หมอผีแม่ลูกติดบทที่ 297 นักบุญหญิงหนีไปแล้ว

Now you are reading หมอผีแม่ลูกติด Chapter บทที่ 297 นักบุญหญิงหนีไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บท​ที่​ 297

นักบุญ​หญิง​หนี​ไป​แล้ว​

 

“เจ้าว่า​อะไร​นะ​? หลิน​ซีเหยียน​หนี​ไป​แล้ว​และ​บอก​ให้​เจ้าเป็น​นักบุญ​แทน​งั้น​เหรอ​?” เสียง​ตะโกน​ด้วย​ความโมโห​ของ​ท่าน​ยาย​ได้​ปลุก​ให้​ทุกคน​ที่​ยัง​นอน​อยู่​ต้อง​ตื่น​

 

ลู่​หลี​ก็ได้​ผงกหัว​แล้ว​กล่าว​อย่าง​ภูมิใจ “ปล่อย​ให้​ผู้หญิง​คน​นั้น​หนี​ไป​เถอะ​ค่ะ​ นาง​ไม่เหมาะสม​จะเป็น​นักบุญ​หญิง​ของ​เรา​เลย​สักนิด​”

 

ทันทีที่​พูด​จบ​ ท่าน​ยาย​ก็ได้​ตบ​ไป​ที่​หัว​ของ​นาง​ ทำให้​นาง​ต้อง​ร้องไห้​ออกมา​ “ทาน​ยาย​ไม่รู้​หรอก​ หลิน​ซีเหยียน​น่ะ​นาง​ไม่ได้​สนใจ​เรื่อง​ของ​นักบุญ​หญิง​ใน​เผ่า​ของ​เรา​เลย​สักนิด​”

 

“เลอะเลือน​ พวก​เจ้าเลอะเลือน​กัน​ไป​หมด​แล้ว​ การคัดเลือก​นักบุญ​หญิง​นั้น​เป็น​กฎ​ที่​สืบทอด​ต่อกัน​มาโดย​บรรพบุรุษ​ของ​พวกเรา​ แน่นอน​ว่า​มัน​จะต้อง​มีเหตุผล​บางอย่าง​ซ่อน​อยู่​ ตอนนี้​เจ้ารีบ​ออก​ไป​ตามหา​หลิน​ซีเหยียน​ ถ้าเจ้าหา​นาง​ไม่พบ​ก็​ไม่ต้อง​กลับมา​”

 

“ทำไม​!” ลู่​หลี​ก็ได้​ตะโกน​ออกมา​อย่าง​ไม่พอใจ​มาก​ ในขณะที่​ท่าน​ยาย​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​อยู่​นั้น​เอง​ ก็ได้​มีผู้ชาย​อีก​คน​วิ่ง​เข้ามา​ใน​ห้อง​ของ​ท่าน​ยาย​

 

“ท่าน​ยาย​ขอรับ​ แย่​แล้ว​ขอรับ​ เจียง​อี๋​ถูก​พา​ตัว​ออก​ไป​แล้ว​ขอรับ​”

 

“อะไร​นะ​?” อย่างไรก็ดี​ท่าน​ยาย​นั้น​ก็​แก่​มาก​แล้ว​ เมื่อ​ต้อง​ฟังข่าวร้าย​ต่อเนื่อง​เช่นนี้​ ทำเอา​นาง​ถึงกับ​ต้อง​เสียหลัก​เล็กน้อย​ แต่​โชคดี​ที่​ลู่​หลี​คอย​ประคอง​ตัวนาง​ไว้​ได้​ทัน​

 

“ไม่เป็นไร​ ยังไง​เสีย​เจียง​อี๋​ก็​ไม่ได้​โดน​โทษ​ตาย​อยู่แล้ว​ แต่​หลิน​ซีเหยียน​จะต้องหา​นาง​ให้​พบ​ ลู่​หลี​ข้า​ฝาก​ความหวัง​ไว้​กับ​เจ้าด้วย​ อย่า​ทำให้​ข้า​ต้อง​ผิดหวัง​” เสียง​ของ​ท่าน​ยาย​นั้น​เหมือนกับ​หมดแรง​ แล้ว​จากนั้น​นาง​ก็ได้​บอก​ให้​ทุกคน​ออก​ไป​โดย​ไม่ห้าม​อะไร​

 

ลู่​หลี​ก็ได้​เตะ​ก้อนหิน​ขณะที่​กำลัง​เดิน​ แล้ว​นาง​ก็​พร่ำ​บ่นพึมพำ​ว่า​ทำไม​ๆ แล้ว​ผู้ชาย​ที่อยู่​ไม่ไกล​จาก​นาง​ก็ได้​ถามอย่าง​สงสัย​ “เป็น​อะไร​ไป​ลู่​หลี​? หรือว่า​เจ้ามีผู้ชาย​ที่​ชอบแล้ว​?”

 

“ท่าน​ลุง​อย่า​มาล้อ​ข้า​เล่น​นะ​ ก็​ท่าน​ยาย​น่ะ​สิบอก​ให้​ข้า​ออก​ไปนอก​ป่า​เพื่อ​ไป​ตามหา​คน​น่ะ​สิ” เมื่อ​เห็น​อีก​ฝ่าย​ชวน​คุย​ ลู่​หลี​ก็ได้​อธิบาย​ออก​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ “ข้า​ไม่อยาก​ที่จะ​ออก​ไป​ ก็​เลย​เบื่อ​อยู่​นี่​ไง”

 

“ไม่มีเหตุผล​อะไร​ที่จะ​ต้อง​มาเบื่อ​เลย​ เจ้าก็​รู้ดี​ว่า​คนใน​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​น่ะ​จะไม่อนุญาต​ให้​ออก​ไป​จาก​ป่า​ได้​ ดังนั้น​เจ้าก็​ถือโอกาส​นี้​ออก​ไปดู​โลก​ภายนอก​บ้าง​ไม่ดี​รึ​ยังไง​?”

 

คำพูด​ของ​ท่าน​ลุง​นั้น​ได้​ทำให้​ลู่​หลี​นั้น​ตาสว่าง​ขึ้น​มา นาง​จึงได้​ขอบคุณ​แล้ว​จากนั้น​ก็ได้​รีบ​วิ่ง​ไป​จัดเก็บ​ข้าวของ​ที่​ห้อง​ของ​นาง​ ในเวลานี้​นาง​จะได้​ออกจาก​ที่นี่​เพื่อ​ไปดู​โลก​ภายนอก​บ้าง​แล้ว​

 

บน​เส้นทาง​กลับ​ไป​ยัง​รัฐ​เจียง​นั้น​ เจียง​อี๋​ก็​นั่ง​อยู่​ใน​รถม้า​คัน​หนึ่ง​ มือ​ของ​นาง​ถูก​มัด​ด้วย​เชือก​ป่าน​และ​ปาก​ของ​นาง​ก็​ถูก​เอา​อะไร​ยัด​เอาไว้​ ทำให้​นาง​ไม่สามารถ​ที่จะ​สลัด​หลุด​ได้​ไม่ว่า​นาง​จะดิ้นรน​ขนาด​ไหน​ก็ตาม​

 

นาง​ที่นั่ง​อยู่​ใน​รถม้า​ก็ได้​มองดู​รอบ​ๆ นาง​นั้น​แอบ​คิด​ว่า​ใคร​กันที่​เป็น​คน​พา​นาง​ออกมา​และ​จุดประสงค์​คือ​อะไร​กัน​แน่​?

 

โดย​ปราศจาก​เวลา​ให้​นาง​ได้​คิดมาก​ ก็ได้​มีชาย​คน​หนึ่ง​ขึ้น​บน​รถม้า​มา ชาย​คน​นั้น​ได้​ปิดหน้า​ปิด​ตา​ด้วย​ชุด​สีดำ​และ​ทำการ​ใช้มีด​เฉือน​ที่​ข้อมือ​ของ​นาง​โดย​ไม่ปรานี​ แล้ว​จากนั้น​ก็ได้​เอา​ชามมารอง​

 

“อื้อ​….อื้อ​”

 

เจียง​อี๋​ก็ได้​ร้อง​ออกมา​และ​พยายาม​ที่จะ​บ่งบอก​อะไร​บางอย่าง​ แต่ทว่า​อีก​ฝ่าย​นั้น​เหมือนกับ​เครื่องจักร​ เขา​ไม่แม้แต่​จะมอง​มาที่​นาง​เลย​

 

จนกระทั่ง​เลือด​ไหล​ลงมา​ใน​ชามได้​เกือบจะ​เต็ม​ชาม อีก​ฝ่าย​จึงได้​หยุด​และ​ทายา​ที่​แขน​ของ​เจียง​อี๋​ด้วย​ยา​รักษา​แผล​อย่าง​ดี​

แล้ว​ชาย​ชุด​ดำ​ก็ได้​นำ​ชามที่​บรรจุ​เลือด​นั้น​ไป​ให้​คน​บน​รถม้า​อีก​คัน​ ในเวลานี้​เจียง​หวาย​เย่​ได้​หดตัว​อยู่​ใน​มุมหนึ่ง​ของ​รถ​ด้วย​ใบ​หน้าที่​ฝืนทน​

 

เขา​นั้น​คือ​เทพ​สงคราม​ สภาพ​ที่​อ่อนแอ​และ​น่าอาย​เช่นนี้​เขา​ไม่อาจ​ที่จะ​ให้​ลูกน้อง​ของ​เขา​เห็น​ได้​โดย​เด็ดขาด​ อัน​อี้​จึงได้​ยื่นมือ​มารับ​แทน​แล้ว​ส่งให้​บน​รถม้า​

 

เจียง​หวาย​เย่​ก็​ได้รับ​ชามนั้น​มา แล้ว​ปรากฏ​แววตา​ที่​รังเกียจ​ใน​ดวงตา​ของ​เขา​ ผู้หญิง​คน​นั้น​เกือบจะ​ฆ่า เสี่ยว​เหยียน​เอ๋อ​แล้ว​ ถ้าเลือด​ของ​นาง​ไม่มีประโยชน์​ เขา​ก็​คงจะ​ฆ่าอีก​ฝ่าย​ทิ้ง​ไป​แล้ว​

 

เลือด​ใน​ชามนั้น​สีแดง​แจ๋มาก​ เจียง​หวาย​เย่​ก็ได้​มองดู​ชามเลือด​นี้​อย่าง​หน้าซีด​และ​อยาก​ที่จะ​อ้วก​ออกมา​หลาย​ต่อ​หลาย​หน​ แต่​เขา​ก็​ต้อง​กัดฟัน​และ​ฝืน​ดื่ม​มัน​ลง​ไป​เพื่อที่จะ​ได้​มีชีวิตรอด​และ​ทำงาน​ที่​ยัง​ไม่ได้​สะสางให้​สำเร็จ​

 

มีเลือด​ส่วนหนึ่ง​ได้​ไหล​ออก​มาจาก​ปาก​ของ​เขา​ กลายเป็น​รอย​เลือด​ที่​สวยงาม​ทิ้ง​เอาไว้​บน​คอ​ที่​งดงาม​ของ​เขา​

หลังจากที่​ดื่ม​เสร็จ​เขา​ก็ได้​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ เป็น​เสียง​ที่​น่าหลงใหล​ราวกับ​เสน่ห์​ของ​ยามค่ำคืน​ที่​สามารถ​กลืน​กิน​หัวใจ​และ​จิตวิญญาณ​ของ​ผู้คน​ได้​ “สงสัย​เรา​คงจะ​ได้​กลายเป็น​สัตว์ประหลาด​ไป​แล้ว​จริงๆ​!”

 

แล้ว​คำ​บ่นพึมพำ​นี้​ก็ได้​หาย​ไป​ใน​ความมืด​ และ​ไม่มีใคร​ที่​ล่วงรู้​ถึงความเจ็บปวด​ใน​คำพูด​ที่​ใจเย็น​นี้​

 

เมื่อ​สายลม​พัด​เอา​ผ้าม่าน​เปิด​ออก​และ​แสงจันทร์​ก็ได้​สาดส่อง​เข้ามา​ข้างใน​รถม้า​ เจียง​หวาย​เย่​ก็ได้​กลับ​กลายเป็น​ องค์​ชาย​รัตติกาล​ที่​สูงศักดิ์​, เยือกเย็น​และ​ไร้​ปรานี​อีกครั้ง​

 

บางที​เลือด​ของ​เจียง​อี๋​นั้น​เหมือน​จะทำหน้าที่​ของ​มัน​แล้ว​ และ​เส้น​สีดำ​บน​ใบหน้า​ของ​เจียง​หวาย​เย่​ก็ได้​ค่อยๆ​เลือนหาย​ไป​ โดยที่​เจียง​หวาย​เย่​เอง​ก็​ไม่รู้ตัว​

