สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 349 จงอ๋องกับเหวินอี้
บทที่ 349 จงอ๋องกับเหวินอี้
บทที่ 349 จงอ๋องกับเหวินอี้
จื่อเยวี่ยนเทน้ำชาส่งให้เหวินอี้
มู่ซืออวี่เลือกเก้าอี้ที่นั่งสบายมาตัวหนึ่งแล้วนั่งลง ส่วนจื่อซูและจื่อเยวี่ยนยืนอยู่ข้าง ๆ นาง
เหวินอี้เริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับจงอ๋องให้พวกเขาฟัง
เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าจงอ๋องเป็นโอรสมังกร เกิดจากสตรีจากหอนางโลม แต่ไม่มีใครรู้ว่าเดิมทีนางเป็นคนจากตระกูลขุนนาง ทว่าโชคชะตาไม่ยุติธรรม จักรพรรดิทรราชคนหนึ่งทำให้นางตกต่ำจนต้องมาอยู่ในหอนางโลม
มารดาของเหวินอี้และมารดาของจงอ๋องเป็นพี่สาวน้องสาวกัน
“ครอบครัวมารดาของข้าตกอับจนต้องมาอยู่ที่หอนางโลม จักรพรรดิทรราชคนนั้นไม่ยอมปล่อยพวกเขาสองพี่น้อง ผ่านไปสักพักท่านน้าของข้าก็ให้กำเนิดจงอ๋องออกมา ทันทีที่เด็กคลอดก็ถูกป้อนยาพิษ ส่วนข้า ท่านแม่ปกป้องข้า ปกปิดเรื่องที่นางตั้งครรภ์ สุดท้ายจึงคลอดข้าออกมาในหมู่บ้านแร้นแค้นแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยจงอ๋อง ท่านน้าของข้าพยายามค้นหาวิธีแก้พิษทุกหนทาง ท้ายที่สุดจึงได้รับเทียบยาจากหมอพิษคนหนึ่ง…”
เหวินอี้ไม่พูดต่อ
มู่ซืออวี่พลันเศร้าขึ้นมา นางเอ่ยถามไปว่า “หรือที่พี่ใหญ่เซี่ยบอกจะเป็นเรื่องจริง พวกเขาใช้เจ้าข่มพิษให้เขาหรือ?”
“เทียบยาบอกไว้ว่าต้องให้ญาติสนิทเป็นคนนำตัวยา ข้าจึงเป็นมนุษย์พิษ ทุกครั้งที่พิษกำเริบ เขาต้องดื่มเลือดข้าหนึ่งถ้วย แรกเริ่มเดิมทีอาการกำเริบเพียงหนึ่งครั้งต่อปี ต่อมาก็เป็นสองครั้งต่อปี สามครั้งต่อปี…” เหวินอี้กำมือแน่น “บัดนี้กลายเป็นหนึ่งครั้งต่อเดือน”
“ถึงแม้จะต้องใช้คนใกล้ชิดเป็นตัวนำยา เหตุใดต้องเลือกท่าน?” จื่อซูถาม
“เพราะข้าเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด” เหวินอี้เอ่ย “ทั้งท่านน้าและท่านแม่ร่างกายไม่แข็งแรง ไม่อาจทนรับพิษหลายชนิดเพียงนั้นได้ ข้ายังเยาว์วัย อยู่ในช่วงที่เหมาะที่สุดในการเปลี่ยนเป็นมนุษย์พิษ”
มู่ซืออวี่มองใบหน้าซีดเซียวของเหวินอี้
ตอนแรกคิดว่าเป็นโรคพร่องติดตัวมาตั้งแต่เกิด กลับกลายเป็นว่าต้องทนแบกรับความไร้มนุษยธรรมมานานปี หลังจากได้ยินเรื่องราวนี้ เธอไม่รู้ว่าควรยกย่องความรักใคร่กลมเกลียวของมารดาพวกเขา ที่แม้กระทั่งลูกชายของตนก็สามารถสละได้ หรือสงสารสิ่งที่เหวินอี้ต้องเผชิญเรื่องนี้กันแน่
ตอนที่ได้พบกับเหวินอี้เป็นครั้งแรก เขาดูราวกับอดอยากมาหลายวัน เขาต้องหนีออกมาจากจวนจงอ๋องเป็นแน่!
ต่อมามีเจ้าหน้าที่ค้นหาคนไปทั่วทุกแห่ง แสดงว่าคนคนนั้นก็คือเหวินอี้ ตอนนั้นนางไม่ได้คิดอะไร หากรู้ว่าผู้ที่จงอ๋องค้นเป็นใคร บางทีนางอาจจะไม่พาตัวเขาไป
“พี่ใหญ่เซี่ยบอกว่ายังพอมีหนทาง บางที…”
“หมอที่ท่านน้าพบตายไปนานแล้ว ตอนนี้ยังมีใครแก้ปัญหาของพวกเราได้อีก? ข้าเพียงแค่ยื้อเวลาออกไปไม่ให้จงอ๋องทำร้ายพวกท่านเท่านั้น แต่จงวางใจ ข้าจะไม่ให้เขาทำร้ายพวกท่าน”
“ข้าเชื่อใจพี่ใหญ่เซี่ย เขาไม่เหมือนคนที่เอ่ยคำพูดเลื่อนลอยออกมา ถึงแม้เขาจะหาไม่พบ แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ หากมีคนสามารถเตรียมพิษที่ยับยั้งพิษนี้ได้ เช่นนั้นก็สามารถถอนพิษได้”
แต่คงไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น
“ข้ามีคำถามหนึ่งเจ้าค่ะ” จื่อซูถามด้วยความสงสัย “มารดาของท่านอ๋องและคุณชายยังมีชีวิตอยู่หรือ?”
“ท่านแม่ของข้าไม่อยู่มาสองสามปีแล้ว” เหวินอี้ตอบ “ส่วนท่านน้าของข้า ข้าไม่รู้ นางหายตัวไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเรื่องราวระหว่างเหวินอี้และจงอ๋อง มู่ซืออวี่จู่ก็พอเข้าใจว่าเหตุใดจงอ๋องจึงกลายเป็นเช่นนี้
ความเหี้ยมโหดของจงอ๋องมีต้นเหตุจากก้นบึงจิตใจของเขามากน้อยเพียงใด มีต้นเหตุจากพิษในร่างกายของเขามากแค่ไหน และมีกี่ส่วนที่ทำให้คนสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านั้นคลายความหวาดระแวงในตัวเขา บางทีอาจมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้
“ท่านหมอมาแล้วขอรับ” เจี่ยงจงที่อยู่ข้างนอกพูดขึ้น “สะดวกให้ท่านหมอเข้าไปตอนนี้ไหมขอรับ?”
“เข้ามาเถอะ” มู่ซืออวี่กล่าว
ท่านหมอพันแผลให้เหวินอี้
จากนั้นมู่ซืออวี่ก็พาสาวใช้สองคนกลับที่พัก
ภายในรถม้า จื่อซูและจื่อเยวี่ยนยังคงถอนหายใจให้กับชะตาชีวิตของเหวินอี้
“เป็นองค์ชายเช่นกัน บางคนอยู่ดีกินดีในพระราชวัง บางคนลำพังจะรักษาชีวิตไว้ยังยากเย็น บางคนไม่แม้กระทั่งได้ชื่อว่าเป็นองค์ชาย” จื่อเยวี่ยนเอ่ยขึ้น “โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนจริง ๆ”
เมื่อกลับไปถึงที่พัก มู่ซืออวี่ก็เอ่ยกับคนเฝ้าประตู “หากพี่ใหญ่เซี่ยกลับมาให้มารายงานข้า”
“ขอรับ ฮูหยิน”
เซี่ยคุนไม่ปล่อยให้นางต้องรอนาน ไม่นานก็กลับมา
ไม่จำเป็นต้องรอให้คนเฝ้าประตูมารายงานมู่ซืออวี่ เขาตรงมาหานางทันที
“ฮูหยินอยากถามเรื่องพิษในกายจงอ๋องและคุณชายเหวินกระมัง”
“ใช่ ข้าอยากรู้ว่าที่ท่านเอ่ยวันนี้เพราะต้องการหลอกให้จงอ๋องตายใจ หรือว่ามีหนทางจริง ๆ” มู่ซืออวี่ถาม
“มีหนทางจริง แต่ข้าต้องปรึกษากับนายท่านลู่เสียก่อน สุดท้ายจะทำอย่างไรให้นายท่านลู่ตัดสินใจ” เซี่ยคุนกล่าวเสียงเรียบ
“พี่ใหญ่เซี่ย ท่านช่างลึกลับเสียจริง” มู่ซืออวี่มองเซี่ยคุน “ตอนแรกที่ข้าพบท่าน ข้าก็คิดว่าขอทานผู้นี้แปลกอยู่หรอก ต่อมาก็เป็นอย่างที่ข้าคาดไว้ ฝีมือท่านร้ายกาจออกเพียงนี้ กลับเป็นขอทานอยู่ตั้งหลายปี แปลกยิ่งนัก ท่านมีความลับของท่าน ข้าไม่เคยถาม ข้าอยากให้ท่านเข้าใจว่าหากวันหนึ่งท่านอยากจากไป ท่านก็สามารถจากไปได้ แต่ข้าไม่อยากให้ท่านมีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา”
“ฮูหยินเป็นผู้มีปัญญาซ่อนเร้น แท้จริงแล้วรู้เห็นกระจ่างแจ้งแก่ใจทุกสิ่ง ข้าไม่เคยคิดจะปิดบัง ฮูหยินไม่จำเป็นต้องกังวลว่าข้าจะทำร้าย” เซี่ยคุนยิ้มบาง ๆ “วางใจได้ เรื่องที่ข้าทำ นายท่านลู่ล้วนรู้เห็น พวกเราไม่มีทางกลายเป็นศัตรูกันอย่างแน่นอน”
มู่ซืออวี่จึงวางใจ
นางเชื่อมั่นในตัวเซี่ยคุน ถึงแม้จะไม่เชื่อใจเขา แต่นางเชื่อในความสามารถของลู่อี้
วันถัดมาเซี่ยคุนก็ออกไปแล้ว บุรุษนามโหล่วหานจึงทำหน้าที่ปกป้องมู่ซืออวี่แทนเขา
นอกจากโหล่วหานแล้ว ยังมีผู้คุ้มกันเรือนของมู่ซืออวี่มากกว่าสิบคน
“ฮูหยิน คนเหล่านี้เป็นคนของท่านเซี่ยหรือเจ้าคะ?” จื่อซูโผล่หัวออกไป มองดูผู้คุ้มกันที่อยู่นอกรถม้า “หากรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาเก่งกาจปานนี้ คงบอกเขาตั้งนานแล้ว”
“เจ้าคิดว่าคนเหล่านี้ไม่อยู่กับเรามาตลอดบ้างหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “เพียงแค่อยู่ในเงามืดเท่านั้น หากสถานการณ์ไม่จวนตัวจริง ๆ พวกเขาไม่ออกมาอยู่ในที่แจ้งเช่นนี้หรอก”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” สาวใช้ทั้งสองพลันตระหนักขึ้นมาได้
ณ สำนักบัณฑิตซูโจว
ลู่ฉาวอวี่เพิ่งตื่น หูพลันได้ยินเสียงขู่ฟ่อ ๆ เมื่อก้มลงมองก็เห็นว่ามีงูราว ๆ ห้าหกตัวเลื้อยอยู่ใต้เตียง
นี่ยังเป็นกลางวันแสก ๆ แท้ ๆ หากมืดไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรอีก
งูเหล่านั้นพุ่งเข้ามาหาเขา ลู่ฉาวอวี่หลบทันควันแล้วเตะงูเหล่านั้นออกไป
เขาโยนผ้าห่มลงไปบนพื้น คลุมงูเหล่านั้นเอาไว้
“มีอะไรหรือ?” มู่เจิ้งหานที่อยู่ห้องข้าง ๆ ได้ยินเสียงตึงตังจึงรีบรุดมา “บนพื้นมีของอะไร?”
ลู่ฉาวอวี่เอาผ้าห่มคลุมงูเหล่านั้นเอาไว้ จึงเห็นเพียงว่ามีบางสิ่งกำลังขยับ ไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
ลู่ฉาวอวี่คว้ากริชบนหัวเตียง เขาลงจากเตียงแล้วแทงสิ่งที่กำลังดิ้นอยู่
มู่เจิ้งหานตะลึงงัน
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ลู่ฉาวอวี่ไม่ตอบ ยังคงแทงลงบนผ้าห่มต่อไป กระทั่งความเคลื่อนไหวหยุดลง
มู่เจิ้งหานยกผ้าห่มขึ้น หน้าเปลี่ยนสีทันควัน
“นี่มันอะไรกัน?”
งูเหล่านั้นถูกแทงตายแล้ว ดูน่าอดสูเป็นอย่างมาก ซากงูและเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วพื้นและผ้าห่ม
“เชิญท่านอาจารย์มา” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยเบา ๆ
“ได้”
“งูนี้เป็นท่านที่ฆ่า เข้าใจหรือไม่?” ลู่ฉาวอวี่มองมู่เจิ้งหาน
มู่เจิ้งหานไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด รู้เพียงว่าฟังลู่ฉาวอวี่ย่อมไม่ผิด เขาจึงพยักหน้าเบา ๆ
เหวินอวี่เซวียนและท่านอาจารย์อีกหลายคนจากสำนักบัณฑิตมาที่นี่จากการเชิญของมู่เจิ้งหาน
เมื่อพวกเขาเห็นศพงูกระจัดกระจายอยู่บนพื้น แต่ละคนล้วนมีสีหน้าไม่น่ามอง
พวกเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เห็นเพียงลู่ฉาวอวี่คุดคู้อยู่มุมหนึ่ง ทันใดนั้นหัวใจก็พลันบีบรัด
Comments