หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1509 เจดีย์ยับยั้งขวดหยก

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1509 เจดีย์ยับยั้งขวดหยก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟู่ ฟู่!

หมอกสีดำและสีขาวอบอวลฟ้าดิน ก่อนที่จะเกิดจุดตัดที่ลึกซึ้งไม่มีที่สิ้นสุด

ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อมองไปที่ขวดหยกบนท้องฟ้าที่กำจายแรงกดดันมหาศาล แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็อดตัวสั่นสะท้านไม่ได้

ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้ง ฝูถูเฉวียนและไท่หมิงไม่น่าดูอย่างยิ่งขณะที่มองขวดหยกบนท้องฟ้าด้วยความหวั่นเกรงเข้มข้น

ขวดหยกนี้เป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นเซิ่งของเผ่าหมัวเฮอที่มีพลังไร้ขอบเขต แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดาก็ไม่สามารถเผชิญหน้าได้

ทว่าทุกครั้งที่ใช้อาวุธระดับนี้ก็จะทำให้มันหมดพลังงานลงมาก ดังนั้นถ้าไม่ถึงขั้นวิกฤตก็ไม่มีใครคิดจะใช้มัน

ด้วยเหตุนี้ใบหน้าของพวกเขาจึงเปลี่ยนไปเมื่อเห็นหมัวเฮอเทียนเรียกอาวุธนี้ออกมา

“หมัวเฮอเทียนบ้าไปแล้ว” ไท่หมิงเอ่ยออกมา

สีหน้าของลั่วหลีเปลี่ยนไป นางกำหมัดแน่นแผนภาพเหนือศีรษะนางเริ่มเปล่งรัศมีออกมา

“ลั่วหลีอย่าผลีผลาม แม้ว่าแผนภาพวิญญาณโบราณจะไม่อ่อนแอกว่าขวดมหาเพลิงวารี แต่เจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะดึงพลังออกมาได้เต็มที่ หากฝืนทำก็รังแต่บาดเจ็บเท่านั้น” ไท่หมิงพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นการกระทำของลั่วหลี

ลั่วหลีกัดฟัน ดวงตาอัดแน่นด้วยความไม่เต็มใจ หมัวเฮอเทียนชักจะมากเกินไปแล้ว

“ไม่ต้องกังวล หากมีอะไรเกิดขึ้นกับมู่เฉิน เราไม่ยืนรอดูแน่” ไท่หมิงปลอบใจ เขากลัวใจหญิงสาวคนนี้ที่อาจใช้แก่นโลหิตจนหมดพลังเพื่อกระตุ้นแผนภาพวิญญาณโบราณ ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดผลสะท้อนกลับมากอย่างแน่นอน

ลั่วหลีกำหมัดแน่น สงบใจลงหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางรู้ว่าการฝืนเคลื่อนไหวตอนนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ถ้าหมัวเฮอเทียนล้ำเส้นเข้ามา ไม่ว่าต้องจ่ายราคาเท่าไร นางก็จะยืนเคียงข้างมู่เฉิน

มู่เฉินยืนอยู่กลางอากาศ เขามองไปที่ขวดหยก ม่านตาหดเกร็ง แรงกดดันที่กำจายออกมาจากขวดหยกทำให้เขายังรู้สึกหวั่นใจ

“สมเป็นเผ่าโบราณแท้จริง รากฐานน่าประทับใจยิ่งนัก” มู่เฉินเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ

ตามการคาดการณ์ของเขาพลังของขวดหยกอาจติดอันดับหนึ่งในสิบของมหาพันภพเลยทีเดียว

สายตาของหมัวเฮอเทียนเย็นชาลงขณะส่งเสียงขึ้นจมูกมองไปที่มู่เฉิน ตราประทับวาดขึ้นด้วยมือข้างเดียวขวดมหาเพลิงวารีก็เอียงลง รัศมีสีดำขาวไหลออกมาจากปากขวด

รัศมีสีดำและสีขาวเป็นคลื่นหลิงที่บริสุทธิ์ โดยความเป็นหยินหยางนี้คือตัวแทนของไฟและน้ำแข็ง ขณะที่คลื่นสองสายตัดกันก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น คลื่นหลิงที่แปดเปื้อนก็กลายเป็นสีดำและสีขาวเช่นกัน

ดังนั้นเมื่อตกลงมาก็กลายเป็นมหาสมุทรสีดำขาวก่อนที่จะพลิ้วลงบนลูกทรงกลม

ชี่ ชี่!

พลังงานสองฝั่งปะทะกันเกิดเสียงแหลมเสียดแทงดังขึ้น พลังมหาศาลทั้งสองเสียดสีกันอย่างรุนแรง แต่คราวนี้เมื่อรัศมีสีดำขาวไหลลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทุกคนเห็นว่าลูกทรงกลมเริ่มจางลง…

นี่เป็นเพราะพลังงานของลูกทรงกลมถูกผลาญไป

อึดใจหมัวเฮอเทียนก็คำราม เสาสีดำและสีขาวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากระแทกเข้ากับโลกผนึกหนึ่งนิรันดร์

ปัง!

ครั้งนี้เสาทะลุสิ่งกีดขวาง รอยแตกปรากฏบนโลกผนึก ก่อนที่จะระเบิดออกกลายเป็นจุดแสง

เมื่อผู้คนเห็นฉากนี้ก็ต่างตกใจ ยามนี้หมัวเฮอเทียนสามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายได้เลยทีเดียว

เผชิญหน้ากับไพ่ตายของหมัวเฮอเทียน มู่เฉินก็ตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบแม้ว่าจะมีร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ตาม เพราะไม่ว่าอย่างไรขุมพลังหลิงของมู่เฉินอยู่ในขั้นเซียนระยะกลางเท่านั้น

หมัวเฮอเทียนยืนอยู่บนไหล่ของร่างเทพมหันต์ แววตาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาขณะจ้องมองมู่เฉิน เขายื่นฝ่ามือออก ขวดมหาเพลิงวารีก็พลิ้วลงมา ลอยอยู่เหนือฝ่ามือเขา

“ยังไม่ยอมยกร่างมหาเทพนิรันดร์ให้อีกเรอะ?” หมัวเฮอเทียนถามเสียงเย็น

“แกนี่ดูถูกข้าจริงๆ” มู่เฉินตอกกลับ

หมัวเฮอเทียนหลุบตาลงพลางหัวเราะเยาะ “แม้ว่านี่จะไม่ชอบธรรมในการเอาชนะแก แต่เผ่าหมัวเฮอก็ไม่สามารถใส่ใจเรื่องนั้นเมื่อเทียบกับร่างมหาเทพนิรันดร์”

หมัวเฮอเทียนมองไปที่มู่เฉิน คำพูดก็เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ “ถ้าเจ้ายอมมอบให้ เผ่าหมัวเฮอก็จะคืนให้หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยปี”

มู่เฉินส่ายหัวตอบว่า “ร่างมหาเทพนิรันดร์ยอมรับว่าข้าเป็นเจ้าของแล้ว ดังนั้นอย่าหวังว่าข้าจะมอบให้”

ดวงตาของหมัวเฮอเทียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าก็ต้องใช้กำลังเอามาเท่านั้น!”

มู่เฉินหรี่ตามองไปที่หมัวเฮอเทียนนิ่ง “แม้ว่าเผ่าหมัวเฮอจะมีรากฐานลึกซึ้ง แต่ก็อย่าคิดว่าวันนี้แกจะกลั่นแกล้งข้าได้”

“ฮ่าๆ”

หมัวเฮอเทียนหัวเราะเสียงเย็นเยียบ ทำเหมือนคำพูดเหล่านั้นเป็นการต่อต้านที่ดื้อรั้นของมู่เฉิน

“ข้าจะดูว่าแกทำอะไรได้อีก!” หมัวเฮอเทียนยกมือขึ้น ขวดมหาเพลิงวารีก็ทะยานออกไปพร้อมกับความผันผวนที่น่ากลัว

“หมัวเฮอเทียน แกอย่าได้ทำเกินไปนะ!”

ในที่สุดชิงเหยี่ยนจิ้งก็ไม่สามารถอดรนทนได้ นางพูดเสียงเย็นชาว่า “รังแกลูกชายข้าต่อหน้าอย่างนี้ คิดว่าข้าไม่อยู่รึไง?”

นางรู้ชัดเจนเกี่ยวกับพลังของขวดมหาเพลิงวารี ซึ่งทำให้หมัวเฮอเทียนมีความสามารถแม้จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อย่างเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ในเมื่อหมัวเฮอเทียนอยากหาเรื่องใส่ตัวก็ปล่อยเขาไปเถอะ” แต่เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งพูดจบ มู่เฉินก็เอ่ยปากปลอบใจทันที

คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกใจ หรือว่ามู่เฉินยังมีไพ่ตายใบอื่นที่สามารถเผชิญหน้ากับขวดมหาเพลิงวารีของหมัวเฮอเทียนได้?

แต่จะเป็นไปได้อย่างไร? ภายใต้สภาวะนี้ หมัวเฮอเทียนสามารถปะทะกับจอมยุทธ์ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายสุด แม้ว่ามู่เฉินจะมีกายาเซิ่งบวกกับร่างมหาเทพนิรันดร์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้

แม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ยังงงงวย แต่นางลังเลเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะก้าวถอยหลังเนื่องจากนางเชื่อใจในตัวบุตรชาย ในเวลาเดียวกันก็ดึงคลื่นหลิงผันผวนรอบตัวกลับ

“เจ้าหนูนั่นยังมีวิธีอื่นอีกหรือ? แต่เป็นไปได้ยังไง…?” ไท่หมิงก็พึมพำอย่างสงสัย

ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่ามู่เฉินไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้

“ไอ้เด็กอวดดี!”

หมัวเฮอเทียนกรี้ยวกราดวาดตราประทับขึ้นโดยไม่ลังเล ขวดมหาเพลิงวารีเอียงลงรัศมีระเบิดออกมาพุ่งลงมาที่มู่เฉิน

ภายใต้รัศมีสีดำขาวยามนี้แม้แต่กายาเซิ่งก็สลายเป็นเถ้าถ่าน

ทุกสายตาพุ่งตรงไป

แต่มีเพียงมู่เฉินเท่านั้นที่ยังคงสีหน้าสงบและเงยหน้าขึ้นมองไปที่สายธารสีดำและสีขาว เมื่อสายธารเข้ามาในระยะร้อยจั้ง มู่เฉินก็ถอนหายใจเบาๆ และหันกลับไปก่อนที่จะโค้งคำนับให้เจดีย์วั้นกู่ “หมัวเฮอเทียนดื้อดึงนัก ท่านผู้อาวุโสโปรดจัดการด้วย”

ฮึ่ม ฮึ่ม!

เมื่อสิ้นเสียงของมู่เฉิน เจดีย์ก็สั่นแสงเปล่งปลั่งกวาดออกสายธารสีดำและสีขาวถูกดูดเข้าไปในเจดีย์

ตู้ม!

ในขณะเดียวกันเจดีย์ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พริบตาก็ไปปรากฏขึ้นเหนือขวดมหาเพลิงวารี เงาปกคลุมลงมา สุดท้ายขวดหยกก็ถูกดูดเข้าไปในเจดีย์ เจดีย์ร่อนลงจากฟ้ากลับไปสถิตในบริเวณเดิม

ตึง ตึง!

คลื่นกระแทกที่ไม่อาจจินตนาการได้กวาดออกมาจากเจดีย์ซึ่งคงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสงบลง…

บนท้องฟ้าเมื่อรัศมีสีกำขาวหายไป ขวดหยกก็หายไปเช่นกัน

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีเพียงภาพเจดีย์ลอยสูงขึ้นและลดต่ำลง เมื่อมันกลับไปสถิตที่เดิมทั่วเมืองก็สงบลงแล้ว

ขณะนี้ทุกคนถึงได้หายจากอาการตื่นตะลึง

พวกเขามองท้องฟ้าที่ว่างเปล่าก่อนจะสูดลมเย็นลึกสุดปอด

“อะไรน่ะ?!”

หมัวเฮอเทียนและผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอต่างตกตะลึงพร้อมกับความตกใจสุดขีดพล่านในดวงตา

“เกิดอะไรขึ้น?”

แม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้ง ฝูถูเฉวียนและไท่หมิงก็ตกตะลึงก่อนจะหันไปมองเจดีย์วั้นกู่ ขณะนี้พวกเขาสามารถสัมผัสได้อย่างคลุมเครือถึงพลังลึกลับและทรงพลังที่แทรกซึมออกมาจากเจดีย์

พลังนี้ทำให้จอมยุทธ์อย่างพวกเขายังรู้สึกถึงความกลัว

“พลังนี้…” ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่จะอุทาน “เทพจักรพรรดินิรันดร์!”

พลังนั้นเกินขีดจำกัดของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ตั้งแต่โบราณกาลจะมีใครทรงพลังเช่นนี้นอกจากเทพจักรพรรดินิรันดร์?!

ริ้วความตกใจเกิดขึ้นชั่วครู่บนใบหน้าของหมัวเฮอเทียน ก่อนจะค่อยๆ คืนสติมองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน “มู่เฉิน แกทำอะไร?! ขวดมหาเพลิงวารีของเผ่าข้าอยู่ที่ไหน?!”

มู่เฉินกวาดสายตามองอย่างเฉยเมยตอบว่า “ในเมื่อเทพจักรพรรดินิรันดร์วางร่างมหาเทพนิรันดร์ไว้ในเผ่าหมัวเฮอ เขาก็ทิ้งวิธีป้องกันไม่ให้เจ้าอ้างสิทธิ์แบบผิดเพี้ยน”

ตอนที่เขาออกจากเจดีย์ จิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่ก็บอกว่าเขาสามารถใช้พลังงานที่เหลืออยู่ในเจดีย์ได้หากเผ่าหมัวเฮอสร้างปัญหาให้

พลังนั้นถูกทิ้งไว้โดยเทพจักรพรรดินิรันดร์เพื่อหยุดสถานการณ์บานปลายเหมือนในวันนี้ไม่ให้เกิดขึ้น

ตอนแรกมู่เฉินก็ไม่คิดจะใช้ ทว่าหมัวเฮอเทียนทำเกินไป ถึงขนาดนำอาวุธมหสวรรค์ขั้นเซิ่งของเผ่าออกมาอีกด้วย สิ่งนี้บีบให้เขาต้องใช้พลังที่เหลือจากเทพจักรพรรดินิรันดร์

“พลังในเจดีย์วั้นกู่จะคงอยู่เป็นเวลาหนึ่งปีก่อนที่จะสลายไป ในเวลานั้นขวดมหาเพลิงวารีก็จะเป็นอิสระ”

มู่เฉินมองไปที่หมัวเฮอเทียนอย่างเรียบเฉยพูดต่อว่า “ยังคิดจะบีบทางตัวเองอีกไหม?”

ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนกระตุกสองตาแดงก่ำ เขารู้สึกเดือดดาลครั้งแล้วครั้งเล่าในใจ ที่แท้เทพจักรพรรดินิรันดร์ก็ได้ทิ้งบางสิ่งไว้เบื้องหลังเพื่อป้องกันเผ่าหมัวเฮอตั้งแต่แรกแล้ว

เขารู้สึกอับอายและเดือดดาลในใจ

“ข้าประมุขเผ่าหมัวเฮอไม่ใช่คนที่เด็กอย่างแกจะตำหนิได้!”

หมัวเฮอเทียนแผดเสียงออกมาแสงเย็นก็กำจายจากดวงตา “วันนี้ข้าจะดูสิว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์ที่ตายไปแล้วจะสามารถปราบปรามเผ่าหมัวเฮอของข้าอย่างไร!

“หากเจ้าต้องการนำร่างมหาเทพนิรันดร์ไปด้วยละก็ สงครามกับเผ่าหมัวเฮอระเบิดแน่!”

เสียงของหมัวเฮอเทียนดังก้องไปทั่วภูมิภาค “เผ่าหมัวเฮอเตรียมพร้อมรบ!”

เมื่อผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอได้ยินเช่นนั้น ก็ปลดปล่อยคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ขอบฟ้าสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด

เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งและไท่หมิงเห็นสถานการณ์นี้ สีหน้าก็มืดครึ้มลง หมัวเฮอเทียนเสียสติไปแล้ว!

“งั้นเผ่าฝูถูก็ขอสู้ตายเช่นกัน!” ชิงเหยี่ยนจิ้งหายใจเข้าลึกพลางพูดเสียงเย็นชา

ไท่หมิงถอนหายใจก่อนตอบว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เผ่าไท่หลิงก็ต้องเข้าร่วมแล้ว…”

หมัวเฮอเทียนหัวเราะด้วยความโกรธ “ได้ เผ่าหมัวเฮอขอประกาศสงครามกับทั้งสองเผ่าในวันนี้ ข้าจะดูสิว่าพวกเจ้าสามารถทำอะไรกับเผ่าหมัวเฮอของข้าได้บ้าง!”

นอกเมืองวั้นกู่ ทุกคนมีสีหน้าตกใจหวาดผวา สามเผ่าโบราณกำลังจะทำสงครามกันรึ? ถ้าเป็นเช่นนั้นต้องเกิดคลื่นยักษ์กวาดไปทั่วมหาพันภพแน่

เมื่อมองไปที่ฉากนี้ใบหน้าของมู่เฉินก็เย็นชาลง

ตึง!

ทว่าขณะที่บรรยากาศระหว่างฟ้าดินตึงเครียด ทั้นใดนั้นเสียงระฆังโบราณก็ดังก้องมาแต่ไกล…

เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น บรรดาจอมยุทธ์ก็หดตาและเงยหน้าขึ้น

“นี่คือ… ระฆังพันภพแห่งวังมหาพันภพ?”

ภายใต้ความสนใจ ลำแสงก็พุ่งมา ร่างกำยำปรากฏตัวในอุโมงค์มิติ ทำให้เกิดแรงกดดันไปทั่วภูมิภาค

ในเวลาเดียวกันเสียงหนักแน่นก็ดังขึ้น

“โปรดไว้หน้าวังมหาพันภพ หยุดสงครามลงเถิด”

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเห็นร่างกำยำนี้ ใบหน้าก็เคร่งเครียดลง พวกเขาไม่เคยคิดว่าคนผู้นี้จะมาที่นี่

ราชันสังหารปีศาจแห่งวังมหาพันภพ—ฉิงเทียน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1509 เจดีย์ยับยั้งขวดหยก

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1509 เจดีย์ยับยั้งขวดหยก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟู่ ฟู่!

หมอกสีดำและสีขาวอบอวลฟ้าดิน ก่อนที่จะเกิดจุดตัดที่ลึกซึ้งไม่มีที่สิ้นสุด

ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อมองไปที่ขวดหยกบนท้องฟ้าที่กำจายแรงกดดันมหาศาล แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็อดตัวสั่นสะท้านไม่ได้

ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้ง ฝูถูเฉวียนและไท่หมิงไม่น่าดูอย่างยิ่งขณะที่มองขวดหยกบนท้องฟ้าด้วยความหวั่นเกรงเข้มข้น

ขวดหยกนี้เป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นเซิ่งของเผ่าหมัวเฮอที่มีพลังไร้ขอบเขต แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดาก็ไม่สามารถเผชิญหน้าได้

ทว่าทุกครั้งที่ใช้อาวุธระดับนี้ก็จะทำให้มันหมดพลังงานลงมาก ดังนั้นถ้าไม่ถึงขั้นวิกฤตก็ไม่มีใครคิดจะใช้มัน

ด้วยเหตุนี้ใบหน้าของพวกเขาจึงเปลี่ยนไปเมื่อเห็นหมัวเฮอเทียนเรียกอาวุธนี้ออกมา

“หมัวเฮอเทียนบ้าไปแล้ว” ไท่หมิงเอ่ยออกมา

สีหน้าของลั่วหลีเปลี่ยนไป นางกำหมัดแน่นแผนภาพเหนือศีรษะนางเริ่มเปล่งรัศมีออกมา

“ลั่วหลีอย่าผลีผลาม แม้ว่าแผนภาพวิญญาณโบราณจะไม่อ่อนแอกว่าขวดมหาเพลิงวารี แต่เจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะดึงพลังออกมาได้เต็มที่ หากฝืนทำก็รังแต่บาดเจ็บเท่านั้น” ไท่หมิงพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นการกระทำของลั่วหลี

ลั่วหลีกัดฟัน ดวงตาอัดแน่นด้วยความไม่เต็มใจ หมัวเฮอเทียนชักจะมากเกินไปแล้ว

“ไม่ต้องกังวล หากมีอะไรเกิดขึ้นกับมู่เฉิน เราไม่ยืนรอดูแน่” ไท่หมิงปลอบใจ เขากลัวใจหญิงสาวคนนี้ที่อาจใช้แก่นโลหิตจนหมดพลังเพื่อกระตุ้นแผนภาพวิญญาณโบราณ ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดผลสะท้อนกลับมากอย่างแน่นอน

ลั่วหลีกำหมัดแน่น สงบใจลงหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางรู้ว่าการฝืนเคลื่อนไหวตอนนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ถ้าหมัวเฮอเทียนล้ำเส้นเข้ามา ไม่ว่าต้องจ่ายราคาเท่าไร นางก็จะยืนเคียงข้างมู่เฉิน

มู่เฉินยืนอยู่กลางอากาศ เขามองไปที่ขวดหยก ม่านตาหดเกร็ง แรงกดดันที่กำจายออกมาจากขวดหยกทำให้เขายังรู้สึกหวั่นใจ

“สมเป็นเผ่าโบราณแท้จริง รากฐานน่าประทับใจยิ่งนัก” มู่เฉินเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ

ตามการคาดการณ์ของเขาพลังของขวดหยกอาจติดอันดับหนึ่งในสิบของมหาพันภพเลยทีเดียว

สายตาของหมัวเฮอเทียนเย็นชาลงขณะส่งเสียงขึ้นจมูกมองไปที่มู่เฉิน ตราประทับวาดขึ้นด้วยมือข้างเดียวขวดมหาเพลิงวารีก็เอียงลง รัศมีสีดำขาวไหลออกมาจากปากขวด

รัศมีสีดำและสีขาวเป็นคลื่นหลิงที่บริสุทธิ์ โดยความเป็นหยินหยางนี้คือตัวแทนของไฟและน้ำแข็ง ขณะที่คลื่นสองสายตัดกันก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น คลื่นหลิงที่แปดเปื้อนก็กลายเป็นสีดำและสีขาวเช่นกัน

ดังนั้นเมื่อตกลงมาก็กลายเป็นมหาสมุทรสีดำขาวก่อนที่จะพลิ้วลงบนลูกทรงกลม

ชี่ ชี่!

พลังงานสองฝั่งปะทะกันเกิดเสียงแหลมเสียดแทงดังขึ้น พลังมหาศาลทั้งสองเสียดสีกันอย่างรุนแรง แต่คราวนี้เมื่อรัศมีสีดำขาวไหลลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทุกคนเห็นว่าลูกทรงกลมเริ่มจางลง…

นี่เป็นเพราะพลังงานของลูกทรงกลมถูกผลาญไป

อึดใจหมัวเฮอเทียนก็คำราม เสาสีดำและสีขาวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากระแทกเข้ากับโลกผนึกหนึ่งนิรันดร์

ปัง!

ครั้งนี้เสาทะลุสิ่งกีดขวาง รอยแตกปรากฏบนโลกผนึก ก่อนที่จะระเบิดออกกลายเป็นจุดแสง

เมื่อผู้คนเห็นฉากนี้ก็ต่างตกใจ ยามนี้หมัวเฮอเทียนสามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายได้เลยทีเดียว

เผชิญหน้ากับไพ่ตายของหมัวเฮอเทียน มู่เฉินก็ตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบแม้ว่าจะมีร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ตาม เพราะไม่ว่าอย่างไรขุมพลังหลิงของมู่เฉินอยู่ในขั้นเซียนระยะกลางเท่านั้น

หมัวเฮอเทียนยืนอยู่บนไหล่ของร่างเทพมหันต์ แววตาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาขณะจ้องมองมู่เฉิน เขายื่นฝ่ามือออก ขวดมหาเพลิงวารีก็พลิ้วลงมา ลอยอยู่เหนือฝ่ามือเขา

“ยังไม่ยอมยกร่างมหาเทพนิรันดร์ให้อีกเรอะ?” หมัวเฮอเทียนถามเสียงเย็น

“แกนี่ดูถูกข้าจริงๆ” มู่เฉินตอกกลับ

หมัวเฮอเทียนหลุบตาลงพลางหัวเราะเยาะ “แม้ว่านี่จะไม่ชอบธรรมในการเอาชนะแก แต่เผ่าหมัวเฮอก็ไม่สามารถใส่ใจเรื่องนั้นเมื่อเทียบกับร่างมหาเทพนิรันดร์”

หมัวเฮอเทียนมองไปที่มู่เฉิน คำพูดก็เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ “ถ้าเจ้ายอมมอบให้ เผ่าหมัวเฮอก็จะคืนให้หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยปี”

มู่เฉินส่ายหัวตอบว่า “ร่างมหาเทพนิรันดร์ยอมรับว่าข้าเป็นเจ้าของแล้ว ดังนั้นอย่าหวังว่าข้าจะมอบให้”

ดวงตาของหมัวเฮอเทียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าก็ต้องใช้กำลังเอามาเท่านั้น!”

มู่เฉินหรี่ตามองไปที่หมัวเฮอเทียนนิ่ง “แม้ว่าเผ่าหมัวเฮอจะมีรากฐานลึกซึ้ง แต่ก็อย่าคิดว่าวันนี้แกจะกลั่นแกล้งข้าได้”

“ฮ่าๆ”

หมัวเฮอเทียนหัวเราะเสียงเย็นเยียบ ทำเหมือนคำพูดเหล่านั้นเป็นการต่อต้านที่ดื้อรั้นของมู่เฉิน

“ข้าจะดูว่าแกทำอะไรได้อีก!” หมัวเฮอเทียนยกมือขึ้น ขวดมหาเพลิงวารีก็ทะยานออกไปพร้อมกับความผันผวนที่น่ากลัว

“หมัวเฮอเทียน แกอย่าได้ทำเกินไปนะ!”

ในที่สุดชิงเหยี่ยนจิ้งก็ไม่สามารถอดรนทนได้ นางพูดเสียงเย็นชาว่า “รังแกลูกชายข้าต่อหน้าอย่างนี้ คิดว่าข้าไม่อยู่รึไง?”

นางรู้ชัดเจนเกี่ยวกับพลังของขวดมหาเพลิงวารี ซึ่งทำให้หมัวเฮอเทียนมีความสามารถแม้จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อย่างเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ในเมื่อหมัวเฮอเทียนอยากหาเรื่องใส่ตัวก็ปล่อยเขาไปเถอะ” แต่เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งพูดจบ มู่เฉินก็เอ่ยปากปลอบใจทันที

คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกใจ หรือว่ามู่เฉินยังมีไพ่ตายใบอื่นที่สามารถเผชิญหน้ากับขวดมหาเพลิงวารีของหมัวเฮอเทียนได้?

แต่จะเป็นไปได้อย่างไร? ภายใต้สภาวะนี้ หมัวเฮอเทียนสามารถปะทะกับจอมยุทธ์ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายสุด แม้ว่ามู่เฉินจะมีกายาเซิ่งบวกกับร่างมหาเทพนิรันดร์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้

แม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ยังงงงวย แต่นางลังเลเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะก้าวถอยหลังเนื่องจากนางเชื่อใจในตัวบุตรชาย ในเวลาเดียวกันก็ดึงคลื่นหลิงผันผวนรอบตัวกลับ

“เจ้าหนูนั่นยังมีวิธีอื่นอีกหรือ? แต่เป็นไปได้ยังไง…?” ไท่หมิงก็พึมพำอย่างสงสัย

ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่ามู่เฉินไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้

“ไอ้เด็กอวดดี!”

หมัวเฮอเทียนกรี้ยวกราดวาดตราประทับขึ้นโดยไม่ลังเล ขวดมหาเพลิงวารีเอียงลงรัศมีระเบิดออกมาพุ่งลงมาที่มู่เฉิน

ภายใต้รัศมีสีดำขาวยามนี้แม้แต่กายาเซิ่งก็สลายเป็นเถ้าถ่าน

ทุกสายตาพุ่งตรงไป

แต่มีเพียงมู่เฉินเท่านั้นที่ยังคงสีหน้าสงบและเงยหน้าขึ้นมองไปที่สายธารสีดำและสีขาว เมื่อสายธารเข้ามาในระยะร้อยจั้ง มู่เฉินก็ถอนหายใจเบาๆ และหันกลับไปก่อนที่จะโค้งคำนับให้เจดีย์วั้นกู่ “หมัวเฮอเทียนดื้อดึงนัก ท่านผู้อาวุโสโปรดจัดการด้วย”

ฮึ่ม ฮึ่ม!

เมื่อสิ้นเสียงของมู่เฉิน เจดีย์ก็สั่นแสงเปล่งปลั่งกวาดออกสายธารสีดำและสีขาวถูกดูดเข้าไปในเจดีย์

ตู้ม!

ในขณะเดียวกันเจดีย์ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พริบตาก็ไปปรากฏขึ้นเหนือขวดมหาเพลิงวารี เงาปกคลุมลงมา สุดท้ายขวดหยกก็ถูกดูดเข้าไปในเจดีย์ เจดีย์ร่อนลงจากฟ้ากลับไปสถิตในบริเวณเดิม

ตึง ตึง!

คลื่นกระแทกที่ไม่อาจจินตนาการได้กวาดออกมาจากเจดีย์ซึ่งคงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสงบลง…

บนท้องฟ้าเมื่อรัศมีสีกำขาวหายไป ขวดหยกก็หายไปเช่นกัน

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีเพียงภาพเจดีย์ลอยสูงขึ้นและลดต่ำลง เมื่อมันกลับไปสถิตที่เดิมทั่วเมืองก็สงบลงแล้ว

ขณะนี้ทุกคนถึงได้หายจากอาการตื่นตะลึง

พวกเขามองท้องฟ้าที่ว่างเปล่าก่อนจะสูดลมเย็นลึกสุดปอด

“อะไรน่ะ?!”

หมัวเฮอเทียนและผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอต่างตกตะลึงพร้อมกับความตกใจสุดขีดพล่านในดวงตา

“เกิดอะไรขึ้น?”

แม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้ง ฝูถูเฉวียนและไท่หมิงก็ตกตะลึงก่อนจะหันไปมองเจดีย์วั้นกู่ ขณะนี้พวกเขาสามารถสัมผัสได้อย่างคลุมเครือถึงพลังลึกลับและทรงพลังที่แทรกซึมออกมาจากเจดีย์

พลังนี้ทำให้จอมยุทธ์อย่างพวกเขายังรู้สึกถึงความกลัว

“พลังนี้…” ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่จะอุทาน “เทพจักรพรรดินิรันดร์!”

พลังนั้นเกินขีดจำกัดของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ตั้งแต่โบราณกาลจะมีใครทรงพลังเช่นนี้นอกจากเทพจักรพรรดินิรันดร์?!

ริ้วความตกใจเกิดขึ้นชั่วครู่บนใบหน้าของหมัวเฮอเทียน ก่อนจะค่อยๆ คืนสติมองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน “มู่เฉิน แกทำอะไร?! ขวดมหาเพลิงวารีของเผ่าข้าอยู่ที่ไหน?!”

มู่เฉินกวาดสายตามองอย่างเฉยเมยตอบว่า “ในเมื่อเทพจักรพรรดินิรันดร์วางร่างมหาเทพนิรันดร์ไว้ในเผ่าหมัวเฮอ เขาก็ทิ้งวิธีป้องกันไม่ให้เจ้าอ้างสิทธิ์แบบผิดเพี้ยน”

ตอนที่เขาออกจากเจดีย์ จิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่ก็บอกว่าเขาสามารถใช้พลังงานที่เหลืออยู่ในเจดีย์ได้หากเผ่าหมัวเฮอสร้างปัญหาให้

พลังนั้นถูกทิ้งไว้โดยเทพจักรพรรดินิรันดร์เพื่อหยุดสถานการณ์บานปลายเหมือนในวันนี้ไม่ให้เกิดขึ้น

ตอนแรกมู่เฉินก็ไม่คิดจะใช้ ทว่าหมัวเฮอเทียนทำเกินไป ถึงขนาดนำอาวุธมหสวรรค์ขั้นเซิ่งของเผ่าออกมาอีกด้วย สิ่งนี้บีบให้เขาต้องใช้พลังที่เหลือจากเทพจักรพรรดินิรันดร์

“พลังในเจดีย์วั้นกู่จะคงอยู่เป็นเวลาหนึ่งปีก่อนที่จะสลายไป ในเวลานั้นขวดมหาเพลิงวารีก็จะเป็นอิสระ”

มู่เฉินมองไปที่หมัวเฮอเทียนอย่างเรียบเฉยพูดต่อว่า “ยังคิดจะบีบทางตัวเองอีกไหม?”

ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนกระตุกสองตาแดงก่ำ เขารู้สึกเดือดดาลครั้งแล้วครั้งเล่าในใจ ที่แท้เทพจักรพรรดินิรันดร์ก็ได้ทิ้งบางสิ่งไว้เบื้องหลังเพื่อป้องกันเผ่าหมัวเฮอตั้งแต่แรกแล้ว

เขารู้สึกอับอายและเดือดดาลในใจ

“ข้าประมุขเผ่าหมัวเฮอไม่ใช่คนที่เด็กอย่างแกจะตำหนิได้!”

หมัวเฮอเทียนแผดเสียงออกมาแสงเย็นก็กำจายจากดวงตา “วันนี้ข้าจะดูสิว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์ที่ตายไปแล้วจะสามารถปราบปรามเผ่าหมัวเฮอของข้าอย่างไร!

“หากเจ้าต้องการนำร่างมหาเทพนิรันดร์ไปด้วยละก็ สงครามกับเผ่าหมัวเฮอระเบิดแน่!”

เสียงของหมัวเฮอเทียนดังก้องไปทั่วภูมิภาค “เผ่าหมัวเฮอเตรียมพร้อมรบ!”

เมื่อผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอได้ยินเช่นนั้น ก็ปลดปล่อยคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ขอบฟ้าสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด

เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งและไท่หมิงเห็นสถานการณ์นี้ สีหน้าก็มืดครึ้มลง หมัวเฮอเทียนเสียสติไปแล้ว!

“งั้นเผ่าฝูถูก็ขอสู้ตายเช่นกัน!” ชิงเหยี่ยนจิ้งหายใจเข้าลึกพลางพูดเสียงเย็นชา

ไท่หมิงถอนหายใจก่อนตอบว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เผ่าไท่หลิงก็ต้องเข้าร่วมแล้ว…”

หมัวเฮอเทียนหัวเราะด้วยความโกรธ “ได้ เผ่าหมัวเฮอขอประกาศสงครามกับทั้งสองเผ่าในวันนี้ ข้าจะดูสิว่าพวกเจ้าสามารถทำอะไรกับเผ่าหมัวเฮอของข้าได้บ้าง!”

นอกเมืองวั้นกู่ ทุกคนมีสีหน้าตกใจหวาดผวา สามเผ่าโบราณกำลังจะทำสงครามกันรึ? ถ้าเป็นเช่นนั้นต้องเกิดคลื่นยักษ์กวาดไปทั่วมหาพันภพแน่

เมื่อมองไปที่ฉากนี้ใบหน้าของมู่เฉินก็เย็นชาลง

ตึง!

ทว่าขณะที่บรรยากาศระหว่างฟ้าดินตึงเครียด ทั้นใดนั้นเสียงระฆังโบราณก็ดังก้องมาแต่ไกล…

เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น บรรดาจอมยุทธ์ก็หดตาและเงยหน้าขึ้น

“นี่คือ… ระฆังพันภพแห่งวังมหาพันภพ?”

ภายใต้ความสนใจ ลำแสงก็พุ่งมา ร่างกำยำปรากฏตัวในอุโมงค์มิติ ทำให้เกิดแรงกดดันไปทั่วภูมิภาค

ในเวลาเดียวกันเสียงหนักแน่นก็ดังขึ้น

“โปรดไว้หน้าวังมหาพันภพ หยุดสงครามลงเถิด”

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเห็นร่างกำยำนี้ ใบหน้าก็เคร่งเครียดลง พวกเขาไม่เคยคิดว่าคนผู้นี้จะมาที่นี่

ราชันสังหารปีศาจแห่งวังมหาพันภพ—ฉิงเทียน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+