สุดยอดชาวประมง (极品小渔民)บทที่ 132 ความกลัวใต้ผืนดิน

Now you are reading สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) Chapter บทที่ 132 ความกลัวใต้ผืนดิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 132 ความกลัวใต้ผืนดิน[รีไรท์]

บทที่ 132 ความกลัวใต้ผืนดิน[รีไรท์]
โจวหู่เดินพลางแบกเว่ยตงจื่อไว้บนหลัง ฉู่เหินเองก็วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะหนีกันไปแบบนี้ เขาจ้องมองที่อุโมงค์ที่เพิ่งขุดโดยฉู่เฟิง หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน ชายหนุ่มก็สั่งให้ฉู่เฟิงปิดมันทันที
เมื่อขุดดินไปมากมาย ดังนั้นเขาจึงมีดินอยู่ในแหวนเยอะเลยทีเดียว ดังนั้นฉู่เหินเลยปล่อยมันกลับคืนที่เดิมเพื่ออุดอุโมงค์ไม่ให้ใครอื่นได้เห็นร่องรอยของพวกเขา
พอเสร็จแล้วพวกเขาก็พากันเดินออกไปจากทางใต้ดินนี้ ตราบเท่าที่ยังคงเดินต่อไปในท่อระบายน้ำนี้ พวกเขาจะปลอดภัยแน่นอน
มันเป็นเส้นทางที่วกวน ซับซ้อนและแปลกมาก เขาพูดกับเว่ยตงจื่อเบาๆ ว่า “ถ้าเจออะไรประหลาด ๆ ก็อย่าตะโกนนะ เงียบเอาไว้ก่อน ไม่งั้นพวกเราจะตายกันหมดแน่!”
หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เหิน เขาก็พยักหน้าอย่างระมัดระวัง แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรแปลก ๆ กับเส้นทางนี้…หรอกมั้ง?
ฉู่เหินมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง เขาพบว่าทางเดินนี้มันราวกับสามารถไปได้ทุกที่ ชายหนุ่มโบกมือเพื่อบอกให้ทุกคนรีบวิ่งกันอย่างรวดเร็วเพราะหวาดกลัวว่าตาแก่และแมลงสาบยักษ์ขนาด 2 เมตรตัวนั้นจะเจอพวกเขาเข้า
หากคู่ต่อสู้เป็นเพียงมนุษย์ที่แข็งแกร่งละก็ แบบนั้นเขาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย แต่มันแย่มากตรงที่เขากลัวสิ่งที่ไม่รู้จักนี้แหละ! โดยเฉพาะเมื่อเขายังเด็ก เขาได้ฟังเรื่องแปลก ๆ ที่คนอื่น ๆ เล่าให้ฟัง ตอนนี้เขายังจำได้และรู้สึกขนลุกเล็กน้อยเกี่ยวกับมันอยู่เลย
ในขณะที่ทุกคนพากันเดินอย่างรวดเร็ว ฉู่เหินได้ยินเสียงประหลาด แต่เมื่อเขาตั้งใจมอง เขาก็ไม่เห็นอะไรเลย เสียงที่ไม่ทราบที่มานั่นยิ่งทำให้เขาอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ที่นี่มันทำให้เขาขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว
อีกเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น อีกเดี๋ยวพวกเขาก็จะได้ออกไปแล้ว หากแต่มันกลับนานเหมือนกับเป็นเดือนเป็นปี เมื่อพวกเขาเดินข้ามหัวมุมไปแล้วฉู่เหินก็บอกให้ทุกคนหยุดกันก่อน เพราะตอนนี้พวกหนูกำลังออกหากินตอนกลางคืน
แน่นอนว่าถ้ามันคือหนูตัวเล็กมันก็คงไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก ถ้าเป็นแบบนั้นคงยังพอทนได้ แต่ภาพตรงหน้าของพวกเขามันกลับเป็นกลุ่มหนูที่มีขนาดตัวใหญ่กว่า 1 เมตรนี่สิ แค่เห็นก็ทำเอาขนลุกขนพองแล้ว!
เป็นเพราะหนูพวกนั้นยืนขวางทางอยู่จึงทำให้พวกเขาต้องหาทางเลี่ยงไปให้ได้ ฉู่เหินไม่เคยเห็นหนูตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เขาได้แต่ตกตะลึง โชคยังดีที่พอพวกเขาเลือกเดินไป ทางที่ว่านั่นก็ไม่มีหนูอยู่แม้แต่ตัวเดียว ไม่งั้นแย่แน่ๆ!
ทว่าเมื่อพวกเขาเดินกันไปต่อไม่กี่ก้าว พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบอีกครั้ง ฉู่เหินสามารถมั่นใจได้ว่านี่ไม่ใช่เสียงของหนูแน่นอน แล้วถ้างั้นนี่มันเสียงนี้จากอะไรกันล่ะ?
ตอนแรกเว่ยตงจื่อนั้นไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดของฉู่เหิน แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ หากไม่มีฉู่เหินและคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ด้วย เขากลัวว่าเขาจะเสียสติและตะโกนออกมาเป็นแน่ ช่างเป็นเรื่องตลกจริง ๆ ไอ้หนูพวกนั้นมันขนาดตัวเท่าไหร่กันแน่ ? เขาไม่เคยเห็นหนูที่โตได้ขนาดนี้มาก่อนเลย เห็นได้ชัดว่าหนูนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น มันมีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่รอจะให้พวกเขาพบเห็นอยู่
หลังจากได้ยินเสียงแบบนั้น ฉู่เหินก็โบกมือให้ทุกคนหยุดอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขามองหาที่มาของเสียงนั่น ไม่นานนักพวกเขาก็เห็นถึงที่มาของมัน
พวกเขาเห็นงูตัวใหญ่มากมายกำลังนอนขวางทางอยู่จากระยะไกล พวกมันล้วนมีลวดลายและสีสันอยู่เต็มตัว มันมีทั้งสีขาวและดำ บางตัวก็แดงเข้ม บางตัวก็สีฟ้าอ่อน พวกมันกำลังเลื้อยไปมาจนทำให้เกิดเสียงอันน่าสยดสยอง
งูลายห้าจุด งูแดง งูเขียว งูหางกระดิ่ง ทำไมมันถึงโตแล้วตัวใหญ่แบบนี้ได้นะ? พวกมันยาว 7-8 เมตร ฉู่เหินมองไปที่ลวดลายของมันก็ได้แต่กลืนน้ำลายด้วยความตะลึง
งูพวกนี้มีพิษเกือบทั้งหมด ยิ่งตัวใหญ่แบบนี้เขามั่นใจเลยว่าพิษของมันจะต้องรุนแรงมากแน่ ๆ หากโดนกัดเข้าไปละก็ยังไงก็คงหมดสิทธิ์รอด สันนิษฐานว่าแค่ลมหายใจของพวกมัน นั่นก็คงจะทำให้ทุกคนเป็นลมได้แล้ว ดังนั้นการสู้กับพวกมันจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีซักเท่าไหร่
ฉู่เหินไม่ได้พูดอะไร และโบกมือให้ทุกคนกลับไปที่สี่แยกอีกแห่ง เขานึกไม่ออกจริง ๆ ว่าทำไมถึงมีสัตว์แปลกประหลาดมากมายในใต้ดินแห่งนี้ หากสิ่งเหล่านี้ปรากฏตัวสู่โลกมนุษย์ และเมื่อคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็รู้สึกชาที่หนังศีรษะแล้ว
จากนั้นพวกเขาเห็นสิ่งแปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ มันมีทั้งแมวสูง 2 เมตร สุนัขตัวใหญ่กว่าวัว นอกจากนี้ยังมีมดขนาดเท่ากำปั้น 2 ตัว ซึ่งทำให้ทุกคนจะรู้สึกตื่นตระหนกหลังจากเห็นมัน
พวกเขาพยายามคิดหาทางหนีจนสุดท้ายก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ถ้าเป็นแบบนี้ทุกคนคงได้แต่ต้องหลบอยู่หลังกำแพงเป็นแน่ หัวใจของพวกเขาเต้นระรัว ฉู่เหินไม่สามารถโทษใครได้ เรื่องพวกนี้มันน่ากลัวเกินไปจริง ๆ
อย่างไรก็ตามในเวลานี้พวกเขารู้ว่าดีว่ามันได้มาถึงจุดจบแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกสัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันเคลื่อนตัวมายังทิศทางที่พวกเขาอยู่ นี่จึงทำให้พวกเขาไม่อาจซ่อนตัวได้อีก ถึงแม้จะอยากหลีกเลี่ยงแค่ไหนก็ตาม
พวกเขาทำอะไรไม่ถูก ทุกคนต้องขยับเข้าใกล้กลางกำแพงตะวันออกมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาคนหนึ่งเผลอพิงเข้ากับกำแพง แล้วในเวลานั้นเอง ร่างกายของโจวหู่ทั้งหมดก็จมลงไปในผนังทันทีแล้วหายไป
เมื่อเห็นแบบนี้ฉู่เหินก็เริ่มกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว จากนั้นเขากับฉู่เฟิงก็ผ่านกำแพงนี้เข้าไปทันที ปรากฏว่ากำแพงนี้กลายเป็นภาพลวงตา เพราะจริง ๆ แล้วมันคือประตูมิติต่างหาก
เมื่อทุกคนเข้าไปแล้ว พวกเขาต่างก็มองไปรอบ ๆ ด้วยความระแวง กลายเป็นว่าพวกเขากำลังอยู่ในใต้ดินของสถานที่แห่งหนึ่ง มันไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ ดูแล้วน่าจะประมาณ 70-80 ตารางเมตร ในห้องนี้มีชั้นวางของที่ทำจากไม้สนแดงสภาพเก่าแก่มากมาย
สิ่งที่เตะตาพวกเขาก็คือขวดยาขนาดเล็กที่อยู่บนนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ยังมีคน 3 คนที่ทุ่มเทให้กับมันราวกับว่ากำลังศึกษาอะไรบางอย่าง
แต่คนทั้งสามนั้นกลับทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดี เสื้อผ้าที่คนเหล่านี้สวมใส่เป็นเครื่องแต่งกายในสงครามเมื่อหลาย 10 ปีก่อน และพวกเขาทั้งหมดมีใบหน้าที่ซีดเซียว สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่มีพลังในตัวพวกเขาและดูเหมือนศพ
ศพจะขยับได้เหรอ? พวกเขาไม่เชื่ออะไรแบบนั้นแน่ ๆ แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ต้องทำให้เชื่อ เมื่อศพพวกนั้นหันมาหาพวกเขา ฉู่เหินเห็นเขี้ยวของพวกมันที่งอกออกมาจากปาก นี่มันเกือบจะเหมือนกับพวกซอมบี้ในซีรีย์ทีวีเลยนี่น่า
ดูเหมือนว่าซอมบี้จะไม่ใช่แค่เรื่องเล่าในตำนานแล้วล่ะ ยิ่งคิดมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ฉู่เหินรู้สึกเสียวสันหลังวาบมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อมองดูรอบ ๆ พวกเขาก็เจอเข้ากับหนังสือ 2 เล่มที่วางอยู่บนหิ้งไม่ไกลนัก ซึ่งนอกเหนือจากหนังสือเหล่านี้แล้ว มันก็มีสมุดบันทึกอีกเล่มหนึ่ง ด้วยความกล้าหาญของฉู่เหิน เขาจึงหันไปหยิบบันทึกมา จากนั้นก็เปิดอ่าน ข้อความบรรทัดแรกในหน้ากระดาษฉายชัดเข้ามาในดวงตาของพวกเขา
ลายมือในนั้นไม่ใช่สิ่งที่ฉู่เหินคุ้นเคย มันไม่ใช่ภาษาที่มีบนโลกนี้ มันน่าจะเป็นของนักวิชาการต่างประเทศ ในภาษาต่างประเทศทั้งหมด ชายหนุ่มคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษเท่านั้น ภาษาอื่นเขาไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นฉู่เหินจึงไม่รู้เลยว่าสิ่งที่บันทึกไว้ในสมุดบันทึกเล่มนี้คืออะไรกันแน่
Next

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สุดยอดชาวประมง (极品小渔民)บทที่ 132 ความกลัวใต้ผืนดิน

Now you are reading สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) Chapter บทที่ 132 ความกลัวใต้ผืนดิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 132 ความกลัวใต้ผืนดิน[รีไรท์]

บทที่ 132 ความกลัวใต้ผืนดิน[รีไรท์]
โจวหู่เดินพลางแบกเว่ยตงจื่อไว้บนหลัง ฉู่เหินเองก็วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะหนีกันไปแบบนี้ เขาจ้องมองที่อุโมงค์ที่เพิ่งขุดโดยฉู่เฟิง หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน ชายหนุ่มก็สั่งให้ฉู่เฟิงปิดมันทันที
เมื่อขุดดินไปมากมาย ดังนั้นเขาจึงมีดินอยู่ในแหวนเยอะเลยทีเดียว ดังนั้นฉู่เหินเลยปล่อยมันกลับคืนที่เดิมเพื่ออุดอุโมงค์ไม่ให้ใครอื่นได้เห็นร่องรอยของพวกเขา
พอเสร็จแล้วพวกเขาก็พากันเดินออกไปจากทางใต้ดินนี้ ตราบเท่าที่ยังคงเดินต่อไปในท่อระบายน้ำนี้ พวกเขาจะปลอดภัยแน่นอน
มันเป็นเส้นทางที่วกวน ซับซ้อนและแปลกมาก เขาพูดกับเว่ยตงจื่อเบาๆ ว่า “ถ้าเจออะไรประหลาด ๆ ก็อย่าตะโกนนะ เงียบเอาไว้ก่อน ไม่งั้นพวกเราจะตายกันหมดแน่!”
หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เหิน เขาก็พยักหน้าอย่างระมัดระวัง แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรแปลก ๆ กับเส้นทางนี้…หรอกมั้ง?
ฉู่เหินมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง เขาพบว่าทางเดินนี้มันราวกับสามารถไปได้ทุกที่ ชายหนุ่มโบกมือเพื่อบอกให้ทุกคนรีบวิ่งกันอย่างรวดเร็วเพราะหวาดกลัวว่าตาแก่และแมลงสาบยักษ์ขนาด 2 เมตรตัวนั้นจะเจอพวกเขาเข้า
หากคู่ต่อสู้เป็นเพียงมนุษย์ที่แข็งแกร่งละก็ แบบนั้นเขาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย แต่มันแย่มากตรงที่เขากลัวสิ่งที่ไม่รู้จักนี้แหละ! โดยเฉพาะเมื่อเขายังเด็ก เขาได้ฟังเรื่องแปลก ๆ ที่คนอื่น ๆ เล่าให้ฟัง ตอนนี้เขายังจำได้และรู้สึกขนลุกเล็กน้อยเกี่ยวกับมันอยู่เลย
ในขณะที่ทุกคนพากันเดินอย่างรวดเร็ว ฉู่เหินได้ยินเสียงประหลาด แต่เมื่อเขาตั้งใจมอง เขาก็ไม่เห็นอะไรเลย เสียงที่ไม่ทราบที่มานั่นยิ่งทำให้เขาอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ที่นี่มันทำให้เขาขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว
อีกเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น อีกเดี๋ยวพวกเขาก็จะได้ออกไปแล้ว หากแต่มันกลับนานเหมือนกับเป็นเดือนเป็นปี เมื่อพวกเขาเดินข้ามหัวมุมไปแล้วฉู่เหินก็บอกให้ทุกคนหยุดกันก่อน เพราะตอนนี้พวกหนูกำลังออกหากินตอนกลางคืน
แน่นอนว่าถ้ามันคือหนูตัวเล็กมันก็คงไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก ถ้าเป็นแบบนั้นคงยังพอทนได้ แต่ภาพตรงหน้าของพวกเขามันกลับเป็นกลุ่มหนูที่มีขนาดตัวใหญ่กว่า 1 เมตรนี่สิ แค่เห็นก็ทำเอาขนลุกขนพองแล้ว!
เป็นเพราะหนูพวกนั้นยืนขวางทางอยู่จึงทำให้พวกเขาต้องหาทางเลี่ยงไปให้ได้ ฉู่เหินไม่เคยเห็นหนูตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เขาได้แต่ตกตะลึง โชคยังดีที่พอพวกเขาเลือกเดินไป ทางที่ว่านั่นก็ไม่มีหนูอยู่แม้แต่ตัวเดียว ไม่งั้นแย่แน่ๆ!
ทว่าเมื่อพวกเขาเดินกันไปต่อไม่กี่ก้าว พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบอีกครั้ง ฉู่เหินสามารถมั่นใจได้ว่านี่ไม่ใช่เสียงของหนูแน่นอน แล้วถ้างั้นนี่มันเสียงนี้จากอะไรกันล่ะ?
ตอนแรกเว่ยตงจื่อนั้นไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดของฉู่เหิน แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ หากไม่มีฉู่เหินและคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ด้วย เขากลัวว่าเขาจะเสียสติและตะโกนออกมาเป็นแน่ ช่างเป็นเรื่องตลกจริง ๆ ไอ้หนูพวกนั้นมันขนาดตัวเท่าไหร่กันแน่ ? เขาไม่เคยเห็นหนูที่โตได้ขนาดนี้มาก่อนเลย เห็นได้ชัดว่าหนูนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น มันมีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่รอจะให้พวกเขาพบเห็นอยู่
หลังจากได้ยินเสียงแบบนั้น ฉู่เหินก็โบกมือให้ทุกคนหยุดอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขามองหาที่มาของเสียงนั่น ไม่นานนักพวกเขาก็เห็นถึงที่มาของมัน
พวกเขาเห็นงูตัวใหญ่มากมายกำลังนอนขวางทางอยู่จากระยะไกล พวกมันล้วนมีลวดลายและสีสันอยู่เต็มตัว มันมีทั้งสีขาวและดำ บางตัวก็แดงเข้ม บางตัวก็สีฟ้าอ่อน พวกมันกำลังเลื้อยไปมาจนทำให้เกิดเสียงอันน่าสยดสยอง
งูลายห้าจุด งูแดง งูเขียว งูหางกระดิ่ง ทำไมมันถึงโตแล้วตัวใหญ่แบบนี้ได้นะ? พวกมันยาว 7-8 เมตร ฉู่เหินมองไปที่ลวดลายของมันก็ได้แต่กลืนน้ำลายด้วยความตะลึง
งูพวกนี้มีพิษเกือบทั้งหมด ยิ่งตัวใหญ่แบบนี้เขามั่นใจเลยว่าพิษของมันจะต้องรุนแรงมากแน่ ๆ หากโดนกัดเข้าไปละก็ยังไงก็คงหมดสิทธิ์รอด สันนิษฐานว่าแค่ลมหายใจของพวกมัน นั่นก็คงจะทำให้ทุกคนเป็นลมได้แล้ว ดังนั้นการสู้กับพวกมันจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีซักเท่าไหร่
ฉู่เหินไม่ได้พูดอะไร และโบกมือให้ทุกคนกลับไปที่สี่แยกอีกแห่ง เขานึกไม่ออกจริง ๆ ว่าทำไมถึงมีสัตว์แปลกประหลาดมากมายในใต้ดินแห่งนี้ หากสิ่งเหล่านี้ปรากฏตัวสู่โลกมนุษย์ และเมื่อคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็รู้สึกชาที่หนังศีรษะแล้ว
จากนั้นพวกเขาเห็นสิ่งแปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ มันมีทั้งแมวสูง 2 เมตร สุนัขตัวใหญ่กว่าวัว นอกจากนี้ยังมีมดขนาดเท่ากำปั้น 2 ตัว ซึ่งทำให้ทุกคนจะรู้สึกตื่นตระหนกหลังจากเห็นมัน
พวกเขาพยายามคิดหาทางหนีจนสุดท้ายก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ถ้าเป็นแบบนี้ทุกคนคงได้แต่ต้องหลบอยู่หลังกำแพงเป็นแน่ หัวใจของพวกเขาเต้นระรัว ฉู่เหินไม่สามารถโทษใครได้ เรื่องพวกนี้มันน่ากลัวเกินไปจริง ๆ
อย่างไรก็ตามในเวลานี้พวกเขารู้ว่าดีว่ามันได้มาถึงจุดจบแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกสัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันเคลื่อนตัวมายังทิศทางที่พวกเขาอยู่ นี่จึงทำให้พวกเขาไม่อาจซ่อนตัวได้อีก ถึงแม้จะอยากหลีกเลี่ยงแค่ไหนก็ตาม
พวกเขาทำอะไรไม่ถูก ทุกคนต้องขยับเข้าใกล้กลางกำแพงตะวันออกมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาคนหนึ่งเผลอพิงเข้ากับกำแพง แล้วในเวลานั้นเอง ร่างกายของโจวหู่ทั้งหมดก็จมลงไปในผนังทันทีแล้วหายไป
เมื่อเห็นแบบนี้ฉู่เหินก็เริ่มกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว จากนั้นเขากับฉู่เฟิงก็ผ่านกำแพงนี้เข้าไปทันที ปรากฏว่ากำแพงนี้กลายเป็นภาพลวงตา เพราะจริง ๆ แล้วมันคือประตูมิติต่างหาก
เมื่อทุกคนเข้าไปแล้ว พวกเขาต่างก็มองไปรอบ ๆ ด้วยความระแวง กลายเป็นว่าพวกเขากำลังอยู่ในใต้ดินของสถานที่แห่งหนึ่ง มันไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ ดูแล้วน่าจะประมาณ 70-80 ตารางเมตร ในห้องนี้มีชั้นวางของที่ทำจากไม้สนแดงสภาพเก่าแก่มากมาย
สิ่งที่เตะตาพวกเขาก็คือขวดยาขนาดเล็กที่อยู่บนนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ยังมีคน 3 คนที่ทุ่มเทให้กับมันราวกับว่ากำลังศึกษาอะไรบางอย่าง
แต่คนทั้งสามนั้นกลับทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดี เสื้อผ้าที่คนเหล่านี้สวมใส่เป็นเครื่องแต่งกายในสงครามเมื่อหลาย 10 ปีก่อน และพวกเขาทั้งหมดมีใบหน้าที่ซีดเซียว สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่มีพลังในตัวพวกเขาและดูเหมือนศพ
ศพจะขยับได้เหรอ? พวกเขาไม่เชื่ออะไรแบบนั้นแน่ ๆ แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ต้องทำให้เชื่อ เมื่อศพพวกนั้นหันมาหาพวกเขา ฉู่เหินเห็นเขี้ยวของพวกมันที่งอกออกมาจากปาก นี่มันเกือบจะเหมือนกับพวกซอมบี้ในซีรีย์ทีวีเลยนี่น่า
ดูเหมือนว่าซอมบี้จะไม่ใช่แค่เรื่องเล่าในตำนานแล้วล่ะ ยิ่งคิดมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ฉู่เหินรู้สึกเสียวสันหลังวาบมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อมองดูรอบ ๆ พวกเขาก็เจอเข้ากับหนังสือ 2 เล่มที่วางอยู่บนหิ้งไม่ไกลนัก ซึ่งนอกเหนือจากหนังสือเหล่านี้แล้ว มันก็มีสมุดบันทึกอีกเล่มหนึ่ง ด้วยความกล้าหาญของฉู่เหิน เขาจึงหันไปหยิบบันทึกมา จากนั้นก็เปิดอ่าน ข้อความบรรทัดแรกในหน้ากระดาษฉายชัดเข้ามาในดวงตาของพวกเขา
ลายมือในนั้นไม่ใช่สิ่งที่ฉู่เหินคุ้นเคย มันไม่ใช่ภาษาที่มีบนโลกนี้ มันน่าจะเป็นของนักวิชาการต่างประเทศ ในภาษาต่างประเทศทั้งหมด ชายหนุ่มคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษเท่านั้น ภาษาอื่นเขาไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นฉู่เหินจึงไม่รู้เลยว่าสิ่งที่บันทึกไว้ในสมุดบันทึกเล่มนี้คืออะไรกันแน่
Next

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+