความแตกต่าง ท่านไปหาจิตรกรเก่ง ๆ มา หนังสือที่ลงลายมือสองร้อยเล่มนั้นจะต้องทำคุณภาพออกมาดีเป็นพิเศษ ในเมื่อเรื่องราวในหนังสือดี ภาพประกอบอยู่ข้างในก็ต้องสวยเช่นกัน พอมีลายมือผู้เขียนอีกก็คงดีเข้าไปใหญ่ ส่วนราคา… แน่นอนว่าต้องแตกต่างเช่นกัน ใช่หรือไม่?”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สองร้อยเล่มจะพอหรือ?” ผู้ตรวจหนังสือฟางครุ่นคิด

“ใต้เท้า ในเมื่อเป็นหนังสือฉบับพิเศษ นอกจากคุณภาพที่ดีกว่าแล้ว ก็ต้องมีจำนวนจำกัด ของหายากย่อมราคาแพง หากหนังสือดี ๆ มีอยู่ทุกที่ อยากจะซื้อก็ซื้อได้ เช่นนั้นจะแตกต่างจากหนังสือธรรมดาอย่างไร? ผู้ใดจะอยากซื้อของดาษดื่นราคาสูงเล่า”

“ดี หัวคิดเจ้าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ” ผู้ตรวจหนังสือฟางกล่าว “เช่นนั้น เจ้าก็ให้น้องสามีของเจ้ารีบเขียนเล่มที่หกออกมาเร็ว ๆ เวลาขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”

“ขอบคุณผู้ตรวจหนังสือฟาง” มู่ซืออวี่เอ่ยขอบคุณเสียงหวาน

นางมองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ “ผู้ตรวจหนังสือฟาง ที่นี่ของท่านรกเกินไปหรือไม่ ท่านอยากจะให้ข้าทำชั้นให้เก็บหนังสือเหล่านี้หรือเปล่า?”

“เฮอะ! มาที่นี่เพื่อทำการค้าไม่ใช่หรือ?” ผู้ตรวจหนังสือฟางเอ่ยอย่างโมโห “ไปเอาเล่มที่หกมาให้ได้ก่อนเถอะ ในเมื่อขายได้ดี ก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้”

“จะต้องขายดีเทน้ำเทท่าอย่างแน่นอน!”

เซี่ยคุนมองมู่ซืออวี่ที่เดินนำไปพลางร้องเพลงออกมาเบา ๆ

นางใช้ชีวิตอย่างสบายใจในทุก ๆ วัน ถึงแม้จะมีเหตุการณ์พลิกผันครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่เคยโทษโชคชะตา

นางมักจะรักษารอยยิ้มบนใบหน้านางเอาไว้เสมอ ราวกับไม่มีสิ่งใดโค่นล้มนางได้ เห็นได้ชัดว่านางเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่นางกลับใช้ชีวิตได้อย่างเต็มภาคภูมิยิ่งกว่าชายหนุ่ม

เมื่อกลับมาถึงเรือนกรุ่นฝัน คนของร้านไม้ก็มาส่งไม้พอดี

ข้างหน้าเป็นร้าน ข้างหลังเป็นที่ทำงาน มู่ซืออวี่มักจะทำงานอยู่ที่นี่ คนดูแลร้านจะไปเรียกนางข้างหลังหากมีเรื่องที่ไม่สามารถรับมือได้

นอกเหนือจากห้องทำงานแล้ว ก็ยังมีห้องนอนของผู้ดูแลหลายคน ห้องสุขา รวมถึงห้องครัวเล็ก ๆ

“เถ้าแก่เนี้ย ไม้ชุดนี้ชื้นเล็กน้อย ท่านดู…”

คนที่มาส่งไม้ร้องไห้คร่ำครวญ “ข้าขอโทษ เมื่อครู่นี้รถที่ข้าบรรทุกมาทำไม้ตก สินค้าทั้งหมดจึงตกลงไปในน้ำ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

มู่ซืออวี่ตรวจสอบดู หลังจากแน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไรมาก นางจึงกล่าวว่า “สินค้าชุดนี้ข้ายินดีรับไว้ แต่ไม้ชุดนี้ตกลงไปในน้ำ ข้าจะไม่จ่ายตามราคาเดิม ข้าจะจ่ายเจ้า 200 ตำลึงเงินกับอีก 200 อีแปะ เศษเหลือข้าจะไม่จ่าย เจ้าควักกระเป๋าตนเองเถอะ”

คนงานถอนหายใจ ก่อนจะขอบคุณมู่ซืออวี่ และเมื่อรับเงินแล้วจึงจากไป

เฟิงเจิงและคนอื่น ๆ มองชายคนนั้นเดินออกไปด้วยความสงสาร

“พวกเจ้าคิดว่าเหตุใดข้าถึงยอมจ่ายใช่หรือไม่?” เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน มู่ซืออวี่จึงถามขึ้น

“ไม่ขอรับ สินค้าที่เขาส่งมามีปัญหา เขาต้องถูกเถ้าแก่ของเขาต่อว่าแน่ถ้าขนสินค้าเหล่านั้นกลับไป ที่เถ้าแก่เนี้ยขอลดราคาลงแล้วยอมรับสินค้าของเขาไว้ ก็ใจกว้างต่อเขามากแล้ว” เฟิงเจิงกล่าว

“ไม่ผิด ข้าไม่ยอมรับสินค้าของเขาก็ได้ พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะตำหนิข้า แต่ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะนี่คือวิถีการค้าขาย คราวหลังหากข้าไปหาถึงหน้าประตู เถ้าแก่ของเขาคงยังรับรองข้าเป็นอย่างดี” มู่ซืออวี่อธิบายต่อไปว่า “สินค้าชุดนี้ยังสามารถใช้ได้ ความเสียหายไม่มาก ข้าย่อมรับไว้ได้ แต่ข้าก็ต้องให้บทเรียนกับเขา ให้เขาเข้าใจว่าหากทำอะไรผิดพลาดขึ้นมาก็มีราคาที่ต้องจ่าย แค่ขอโทษไม่เพียงพอ ภายหน้าเขาจะทำอะไรต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น นี่จะช่วยหลีกเลี่ยงความผิดพลาดครั้งใหญ่ไปได้”

“เถ้าแก่เนี้ยพูดได้ถูก พวกเราจะระมัดระวัง ไม่ให้เกิดความผิดพลาดอย่างแน่นอน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 188 หนังสือฉบับลงลายมือ

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 188 หนังสือฉบับลงลายมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 188 หนังสือฉบับลงลายมือ

เมื่อนางเห็นสาวใช้คนนั้นก้าวเข้าประตูไป มู่ซืออวี่ก็ถอยหลังกลับมา เอ่ยกับเซี่ยคุนที่อยู่ข้างหลัง “พี่เซี่ย อีกเดี๋ยวอย่าอยู่ห่างจากข้า”

“อืม” เหตุการณ์คราวก่อน ทำให้เขาไม่กล้าหละหลวมอีก

“เชิญทางนี้…” สาวใช้คนนั้นพานางเข้าไปเรือนด้านหลัง สุดท้ายจึงหยุดอยู่ที่ ‘เรือนหรงหยาง’

สมกับที่จวนโหยวมีกิจการใหญ่โต เรือนหลังนี้ใหญ่โตมาก ทิวทัศน์ในสวนก็งดงาม ในสวนเต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าล้ำค่านานาชนิด ตกแต่งได้สวยงามเป็นพิเศษ กระทั่งมู่ซืออวี่ยังต้องเอ่ยว่าช่างมีเอกลักษณ์และโอ่อ่า

“ฮูหยินกำลังป้อนยาให้คุณชาย รบกวนฮูหยินลู่รอที่นี่ประเดี๋ยว”

“ได้”

มู่ซืออวี่หาเก้าอี้แล้วนั่งลง ส่วนเซี่ยคุนยืนอยู่ข้าง ๆ นาง

หลังจากเกิดเหตุการณ์ถูกผลักตกน้ำ เซี่ยคุนติดตามเป็นเงาตามตัวยิ่งกว่าเดิม

เดิมทีเขาก็สูงราว ๆ 190 เซนติเมตรอยู่แล้ว เมื่อยืนแน่นิ่งไม่ไหวติงเช่นนี้ก็ย่อมสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน

สาวใช้นำชาและอาหารทานเล่นมาให้ ก่อนจะเหลือบมองเซี่ยคุนด้วยความสงสัย ทว่าเมื่อเซี่ยคุนมองมา นางก็ก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวแล้วค่อย ๆ ถอยออกไป

มู่ซืออวี่หยิบชาจอกหนึ่งส่งให้เซี่ยคุน

“ไม่ดื่ม” เซี่ยคุนปฏิเสธ

มู่ซืออวี่จะอย่างไรก็ได้ นางจึงยกขึ้นจิบเสียเอง

ในห้องมีรูปภาพที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย อย่างไรเสียนางก็วาดภาพได้ดีเช่นกัน ย่อมเห็นความแตกต่างว่าภาพไหนดีภาพไหนไม่ดี เมื่อกวาดตามองเครื่องเรือนของที่นี่ ล้วนแล้วแต่ทำจากไม้จันทน์แดงอย่างดี

“ขออภัยที่ให้รอนาน” เสียงเข้มเสียงหนึ่งดังขึ้น

มู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นสตรีที่เดินเข้ามา ดวงตาของนางพลันเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

“เป็นท่านนี่เอง”

นางสวมเสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีต ประดับเครื่องหัวอย่างดีบนผม กลิ่นอายแผ่ออกมาอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง ราวกับแอ่งน้ำนิ่งที่ฉาบไปด้วยประกายแสง มีชีวิตชีวาขึ้นมากทีเดียว

“ข้าเอง ฮูหยินลู่”

ณ เรือนกรุ่นฝัน

มู่ซืออวี่เท้าคางเหม่อลอย มองผู้คนสัญจรไปมาบนท้องถนน รู้สึกว่างานเลี้ยงสังสรรค์ยามค่ำคืนในยุคปัจจุบันห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ราวกับเป็นเรื่องที่เกิดแต่ชาติปางก่อน

ใช่ เป็นชีวิตก่อน!

บางทีหญิงสาวอาจจะเปลี่ยนตนเองได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นคนผู้นั้นถึงได้ตัดสินใจเช่นนั้น

“พวกเจ้ารู้หรือไม่ ‘คันฉ่องสองด้าน’ ขายดีมาก ข้าลำบากลำบนยื้อแย่งซื้อมาได้หนึ่งเล่ม” ชายหนุ่มเอ่ยกับสหายของเขาระหว่างที่กำลังเลือกเครื่องเรือนที่ชอบ

“หาซื้อได้ยากจริง ๆ ข้าอยากซื้อยังซื้อไม่ได้เลย”

มู่ซืออวี่ลูบคางตนเอง ดูเหมือนนางจะมีวิธีใหม่แล้ว

“พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะออกไปข้างนอกสักประเดี๋ยว”

ณ หอหนังสือหงเหวิน มู่ซืออวี่เป็นคนคุ้นเคยของที่นี่ ผู้ดูแลหอจึงทักทายนางอย่างกระตือรือร้น เพียงนางเอ่ยว่านางอยากพบผู้ตรวจหนังสือฟางเพื่อหารือบางอย่าง ก็มีคนมาพานางไปพบทันที

“ผู้ตรวจหนังสือฟาง?” มู่ซืออวี่ยิ้มพลางเอ่ยทัก

ผู้ตรวจหนังสือฟางกำลังตรวจทานเนื้อหาต้นฉบับ เขาเงยหน้าขึ้นมามองมู่ซืออวี่ ครั้นเห็นมือของนางว่างเปล่าก็เอ่ยกับนางอย่างเย็นชาว่า “หากไม่ส่งเล่มใหม่มา ข้าก็ไม่มีอะไรจะกล่าวกับเจ้า”

“ท่านอย่าเป็นเช่นนี้สิเจ้าคะ!” มู่ซืออวี่ก้าวเข้าไปไกล้ ๆ “ข้ามีเรื่องการค้าจะหารือกับท่าน”

“ไหนพูดมาให้ข้าฟังซิ”

“เรื่องเป็นอย่างนี้ ข้าสามารถรบเร้าน้องสามีให้ส่งเล่มที่หกให้เร็วขึ้นได้ แต่มีเงื่อนไขหนึ่งอย่าง เล่มที่ออกใหม่นั้น ผู้ตรวจหนังสือฟางสามารถส่งฉบับคัดลอกให้ข้าสักห้าสิบฉบับได้หรือไม่? ห้าสิบฉบับนี้ข้าวางแผนจะให้มีการลงลายมือผู้เขียน จะขายเป็นการสมนาคุณลูกค้าของข้า”

“ลงลายมือ?” ผู้ตรวจหนังสือฟางวางพู่กันในมือลง แสดงท่าทีสนใจ “ไหนว่ามา”

มู่ซืออวี่อธิบายความหมายของการลงลายมือในหนังสือให้ผู้ตรวจหนังสือฟางฟัง เขาดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “ข้าจะขายให้เจ้าห้าสิบเล่ม แต่น้องสามีของเจ้าจะต้องลงลายมือสองร้อยฉบับ”

“ในเมื่อเป็นการลงลายมือในหนังสือ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องสร้างความแตกต่าง ท่านไปหาจิตรกรเก่ง ๆ มา หนังสือที่ลงลายมือสองร้อยเล่มนั้นจะต้องทำคุณภาพออกมาดีเป็นพิเศษ ในเมื่อเรื่องราวในหนังสือดี ภาพประกอบอยู่ข้างในก็ต้องสวยเช่นกัน พอมีลายมือผู้เขียนอีกก็คงดีเข้าไปใหญ่ ส่วนราคา… แน่นอนว่าต้องแตกต่างเช่นกัน ใช่หรือไม่?”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สองร้อยเล่มจะพอหรือ?” ผู้ตรวจหนังสือฟางครุ่นคิด

“ใต้เท้า ในเมื่อเป็นหนังสือฉบับพิเศษ นอกจากคุณภาพที่ดีกว่าแล้ว ก็ต้องมีจำนวนจำกัด ของหายากย่อมราคาแพง หากหนังสือดี ๆ มีอยู่ทุกที่ อยากจะซื้อก็ซื้อได้ เช่นนั้นจะแตกต่างจากหนังสือธรรมดาอย่างไร? ผู้ใดจะอยากซื้อของดาษดื่นราคาสูงเล่า”

“ดี หัวคิดเจ้าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ” ผู้ตรวจหนังสือฟางกล่าว “เช่นนั้น เจ้าก็ให้น้องสามีของเจ้ารีบเขียนเล่มที่หกออกมาเร็ว ๆ เวลาขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”

“ขอบคุณผู้ตรวจหนังสือฟาง” มู่ซืออวี่เอ่ยขอบคุณเสียงหวาน

นางมองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ “ผู้ตรวจหนังสือฟาง ที่นี่ของท่านรกเกินไปหรือไม่ ท่านอยากจะให้ข้าทำชั้นให้เก็บหนังสือเหล่านี้หรือเปล่า?”

“เฮอะ! มาที่นี่เพื่อทำการค้าไม่ใช่หรือ?” ผู้ตรวจหนังสือฟางเอ่ยอย่างโมโห “ไปเอาเล่มที่หกมาให้ได้ก่อนเถอะ ในเมื่อขายได้ดี ก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้”

“จะต้องขายดีเทน้ำเทท่าอย่างแน่นอน!”

เซี่ยคุนมองมู่ซืออวี่ที่เดินนำไปพลางร้องเพลงออกมาเบา ๆ

นางใช้ชีวิตอย่างสบายใจในทุก ๆ วัน ถึงแม้จะมีเหตุการณ์พลิกผันครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่เคยโทษโชคชะตา

นางมักจะรักษารอยยิ้มบนใบหน้านางเอาไว้เสมอ ราวกับไม่มีสิ่งใดโค่นล้มนางได้ เห็นได้ชัดว่านางเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่นางกลับใช้ชีวิตได้อย่างเต็มภาคภูมิยิ่งกว่าชายหนุ่ม

เมื่อกลับมาถึงเรือนกรุ่นฝัน คนของร้านไม้ก็มาส่งไม้พอดี

ข้างหน้าเป็นร้าน ข้างหลังเป็นที่ทำงาน มู่ซืออวี่มักจะทำงานอยู่ที่นี่ คนดูแลร้านจะไปเรียกนางข้างหลังหากมีเรื่องที่ไม่สามารถรับมือได้

นอกเหนือจากห้องทำงานแล้ว ก็ยังมีห้องนอนของผู้ดูแลหลายคน ห้องสุขา รวมถึงห้องครัวเล็ก ๆ

“เถ้าแก่เนี้ย ไม้ชุดนี้ชื้นเล็กน้อย ท่านดู…”

คนที่มาส่งไม้ร้องไห้คร่ำครวญ “ข้าขอโทษ เมื่อครู่นี้รถที่ข้าบรรทุกมาทำไม้ตก สินค้าทั้งหมดจึงตกลงไปในน้ำ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

มู่ซืออวี่ตรวจสอบดู หลังจากแน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไรมาก นางจึงกล่าวว่า “สินค้าชุดนี้ข้ายินดีรับไว้ แต่ไม้ชุดนี้ตกลงไปในน้ำ ข้าจะไม่จ่ายตามราคาเดิม ข้าจะจ่ายเจ้า 200 ตำลึงเงินกับอีก 200 อีแปะ เศษเหลือข้าจะไม่จ่าย เจ้าควักกระเป๋าตนเองเถอะ”

คนงานถอนหายใจ ก่อนจะขอบคุณมู่ซืออวี่ และเมื่อรับเงินแล้วจึงจากไป

เฟิงเจิงและคนอื่น ๆ มองชายคนนั้นเดินออกไปด้วยความสงสาร

“พวกเจ้าคิดว่าเหตุใดข้าถึงยอมจ่ายใช่หรือไม่?” เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน มู่ซืออวี่จึงถามขึ้น

“ไม่ขอรับ สินค้าที่เขาส่งมามีปัญหา เขาต้องถูกเถ้าแก่ของเขาต่อว่าแน่ถ้าขนสินค้าเหล่านั้นกลับไป ที่เถ้าแก่เนี้ยขอลดราคาลงแล้วยอมรับสินค้าของเขาไว้ ก็ใจกว้างต่อเขามากแล้ว” เฟิงเจิงกล่าว

“ไม่ผิด ข้าไม่ยอมรับสินค้าของเขาก็ได้ พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะตำหนิข้า แต่ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะนี่คือวิถีการค้าขาย คราวหลังหากข้าไปหาถึงหน้าประตู เถ้าแก่ของเขาคงยังรับรองข้าเป็นอย่างดี” มู่ซืออวี่อธิบายต่อไปว่า “สินค้าชุดนี้ยังสามารถใช้ได้ ความเสียหายไม่มาก ข้าย่อมรับไว้ได้ แต่ข้าก็ต้องให้บทเรียนกับเขา ให้เขาเข้าใจว่าหากทำอะไรผิดพลาดขึ้นมาก็มีราคาที่ต้องจ่าย แค่ขอโทษไม่เพียงพอ ภายหน้าเขาจะทำอะไรต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น นี่จะช่วยหลีกเลี่ยงความผิดพลาดครั้งใหญ่ไปได้”

“เถ้าแก่เนี้ยพูดได้ถูก พวกเราจะระมัดระวัง ไม่ให้เกิดความผิดพลาดอย่างแน่นอน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด