สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน 356 สาวใช้ตัวแสบ260

Now you are reading สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน Chapter 356 สาวใช้ตัวแสบ260 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 356 สาวใช้ตัวแสบ260

เมื่อคืนเซี่ยชีหรั่นนอนไม่ค่อยหลับ บวกกับการเดินทางที่ไม่ได้แวะพัก ยังมีอารมณ์แปรปรวน แล้วไป๋จงเจี๋ยก็ยังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาทั้งเย็น เหนื่อยจริงๆ ย้อนกลับไป ยังมีเหตุผลที่สำคัญกว่า รอจังหวะที่พวกเขาไม่อยู่ แล้วค่อยไปหาอีกรอบ ดูว่าพอมีอะไรเกี่ยวข้องกับโม่เสี่ยวจุนเหลืออยู่บ้าง

เธอมองไปที่ไป๋จงเจี๋ย เธอพูดอย่างหงุดหงิด “ไปไปไป อย่ามาขวางหูขวางตาฉัน

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอจะวางแผนใหญ่ ก็จะไม่ไล่เซี่ยชีหรั่นไป คงให้เธออยู่เป็นเพื่อนในคืนนี้แล้ว

“ชีหรั่น คุณรู้จักที่อยู่ของบ้านใหม่ใช่ไหม เสี่ยวหนงเคยบอกคุณหรือยัง” โม่เว่ยปิงตามออกมาถาม เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า บอกว่าโม่เสี่ยวหนงส่งข้อความถึงเธอ เธอรู้

กลับถึงตระกูลโม่ ที่นี่ยังอยู่ในสภาพใหม่ ใหม่หมดทุกอย่าง ไม่มีร่องรอยของโม่เสี่ยวจุนแม้แต่นิดเดียวเลย

เธอเปิดดูภาพถ่ายเก่า ๆ ของพวกเขาอย่างเงียบ ๆ ด้วยอารมณ์เศร้าโศก อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับโม่เสี่ยวจุน ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีแม้แต่รูปที่โม่เสี่ยวจุนถ่ายกับครอบครัว

เธอคิดว่า หากสามารถหาเสื้อผ้าเก่า ๆ ที่เขาทิ้งไว้ได้ก็ยังดี ในนั้นอาจจะมีเส้นผมตกอยู่ ก็จะสามารถเอาให้เย่เชินหลินเพื่อ

ทำการตรวจสอบ DNA แต่เสื้อผ้าของเขาไม่มีแม้แต่ตัวเดียว

ค้นหาอีกครั้ง เหนื่อยเปล่า เพื่อรักษาความแข็งแรงทางกายภาพ เธอทานอาหารที่โม่เว่ยปิงเตรียมไว้ในบ้าน อาบน้ำแล้วนอนพักที่ห้องโม่เสี่ยวจุน

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คิดว่าเป็นเย่เชินหลินโทรมา นี่เป็นโทรศัพท์ที่เขาและเธอใช้สำหรับติดต่อกันเป็นส่วนตัว

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเบอร์แปลกๆโทรเข้ามา แต่เธอก็ยังกดรับสาย

“ชีหรั่น ทำไมเธอไม่กลับทาวเฮ้าส์กับเขา ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ปลอดภัยไหม ทุกอย่างโอเคไหม” เป็นเสียงของไห่ลี่หมิน เสียงฟังดูมีความกังวล

เขาเป็นห่วงเธอ เธอรู้มาโดยตลอด ฉันไม่เคยคาดหวังว่าความห่วงใยของเขาจะอยู่ทุกหนทุกแห่งและตลอดเวลา

คิดอย่างนี้แล้ว ดูเหมือนจริง ๆแล้ว ทุกครั้งที่เธอเจอปัญหาอะไรที่หนักๆ เขาจะปรากฏตัวเสมอ

ถ้าจะพูดว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้ เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย ยิ้มแบบฝืนๆ ตอบเขาว่า “ฉันกลับมาบ้านตระกูลโม่ แม่บุญธรรมของฉันป่วย ฉันมาดูแลท่าน ไม่มีอะไร คุณไม่ต้องกังวลนะ”

ทุกๆครั้ง เธอก็จะตัดเยื่อใยกับเขา บอกเขาประมาณว่าไม่ต้องตามหาเธอ วันนี้อารมณ์ของเซี่ยชีหรั่นแปลกๆ ไห่ลี่หมินรู้สึกถึงความแปลกๆไม่ปกติ

“วันนี้พวกคุณไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นอย่างไรบ้าง ราบรื่นดีไหม พบหลักฐานเพื่อพิสูจน์ตัวตนของโม่เสี่ยวจุนแล้วหรือยัง”

จากสถานการณ์ของเมื่อวาน เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าไห่ลี่หมินสนใจในเรื่องนี้ และใส่ใจเย่เชินหลินด้วย ดังนั้นเธอคิดว่า บอกความจริงดีกว่า “ยังหาไม่เจอ เมื่อปีที่แล้วหวีซานซานให้คนเอาหลักฐานของเสี่ยวจุนไปแล้ว คงถูกทำลายไปแล้ว เมื่อเร็ว ๆนี้เรื่องของโม่เสี่ยวจุนต้องมีผลกระทบอย่างมากกับเขา เขาไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่เมื่อคืน ได้ยินมาว่าวันนี้แม่เขาป่วยอีก ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง คุณไปเยี่ยมและให้กำลังใจเขาหน่อยได้ไหม”

เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าถ้าพูดเช่นนี้ จะทำให้ไห่ลี่หมินรู้สึกไม่ดี แต่เธอก็ยังอยากจะพูด หนึ่งเพื่อ เธอไม่อยากให้ไห่ลี่หมินยังมีความหวังเรื่องเธอกับเขา สองคือ ปล่อยวางไม่ลงเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น

สุดท้ายไห่ลี่หมินก็เงียบ ไม่ใช่เพราะไม่สนใจเซี่ยชีหรั่น แค่รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ไม่สำคัญอะไร

“ขอโทษ ถ้าคุณไม่เต็มใจ ก็คิดเสียว่าฉันไม่ได้พูดละกัน ขอบคุณนะ ดึกแล้ว ถ้าไม่มีธุระอะไร……” บุคลิกของเซี่ยชีหรั่นไม่ชอบบังคับฝืนใจใคร เธอยังพูดไม่จบ ไห่ลี่หมินขัดจังหวะเธอ “ฉันไป จำไว้นะ ถ้าเป็นเรื่องที่คุณต้องการให้ฉันทำ ขอแค่ไม่ใช่การฆ่าคนหรือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย การละเมิดหลักการ ฉันจะไป ฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่ง คุณจะเห็นฉันเหมาะกับคุณมากกว่าเขา”

“ฉัน….” เซี่ยชีหรั่นกำลังจะพูด ไห่ลี่หมินก็ตัดสายทันที ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดและปฏิเสธเขา

……

ทาวเฮ้าส์ตระกูลเย่ เย่เชินหลินรีบกลับไป พูดอธิบายกับแม่ว่า ข่าวลือที่คนงานในบ้านพูดล้วนไม่ใช่เรื่องจริง เชื่อถือไม่ได้

แต่ฝู้เฟิ่งหยีสงสัยเรื่องนี้มานานแล้ว ครั้งนี้ได้ยินกับหู จะฟังคำเตือนของเย่เชินหลินได้อย่างไร

“คุณแม่ ท่านก็เคยเห็นภาพถ่ายของโม่เสี่ยวจุนบ้างแล้วไม่ใช่หรือ มันไม่ใช่เย่จื่อห้านจริงๆ”

“เรื่องภาพถ่าย เธอจะไม่โกหกฉันหรือ ฉันไม่เชื่อ ต่อไปนี้ฉันจะไม่เชื่อคำพูดของเธออีก เซี่ยชีหรั่นอยู่ไหน เรียกเธอมาหาฉันหน่อย ฉันจะถามเธอ” ฝู้เฟิ่งหยีตื่นเต้นมาก ทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับเย่จื่อห้าน เธอก็จะตื่นเต้นเช่นนี้ตลอด

“แม่บุญธรรมของเธอป่วย เธอกลับไปดูแลแม่บุญธรรม แม่ครับ ถามเธอก็ได้คำตอบเหมือนกัน วันนี้ฉันไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉันเห็นด้วยเช่นกันว่าโม่เสี่ยวจุนมีความเหมือนผมเล็กน้อย ถึงได้ดู ที่นั่นมีภาพถ่ายที่เก็บถาวร เขาไม่ใช่เย่จื่อห้านจริงๆ”

ไม่ว่าเย่เชินหลินจะพูดอธิบาย หรือพูดยังไง ฝู้เฟิ่งหยีก็ไม่ยอมเชื่อ

หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไร ฝู้เฟิ่งหยีบอกว่าเหนื่อยแล้ว จึงไล่เขาออกไป เย็นนี้ฝู้เฟิ่งหยีไม่ได้ทานข้าว เย่เชินหลินรู้สึกกังวลใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

หลังจากไห่ลี่หมินกับเซี่ยชีหรั่นคุยโทรศัพท์ด้วยกันแล้ว ก็มาทาวเฮ้าส์ทันที

“ฉันโทรหาเซี่ยชีหรั่นแล้ว เธอบอกว่าเป็นห่วงคุณ ฉันจึงมาดู” ไห่ลี่หมินก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงพูดออกไปเช่นนี้ ในสถานะของเขา ซึ่งอยากจะจีบเซี่ยชีหรั่น จึงไม่ควรพูดแบบนี้

“ไม่มีหลักฐานอะไรเลย คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้” เย่เชินหลินยื่นบุหรี่ให้ไห่ลี่หมิน ทั้งสองสูบช้าๆในห้องหนังสือ

ในความจริงเย่เชินหลินสงสัยเซี่ยชีหรั่น ถ้าจะดีพูดว่าสงสัยตัวเองจะดีกว่า หรือพูดว่าเขาไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์ว่าน้องชายของเขาตายแล้ว

“ภาพถ่ายตอนเด็กของเย่จื่อห้านภาพนั้น เมื่อคืนฉันให้เซี่ยชีหรั่นไป เธอทำหายแล้ว” ไห่ลี่หมินเงียบ เย่เชินหลินพูดอีกประโยคว่า ประโยคนี้เป็นน้ำเสียงที่นิ่งมาก

“ฉันเชื่อใจเธอ” ไห่ลี่หมินพูดในเชิงบวกอย่างมาก

“เชื่อใจ” เย่เชินหลินแม้มปากอย่างเสียด เขาไม่รู้ว่าถ้าไห่ลี่หมินเห็นเธอทำเพื่อโม่เสี่ยวจุนขนาดขวัญหนีดีฝ่อ ตื่นตระหนกตกตะลึงพรึงเพริดอย่างนั้น เขายังจะเชื่อใจเธออีกไหม

“ฉันเชื่อใจเธอ ฉันเข้าใจความหมายของคุณ คุณหมายถึงเธอต้องการแก้แค้นให้กับโม่เสี่ยวจุน เธอตั้งใจพูดเช่นนี้ แล้วคุณเคยคิดไหมว่า ถ้าเธอโกหกหล่ะ นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของเธอ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่โง่ คงจะหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ได้ เชินหลิน ฟังฉันพูดนะ ถ้าว่าเย่จื่อห้านจะจากไปจริงๆ สิ่งที่ควรจะเผชิญก็ต้องเผชิญต่อไป ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป คุณไม่สบายใจ คุณน้าฝู้ก็จะไม่สบายใจด้วย”

“คุณกลับไปเถอะ” เย่เชินหลินกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก ไห่ลี่หมินไม่ได้พูดอะไร หันหลังแล้วเดินออกไป

ในใจเย่เชินหลินรู้ดี การมาของไห่ลี่หมิน ไม่ได้เพราะเซี่ยชีหรั่นทั้งหมด แค่ระหว่างลูกผู้ชายด้วยกันไม่ได้อยากจะพูดถึงเรื่องไว้ใจหรือไม่ไว้ใจอะไร คำพูดที่ชวนขนลุก

ในความเป็นจริงเขากลับมาในวันนี้และขอให้หลินต้าฮุยติดต่อตำรวจที่จัดการเรื่องของโม่เสี่ยวจุน ว่าได้จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับร่างของโม่เสี่ยวจุนไหม คำตอบของอีกฝ่ายคือใช่

จากนั้นเขาก็ให้หลินต้าฮุยจัดคนมานำตัวอย่างของตัวเองไป ส่งไปเพื่อตรวจ DNA นี่คือหลักฐานที่ตรงที่สุดและน่าเชื่อถือ

ก่อนที่ผลตรวจจะออกมา เขาไม่ต้องการที่จะติดต่อกับเซี่ยชีหรั่นมากเกินไป

เมื่อนั่งอยู่ห้องหนังสือตามลำพังคนเดียว ในสมองเต็มไปด้วยสิ่งที่ทำกับผู้หญิงคนนั้น ยังคงเป็นประโยคนั้นของไห่ลี่หมิน เขาไม่ไว้ใจคุณ ฉันจะคอยดู

เขานึกขึ้นได้ ตอนเที่ยงที่ร้านอาหาร เธอยืนยันที่จะให้เขาทานข้าว ท่าทางยึดมั่นเช่นนั้น ช่างทำให้เขารู้สึกใจเต้น ทำให้เขาสงสาร

ผู้หญิง ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ จะคิดถึงฉันเช่นนี้ไหม

คุณรู้ไหนแค่คำพูดเดียวของคุณ ทำให้แม่ของฉันทรมานตัวเองเช่นนี้ ถ้าคุณกล้าที่จะโกหกฉัน ฉันจะต้องลงโทษคุณ คุณรู้หรือไม่

เขาไม่สูบบุหรี่แล้ว เพียงแค่ถือโทรศัพท์ไว้ ไม่รู้ว่าเพราะไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้น จึงอยากจะโทรศัพท์ถามเธอ หรือกำลังรอสายหรือข้อความจากเธอ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นสองครั้งจริงๆ เขารีบกดรับสาย มันเป็นข้อความที่ส่งมาจากเซี่ยชีหรั่นจริงๆ คุณแม่เธอเป็นอย่างไรบ้าง แล้วคุณหล่ะ ทานข้าวเย็นหรือยัง ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ ฉันเป็นห่วงคุณ

ข้อความนี้เซี่ยชีหรั่นรวบรวมความกล้าหาญอย่างมาก แม้หลังจากส่งออกไปแล้ว เธอยังคงกังวลว่าเขาจะคิดว่าเธอมีวัตถุประสงค์อื่นที่ซ่อนอยู่

หลังจากเย่เชินหลินได้รับข้อความแล้ว ก็ขมวดคิ้ว

เซี่ยชีหรั่นถือโทรศัพท์ของเธอตลอด ถึงแม้เธอรู้ว่าเขาไม่มีวันจะส่งข้อความถึงเธอ แล้วจะไม่มีวันโทรหาเธอด้วย แต่เธอก็หวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์

รอมานาน ก็ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้น เธอถอนหายใจ ตั้งใจวางโทรศัพท์แล้วนอนหลับ แต่ไม่คาดคิด เสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์ดังขึ้น อีกทั้งยังเป็น “คุณเย่” โทรมา

เธอลุกขึ้นนั่ง กดปุ่มรับสาย เสียงของเขาดังขึ้นที่ข้างหู ทุกครั้งที่เธอได้ยินเธอก็จะอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น ใจสั่น

“ฉันบอกคุณแล้วไงทุกคืนตอนแปดโมง คุณต้องโทรมารายงานผลของแต่ละวันให้ฉันทราบ จำไม่ได้หรือ” น้ำเสียงของเขาไม่ค่อยดี แต่เธอรู้สึกได้ว่านี่คือความห่วงใยที่เขามีให้ แต่คนคนนี้รักศักดิ์ศรีมาก ไม่ต้องการให้คนดูออกว่าเขาห่วงใยเธอ

ในใจเซี่ยชีหรั่นเต็มไปด้วยความหวานที่บอกไม่ถูก มีรอยยิ้มที่มุมปาก พูด “ใช่ ฉันจำไม่ได้แล้ว ต่อไปฉันจะจำไว้ แต่คุณต้องรับสายทุกครั้งนะ ไม่เช่นนั้นฉันก็จะลืม”

เย่เชินหลิน อืม มาหนึ่งคำ

“แม่ของคุณเป็นไงบ้าง”

“ไม่ยอมทานข้าว พูดยังไงก็ไม่ยอมทาน” เย่เชินหลินจะบอกความจริงกับเธอไม่บ่อ ยนัก เมื่อเซี่ยชีหรั่นได้ยิน รู้สึกไม่สบายใจ รู้ว่าแม่ของเขาไม่ยอมทานข้าว น่าจะเป็นเพราะทานไม่ลง ว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็ต้องโทษเธอด้วย

“ขอโทษ เป็นเพราะว่าคุณนายทราบ……..เรื่องที่ฉันพูดก็เลยเป็นเช่นนี้ใช่ไหม ถ้าตอนนั้นฉันสามารถสงบสติอารมณ์ได้ บอกคุณคนเดียว ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

เขาได้ยินคำขอโทษอย่างจริงใจของเธออย่างชัดเจนในคำพูดของเธอ เขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถโทษเธอคนเดียวได้ เขาก็มีส่วนเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพาหวีซานซานกลับมา ทำให้เธอตกใจ เธอก็จะไม่พูดเช่นนั้น

“คุณรู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว” เขาพูดด้วยเสียงแข็ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด