หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1510 เทียบทองคำ

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1510 เทียบทองคำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงสะท้อนไปทั่ว

ทุกคนมองภาพเงาก้าวออกจากในเสา มีแสงดาวส่องประกายระยิบระยับรอบตัวผู้มาใหม่ มองเห็นภูเขาและแม่น้ำปักอยู่บนเสื้อคลุม รูม่านตาของเขาก็ลึกราวกับห้วงมหรรณพ เขายืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพังแต่กลับเอิบอาบไปด้วยแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเคารพ

“ราชันสังหารปีศาจแห่งวังมหาพันภพ—ฉิงเทียน…”

เมื่อทุกคนเห็นร่างนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปขณะร้องอุทานออกมา

ทุกคนในมหาพันภพรู้ดีว่ามีเพียงวังมหาพันภพเท่านั้นที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นเป็นเพราะพลังดังกล่าวโอบอุ้มทุกสรรพชีวิตในระบบสุริยะจักรวาลนี้

วังมหาพันภพเหมือนกับสมาพันธ์ของมหาพันภพ

จัดตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ

ผู้ก่อตั้งคือเทพจักรพรรดินิรันดร์

เมื่อวังมหาพันภพก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในสมัยโบราณก็รวบรวมพลังทั้งหมดของมหาพันภพเอาไว้ ทุกคนละทิ้งความแตกต่าง ยืนหยัดต่อสู้ร่วมกันเพื่ออุดมกาณ์ป้องกันในการรุกรานของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ

ในสงครามครั้งนั้นวังมหาพันภพทุ่มเททุกสิ่งอย่าง ไม่มีใครไม่เห็นถึงความสามารถในการขับไล่จักรวรรดิปีศาจต่างมิติ ดังนั้นทุกวันนี้ผู้คนจึงให้ความเคารพต่อวังอันยิ่งใหญ่นี้

แม้แต่จอมยุทธ์ที่ทรงอำนาจอย่างเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามก็เข้าร่วมกับวังพันมหาพันภพในฐานะผู้อาวุโส

ในวังมหาพันภพจะต้องใช้คะแนนสังหารปีศาจเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทีละก้าว โดยต้องสังหารจอมปีศาจเท่านั้นถึงจะได้รับตำแหน่งราชันสังหารปีศาจ บางทีนี่อาจไม่ใช่สิ่งหายากในสมัยโบราณ แต่ในปัจจุบันการฆ่าจอมปีศาจอาจหมายความว่าต้องบุกเข้าไปรังของเผ่าปีศาจต่างมิติ

นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่กล้าลอง

ดังนั้นในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมามีราชันสังหารปีศาจหนึ่งเดียวที่ปรากฏในวังมหาพันภพ เขาเป็นจอมยุทธ์ที่บุกตะลุยเข้าไปในรังปีศาจและกลับมาพร้อมกับการสังหารที่น่าสะพรึง

ชายคนนั้นก็คือคนที่ยืนเบื้องหน้าทุกคนตอนนี้ ฉิงเทียน

เมื่อเทียบสถานะของมู่เฉินในฐานะราชันสังหารปีศาจที่ได้มาเพราะโชคช่วย ฉิงเทียนเป็นของแท้ เนื่องจากเขาได้รับตำแหน่งจากการสังหารปีศาจต่างมิติ

ดังนั้นเมื่อจอมยุทธ์เช่นนี้ปรากฏตัวขึ้น แม้แต่สีหน้าของหมัวเฮอเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับความหวั่นเกรงในสายตา

“พี่ฉิงเทียนนี่เป็นเรื่องของเผ่าหมัวเฮอ วังมหาพันภพน่าจะเข้ามายุ่งไม่ได้ใช่ไหม?” หมัวเฮอเทียนสูดลมหายใจพลางถาม

เสื้อคลุมของฉิงเทียนสะบัดไปตามสายลม เขาหันหน้ายิ้มให้หมัวเฮอเทียน “ทำไมเจ้าถึงยึดติดกับร่างมหาเทพนิรันดร์อย่างดื้อรั้นเช่นนี้? เผ่าของเจ้าไม่ได้รับการยอมรับแม้จะผ่านไปหลายหมื่นปี ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าไม่มีชะตาร่วมกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น สีหน้าของหมัวเฮอเทียนก็ไม่น่าดู ถ้าเป็นคนอื่นพูดเขาจะตบให้ถลา แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นกับคนเบื้องหน้าได้ เนื่องจากฉิงเทียนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายมานานแล้ว เป็นหนึ่งในสิบจอมยุทธ์อันดับแรกของมหาพันภพ ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

ถ้าหมัวเฮอเทียนมีขวดมหาเพลิงวารี เขาก็อาจจะสู้กับฉิงเทียนได้ ทว่าเวลานี้ขวดหยกถูกปราบปรามไว้ในเจดีย์ เขาคงกระอักเลือดแน่หากต้องต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลาย

แน่นอนว่าที่สำคัญคือวังมหาพันภพที่อยู่เบื้องหลังฉิงเทียน แม้ว่าโดยปกติทางวังจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ ในมหาพันภพ แต่พลังอำนาจของพวกเขาก็เป็นสิ่งที่เผ่าหมัวเฮอต้องไว้หน้า

แต่เขาจะยอมปล่อยให้มู่เฉินนำร่างมหาเทพนิรันดร์ออกไปได้ยังไง?

“พี่ฉิงเทียน เผ่าหมัวเฮอปกป้องร่างมหาเทพนิรันดร์มาหลายหมื่นปีแล้ว แม้จะไม่ได้สร้างผลประโยชน์แต่ก็ทุ่มแรงไปมาก แล้วพวกข้าจะยอมให้มู่เฉินนำไปได้อย่างไร?”

หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึก ดวงตากะพริบวาบ “นอกจากนี้เราก็ถอยคนละก้าวแล้ว ข้าขอให้เขาวางร่างมหาเทพนิรันดร์ไว้ที่นี่เป็นเวลาแค่ร้อยปี หลังจากนั้นทางข้าจะไม่ขัดขวางเมื่อเขาขอคืน”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นฉิงเทียนก็เพียงยิ้ม “ท่านประมุข ข้าจะไม่พูดเรื่องไร้ความหมาย ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพราะได้รับจดหมายของเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม”

ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนแข็งค้าง ส่วนเหล่าผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความกลัวกะพริบในดวงตา

เผชิญหน้ากับเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิง เผ่าหมัวเฮอยังกัดฟันสู้ไหว แต่ถ้าแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูกระโจนลงมาในศึกนี้ด้วย แม้แต่เผ่าหมัวเฮอก็รับไม่ไหว

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขาเคยทำสงครามกับแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว ท้ายที่สุดตอนนั้นก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของหมัวเฮอเทียน ถ้าไม่ใช่เพราะขวดมหาเพลิงวารี ชื่อเสียงของเผ่าหมัวเฮอคงป่นปี้หมดแล้ว

ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เทพจักรพรรดิอัคคีไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้นเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เขาก้าวข้ามหมัวเฮอเทียนบรรลุระยะปลายกลายเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ทรงอำนาจสูงสุดแห่งมหาพันภพ

ในแง่ของรากฐานแคว้นหวู่จิ้งฮั่วไม่ได้อ่อนไปกว่าเผ่าหมัวเฮอเลย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเทพจักรพรรดิสงครามและแคว้นหวูที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเทพจักรพรรดิอัคคีและแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว

ที่นอกเมืองวั้นกู่ ทุกคนได้แต่เบ้ปาก พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์นี้จะระเบิดไปถึงระดับนี้…

ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนเขียวคล้ำแต่ในใจเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด ตอนแรกเขาต้องการใช้กำลังเพื่อปราบมู่เฉิน แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะทุบหน้าตัวเองจนยับแบบนั้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว แคว้นหวู วังมหาพันภพ เผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิง…

ด้วยการผนึกกำลังขั้วอำนาจทั้งห้าเข้าด้วยกันแม้แต่โลกทั้งใบยังสั่นสะเทือน กระทั่งเผ่าหมัวเฮอของพวกเขาก็ไม่สามารถเผชิญกับขุมกำลังมหาศาลเช่นนี้ได้

“พี่ฉิงเทียน เจ้ากำลังพยายามบีบคั้นเผ่าหมัวเฮอหรือ?” ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนเขียวคล้ำ

เมื่อมองไปที่หมัวเฮอเทียน ใบหน้าของฉิงเทียนก็ดูเคร่งขรึมขณะที่ตอบว่า “ท่านประมุขเผ่าหมัวเฮอ มหาพันภพกำลังเผชิญอันตรายจากจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ เรื่องที่เกิดวันนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับมหาพันภพของเราที่ร่างมหาเทพนิรันดร์สามารถหาเจ้าของได้ ดังนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถพิจารณาภาพรวมได้มากขึ้น”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น หัวใจของมู่เฉินก็สั่นสะท้าน เขาคิดเชื่อมโยงถึงสาเหตุที่เซียวเหยียนและหลินต้งต้องอยู่ประจำการในดินแดนของตนเอง เขาก็รู้สึกไม่สบายใจในใจ ‘จักรวรรดิปีศาจต่างมิติจะเคลื่อนพลอีกครั้งแล้วหรือ?’

หมัวเฮอเทียนเงียบไป ตอนนี้เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกคืนร่างมหาเทพนิรันดร์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงต้องเดินลงสะพานที่อีกฝ่ายมอบให้ หากเขาดึงดั้นคงมีเพียงเผ่าหมัวเฮอเท่านั้นที่จะต้องแบกรับทุกข์ทรมาน

“ในเมื่อวังมหาพันภพเข้ามาขอเรื่องนี้ งั้นเผ่าหมัวเฮอก็จะไว้หน้าให้”

ในที่สุดหมัวเฮอเทียนก็เปิดปาก ความผันผวนคลื่นหลิงทรงพลังรอบตัวก็หดกลับ ก่อนที่เขาจะมองไปที่มู่เฉิน “แต่เขาต้องคืนขวดมหาเพลิงวารีมา”

ฉิงเทียนมองไปที่มู่เฉินพลางยิ้ม “ราชันมู่ เราควรแก้ปมระหว่างศัตรูมากกว่าสร้างปม ในเมื่อประมุขเผ่าหมัวเฮอยอมถอยแล้ว เจ้าก็ถอยบ้างได้ไหม?”

ในเมื่อฉิงเทียนเอ่ยปากเอง มู่เฉินก็พยักหน้าให้โดยดี เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่ต้องการทำสงครามกับเผ่าหมัวเฮอ แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิง แต่นั่นก็เสี่ยงเกินไป อาจทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนต้องสังเวยชีวิต นั่นเป็นราคาหนักสำหรับทั้งสองฝ่าย

ดังนั้นหมัวเฮอเทียนยอมถอยจึงเป็นผลสรุปที่ดีที่สุดแล้ว

มู่เฉินหันกลับประสานมือไปที่เจดีย์วั้นกู่ “เรื่องในวันนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว รบกวนท่านผู้อาวุโสช่วยเคลื่อนไหวอีกครั้ง”

พร้อมกับเสียงของเขา เจดีย์วั้นกู่ก็สั่นสะเทือนเปล่งรัศมีออกมา ลำแสงสีดำทะยานออกมากลายเป็นขวดหยกดำขาว

หมัวเฮอเทียนเรียกขวดหยกคืนมาทันที เขาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง หลังจากเห็นว่าไม่มีความเสียหายใดๆ ก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก

“สมกับเป็นพลังที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ทิ้งไว้ให้ ช่างทรงพลังอย่างแท้จริงแม้จะผ่านมาหลายหมื่นปีแล้วก็ตาม” มองไปที่เจดีย์ฉิงเทียนก็ถอนหายใจ แม้เขาจะมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลาย เขาก็ยังรู้สึกเคารพในพลังโบราณที่เหลืออยู่ในเจดีย์

ทว่าหลังจากปลดปล่อยขวดหยก พลังที่เหลืออยู่ในเจดีย์ก็เริ่มเหือดหาย มากจนกระทั่งมีรอยแตกบนพื้นผิว

เมื่อมองไปที่ฉากนี้ มู่เฉินก็โค้งคำนับด้วยมารยาทสูงสุดให้เจดีย์วั้นกู่อีกครั้ง

เมื่อเห็นบรรยากาศตึงเครียดคลายลง ทุกคนก็ถอนหายใจโล่งอกเพราะเหตุการณ์ระดับนี้มักมีผลกระทบในวงกว้าง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังไม่กล้าเข้าร่วม

ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะสลายความขัดแย้งนี้

“พี่ฉิงเทียน ข้าควรจะต้อนรับเจ้าสำหรับการมาเยี่ยมเผ่าหมัวเฮอให้ดีกว่านี้ แต่ข้าคงทำได้แค่ขอโทษเนื่องจากวันนี้ยุ่งมาก” หมัวเฮอเทียนยังรู้สึกกรุ่นโกรธในใจเมื่อมองเมืองวั้นกู่ที่วินาศวันตะโร เขาไม่คิดที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นเขาจึงคารวะฉิงเทียนก่อนที่จะทะยานหายไปในเส้นขอบฟ้า

ผู้อาวุโสของเผ่าหมัวเฮอก็ติดตามไปด้วย

มองหมัวเฮอเทียนที่จากไปฉิงเทียนก็ไม่ใส่ใจ เนื่องจากการมาถึงของเขาทำให้เผ่าหมัวเฮอต้องเสียร่างมหาเทพนิรันดร์ไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เผ่าหมัวเฮอจะรู้สึกโกรธเคือง

ยิ่งไปกว่านั้นการเดินทางมาของเขาไม่ได้เป็นเพราะเรื่องเผ่าหมัวเฮอเท่านั้น

ฉิงเทียนโบกมือมองไปที่มู่เฉินก่อนจะก้าวไปปรากฏตัวต่ออีกฝ่ายพลางยิ้มให้ “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าวังมหาพันภพมีราชันสังหารปีศาจคนใหม่ ในที่สุดข้าก็ได้เจอเจ้า”

ได้พบกับราชันสังหารปีศาจตัวจริงอย่างฉิงเทียน มู่เฉินก็รักษามารยาทไว้อย่างสูงสุด “ผู้อาวุโสฉิงเทียนชมข้าเกินไปแล้ว ท่านน่าจะรู้ว่าสถานะของข้าในฐานะราชันสังหารปีศาจมีน้ำหนักแค่ไหน”

ฉิงเทียนหัวเราะก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดนี่ก็เป็นโชคชะตาของเจ้าที่ได้รับ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เจ้าก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นราชันสังหารปีศาจแล้วจริงๆ”

ในอดีตอาจเป็นไปไม่ได้ที่มู่เฉินจะสังหารจอมปีศาจ แต่ด้วยกายาเซิ่งและร่างมหาเทพนิรันดร์ตอนนี้ เขาก็เทียบเคียงได้กับจอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางปลายสุด ดังนั้นจึงสามารถสังหารจอมปีศาจธรรมดาได้แล้ว

มู่เฉินเผยรอยยิ้มบนริมฝีปากพลางประสานมือ “ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องขอบคุณท่านฉิงเทียน มิฉะนั้นเหตุการณ์นี้คงจะไม่ยุติลงอย่างง่ายดาย”

แม้ว่าเขาจะไม่กลัวหมัวเฮอเทียน แต่เขาก็ไม่ต้องการลากเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

ฉิงเทียนโบกมือไปมาพลางถอนหายใจ “ตราบใดที่สามเผ่าโบราณทำสงครามกันก็จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสู้กันเอง”

หลังจากหยุดคิดชั่วครู่ ฉิงเทียนก็พูดต่อ “แต่นอกเหนือจากการมาหยุดศึกระหว่างเผ่า ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำในการเดินทางครั้งนี้”

เมื่อพูดจบเขาก็โบกมือ แสงสีทองหลายชิ้นพุ่งไปหาชิงเหยี่ยนจิ้ง ฝูถูเฉวียนและไท่หมิง มีแม้กระทั่งสามชิ้นที่พุ่งไปในทิศทางของเผ่าหมัวเฮอ

เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งและคนอื่นได้รับแสงสีทองนี้ ท่าทางก็เปลี่ยนไปรุนแรง

“นี่คือ…?” ดวงตาของมู่เฉินกะพริบพร้อมกับความประหลาดใจ เขารู้สึกได้ว่าดูเหมือนจะเป็นเทียบทองคำ…

ฉิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้เจ้าก็มีคุณสมบัติได้รับแล้วเช่นกัน”

ขณะที่พูดแสงสีทองอีกชิ้นก็พุ่งจากแขนเสื้อเขาไปหามู่เฉิน

มู่เฉินกางฝ่ามือออกแสงสีทองก็ตกลง กลายเป็นป้ายสีทองวางไว้

เมื่อมองไปเขาก็เห็นคำโบราณตราตรึงใจ

เทียบทองคำมหาพันภพ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1510 เทียบทองคำ

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 1510 เทียบทองคำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงสะท้อนไปทั่ว

ทุกคนมองภาพเงาก้าวออกจากในเสา มีแสงดาวส่องประกายระยิบระยับรอบตัวผู้มาใหม่ มองเห็นภูเขาและแม่น้ำปักอยู่บนเสื้อคลุม รูม่านตาของเขาก็ลึกราวกับห้วงมหรรณพ เขายืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพังแต่กลับเอิบอาบไปด้วยแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเคารพ

“ราชันสังหารปีศาจแห่งวังมหาพันภพ—ฉิงเทียน…”

เมื่อทุกคนเห็นร่างนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปขณะร้องอุทานออกมา

ทุกคนในมหาพันภพรู้ดีว่ามีเพียงวังมหาพันภพเท่านั้นที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นเป็นเพราะพลังดังกล่าวโอบอุ้มทุกสรรพชีวิตในระบบสุริยะจักรวาลนี้

วังมหาพันภพเหมือนกับสมาพันธ์ของมหาพันภพ

จัดตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ

ผู้ก่อตั้งคือเทพจักรพรรดินิรันดร์

เมื่อวังมหาพันภพก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในสมัยโบราณก็รวบรวมพลังทั้งหมดของมหาพันภพเอาไว้ ทุกคนละทิ้งความแตกต่าง ยืนหยัดต่อสู้ร่วมกันเพื่ออุดมกาณ์ป้องกันในการรุกรานของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ

ในสงครามครั้งนั้นวังมหาพันภพทุ่มเททุกสิ่งอย่าง ไม่มีใครไม่เห็นถึงความสามารถในการขับไล่จักรวรรดิปีศาจต่างมิติ ดังนั้นทุกวันนี้ผู้คนจึงให้ความเคารพต่อวังอันยิ่งใหญ่นี้

แม้แต่จอมยุทธ์ที่ทรงอำนาจอย่างเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามก็เข้าร่วมกับวังพันมหาพันภพในฐานะผู้อาวุโส

ในวังมหาพันภพจะต้องใช้คะแนนสังหารปีศาจเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทีละก้าว โดยต้องสังหารจอมปีศาจเท่านั้นถึงจะได้รับตำแหน่งราชันสังหารปีศาจ บางทีนี่อาจไม่ใช่สิ่งหายากในสมัยโบราณ แต่ในปัจจุบันการฆ่าจอมปีศาจอาจหมายความว่าต้องบุกเข้าไปรังของเผ่าปีศาจต่างมิติ

นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่กล้าลอง

ดังนั้นในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมามีราชันสังหารปีศาจหนึ่งเดียวที่ปรากฏในวังมหาพันภพ เขาเป็นจอมยุทธ์ที่บุกตะลุยเข้าไปในรังปีศาจและกลับมาพร้อมกับการสังหารที่น่าสะพรึง

ชายคนนั้นก็คือคนที่ยืนเบื้องหน้าทุกคนตอนนี้ ฉิงเทียน

เมื่อเทียบสถานะของมู่เฉินในฐานะราชันสังหารปีศาจที่ได้มาเพราะโชคช่วย ฉิงเทียนเป็นของแท้ เนื่องจากเขาได้รับตำแหน่งจากการสังหารปีศาจต่างมิติ

ดังนั้นเมื่อจอมยุทธ์เช่นนี้ปรากฏตัวขึ้น แม้แต่สีหน้าของหมัวเฮอเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับความหวั่นเกรงในสายตา

“พี่ฉิงเทียนนี่เป็นเรื่องของเผ่าหมัวเฮอ วังมหาพันภพน่าจะเข้ามายุ่งไม่ได้ใช่ไหม?” หมัวเฮอเทียนสูดลมหายใจพลางถาม

เสื้อคลุมของฉิงเทียนสะบัดไปตามสายลม เขาหันหน้ายิ้มให้หมัวเฮอเทียน “ทำไมเจ้าถึงยึดติดกับร่างมหาเทพนิรันดร์อย่างดื้อรั้นเช่นนี้? เผ่าของเจ้าไม่ได้รับการยอมรับแม้จะผ่านไปหลายหมื่นปี ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าไม่มีชะตาร่วมกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น สีหน้าของหมัวเฮอเทียนก็ไม่น่าดู ถ้าเป็นคนอื่นพูดเขาจะตบให้ถลา แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นกับคนเบื้องหน้าได้ เนื่องจากฉิงเทียนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายมานานแล้ว เป็นหนึ่งในสิบจอมยุทธ์อันดับแรกของมหาพันภพ ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

ถ้าหมัวเฮอเทียนมีขวดมหาเพลิงวารี เขาก็อาจจะสู้กับฉิงเทียนได้ ทว่าเวลานี้ขวดหยกถูกปราบปรามไว้ในเจดีย์ เขาคงกระอักเลือดแน่หากต้องต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลาย

แน่นอนว่าที่สำคัญคือวังมหาพันภพที่อยู่เบื้องหลังฉิงเทียน แม้ว่าโดยปกติทางวังจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ ในมหาพันภพ แต่พลังอำนาจของพวกเขาก็เป็นสิ่งที่เผ่าหมัวเฮอต้องไว้หน้า

แต่เขาจะยอมปล่อยให้มู่เฉินนำร่างมหาเทพนิรันดร์ออกไปได้ยังไง?

“พี่ฉิงเทียน เผ่าหมัวเฮอปกป้องร่างมหาเทพนิรันดร์มาหลายหมื่นปีแล้ว แม้จะไม่ได้สร้างผลประโยชน์แต่ก็ทุ่มแรงไปมาก แล้วพวกข้าจะยอมให้มู่เฉินนำไปได้อย่างไร?”

หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึก ดวงตากะพริบวาบ “นอกจากนี้เราก็ถอยคนละก้าวแล้ว ข้าขอให้เขาวางร่างมหาเทพนิรันดร์ไว้ที่นี่เป็นเวลาแค่ร้อยปี หลังจากนั้นทางข้าจะไม่ขัดขวางเมื่อเขาขอคืน”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นฉิงเทียนก็เพียงยิ้ม “ท่านประมุข ข้าจะไม่พูดเรื่องไร้ความหมาย ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพราะได้รับจดหมายของเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม”

ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนแข็งค้าง ส่วนเหล่าผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความกลัวกะพริบในดวงตา

เผชิญหน้ากับเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิง เผ่าหมัวเฮอยังกัดฟันสู้ไหว แต่ถ้าแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูกระโจนลงมาในศึกนี้ด้วย แม้แต่เผ่าหมัวเฮอก็รับไม่ไหว

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขาเคยทำสงครามกับแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว ท้ายที่สุดตอนนั้นก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของหมัวเฮอเทียน ถ้าไม่ใช่เพราะขวดมหาเพลิงวารี ชื่อเสียงของเผ่าหมัวเฮอคงป่นปี้หมดแล้ว

ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เทพจักรพรรดิอัคคีไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้นเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เขาก้าวข้ามหมัวเฮอเทียนบรรลุระยะปลายกลายเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ทรงอำนาจสูงสุดแห่งมหาพันภพ

ในแง่ของรากฐานแคว้นหวู่จิ้งฮั่วไม่ได้อ่อนไปกว่าเผ่าหมัวเฮอเลย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเทพจักรพรรดิสงครามและแคว้นหวูที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเทพจักรพรรดิอัคคีและแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว

ที่นอกเมืองวั้นกู่ ทุกคนได้แต่เบ้ปาก พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์นี้จะระเบิดไปถึงระดับนี้…

ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนเขียวคล้ำแต่ในใจเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด ตอนแรกเขาต้องการใช้กำลังเพื่อปราบมู่เฉิน แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะทุบหน้าตัวเองจนยับแบบนั้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว แคว้นหวู วังมหาพันภพ เผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิง…

ด้วยการผนึกกำลังขั้วอำนาจทั้งห้าเข้าด้วยกันแม้แต่โลกทั้งใบยังสั่นสะเทือน กระทั่งเผ่าหมัวเฮอของพวกเขาก็ไม่สามารถเผชิญกับขุมกำลังมหาศาลเช่นนี้ได้

“พี่ฉิงเทียน เจ้ากำลังพยายามบีบคั้นเผ่าหมัวเฮอหรือ?” ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนเขียวคล้ำ

เมื่อมองไปที่หมัวเฮอเทียน ใบหน้าของฉิงเทียนก็ดูเคร่งขรึมขณะที่ตอบว่า “ท่านประมุขเผ่าหมัวเฮอ มหาพันภพกำลังเผชิญอันตรายจากจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ เรื่องที่เกิดวันนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับมหาพันภพของเราที่ร่างมหาเทพนิรันดร์สามารถหาเจ้าของได้ ดังนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถพิจารณาภาพรวมได้มากขึ้น”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น หัวใจของมู่เฉินก็สั่นสะท้าน เขาคิดเชื่อมโยงถึงสาเหตุที่เซียวเหยียนและหลินต้งต้องอยู่ประจำการในดินแดนของตนเอง เขาก็รู้สึกไม่สบายใจในใจ ‘จักรวรรดิปีศาจต่างมิติจะเคลื่อนพลอีกครั้งแล้วหรือ?’

หมัวเฮอเทียนเงียบไป ตอนนี้เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกคืนร่างมหาเทพนิรันดร์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงต้องเดินลงสะพานที่อีกฝ่ายมอบให้ หากเขาดึงดั้นคงมีเพียงเผ่าหมัวเฮอเท่านั้นที่จะต้องแบกรับทุกข์ทรมาน

“ในเมื่อวังมหาพันภพเข้ามาขอเรื่องนี้ งั้นเผ่าหมัวเฮอก็จะไว้หน้าให้”

ในที่สุดหมัวเฮอเทียนก็เปิดปาก ความผันผวนคลื่นหลิงทรงพลังรอบตัวก็หดกลับ ก่อนที่เขาจะมองไปที่มู่เฉิน “แต่เขาต้องคืนขวดมหาเพลิงวารีมา”

ฉิงเทียนมองไปที่มู่เฉินพลางยิ้ม “ราชันมู่ เราควรแก้ปมระหว่างศัตรูมากกว่าสร้างปม ในเมื่อประมุขเผ่าหมัวเฮอยอมถอยแล้ว เจ้าก็ถอยบ้างได้ไหม?”

ในเมื่อฉิงเทียนเอ่ยปากเอง มู่เฉินก็พยักหน้าให้โดยดี เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่ต้องการทำสงครามกับเผ่าหมัวเฮอ แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิง แต่นั่นก็เสี่ยงเกินไป อาจทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนต้องสังเวยชีวิต นั่นเป็นราคาหนักสำหรับทั้งสองฝ่าย

ดังนั้นหมัวเฮอเทียนยอมถอยจึงเป็นผลสรุปที่ดีที่สุดแล้ว

มู่เฉินหันกลับประสานมือไปที่เจดีย์วั้นกู่ “เรื่องในวันนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว รบกวนท่านผู้อาวุโสช่วยเคลื่อนไหวอีกครั้ง”

พร้อมกับเสียงของเขา เจดีย์วั้นกู่ก็สั่นสะเทือนเปล่งรัศมีออกมา ลำแสงสีดำทะยานออกมากลายเป็นขวดหยกดำขาว

หมัวเฮอเทียนเรียกขวดหยกคืนมาทันที เขาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง หลังจากเห็นว่าไม่มีความเสียหายใดๆ ก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก

“สมกับเป็นพลังที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ทิ้งไว้ให้ ช่างทรงพลังอย่างแท้จริงแม้จะผ่านมาหลายหมื่นปีแล้วก็ตาม” มองไปที่เจดีย์ฉิงเทียนก็ถอนหายใจ แม้เขาจะมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลาย เขาก็ยังรู้สึกเคารพในพลังโบราณที่เหลืออยู่ในเจดีย์

ทว่าหลังจากปลดปล่อยขวดหยก พลังที่เหลืออยู่ในเจดีย์ก็เริ่มเหือดหาย มากจนกระทั่งมีรอยแตกบนพื้นผิว

เมื่อมองไปที่ฉากนี้ มู่เฉินก็โค้งคำนับด้วยมารยาทสูงสุดให้เจดีย์วั้นกู่อีกครั้ง

เมื่อเห็นบรรยากาศตึงเครียดคลายลง ทุกคนก็ถอนหายใจโล่งอกเพราะเหตุการณ์ระดับนี้มักมีผลกระทบในวงกว้าง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังไม่กล้าเข้าร่วม

ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะสลายความขัดแย้งนี้

“พี่ฉิงเทียน ข้าควรจะต้อนรับเจ้าสำหรับการมาเยี่ยมเผ่าหมัวเฮอให้ดีกว่านี้ แต่ข้าคงทำได้แค่ขอโทษเนื่องจากวันนี้ยุ่งมาก” หมัวเฮอเทียนยังรู้สึกกรุ่นโกรธในใจเมื่อมองเมืองวั้นกู่ที่วินาศวันตะโร เขาไม่คิดที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นเขาจึงคารวะฉิงเทียนก่อนที่จะทะยานหายไปในเส้นขอบฟ้า

ผู้อาวุโสของเผ่าหมัวเฮอก็ติดตามไปด้วย

มองหมัวเฮอเทียนที่จากไปฉิงเทียนก็ไม่ใส่ใจ เนื่องจากการมาถึงของเขาทำให้เผ่าหมัวเฮอต้องเสียร่างมหาเทพนิรันดร์ไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เผ่าหมัวเฮอจะรู้สึกโกรธเคือง

ยิ่งไปกว่านั้นการเดินทางมาของเขาไม่ได้เป็นเพราะเรื่องเผ่าหมัวเฮอเท่านั้น

ฉิงเทียนโบกมือมองไปที่มู่เฉินก่อนจะก้าวไปปรากฏตัวต่ออีกฝ่ายพลางยิ้มให้ “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าวังมหาพันภพมีราชันสังหารปีศาจคนใหม่ ในที่สุดข้าก็ได้เจอเจ้า”

ได้พบกับราชันสังหารปีศาจตัวจริงอย่างฉิงเทียน มู่เฉินก็รักษามารยาทไว้อย่างสูงสุด “ผู้อาวุโสฉิงเทียนชมข้าเกินไปแล้ว ท่านน่าจะรู้ว่าสถานะของข้าในฐานะราชันสังหารปีศาจมีน้ำหนักแค่ไหน”

ฉิงเทียนหัวเราะก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดนี่ก็เป็นโชคชะตาของเจ้าที่ได้รับ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เจ้าก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นราชันสังหารปีศาจแล้วจริงๆ”

ในอดีตอาจเป็นไปไม่ได้ที่มู่เฉินจะสังหารจอมปีศาจ แต่ด้วยกายาเซิ่งและร่างมหาเทพนิรันดร์ตอนนี้ เขาก็เทียบเคียงได้กับจอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางปลายสุด ดังนั้นจึงสามารถสังหารจอมปีศาจธรรมดาได้แล้ว

มู่เฉินเผยรอยยิ้มบนริมฝีปากพลางประสานมือ “ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องขอบคุณท่านฉิงเทียน มิฉะนั้นเหตุการณ์นี้คงจะไม่ยุติลงอย่างง่ายดาย”

แม้ว่าเขาจะไม่กลัวหมัวเฮอเทียน แต่เขาก็ไม่ต้องการลากเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

ฉิงเทียนโบกมือไปมาพลางถอนหายใจ “ตราบใดที่สามเผ่าโบราณทำสงครามกันก็จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสู้กันเอง”

หลังจากหยุดคิดชั่วครู่ ฉิงเทียนก็พูดต่อ “แต่นอกเหนือจากการมาหยุดศึกระหว่างเผ่า ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำในการเดินทางครั้งนี้”

เมื่อพูดจบเขาก็โบกมือ แสงสีทองหลายชิ้นพุ่งไปหาชิงเหยี่ยนจิ้ง ฝูถูเฉวียนและไท่หมิง มีแม้กระทั่งสามชิ้นที่พุ่งไปในทิศทางของเผ่าหมัวเฮอ

เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งและคนอื่นได้รับแสงสีทองนี้ ท่าทางก็เปลี่ยนไปรุนแรง

“นี่คือ…?” ดวงตาของมู่เฉินกะพริบพร้อมกับความประหลาดใจ เขารู้สึกได้ว่าดูเหมือนจะเป็นเทียบทองคำ…

ฉิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้เจ้าก็มีคุณสมบัติได้รับแล้วเช่นกัน”

ขณะที่พูดแสงสีทองอีกชิ้นก็พุ่งจากแขนเสื้อเขาไปหามู่เฉิน

มู่เฉินกางฝ่ามือออกแสงสีทองก็ตกลง กลายเป็นป้ายสีทองวางไว้

เมื่อมองไปเขาก็เห็นคำโบราณตราตรึงใจ

เทียบทองคำมหาพันภพ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+