 

ในเวลานี้​มีอยู่​เพียง​เรื่อง​เดียว​ที่​เขา​เป็นกังวล​นั่น​คือ​สถานการณ์​ใน​เมืองหลวง​ หลังจากที่​ครุ่นคิด​อยู่​พักใหญ่​ๆ เขา​ก็ได้​เรียก​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เยือกเย็น​ “อัน​อี้​”

 

แล้ว​เสียง​ของ​อัน​อี้​ก็ได้​ดัง​มาจาก​ข้างนอก​รถม้า​ “ข้าน้อย​มาแล้ว​ขอรับ​”

 

“ในเวลานี้​เจ้ามุ่งหน้า​ไป​ที่​เมืองหลวง​และ​คอย​แอบ​ช่วย​ฮ่องเต้​เจียง​เอาไว้​จาก​ฝ่าย​กบฏ​แล้ว​ทำการ​ควบคุมตัว​องค์​ชาย​สามเอาไว้​ให้ได้​”

 

ในเวลานี้​เจียง​หวาย​เย่​นั้น​ไร้​ซึ่งจุดอ่อน​แล้ว​ และ​ถึงเวลา​ที่​พวก​คน​ที่​สร้าง​ปัญหา​ให้​ใน​เมืองหลวง​นั้น​จะต้อง​ชดใช้​ให้​สาสมแล้ว​….”

 

อัน​อี้​ก็​ได้รับ​คำสั่ง​แล้ว​ขี่ม้า​จากไป​ทันที​

 

ณ พระราชวัง​ใน​รัฐ​เจียง​ ฮ่องเต้​เจียง​นั้น​กำลัง​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​มังกร​ด้วย​สีหน้าที่​โกรธจัด​ “เจ้าพวก​กบฏ​ พวก​เจ้ากำลัง​คิด​ที่จะ​ทำ​อะไร​กัน​แน่​?”

 

“ท่าน​พ่อ​ จนกระทั่ง​ถึงตอนนี้​ท่าน​ยัง​ไม่ทราบ​อีก​เหรอ​ว่า​ลูก​นั้น​ต้องการ​อะไร​กัน​แน่​น่ะ​?” องค์​ชาย​สามก็ได้​เดิน​ไปหา​ฮ่องเต้​เจียง​แล้ว​ดึง​เขา​ลงมา​

จากนั้น​ภายใต้​สายตา​ที่​โกรธ​ของ​ฮ่องเต้​เจียง​ องค์​ชาย​สามก็ได้​นั่งลง​บน​บัลลังก์​ของ​เขา​อย่าง​ช้าๆ “จากนี้ไป​ฮ่องเต้​เจียง​ก็​จะคือ​ข้า​แล้ว​! ฮ่าๆๆ~”

 

เสียงหัวเราะ​ที่​โหดเหี้ยม​ก็ได้​ดังก้อง​ไป​ทั่ว​ทั้ง​ท้องพระโรง​ แต่​ฮ่องเต้​เจียง​ก็​ทำได้​แค่​กัดฟันทน​โดย​ไม่มีทางเลือก​เท่านั้น​ อย่างไร​เสีย​พระราชวัง​แห่ง​นี้​ก็ได้​อยู่​ภายใต้การควบคุม​ของ​ องค์​ชาย​สามแล้ว​

 

เพราะ​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​นั้น​อยู่​ห่างไกล​ออก​ไป​จาก​รัฐ​เจียง​ เจียง​หวาย​เย่​และ​คนอื่นๆ​จึงต้อง​หยุดพัก​อยู่​หลายครั้ง​ระหว่างทาง​

 

แล้ว​เจียง​อี๋​ก็ได้​รู้​ถึงตัวตน​ของ​เจียง​หวาย​เย่​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ แล้ว​นาง​ก็ได้​ครุ่น​คิดในใจ​ของ​นาง​ ถ้าหากว่า​นาง​สามารถ​กุม​หัวใจ​ของ​องค์​ชาย​รัตติกาล​ได้​และ​ได้​กลายเป็น​องค์​หญิง​ เมื่อนั้น​ความปรารถนา​ของ​นาง​ทุกอย่าง​ก็​จะได้​กลายเป็น​จริง เมื่อ​คิด​เช่นนี้​แล้ว​เจียง​อี๋​ก็​ไม่ระแวดระวัง​และ​ขัดขืน​อีกต่อไป​ แม้แต่​ตอน​ให้​เลือด​นาง​ก็​ให้​ด้วยความยินดี​

 

และ​ที่​ยิ่ง​ทำให้​นาง​รู้สึก​มั่นใจ​กว่า​เดิม​ ก็​เพราะ​ เจียง​หวาย​เย่​นั้น​ถูก​พิษ​อยู่​และ​ไม่สามารถ​อยู่รอด​ได้​โดย​ปราศจาก​นาง​

 

มัน​จึงเป็นเรื่อง​ง่าย​มาก​สำหรับ​นาง​ที่จะ​ได้​กลายเป็น​ องค์​หญิง​รัตติกาล​ในอนาคต​

 

หลาย​วัน​มานี้​คน​ที่​ทำหน้าที่​คอย​คุ้มกัน​องค์​ชาย​นั้น​ก็ได้​เลิก​มัด​เจียง​อี๋​แล้ว​ เพราะ​พวกเขา​ต่าง​ก็​รู้ดี​ว่า​ผู้หญิง​คน​นี้​หลงรัก​องค์​ชาย​จน​ยอม​มอบ​ทุกสิ่งทุกอย่าง​ให้​แล้ว​

 

เจียง​หวาย​เย่​นั้น​ก็​รู้สึก​รังเกียจ​มาก​กับ​เรื่อง​นี้​ ไม่ว่า​เจียง​อี๋​นั้น​จะทำดี​กับ​เขา​เพียงใด​ หรือ​นาง​จะแกล้ง​ทำเป็น​อ่อนแอ​เพียงใด​ เจียง​หวาย​เย่​ก็​ไม่ได้​ปริปาก​พูด​กับ​อีก​ฝ่าย​เลย​แม้แต่น้อย​

 

แต่​เจียง​อี๋​ก็​ยัง​ไม่เลิกรา​ง่ายๆ​ ซึ่งจาก​เรื่อง​นี้​ทำให้​นาง​รู้สึก​ว่า​เจียง​หวาย​เย่​นั้น​เป็น​ชาย​ที่​ยอดเยี่ยม​มาก​และ​ตกหลุมรัก​อีก​ฝ่าย​อย่าง​หัวปักหัวปำ​

 

และ​คาดหวัง​ที่จะ​ได้​อยู่​ใน​พระราชวัง​ในอนาคต​

ในเวลานี้​หลิน​ซีเหยียน​เอง​ก็​กำลังจะ​ถึงรัฐ​หลี​แล้ว​ ถ้าไม่ติด​ว่า​พวก​นาง​ถูก​ขวาง​โดย​คน​จำนวนมาก​บน​ถนน​เข้า​เสีย​ก่อน​

 

คน​เหล่านี้​ได้​ตะโกน​ใส่คน​บน​รถม้า​ “ฮ่องเต้​หลี​ เจ้ารีบ​ออกมา​รับ​ความตาย​เดี๋ยวนี้​”

 

คำพูด​ที่​โบราณ​เช่นนี้​ทำให้​นาง​รู้สึก​หงุดหงิด​ขึ้น​มา ยิ่งไปกว่านั้น​คน​ยิ่ง​รีบร้อน​เดินทาง​อยู่​ แล้ว​คนโง่​สายตา​ไร้​แวว​พวก​นี้​โผล่​มาจาก​ไหน​กัน​เนี่ย​?

 

จึงได้​เปิด​ผ้าม่าน​ออกมา​แล้ว​มอง​ไป​ที่​คน​จำนวนมาก​แล้ว​กล่าว​ “ข้า​กำลัง​รีบ​อยู่​ พวก​เจ้ารีบ​ไป​เดี๋ยวนี้​ อย่า​ทำให้​ข้า​ทำ​พวก​เจ้าต้อง​ลำบาก​”

 

“เหะ​ๆ ลูกพี่​ดู​นั่นสิ​ ผู้หญิง​คน​นั้น​ช่างดู​โดดเด่น​เสีย​จริงๆ​”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด