หมอผีแม่ลูกติดบทที่ 284 เพิ่มพูนความชอบ
บทที่ 284 เพิ่มพูนความชอบ
บางทีเหมือนหลินหนานเฟิงจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างได้จึงได้พูดเสริมออกไป “จดหมายนั่นเขียนให้เทียนเอ๋อ เทียนเอ๋อร้องไห้มาบอกให้ข้าออกไปช่วยตามหาแม่ให้”
เมื่อได้ยินที่กล่าวดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้มืดดำขึ้นมา แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “เราจะพาเสี่ยวเหยียนเอ๋อกลับมาเมืองหลวงให้ได้โดยปลอดภัย”
หลินหนานเฟิงไม่อยากพูดอะไรมาก เขาหันข้างให้แล้วก็หลับตาลงไป แม้ว่าพวกเขาจะนั่งรถม้าตลอดทั้งกลางวันกลางคืน พวกเขาก็ยังต้องใช้เวลาถึงสามวันกว่าจะไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หวังว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อจะไม่ประสบอันตรายอะไรก่อนที่เขาจะไปถึง
ไม่นานนักกลางคืนก็ได้ผ่านพ้นไปและรุ่งสางก็ได้มาถึง ทันทีที่หลินซีเหยียนออกมา นางก็พบหลีเจี้ยนเฉินที่กำลังรอนางอยู่แล้วด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ท่านหมอหลิน ข้ากะแล้วว่าท่านจะต้องออกไปเงียบๆ”
ในขณะที่หลีเจี้ยนเฉินยิ้ม ดวงตาของเขาก็โค้งราวกับจันทร์เสี้ยว ซึ่งดูแล้วน่ารักมากมันคงจะดีกว่านี้ถ้าใบหน้าของเขานั้นจะแดงมีเลือดมากกว่านี้
เพื่อฮ่องเต้หลีแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้บอกปัดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่องเต้หลีคิดมากไปแล้ว ข้าก็แค่ไม่มีเวลาบอกลาฝ่าบาท แต่ฝ่าบาทกลับล่วงหน้านำข้าหนึ่งก้าว”
“เอาเป็นว่าการถวายบังคมฮ่องเต้เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกันได้!”
ในฐานะผู้นำของประเทศแล้ว การกระทำของฮ่องเต้หลีนั้นเรียกได้ว่าเอาแต่ใจมาก เพื่อความปลอดภัยของเขาแล้วมหานักบวชได้จัดเตรียมหน่วยลับ 20 คนให้คอยแอบคุ้มกันเขา และเบื้องหน้าก็ได้ให้หงเหยียนที่เป็นราชองครักษ์ไปด้วยแค่คนเดียว
“ฝ่าบาทบาดเจ็บอยู่ ควรจะพักรักษาตัวอยู่ที่วังหลวง อย่าได้ตามข้ามา”
ที่ตอนแรกหลินซีเหยียนตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ เพราะนางไม่ต้องการให้หลีเจี้ยนเฉินไปกับนาง แต่หลังจากที่ได้ค้นคว้าในห้องสมุดแล้ว 5 วันที่เสียไปก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่ ทำให้นางได้รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาบ้าง
และในขณะเดียวกันมันก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจของนางในการได้แมลงวิปลาสหมื่นปีมาด้วย
ในทุกๆปีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะมีการคัดเลือกนักบุญหญิงขึ้น และนี่ก็ใกล้ถึงเวลานั้นแล้วด้วย ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมการคัดเลือกเป็นนักบุญหญิงนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ ขอแค่ว่ามีแมลงวิปลาสชั้นเลิศก็พอ
และถ้าหากว่านางสามารถเป็นนักบุญหญิงได้ นางก็จะสามารถเอาแมลงวิปลาสหมื่นปีไปได้
หลีเจี้ยนเฉินนั้นไม่รู้ถึงความคิดของหลินซีเหยียน แต่ถึงเขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีไหน เขาก็ยังจะตามนางไปอยู่ดี
“ท่านหมอหลินไม่ต้องกังวล อาการบาดเจ็บทั้งหมดของข้าก็แค่รอยฟกช้ำเท่านั้น” หลังจากที่พูดจบหลีเจี้ยนเฉินก็ได้ออกเดินทางพร้อมสัมภาระของเขาบนหลังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขา
ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้ดำมือขึ้นมาแล้วกล่าว “ข้าเป็นหมอนะ ฝ่าบาทยังอ่อนหัดนักที่คิดว่าจะซ่อนอาการบาดเจ็บของท่านต่อหน้าข้าได้”
จากนั้นเข็มเงินในมือของนางก็ได้ปักลงไปที่ตัวของฮ่องเต้หลี ทำให้หลีเจี้ยนเฉินดวงตาเบิกกว้าง และก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร เขาก็ได้ยินที่หลินซีเหยียนกล่าว “ข้าเกรงว่าฝ่าบาทคงจะถูกพิษเข้าในตอนที่ท่านออกไปปราบพวกกบฏ!”
ถูกพิษเหรอ? ไม่, ข้าไม่ได้ถูกพิษ!
หลีเจี้ยนเฉินที่กำลังจะเปิดปากอธิบาย แต่ในชั่วขณะนั้นเองหลินซีเหยียนก็ได้ยัดยาเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากเขา
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เซี่ยงหงเหยียนแล้วเรียกเขา “คอยจับตาดูฝ่าบาทไว้อย่าให้เขาออกจากวังหลวง”
มองไปที่ผู้หญิงที่ออกคำสั่งกับเขาแล้ว หงเหยียนก็ได้ชะงักไปชั่วขณะ แล้วเขาก็กล่าว “ข้าหงเหยียนจะรับคำสั่งแต่ของฮ่องเต้เท่านั้น”
หลินซีเหยียนก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องพูดเช่นนั้น นางจึงได้เปิดปากและกล่าว “แล้วเจ้าอยากจะเห็นฮ่องเต้หลีตามข้าไปตายงั้นเหรอ?”
หงเหยียนก็ได้ตกไปในความเงียบ ในฐานะราชองครักษ์แล้วเขาจะต้องคุ้มครองความปลอดภัยของฮ่องเต้หลี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ไม่มีใครในอาณาจักรนี้ที่เหนือไปกว่าองค์ฮ่องเต้หลีแล้ว
“ข้าขอสั่งให้เจ้าเอาเข็มเงินออกจากข้าเดี๋ยวนี้”
ในชั่วขณะนั้นเองหงเหยียนก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ไม่นานนักหลีเจี้ยนเฉินก็พบว่าร่างกายของเขานั้นอ่อนแรงขึ้นมา เขามองไปที่หลินซีเหยียนด้วยความหวาดกลัวและกล่าว “ท่านสัญญากับข้าไว้แล้วว่าจะไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับข้านี่”
หลินซีเหยียนไม่สนใจเขา แต่มองไปที่เซี่ยงหงเหยียนแล้วกล่าว “พาตัวฝ่าบาทไปให้มหานักบวช เขารู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไร”
ในเวลานี่หงเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าวว่าเขาจะทำตามที่นางสั่ง ยาที่ฮ่องเต้หลีทานเข้าไปนั้นทำให้เขาอ่อนแรกและไม่สามารถพูดออกมาได้ เขาทำได้แค่มองไปที่หลินซีเหยียนจากไปเท่านั้น
ท่ามกลางสายตาที่หดหู่และน่ากลัวของหลีเจี้ยนเฉิน หงเหยียนก็ได้พาเขาไปส่งให้มหานักบวช มหานักบวชก็ได้ดึงเข็มเงินออกแล้วหลีเจี้ยนเฉินก็ได้ทรุดลงไปนอนที่เตียง
“ท่านหมอหลินนี่ช่างสมกับที่เป็นองค์หญิงแห่งโชคชะตาของฝ่าบาทจริงๆ นางยังอุตส่าห์คำนึงถึงฝ่าบาท”
มหานักบวชกล่าวด้วยความยินดีราวกับว่าพบสิ่งที่น่ายินดีเข้า เขามองไปที่ดวงตากลมโตของฮ่องเต้หลีแล้วกล่าว “ไม่ต้องจ้องข้าเช่นนั้นหรอก แน่นอนว่ามหานักบวชผู้นี้จะเชื่อฟังคำสั่งของว่าที่ฮองเฮาเป็นอย่างดีเลยล่ะ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
ฮ่องเต้หลีก็ได้พูดออกมาอย่างเงียบๆ แล้วจากนั้นก็ได้พยายามขยับร่างกายของเขา แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามฝืนขยับตัวอย่างไร ร่างกายของเขาก็เหมือนกับแยกออกจากเขาและไร้การควบคุม
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขาโมโหมาและจ้องไปที่มหานักบวชอย่างไม่พอใจ
“รีบหาทางช่วยข้าเร็วเข้า ข้าจะต้องไปปกป้องว่าที่ฮองเฮา”
“ไม่มีทางพ่ะย่ะค่ะ ท่านยอมแพ้เสียเถอะ!” มหานักบวชหัวเราะอย่างสดชื่นลั่นไปทั่วทั้งห้อง แล้วจากนั้นก็เดินโยกไปโยกมาอย่างสบายใจ
ในเวลานี้หลินซีเหยียนนั้นได้เข้าไปในป่าที่อยู่ระหว่างเขตแดนรัฐหลีและรัฐจงแล้ว
จากในหนังสือ ผู้เลี้ยงวิปลาสนั้นคิดว่าป่านี้เป็นของที่สวรรค์ประทานมาให้พวกเขา พวกเขาจึงไม่สามารถที่จะทำลายมันได้ จนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้พวกเขาก็ยังใช้ชีวิตกันอยู่อย่างชาวป่ามาก
พวกเขานั้นอาศัยกันอยู่ในถ้ำและเสื้อผ้าที่พวกเขาใส่ก็ทำมาจากผ้าไหมที่ถักขึ้นมา ผ้าชนิดนี้แม้จะหยาบแต่ก็บางเบามาก
“พวกเราจะต้องระวังตัวให้มาก ทันทีที่พวกเราเข้าป่านี้ไป ขอให้คิดว่าพวกเราเข้าไปในเขตแดนของผู้เลี้ยงวิปลาสแล้ว
จี๋เฟิงกับชิงอวี่ก็ได้ผงกหัว แล้วทั้งสามคนก็ได้เดินเข้าไปในป่าอย่างระวัง
“แกร๊ก”
มีเสียงดังขึ้นมาใต้เท้าของจี๋เฟิง แล้วหลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดแล้วก้มลงมามอง แล้วจากนั้นก็พบกิ่งไม้หักที่เต็มไปด้วยแมลงนุ่มนิ่มสีชมพู
พวกมันเกาะอยู่รวมกันและบิดตัวไปมาอย่างต่อเนื่องดูแล้วน่าขยะแขยงมาก
แต่หลังจากที่มองดูชัดๆแล้ว หลินซีเหยียนก็รู้สึกได้ว่าเรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว แล้วก็ได้กล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ทั้งสองคนรีบตามข้ามาติดๆเลยนะ”
หลังจากที่พูดจบนางก็เริ่มออกวิ่งทันที แมลงที่จี๋เฟิงเพิ่งเหยียบไปนั้นมันคือตัวอ่อนของแมลงที่อยู่กันเป็นรังชนิดหนึ่ง หากว่าไปทำร้ายตัวหนึ่งเข้า กลิ่นจากของเหลวในตัวของมันก็จะนำพามาอีกเป็นฝูง
ไม่นานนักก็มีเสียงหึ่งไล่หลังทั้งสามคนมา ซึ่งเมื่อได้ยินก็ทำเอารู้สึกผมตั้งไปทั้งหัวของพวกเขา โดยอาศัยระยะห่างจากพวกเขา จี๋เฟิงก็ได้หันหลังกลับไปมองแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงไป แล้วก็ได้สาวเท้าก้าวยาวๆมากขึ้นไปอีก
“นายหญิง ทำไมพวกมันถึงได้ไล่ตามพวกเรามาตลอดเลย?”
ทั้งสามคนก็ได้วิ่งมาเป็นระยะทางไกลมากและวิ่งเลี้ยวไปเลี้ยวมา แต่พวกแมลงเหล่านี้ก็ยังไม่ลดละเลย
จนในที่สุดหลินซีเหยียนก็เริ่มทนไม่ไหว จึงได้ตัดสินใจใช้อาวุธลับของนาง – ผีเสื้อแกะรอย
อย่างที่รู้กันดีว่าผีเสื้อแกะรอยนั้นเป็นของหายากมาก วิธีการเลี้ยงมันก็แปลกประหลาดมากเช่นกัน จะต้องเลี้ยงด้วยผงยาพิษต่างๆมากมายตั้งแต่ตอนที่มันยังเป็นดักแด้
แล้วผงยาพิษนั้นยิ่งแรงเท่าไร สีสันของปีกผีเสื้อแกะรอยก็จะสดใสมากขึ้นเท่านั้น
แล้วผีเสื้อแกะรอยก็ได้สยายปีกที่สวยสดงดงามของมันออกมา แล้วฝูงแมลงที่ตามมานั้นก็ต้องหยุดแล้วบินวนไปวนมา โดยที่พวกมันนั้นไม่ถอยหรือบินตามมาต่อ
Comments