สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 866 พี่ข้าไม่คู่ควร แล้วเจ้าคู่ควรหรือ

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 866 พี่ข้าไม่คู่ควร แล้วเจ้าคู่ควรหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 866 พี่ข้าไม่คู่ควร แล้วเจ้าคู่ควรหรือ

บทที่ 866 พี่ข้าไม่คู่ควร แล้วเจ้าคู่ควรหรือ

“ข้าน่ะหรืออิจฉาเจ้า?” หลี่เยียนหรานหน้าแดงก่ำ “เจ้ามีอะไรให้ข้าอิจฉา? การบ้านก็มักได้ลำดับรั้งท้าย คู่ควรเป็นคุณหนูสกุลลู่ที่ใดกัน?”

“พี่สาวข้าไม่คู่ควร เช่นนั้นเจ้าคู่ควรหรือ?” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ยด้วยความโมโห “เจ้ามัวแต่วุ่นวายกับพี่สาวข้าทั้งวัน พี่สาวข้าไปเผาบ้านเจ้าหรือดึงผมเจ้ารึ?”

เดิมทีลู่จื่อชิงกำลังโกรธ บัดนี้กลับถูกท่าทีโมโหอย่างเด็กน้อยของลู่ฉาวจิ่งทำให้งุนงงแล้ว

น้องชายคนเล็กที่น่ารักกำลังโมโห ทั้งยังโมโหเพื่อนาง

น่ารักจริงเชียว!

ลู่จื่อชิงใช้มือบีบแก้มลู่ฉาวจิ่ง “น้องเล็ก พี่หญิงไม่ได้รักเจ้าเสียเปล่าจริง ๆ”

ชั่วขณะหนึ่งลู่ฉาวจิ่งกำลังโกรธ ทว่าพริบตาต่อมาใบหน้าของเขากลับถูกนางทำให้แดงก่ำ

“พี่หญิงรอง ข้าโตแล้ว อย่าบีบแก้มข้าเลยขอรับ”

เมื่อเห็นพี่น้องสกุลลู่แสดงความรักลึกซึ้งกันอยู่ตรงนี้ หลี่เยียนหรานก็โกรธจนทนไม่ไหว จึงหมุนตัวจากไปทันที

ทันทีที่หลี่เยียนหรานจากไป บรรยากาศในโรงอาหารก็กลับมาสนิทสนมกลมเกลียวอีกครั้ง

ซ่งหานจือก้มหน้าลงคีบข้าวขึ้นมา

ลู่จื่อชิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ “ข้ากำลังจะไปแล้ว ไปครานี้อาจจากไปถึงหนึ่งปีครึ่ง เจ้าจะไม่แสดงสีหน้าอะไรเลยหรือ?”

“แสดงสีหน้าอะไร?” ซ่งหานจือไม่เข้าใจ

“สีหน้าไม่อยากแยกจากข้าอย่างไรเล่า” ลู่จื่อชิงเอ่ย “พวกเรารู้จักกันมานานเพียงนี้ ยังไม่เคยแยกจากกันนานถึงเพียงนั้น แต่เจ้ากลับไม่แสดงท่าทีไม่อยากแยกจากข้าแม้เพียงนิด”

“ผู้ใดว่าเราไม่เคยไกลกันเล่า? ครั้งก่อนเจ้าไปเมืองถงหยางก็อยู่ที่นั่นถึงสองปี” ซ่งหานจือเอ่ยนิ่ง ๆ “ตอนแรกไปเมืองฮู่เป่ย จากนั้นก็ไปเมืองถงหยาง รวมกันแล้วยังอยู่ที่นั่นหลายปี”

ลู่จื่อชิงเอียงศีรษะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ใช่ มิน่าเล่าเจ้าถึงสงบเพียงนี้ ที่แท้ต่อให้พวกเราแยกจากกันก็เป็นเรื่องปกติ!”

ฟ่านซู่ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ชิงเอ๋อร์ เจ้าเขียนจดหมายกลับมาบ่อย ๆ ได้หรือไม่? ข้ายังไม่เคยออกจากเมืองหลวงเลย ข้าอยากเห็นว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไร”

“ได้สิ ขอเพียงมีอะไรน่าสนใจ ข้าจะเขียนถึงพวกเจ้า เพียงแต่อยู่กลางทะเลไม่อาจส่งจดหมายมาได้ ต้องรอให้ข้าไปถึงบ้านพี่หญิงก่อนจึงจะเขียนได้”

“พี่หานจือ ท่านกินข้าวห้าถ้วยแล้ว” ลู่ฉาวจิ่งที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยเตือน “ระยะนี้ท่านกินข้าวแค่สองถ้วยไม่ใช่หรือ?”

ซ่งหานจือผู้ที่กำลังเตรียมจะตักอาหารได้ยินคำพูดของลู่ฉาวจิ่งจึงหยุดมือ

เขาวางถ้วยและตะเกียบลงก่อนจะเอ่ยว่า “ข้ากินอิ่มแล้ว พวกเจ้าค่อย ๆ กินไปเถิด”

ซ่งหานจือเดินไปแล้ว

“พี่หญิงรอง พี่หานจือมีท่าทีผิดปกติ ต้องไปดูหน่อยหรือไม่?” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ยเตือน

“เขาถูกบิดาดุอีกแล้วกระมัง?” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ช่างเถิด ยามนี้เขาคงอยากอยู่คนเดียว พวกเราอย่าไปรบกวนเลย พวกเจ้าฟังข้าเล่าเรื่องการเดินทางสู่โลกกว้างครานี้ดีกว่า…”

ฟ่านซู่เห็นลู่จื่อชิงส่องประกายดั่งดอกทานตะวัน แววตาของเขาพลันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

หลายปีมานี้ ลู่จื่อชิงยังคงรักษาความตั้งใจเดิมของนางมาโดยตลอด สำนักศึกษาหลวงที่เดิมทีจืดชืดไร้สีสันพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาเพราะการปรากฏตัวของนาง ภายในระยะเวลาสั้น ๆ นางใช้เสน่ห์เอาชนะใจบัณฑิตส่วนใหญ่ในสำนักศึกษาหลวงแห่งนี้

ถึงแม้ทุกคนจะไม่ได้กล่าวอะไร ทว่าขอเพียงลู่จื่อชิงเอ่ยสักคำ ทุกคนล้วนยินดีพลีชีพเพื่อนาง ลู่จื่อชิงเป็นเช่นนี้ นางไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่น ๆ ในสกุลลู่ แต่นางกลับคบหาได้ง่ายกว่า ทำให้ผู้อื่นรู้สึกผูกพันใกล้ชิด

หลี่เยียนหรานไม่เคยรับรู้ถึงเสน่ห์ของลู่จื่อชิงเพราะนางมักจะไล่ตามกุลสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สมบูรณ์แบบอย่างลู่จื่ออวิ๋น นางไม่รู้หรือว่าลู่จื่ออวิ๋นมีเพียงคนเดียว และดวงอาทิตย์ดวงน้อย ๆ อย่างลู่จื่อชิงก็เป็นผู้ที่ทุกคนยินดีติดตาม

ในสำนักศึกษาหลวงแห่งนี้ มีสักกี่คนที่ไม่ได้ติดตามเล่นซนกับลู่จื่อชิง? มีสักกี่คนที่ไม่ได้สร้างปัญหากับลู่จื่อชิง? เพียงแค่พวกเขาเผชิญกับความยากลำบาก ลู่จื่อชิงก็จะก้าวออกมาช่วยเหลืออย่างจริงใจแล้ว

หลี่เยียนหรานกล่าวเสมอว่าบัณฑิตคนอื่น ๆ เป็นลูกล้อของลู่จื่อชิง พวกเขาขอความช่วยเหลือจากลู่จื่อชิงเพราะอำนาจของสกุลลู่

แต่ไม่ใช่เลย!

ลู่จื่อชิงใช้เสน่ห์ของตนทำให้ทุกคนชื่นชอบ

ถึงแม้แซ่ของนางจะไม่ใช่แซ่ลู่ นางก็ยังจะกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในสำนักศึกษาหลวงด้วยตนเองได้อยู่ดี

“คุณหนูลู่ ท่านแม่เจ้ามาแล้ว” บัณฑิตคนหนึ่งเดินเข้ามาในโรงอาหารแล้วเอ่ยขึ้น

ลู่จื่อชิงยืนตรงประหนึ่งกุลสตรี ยกยิ้มมุมปาก พยายามปกปิดฟันขาว ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านแม่ข้ามาหรือ? อยู่ที่ใดเล่า?”

“อยู่กับรองเจ้าสำนัก”

ทุกคน “…”

คนทั้งหมดมองไปที่ลู่จื่อชิง

ไม่ผิดจากที่คาด ลู่จื่อชิงที่ดูประหนึ่งกุลสตรีเมื่อครู่นี้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาทันที นางหยิบตะเกียบข้าง ๆ ฟาดไปที่ศีรษะบัณฑิตผู้นั้น “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่กล่าวให้ชัดเจน? แม่ข้าอยู่กับรองเจ้าสำนัก เจ้ากลับบอกว่าแม่ข้ามาแล้ว”

ความเป็นกุลสตรีเมื่อครู่นี้ประหนึ่งเป็นภาพลวงตา

ลู่จื่อชิงไม่อาจทำตัวเป็นกุลสตรีได้นาน

คนอื่น ๆ กลั้นขำ

“ท่าทางเมื่อครู่นี้ของเจ้า… น่าขันยิ่งนัก”

“นั่นสิ คุณหนูรอง ยังมีช่องว่างระหว่างเจ้าและสตรีสกุลผู้มั่งมีคนอื่น อย่าแสดงท่าทีเช่นนั้นให้ผู้อื่นผวาจะดีกว่า พวกเราขนลุกขนชันไปทั้งตัวแล้ว”

“ไปให้พ้น ๆ ข้าไม่เป็นกุลสตรีที่ใดกัน?” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ท่านแม่ข้ามาหารองเจ้าสำนัก คงมาคุยเรื่องหยุดเรียน”

“ลู่รองเอ๋ย แค่ตอนนี้เจ้าก็ตามบทเรียนพวกเราไม่ทันแล้ว เกรงว่าเจ้ากลับมาจากทางพี่สาวแล้วจะตามไม่ทันเสียยิ่งกว่าเดิม”

“ไม่ต้องกลัว ลู่รอง พวกข้าจะสอนเจ้าเอง ถึงเวลานั้นเจ้าเพียงเรียกข้าว่าอาจารย์ก็ใช้ได้”

“ฝันไปเถอะ!”

ลู่จื่อชิงและเหล่าน้องชายออกจากโรงอาหารพร้อมเสียงดังลั่น

“ลู่รอง หลี่เยียนหรานกำลังคุยกับท่านแม่เจ้า ข้าคิดว่านางจะต้องฟ้องเรื่องเจ้าเป็นแน่ เจ้าอยากไปดูหน่อยหรือไม่?” บัณฑิตอีกคนหนึ่งวิ่งมาบอก ‘ข่าวร้าย’

ลู่จื่อชิงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “หลี่เยียนหรานผู้นี้เอาชนะข้าไม่ได้ก็วิ่งไปฟ้องท่านแม่ข้า ข้าละอยากเห็นนักว่านางคิดจะใช้ลูกไม้อะไร”

“พวกเราก็ไปดูกันเถอะ!”

“ใช่ อย่าได้ปล่อยให้พวกนางทะเลาะกันเลย”

ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงติดตามไป

“พระชายาอยู่ที่นี่จะทะเลาะกันได้อย่างไร? ข้าว่าพวกเจ้าแค่อยากชมงิ้วเสียมากกว่า”

“หลี่เยียนหรานจะเป็นคู่ต่อกรลู่รองได้อย่างไร? ทุกครั้งนางล้วนถูกลู่รองทำให้ร้องไห้ด้วยความโกรธ ต่อมายังไม่กลัวตายสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก ข้าไม่เข้าใจว่าหลี่เยียนหรานผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่ นางมีพี่หญิงน้องหญิงกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งคอยสนับสนุนนางอยู่แล้ว นางจะพูดคุยเรื่องงานเย็บปักถักร้อยกับพี่หญิงน้องหญิงดี ๆ ไม่ได้หรือ? สตรีที่มีหัวใจบุรุษอย่างลู่รอง ไม่ได้ทำร้ายอะไรนาง เหตุใดต้องคอยจับจ้องไม่ยอมปล่อยด้วย?”

“บางที… อาจเป็นเพราะนางแซ่ลู่?”

ลู่จื่อชิงรุดไปที่เรือนจิ้งซิน เห็นหลี่เยียนหรานกำลังพูดคุยกับมู่ซืออวี่ด้วยท่าทีขัดเขิน หากมารดานางไม่ใช่สตรี คุณหนูรองสกุลลู่คงสงสัยแล้วว่าหลี่เยียนหรานผู้นี้กำลังจะสารภาพรักต่อผู้ที่นางพึงใจใช่หรือไม่

ลู่จื่อชิงพลันสั่นไปทั้งตัว แทนที่จะรุดเข้าไป นางกลับหาที่ใกล้ ๆ ที่พอได้ยินเสียงซ่อนตัวอยู่

เมื่อบัณฑิตคนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้ก็ทำตามลู่จื่อชิง แล้วเอียงหน้าออกไปมองฝั่งตรงข้าม

“พระชายา ผู้ที่เยียนหรานชื่นชมมากที่สุดก็คือท่าน ได้ยินว่าพระชายากำลังจะเดินทางไปอาณาจักรเฟิ่งหลิน เยียนหรานยินดีติดตามเป็นศิษย์ของท่านในครานี้ ไม่รู้ว่าพระชายาจะยอมรับเยียนหรานไว้ได้หรือไม่?”

ลู่จื่อชิง “…”

คนอื่น ๆ “….”

หลี่เยียนหรานกินยาผิดแล้วใช่หรือไม่?

นางเพ่งเล็งลู่จื่อชิงมาหลายปี คงไม่ได้เพราะชมชอบมารดาของอีกฝ่ายกระมัง?

“หลี่เยียนหรานอิจฉาข้ามาตลอด คงไม่ใช่เพราะท่านแม่ข้ากระมัง?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถามน้องชายที่อยู่ข้าง ๆ

“ข้าว่าดูเหมือนจะมีส่วน ท่านดูท่าทางเช่นนี้ของนางสิ น่ากลัวเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นเป็นเช่นนี้มาก่อน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด