หมอดูยอดอัจฉริยะ 711 บ่อพลังยินหยาง
ตอนที่ 711 บ่อพลังยินหยาง
“ของสิ่งนี้วิเศษมากเลย!”
มองดูเชือกตรงหน้าแล้วมังกรดำออกอาการหวาดกลัว มันถูกเชือกเส้นนี้บาดลึกลงเกล็ด ถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกวิชาของนักพรตไม่สูงพอ เกรงว่าเมื่อใช้ของสิ่งนี้อาจจะทำให้มันถึงแก่ชีวิตได้
“ของสิ่งนี้ใช้ทำอะไร?” เยี่ยเทียนนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เขามองเห็นกับตา แต่เมื่อหยิบเอาเชือกเส้นนี้ขึ้น เขาก็เกาหัวด้วยความงุนงง
จะใช้เป็นแส้ฟาดก็ดูจะนิ่มเกินไป เยี่ยเทียนไม่รู้คาถาวิธีของนักพรตจึงใช้มันไม่ถูกวิธี ของสิ่งนี้อยู่ในมือเขาเป็นของไม่มีประโยชน์ แต่จะทิ้งก็เสียดาย
“ใช้จิตดั้งเดิมสั่งมันดีไหม?” พอคิดถึงกระดิ่งที่เก็บอยู่ในอกเสื้อ เขาคิดอะไรบางอย่างออก มองไปที่เชือกเส้นนั้น
“โอ้โห อะไรมันจะขนาดนี้?”
เมื่อดวงจิตของเยี่ยเทียนสัมผัสถูกเชือก เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ระเบิดออกมา จิตดั้งเดิมของเขาลอยเข้าไปตามแรงดูดทันที เยี่ยเทียนตกใจถอนดวงจิตกลับคืนแทบไม่ทัน
ภายในเวลาชั่วครู่ มันกลืนกินพลังดวงจิตเยี่ยเทียนไปไม่น้อยจนรู้สึกวิงเวียน สีหน้าซีดขาว
“ให้ตายเถอะ นี่ไม่เรียกว่าเชือกแล้ว เรียกกับดัก ดีกว่า!”
เยี่ยเทียนโยนเชือกทิ้งราวกับมันเป็นของสกปรก จิตดั้งเดิมของเขายังไม่มั่นคง ถ้าถูกเชือกเส้นนี้ดูดพลังงานเข้าไปอาจทำให้ดวงจิตแตกสลายในที่สุด
“ของสิ่งนี่ร้ายกาจเกินไป แต่นักพรตใช้จิตดั้งเดิมสั่งการมัน จากนั้นก็ใช้พลังปราณแท้ควบคุมมันอีกที”
มังกรดำเห็นเยี่ยเทียนโยนเชือกทิ้งก็มองอย่างประหลาดใจ มันไม่เหมือนกับสัตว์วิเศษอื่น ตั้งแต่เริ่มจับพลัดจับผลูฝึกวิชาเน่ยตัน จิตดั้งเดิมของมันไม่ได้แข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงบังคับเชือกเส้นนี้ได้
“ฉันยังฝึกวิชาไม่ถึงขั้น ทั้งเส้นลมปราณในร่างกายยังบาดเจ็บอีก น่าจะใช้มันไม่ได้ ถึงถูกมันดูดเอาพลังไป”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า เขารู้ดีว่าตัวเองกับระดับชั้นเซียนนั้นยังมีเหวลึกสุดแกนโลกกั้นกลางอยู่
คิดได้ดังนี้เขาจึงเก็บเชือกขึ้นมา มันเป็นอาวุธที่ร้ายแรงชิ้นหนึ่งตั้งแต่เยี่ยเทียนเคยพบเห็น ถ้าทิ้งไปเฉยๆคงจะน่าเสียดาย
ต่อให้การฝึกวิชาของเยี่ยเทียนสูงพอ เขาก็ไม่อยากใช้ของสิ่งนี้อยู่ดี หากบังเอิญให้นักพรตร่วมสำนักนั้นพบเข้า จะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรือ?
เยี่ยเทียนไม่รู้เลยว่า เชือกเส้นนั้นไม่ได้เป็นอาวุธร้ายอย่างที่เขาคิด มันเป็นเพียงของวิเศษชิ้นหนึ่งที่หาได้ยากในบรรดาผู้ฝึกเต๋า มีอานุภาพสูงกว่ากระดิ่งของเยี่ยเทียนเป็นไหนๆ
เพียงแต่นักพรตชั่วยังฝึกวิชาไม่ถึงขั้น เขาอยู่ในขั้นกลางของระดับเซียนจึงทำได้เพียงฝืนใช้มัน พลังที่ส่งออกมาจากเชือกมีแค่หนึ่งหรือสองส่วนจากสิบส่วนเท่านั้น
ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกจนถึงขั้นปลายของระดับเซียน เกรงว่าจะใช้เชือกรัดมังกรดำและจัดการฆ่ามังกรดำได้อย่างไม่ยากเย็น
เมื่อคลี่เชือกออกมา ความยาวประมาณหลายสิบเมตร แต่เมื่อเก็บกลับมาจะเป็นก้อนกลมๆเล็กๆเท่านั้น เยี่ยเทียนจับมันยัดลงในกระเป๋าเป้ หันไปทางมังกรดำแล้วพูดว่า “แกรู้ไหมว่านอกหุบเขานี้มีที่ราบที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขา ที่นั้นมีจุดที่มีพลังธรรมชาติเข้มข้นอยู่?”
มังกรดำใช้ชีวิตอยู่บนเขามาหลายร้อยปี เขาเชื่อว่าสถานที่ที่เจ้าบอดเมิ่งหาจนพบได้ มันจะต้องรู้จักแน่นอน เยี่ยเทียนรู้สึกว่าที่ราบที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาแห่งนั้นมีความแปลก จึงสอบถามจากมังกรดำ
“ตรงนั้น? ฉันรู้ แต่ฉันชอบตรงที่มันเย็นกว่า ไม่ชอบอยู่ในที่แบบนั้น!”
มันผงกหัวตอบ คิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ที่นั่นมีบึงน้ำเหมือนกัน ฉันรู้สึกว่าที่นั่นมีของบางอย่างคล้ายกับที่นี่ เพียงแต่มีฤทธิ์ไม่เหมือนกัน!”
“แกรู้เรื่องฤทธิ์ธาตุด้วยหรือ?”
เยี่ยเทียนยิ้มดีใจ แต่แล้วก็หุบยิ้มลงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันใด เพราะเขาคิดถึงหยกที่ตอนนี้หูหงเต๋อใช้เดินพลังอยู่ พลังวิเศษในหยกนั้น ช่างแตกต่างจากหยกอ่อนสีดำตรงหน้ายิ่งนัก
หยกอ่อนสีดำมีฤทธิ์เย็นจัด หากตอนที่เดินพลังอยู่เกิดไปสัมผัสถูกมันเข้า อาจจะส่งผลร้ายแรงถึงขั้นถูกแช่แข็งไปเลยก็ได้ แม้แต่ตอนที่เขาใช้จิตดั้งเดิมดูดกลืนพลังในหยกยังรู้สึกได้ถึงกระแสความเย็น
แต่หยกชิ้นนั้นไม่เหมือนกัน พลังที่ซ่อนอยู่ภายในกลับเป็นพลังลมหายใจของชีวิต ซึ่งสามารถกระตุ้นการมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุนี้มันถึงสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของหูหงเต๋อได้
“หรือจะเป็นห้าธาตุ?”
เยี่ยเทียนนึกออก ห้าธาตุถูกเรีกอีกอย่างว่าห้าสี ธาตุน้ำสีดำ หรือหยกอ่อนสีดำนี้จะเป็นหยกธาตุน้ำ? ส่วนธาตุไม้สีเขียว หยกสีเทาที่อยู่กับหูหงเต๋อดูมีสีเขียวปน หรือมันจะเป็นหยกธาตุไม้
เจ้าบอดเมิ่งอยู่ในหุบเขานี้จนเห็นเหมือนบ้านไปแล้ว ในสภาพอากาศติดลบหลายสิบองศา แต่ยังคงอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ หรือว่าที่บึงน้ำแห่งนั้นจะมีหินที่มีพลังวิเศษธาตุไฟ?
คิดถึงตรงนี้แล้วเยี่ยเทียนใจร้อนขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะหูหงเต๋อกำลังใช้มันฝึกวิชาอยู่และต้องการคนคอยคุ้มครองละก็เยี่ยเทียนอยากจะรีบออกเดินทางไปในหุบเขาเสียเดี๋ยวนั้น
ตอนนั้นเอง เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นเพราะเขารู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ออกมาจากตัวของหูหงเต๋อพร้อมกับที่หูหงเต๋อเปล่งเสียงคำรามออกมาด้วยพลังอันท่วมท้น
“หรือว่าจะสำเร็จแล้ว?” เยี่ยเทียนดีใจ ตอนแรกคิดว่าจะให้เขาไปพักอยู่ที่ฮ่องกงกับบรรดาศิษย์พี่เพื่อฝึกวิขา ตอนนี้เห็นจะไม่ต้องแล้วเพราะหูหงเต๋อได้สำเร็จวิชาไปอีกขั้น
จากขั้นหลอมจิตเป็นปราณจนถึงขึ้นหลอมปราณสู่จิต เป็นการแสดงว่าผู้ฝึกวิชาเต๋าได้ก้าวขึ้นสู่ชั้นปรมาจารย์แล้ว สำหรับคนพวกนี้ความก้าวหน้าเทียบเท่ากับที่เยี่ยเทียนฝึกจนถึงระดับเซียน
หลายร้อยปีมานี้ ในยุคสาธารณรัฐที่การฝึกวิทยายุทธก้าวสู่จุดสูงสุด แต่มีคนเพียงไม่กี่คนที่ฝึกถึงขั้นนี้ เช่นเทพปืนหลี่ซูเหวิน เสินลู่ถัง ตู้ซินอู่ หยางลู่ฉานเป็นต้น
จนถึงปัจจุบันนอกจากตนและพวกศิษย์พี่รวมถึงหนานไหวจิ่น เยี่ยเทียนไม่เคยได้ยินว่ามีผู้เยี่ยมยุทธคนไหนสามารถฝึกจนบรรลุขั้นหลอมปราณสู่จิตได้อีก
“เหล่าหู คุณนี่มาอวดดีต่อหน้าผมหรือ?”
หูหงเต๋อเปล่งเสียงเป็นเวลานานเกือบห้านานที เสียงดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งหุบเขา ทำให้หิมะบนไหล่เขาถล่มลงมา ฟ้าดินเกิดเปลี่ยนสี
“ฮ่าฮ่า เยี่ยเทียน ฉันได้เป็นปรมาจารย์แล้วใช่ไหม?”
หูหงเต๋อหัวเราะอย่างเปรมปรี พลังเพิ่มขึ้นล้นเหลือ แต่เมื่อมองเห็นมังกรดำที่อยู่ข้างกายเยี่ยเทียน เหมือนความกำเริบฮึกเหิมหดกลับลงฉับพลัน ยิ้มแหยพลางพูดว่า “ทำไมเจ้านี่ถึงออกมาอีกเล่า? มันบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือ?”
หูหงเต๋อยืนรีรอลังเลไม่กล้าเข้าไปใกล้ ในหัวจู่ๆผุดถ้อยคำบางอย่างขึ้นมา “แกเป็นคนดี เข้ามาเถอะ ฉันไม่กินแกหรอก!”
เจ้ามังกรดำฉลาดหลักแหลม แต่มันไม่ค่อยได้สัมผัสกับมนุษย์ ในความคิดของมัน มีเพียงศัตรูกับมิตร คนดีกับคนเลวเท่านั้น
ตอนที่หูหงเต๋อยิงปืนหวังจะสังหารนักพรต ก็เพื่อจะช่วยมัน มันถึงจัดให้เขาอยู่ในกลุ่มมิตรของมันไปแล้ว
“ใคร? ใครกำลังพูดกับฉันอยู่?” หูหงเต๋อนิ่งค้างไป ฟังเสียงดูไม่ใช่เสียงของเยี่ยเทียน?
“เหล่าหู ฉันเอง ฉันคือมังกรดำ!” เสียงดังสะท้อนเข้ามาให้หัวอีกครั้ง หูหงเต๋อตกใจผงะถอยหลังลื่นล้มลงไปบนพื้น
“มัง…กรดำ?”
หูหงเต๋อนั่งงงอยู่กับพื้นไม่ขยับไปหลายนาที แล้วอุทานออกมา “ให้ตายสิ นี่มันอะไรกันเนี่ย มันพูดได้ด้วย?”
“เหล่าหู มานี่เถอะ” เยี่ยเทียนกวักมือเรียก แล้วถามอย่างเคร่งเครียด “หยกสีเทาชิ้นนั้นยังอยู่หรือเปล่า?”
แม้ตอนที่อยู่เมืองหลวงเยี่ยเทียนใช้เวลาถึงห้าวันเต็มๆในการดูดกลืนพลังวิเศษจากหยกอ่อนสีดำ ตามหลักแล้วหูหงเต๋อไม่น่าใช้เวลาเพียงน้อยนิดแค่ชั่วโมงกว่าในการฝึกวิชาสำเร็จ
หยกสีเทาหม่นนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อเขาจริงๆ เยี่ยเทียนเกรงจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน ด้วยเพราะหินหยกทั้งสองธาตุไม่เหมือนกัน ไม่แน่ว่าพลังในหยกอาจจะเพียงพอแค่หูหงเต๋อใช้ฝึกวิชาคนเดียว
“เฮ้ เฮ้ อยู่นี่ไง!”
หูหงเต๋อเห็นท่าทางเคร่งเครียดของเยี่ยเทียนแล้วหัวเราะ ยื่นมือซ้ายแบออกมา กลางฝ่ามือของเขามีหยกสีเทาหม่นขนาดเท่าหัวนิ้วก้อยวางอยู่ดูไม่ได้ต่างจากเดิมเลย
“เอามานี่ เส้นมปราณในร่างกายของฉันอาจจะต้องใช้ของบางอย่างกระตุ้นเพื่อซ่อมแซม!”
เยี่ยเทียนคว้าเอาหยกไป ใช้จิตดั้งเดิมตรวจสอบดูอีกครั้ง แล้ววางมันลง ดูท่าการฝึกวิชาที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดของหูหงเต๋อไม่ได้ทำให้พลังในหยกสูญหายไปมากนัก
มองดูมังกรดำที่หมอบอยู่แทบเท้าตัวเองแล้ว เยี่ยเทียนลังเลเล็กน้อย “มังกรดำ ของสิ่งนี้ใช้รักษาอาการบาดเจ็บทางร่างกายได้ แกจะดูดซับพลังเอาไว้หน่อยไหม?”
พูดตามตรงถ้าไม่เพราะเจ้ามังกรดำมอบหยกอ่อนสีดำขนาดเท่ากำปั้นเด็กให้เยี่ยเทียน เขาคงไม่อยากให้หยกชิ้นนี้กับมันเหมือนกัน
สัตว์เดรัจฉานยังรู้จักการแบ่งปัน เขาเป็นคนทำไมจะต้องใจแคบด้วย ถึงเลือดของมันหยุดไหลแล้ว แต่บาดแผลยังไม่สมานกันดี
มังกรดำส่ายหัว มันถ่ายทอดความคิดมาว่า “ไม่ต้อง ในบึงน้ำมีจุดหนึ่งที่แผ่พลังวิเศษออกมาได้ ก้อนหินพวกนี้กำเนิดมาจากตรงนั้นนั่นแหละ เดี๋ยวฉันไปรักษาตัวตรงนั้นก็ได้”
“บ่อพลัง? ไม่ถูกสิ ปกติบ่อพลังจะไม่ให้กำเนิดหินหยกแบบนี้นี่!”
เยี่ยเทียนงุนงง ที่เขาจำได้ว่าบ่อพลังมีเอาไว้หล่อเลี้ยงเครื่องราง ถ้าบ่อพลังสามารถให้กำเนิดหินวิเศษได้ จะต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน
ด้วยพลังปราณแท้ของเยี่ยเทียนสูญสลายไปเขาจึงไม่อาจลงไปในบึงน้ำเองได้ ไม่อย่างนั้นแล้วคงต้องลงไปดูให้เห็นกับตา
เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าที่ก้นบึงน้ำมีบ่อพลังอยู่แห่งหนึ่ง เป็นแหล่งพลังยินหยาง ที่ตาบ่อเป็นพลังหยินเย็น ส่วนอีกฝากของบึงน้ำมังกรดำมีน้ำพุร้อนใต้ดิน และเป็นตำแหน่งหยางร้อน
แหล่งพลังทั้งสองแห่งนี้เกื้อหนุนซึ่งกันและกันกลายเป็นรูปปากว้ายินหยางที่สร้างโดยธรรมชาติ ที่รวบรวมเอาพลังจักรวาลที่ครอบคลุมภูเขาฉางไป๋ซานแห่งนี้มารวมอยู่ ณ ก้นบึงน้ำบังเกิดเป็นหินวิเศษที่เยี่ยเทียนได้รับมา
ส่วนนักพรตชั่วคนนั้นมีวิชาสูงกว่าเยี่ยเทียน เขาล่วงรู้ตั้งแต่แรก จึงตัดสินใจสู้ตายกับมังกรดำ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีบุคคลที่สามเข้ามาทำให้เขามีอันเป็นไป
Comments