สุดยอดชาวประมง (极品小渔民)บทที่ 353 จำเป็นต้องภารกิจลุล่วง

Now you are reading สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) Chapter บทที่ 353 จำเป็นต้องภารกิจลุล่วง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 353 จำเป็นต้องภารกิจลุล่วง

บทที่ 353 จำเป็นต้องภารกิจลุล่วง

ฉู่เหินรู้แล้วว่าเจ้าพวกที่เขาเพิ่งช่วยข้างหลัง มันเป็นพวกเลี้ยงไม่เชื่อง

ถ้าเขาพูดออกมาสักประโยค เจ้าพวกนี้อาจจะหยุดหัวเราะก็ได้หรืออาจไม่เพราะตอนนี้ใบหน้าของเขากลม ๆ ตุ้นนุ้ยหมดสภาพความเป็นวีรบุรุษที่หล่อเหลาสิ้นดี!

กลับกันในสายตาของเสี่ยวชิงไม่ว่าฉู่เหินจะอ้วนหรือจะผอม เขาก็ยังเป็น

ฉู่เหินสุดหล่อและแสนดีของเธออยู่ดี แน่นอนถ้าพูดประโยคนี้ให้คนอื่นฟัง เธอต้องโดนหาว่าเป็นพวกถูกความรักบังตาจนมืดบอดแน่ ๆ

ตอนนี้เจ้าเมืองเดินเข้าไปในห้องโถงของตัวเองก่อน แค่มองด้วยสายตาก็รู้ว่าห้องโถงนี้มีความหรูหราและใช้ความตั้งใจในการตกแต่งห้องอย่างมาก แถมสไตล์การจัดห้องและการวางตำแหน่งก็ถูกคำนวณมาแล้วอย่างดี ทุกอย่างทำให้ห้องโถงนี้ดูยิ่งใหญ่และโอ่อ่ามาก

เจ้าเมืองเดินเข้าไปภายในโดยไม่รอฉู่เหิน ตอนที่เดินก็หัวเราะไปด้วยอย่างอารมณ์ดีที่วันนี้ได้พบฉู่เหิน แต่หลังจากที่เขาเดินเข้ามาแล้วก็เห็นว่าฉู่เหินยืนรออยู่หน้าประตูไม่เดินเข้ามาด้วย จึงทำให้เจ้าเมืองรู้สึกงุนงง

“น้องฉู่ จะยืนทำไมข้างนอกไม่เดินเข้ามาล่ะ! หรือห้องรับแขกของพี่ชายจะเล็กไปงั้นเหรอ” ตอนนี้อารมณ์ของท่านเจ้าเมือนค่อนข้างดี แต่เมื่อเห็นฉู่เหินนิ่งเงียบ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ เจ้าเมืองคิดหรือว่าจะเป็นเพราะห้องรับแขกของเขาเล็กจนไม่มีที่จะให้ยืน

เมื่อได้ยินดังนั้นฉู่เหินก็ยิ้มอย่างขมขื่น ใบหน้าก็กระอักกระอวนเช่นกัน! เห็นสีหน้าของฉู่เหิน ท่านเจ้าเมืองก็ยิ่งมั่นใจในข้อสันนิธานของตัวเอง จนเจ้าเมืองสีหน้าเปลี่ยนไป! เหมือนจะคิดเรื่องบ้า ๆ อยู่ฉู่เหินก็เลยพูดออกมาก่อน

“ท่านเจ้าเมืองดูท่านพูดเข้าสิ ห้องรับรองท่านยิ่งใหญ่และหรูหราขนาดนี้ ผมจะกล้ารังเกียจได้ยังไง! แต่เพราะร่างกายของผมมันใหญ่เกินไปเลยเข้าประตูไม่ได้!” ทันทีที่พูดจบใบหน้าของฉู่เหินก็กระอักกระอวนยิ่ง แต่เขาไม่มีทางเลือกเพราะตอนนี้ร่างกายของเขามันอ้วนจนเดินเข้าประตูไม่ได้จริง ๆ

หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองได้ยินแบบนี้ เขาก็ตบหัวตัวเองหนึ่งที ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้กันนะว่าตอนนี้ร่างกายฉู่เหินเข้าห้องรับแขกของเขาไม่ได้ เขาหัวเราะเหอะ ๆ แล้วมองร่างกายแปลกประหลาดของฉู่เหินก่อนคิดหาทางว่าจะเอายังไงดี

“ท่านเจ้าเมือง เอาอย่างนี้สิ ท่านนั่งในห้องโถงแล้วหาเก้าอี้มาให้ผมนั่งด้านนอก แบบนี้พวกเราก็จะได้พุดคุยกันอย่างราบลื่น!” ฉู่เหินเองก็รู้สึกจนปัญญา เขาอยากจะเข้าไปข้างในห้องโถงนี้จริง ๆ เพราะจากข้างนอกก็สัมผัสได้ว่าการตกแต่งที่นี่นั้นไม่เลวเลย แต่ร่างกายเขามันไม่อำนวยนี้สิ

ในที่สุดท่านเจ้าเมืองก็หัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วรีบสั่งให้คนไปหาเก้าอี้มาให้ฉู่เหินนั่ง แต่…หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สัก ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงดัง เปรี้ยง! ฉู่เหินยังไม่ทันได้ตอบสนองเก้าไม้สักทั้งอันก็หักเสียแล้ว

เจ้าเมืองอ้าปากค้างมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไม่ทันไรก็หัวเราะลั่นเพราะเก้าอี้อันนั้นมันไม่ใช่แค่เก้าอี้ธรรมดา ไม่เพียงแต่มันทำมาจากไม้ทั้งอันมัน ยังเพิ่มพลังดวงดาวเข้าไปอีกด้วย ถึงอย่างงั้นก็ยังถูกทำพังได้อีก บอกได้เลยว่า ฉู่เหิน ตอนนี้ตัวหนักมาก ๆ !

ฉู่เหินคิดอะไรไม่ออก ได้แต่มองซ้ายมองขวาจนไปเห็นก้อนหินอยู่ก้อนหนึ่ง เขารีบเดินไปนั่งบนก้อนหิน เจ้าเมืองที่เห็นฉู่เหินนั่งบนหินก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็หัวเราะและไม่ได้พูดอะไรออกมา

แต่เขาไม่เสียมารยาทนั่งในห้องอีกต่อไป เขาเดินมานั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งด้านนอกห้องโถงฝั่งตรงข้ามกับฉู่เหิน รอยยิ้มอย่างกระอักกระอวนอยู่ใบหน้าของฉู่เหิน เขาไม่รู้จะทำยังไงดี เขาไม่ได้อยากจะมีรูปร่างแบบนี้ ที่สำคัญคือไอ้หุ่นน่าตายนี้ มันเต็มไปด้วยพลังทั้งนั้น ถ้าผิดปกตินิดเดียวมันอาจจะระเบิดก็ได้!

แน่นอนฉู่เหินแค่คิดไปเองคนเดียว ถ้ามันจะระเบิดก็คงระเบิดไปนานแล้ว

“น้องฉู่ในเมื่อเจ้ามาถึงเมืองโบราณของพวกเรา งั้นเจ้าก็ต้องปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วง” หลังจากดังยินแบบนั้นฉู่เหินก็รู้สึกงุนงง เขาไม่เข้าใจว่าเจ้าเมืองคนนี้ต้องการพูดอะไรกันแน่!

“คือท่านหมายความอะไรเหรอ ตั้งแต่ผมมาที่นี่ก็ไม่เคยไปที่ไหนเลย และยิ่งไม่รู้ว่าต้องทำภารกิจแบบไหนถึงจะสำเร็จได้” ฉู่เหินที่ได้ฟังประโยคนั้นก็รู้สึกหัวจะแตก เขาไม่เข้าใจว่ามันเรื่องอะไรกันแน่

“น้องฉู่ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม เจ้าเข้ามาที่นี่ไม่พบคนเฝ้าประตูบ้างเลยหรือ แล้วไม่ได้ผ่านด่านอะไรมาเลยงั้นเหรอ” ตอนนี้ถึงคราวที่เจ้าเมืองปวดหัวบ้าง เรื่องนี้เขาไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ

ฉู่เหินได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโง่งม เขาไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายไปว่ายังไงดี เพราะตอนที่เขาเข้ามาก็ไม่เห็นมีคนเฝ้าประตูเลย และไม่เคยเห็นว่ามีด่านอะไรด้วย เขามาถึงที่นี่เขาก็เดินเข้ามาเลย เพราะแบบนี้เขาก็เลยไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี

ฉู่เหินไม่ตอบอะไร ทำให้ท่านเจ้าเมืองเข้าใจว่าเจ้าหนุ่มใช้ทางอื่นเข้ามานั้นเอง แต่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าแปลกใจ เพราะทางเข้าเมืองโบราณไม่น่าจะมีทางลัดได้ ถ้าอย่างงั้นอีกฝ่ายใช้วิธีแบบไหนเข้ามากันเนี่ย?

ฉู่เหินอธิบายให้ท่านเจ้าเมืองฟังอย่างไม่ปิดบัง เรื่องที่เขาเข้ามาได้อย่างไร หลังจากที่เขาเล่ารายละเอียดทุกอย่างจบ เจ้าเมืองก็เงียบไปอึดใจหนึ่งแต่ดวงตาของเขาฉายแววตกตะลึง เรื่องพวกนี้แต่ไหนแต่ไรมาที่เมืองโบราณไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เจ้าเมืองไม่รู้จริง ๆ ว่าการค้นพบเรื่องนี้จะเป็นเรื่องร้ายหรือว่าเรื่องดี

สุดท้ายเจ้าเมืองก็ถอนหายใจพร้อมพูด “เรื่องแบบนี้แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือว่าเป็นหนึ่งในล้านที่จะเกิดขึ้น แต่ข้าไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องนี้มันจะดีหรือร้าย ในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี่ข้าก็หวังว่าเจ้าสามารถทำภารกิจของที่นี่ให้เสร็จลุล่วง”

พอเห็นท่าทางจะปฏิเสธของฉู่เหิน เจ้าเมืองก็ถอนหายใจและพูดอีกครั้ง

“เรื่องนี้อย่างไรเจ้าก็ปฏิเสธไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากจะกลับก็จำเป็นต้องมีทำภารกิจ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องติดอยู่ในเมืองโบราณตลอดชีวิต!” เดิมทีฉู่เหินคิดอยากจะพูดบางอย่าง พอได้ยินแบบนี้ก็ปัดตกไป

“ท่านเจ้าเมืองผมอยากจะถามบ้างอย่าง พวกเราต้องปฏิบัติภารกิจอะไรเหรอ?” ฉู่เหินคิดว่าถ้าภารกิจไม่ยากมากก็ยังพอมีทางรอด

“ภารกิจนี้ง่ายมาก นั้นก็คือออกไปกำจัดซอมบี้ด้านนอกให้หมด ทั้งยังต้องทำในเวลาที่กำหนดคือเวลาต้องไม่เกิน 3 เดือนไม่งั้นภารกิจก็คือล้มเหลว” สายตาของเจ้าเมืองดูแปลกประหลาดไปบ้าง แต่ก็ยังพูดความจริงออกมา

เมื่อได้ยินแบบนั้นฉู่เหินก็ส่งสายตาประหลาด ๆ ออกมาเช่นกัน เขาคิดถึงซอมบี้ข้างนอก พวกมันมีจำนวนมากจนไม่อาจนับได้ อาศัยพลังของเขาจะกำจัดพวกมันให้หมดได้ยังไง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้! ทว่าหลังจากคิดดูดี ๆ แล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนคิดภารกิจนี้ขึ้นมา มันก็ต้องมีทางทำสำเร็จอย่างแน่นอน

เขาไม่อยากจะอยู่ที่เมืองโบราณนี้ไปชั่วชีวิต เช่นนั้นเขาก็เหลือเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น ก็คือต้องทำภารกิจให้สำเร็จ แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจเท่าไร จึงถามเจ้าเมืองออกมา “ท่านเจ้าเมือง ผมถามหน่อยสิว่าภารกิจของเมืองโบราณมีกี่คนที่ทำสำเร็จ”

เมื่อได้ยินคำถามนี้สายตาของเจ้าเมืองก็แปลกประหลาดยิ่ง จากนั้นเจ้าเมือง ก็ถอนหายใจออกมา…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด