สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 688 จับสายลับ

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 688 จับสายลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 688 จับสายลับ

บทที่ 688 จับสายลับ

ฉีเซียวหยิบมันขึ้นมา แล้วโปรยผงแป้งลงไปบนตู้นิรภัย

ทั่วทั้งตู้นิรภัยถูกโรยด้วยผงสีขาว

เขาก้มศีรษะลงเป่าหนึ่งครั้ง จากนั้นผงแป้งก็ปลิวออกไป ทิ้งรอยนิ้วมือมากมายไว้บนตู้นิรภัยที่แต่เดิมเคยว่างเปล่า

“ฉีเซิ่ง ไปเก็บลายนิ้วมือของนายช่างทั้งหมดมา”

“ขอรับ”

“นี่ท่านกำลังทำอะไรหรือ?”

“ลายนิ้วมือทั้งหมดนี้เป็นลายนิ้วมือของผู้ที่เคยแตะต้องตู้นิรภัย ดูจากลายมือเหล่านี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าคนที่เคยสัมผัสมันมีไม่น้อย ดังนั้นเราต้องตัดความเป็นไปได้ออกทีละคน ท่านบอกว่านายช่างเหล่านั้นไม่มีความจำเป็นต้องขโมยภาพแบบจำลองจำลองไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็ตัดพวกเขาออกไปก่อน อันดับแรกหาลายนิ้วมือบนตู้นี้ก่อนว่าลายนิ้วมือใดที่นายช่างทิ้งไว้ ลายนิ้วมือใดที่เป็นของท่านและใต้เท้าโม่ ท้ายที่สุดลายมือผู้ใดเหลืออยู่ เราค่อยตรวจสอบต่อไป”

มู่ซืออวี่ตะลึงงันไปแล้ว

ในยุคโบราณมีวิธีการสืบสวนที่ใช้ทักษะขั้นสูงเช่นนี้ด้วยหรือ?

เอาเถอะ นางคงประเมินความสามารถของหน่วยลับต่ำเกินไปแล้ว

ฉีเซิงเก็บลายนิ้วมือของหลาย ๆ คนมา

“ท่านจะมองออกได้อย่างไรว่าลายนิ้วมือเหล่านี้เป็นของผู้ใด”

“สัญชาตญาณกระมัง! ขอเพียงแค่ข้าได้มองสักครั้งก็จะรู้ว่าลายนิ้วมือนั้นเป็นนิ้วใด และจากรอยของนิ้วมือคนผู้นั้นก็สามารถบอกได้ว่าพวกเขาแตะตู้นิรภัยด้วยท่าทางใด”

สองชั่วยามต่อมา ฉีเซียวรวบรวมลายนิ้วมือของผู้ต้องสงสัยได้ครบแล้ว

“ข้าอยากเห็นมือคนงานในโรงต่อเรือของพวกเจ้า”

“กิจการเดินเรือของเรามีคนหลายร้อยคน”

“ไม่เป็นไร ใช้เวลาไม่นานนัก”

“เช่นนั้นก็เอาเถอะ!”

เฟิงเจิงพาทุกคนมารวมตัวกัน

เรื่องการขโมยภาพแบบจำลองเป็นเรื่องร้ายแรง เฟิงเจิงไม่กล้าเปิดเผยเรื่องสำคัญเช่นนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากมู่ซืออวี่ ดังนั้น คนงานในโรงต่อเรือหลายคนจึงยังสับสนเป็นอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดจู่ ๆ ถึงต้องหยุดทำงานกะทันหัน

“ผู้ดูแล เหตุใดถึงเรียกพวกเรามาที่นี่เล่าขอรับ?”

“นั่นสิ ได้ยินพวกเขาพูดกันว่ากิจการเรือของพวกเราอาจไม่ได้ดำเนินต่อไปแล้ว เจ้านายคิดจะปิดกิจการเรือของพวกเรา เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

“พวกเจ้าอย่าได้ไปฟังคำพูดไม่มีมูลเหล่านั้น” เฟิงเจิงเอ่ย “เจ้านายเราไม่มีวันล้มเลิกกลางทาง นอกจากนี้ เหตุใดนางจึงจะยุบโรงต่อเรือเล่า? นั่นจะมีประโยชน์อะไรกับนางหรือ? พวกเจ้าแต่ละคนโง่หรืออย่างไร?”

“เช่นนั้นเหตุใดจึงเรียกเรามาที่นี่เล่า?”

“แน่นอนว่าเป็นเพราะเจ้านายรู้ว่าพวกเจ้าทำงานหนักจึงต้องการดูแลพวกเจ้าให้ดี ๆ จริงสิ อีกประเดี๋ยวพวกเจ้าจะต้องแบมือให้ใต้เท้าฉีดู เจ้านายจะเลือกผู้ที่ขยันหมั่นเพียรที่สุดยี่สิบคนมาตกรางวัลให้”

“เช่นนั้นเกี่ยวอะไรกับมือเล่า? เหตุใดต้องดูมือเราด้วย?”

เฟิงเจิงยังคงหลอกลวงโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสีหน้า “มือที่ทำงานหนักและมือที่เกียจคร้านจะเหมือนกันได้อย่างไร? ปกติพวกเจ้าทำงานอะไร ทำงานหนักแค่ไหน มือคู่หนึ่งย่อมเผยให้เห็นวิธีการทำงานของพวกเจ้าได้”

เมื่อฉีเซียวต้องการดูมือ เหล่าคนงานก็ยื่นมือออกไปอย่างให้ความร่วมมือ ฉีเซียวจึงตรวจดูอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะไม่มองพลาดไปเด็ดขาด

ฉีเซียวเหลือบมองเฟิงเจิงแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยกับมู่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆ “ลูกน้องของท่านแต่ละคนฉลาดยิ่งกว่าคนก่อน ๆ เสียอีก”

“หากเขาไม่ฉลาด ข้าจะกล้าฝากกิจการเดินเรือที่สำคัญเช่นนี้ให้เขาดูแลหรือ?”

“ท่านมองคนได้ขาดนัก”

ตรงหน้ามีคนหลายร้อยคน ถึงแม้ฉีเซียวจะตรวจดูพวกเขาทีละคน เกรงว่าเขาเองอาจเวียนหัวมองอะไรไม่ออกเอาได้

ใต้เท้าฉีจึงใช้ขั้นตอนคัดออกเพื่อแก้ไขปัญหานี้

ขั้นแรก นิ้วที่หนาและสั้นตัดออกไป

เขากวาดตามองแวบหนึ่ง จากนั้นก็คัดคนเหล่านั้นออกและให้พวกเขาไปเสีย

จากนั้น ผู้ที่มีนิ้วมือหนาทว่ายาวก็ลุกขึ้นมา

โดยไม่ต้องกล่าวถึง กลุ่มนี้ก็ถูกคัดออกเช่นกัน

มู่ซืออวี่มองสีหน้าของคนเหล่านั้น

หากมีสายลับในหมู่คนเหล่านี้จริง ๆ หลังจากการตรวจสอบเข้มงวดเช่นนี้ เขาย่อมต้องเผยร่องรอยบางอย่างออกมา

อย่างไรก็ตาม นางก็ต้องพบกับความผิดหวัง คนเหล่านั้นยังคงทำเหมือนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่าจิตใจของคนที่แฝงตัวมาผู้นี้แข็งแกร่งมาก การจะทำให้เขาร้อนรนไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย

“คิดอะไรอยู่หรือ?”

“ข้าคิดว่าคนผู้นี้ปิดบังตัวตนได้ดีทีเดียว”

“ไม่รีบร้อน ประเดี๋ยวจะต้องพบอย่างแน่นอน”

มู่ซืออวี่หาที่นั่งลง มองดูฉีเซียวตรวจสอบคนที่เหลืออีกห้าสิบคนทีละคน

ในที่สุด เขาก็ชี้ไปที่สองคนในนั้นแล้วเอ่ยว่า “พาตัวพวกเขาไปซักถาม”

สองคนนั้นเห็นท่าไม่ดี จึงคิดจะวิ่งหนี ทว่าฉีเซิ่งและคนของเขาสกัดเอาไว้ก่อน

“ดูเหมือนว่าเราจะหาตัวเจอแล้ว” ฉานอีเอ่ย “แต่ว่าใต้เท้าฉี เหตุใดท่านจึงแน่ใจว่าเป็นสองคนนี้เล่า?”

“สองคนนั้นใจเย็นเป็นอย่างยิ่ง” ฉีเซียวเอ่ยด้วยท่าทีสุขุม “ทว่าตราบเท่าที่พวกเขาทำเรื่องเลวร้ายลงไปก็ยากที่จะไม่เผยความผิดพลาดออกมา ประการแรก นิ้วของพวกเขาทั้งเรียวและยาว ง่ามมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้กลับไม่มีตุ่มพุพอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ หากพวกเขายากจนจริง ๆ ไม่มีทางที่นิ้วพวกเขาจะไม่มีตุ่มพุพอง นอกจากนี้แล้ว นิ้วยังเรียวยาว เหมาะกับการฝึกทักษะด้านกลไกยิ่ง สุดท้าย จุดที่สำคัญที่สุด แม้ภายนอกพวกเขาจะสงบเป็นอย่างมากแต่หัวใจกลับไม่อาจควบคุมได้ หูของข้าดีเป็นพิเศษ จึงได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอย่างระส่ำระส่ายของทั้งคู่ สองคนนั้นมีพิรุธมากที่สุด หากผู้หนึ่งเป็นสายลับ อีกคนคงต้องมีแผนการอื่นเป็นแน่”

“การขโมยภาพแบบจำลองไม่จำเป็นต้องใช้คนถึงสองคน” มู่ซืออวี่เอ่ย “หน่วยลับเก่งกาจเรื่องการไต่สวนที่สุด ไม่สู้เรื่องนี้รบกวนใต้เท้าฉีช่วยข้าแก้ปัญหา”

ฉีเซียวเลิกคิ้ว “ฮูหยินลู่ไม่เห็นข้าเป็นคนนอกจริง ๆ หน่วยลับของเราเชื่อฟังเพียงคำสั่งของฝ่าบาทเท่านั้น หากฮูหยินลู่ต้องการให้เราช่วย เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้สมน้ำสมเนื้อหน่อยแล้ว”

“ใต้เท้าฉีช่วยข้าไว้มากเพียงนี้ ข้าย่อมจดจำการช่วยเหลือของท่านแน่นอน” มู่ซืออวี่กล่าว

ฉีเซียวให้ฉีเซิ่งเป็นคนไต่สวนคนเรือทั้งสอง

ไม่กี่ชั่วยามต่อมา ฉีเซิ่งก็ตัดสินได้ว่าเด็กหนุ่มหนึ่งในนั้นที่ชื่อ ‘หวังซ่ง’ เป็นผู้ที่ขโมยภาพแบบจำลองไป

หลังจากภาพแบบจำลองถูกขโมยไป เฟิงเจิงก็สั่งให้มีการเฝ้าที่นี่อย่างเข้มงวดกวดขัน ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างในและไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก ดังนั้น ภาพแบบจำลองจึงยังไม่ตกไปถึงมือผู้อื่น

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะเปิดเผยที่อยู่ของภาพแบบจำลองออกมา ทว่าเขาไม่ยินยอมเปิดปากว่าตนติดต่อกับผู้ใด ท้ายที่สุด การทรมานนั้นรุนแรงมากจนเขาทนไม่ไหว เขาจึงฆ่าตัวตายด้วยการพุ่งชนกรงเหล็กขณะที่ฉีเซิ่งไม่ได้ให้ความสนใจ

คนอีกผู้หนึ่งที่มีเจตนาแอบแฝงเพียงแค่ต้องการขโมยเงิน คนผู้นั้นมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย เขารู้สึกว่าเจ้าของโรงต่อเรือรวยถึงเพียงนี้จะต้องมีเงินไม่ขาดมือเป็นแน่ จึงแอบเข้าไปในห้องพักของมู่ซืออวี่หลายต่อหลายครั้งเพื่อที่จะขโมย

เมื่อตรวจสอบเรื่องนี้แล้วพบว่าไม่มีอันตรายใด ๆ มู่ซืออวี่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

อย่างไรก็ตาม เรื่องของฉีเซียวเพิ่งเริ่มต้นขึ้น

เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นในเมืองซานหลินแล้ว

ฉีเซียวตามโม่ชิงเหยียนออกไปตรวจดูสถานที่เกิดเหตุ คืนนั้นเขากลับมาดึกเป็นอย่างยิ่ง ตอนนั้นมู่ซืออวี่เพิ่งจัดการบัญชีของนางเสร็จและกำลังจะกลับไปนอนที่ห้อง นางพบกับฉีเซียวที่กลับมาจากข้างนอกพอดี จึงเอ่ยถามเขาสองสามข้อ

“เจ้าฆาตกรวิปริตผู้นั้นกำลังมาที่นี่” ฉีเซียวเอ่ย “เหตุที่ข้าแน่ใจว่าเขาต้องติดตามมาที่เมืองซานหลิน เพราะรู้ว่าคนผู้นั้นมาเพราะข้า ดูเหมือนเขาจะรู้สึกดีที่ได้ยั่วยุข้าเป็นพิเศษ เพราะคิดว่าข้าจับเขาไม่ได้ จึงพยายามทุกทางเพื่อก่อคดีฆาตกรรมต่อหน้าข้า”

“ท่านต้องจับเขาให้ได้โดยเร็ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ไม่เช่นนั้นชาวเมืองซานหลินคงได้รับผลกระทบแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด