หมอหญิงยอดมือสังหาร 153 ข่าวคราวของผู้สูญหาย (1)
การสู้รบก่อนหน้านี้ สุดท้ายมีผู้ได้รับบาดเจ็บล้มตายด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไปถึงเจ็ดแปดคน หนานกงมั่วรู้สึกจนปัญญา แต่สำหรับเรื่องนี้หมอชราและหมอคนอื่นๆ กลับไม่สนใจ การตายเพียงเท่านี้นับว่าน้อยกว่าที่ผ่านมามากแล้ว ยามนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงที่ร้อนที่สุดของปี บาดแผลยิ่งมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อและรุนแรงมากขึ้น ผลลัพธ์เช่นนี้เพียงพอให้พึงพอใจได้แล้ว
หนานกงมั่วมองดูนายทหารขาพิการคนหนึ่งเดินออกจากกระโจมไป เอ่ยถาม “ต่อไปพวกเขาจะทำเช่นไร”
หมอชราเอ่ยถามเสียงเรียบ “อะไรทำเช่นไร ดีขึ้นอีกสักหน่อยก็ออกจากกองทัพและกลับบ้านไป ไม่ว่าอย่างไรก็รักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้ว” คนอื่นๆ ต่างก็มีท่าทีเช่นนี้เหมือนกัน มิใช่พวกเขาไร้ความรู้สึก ความเฉยชาเช่นนี้เป็นเพราะชินชาตั้งนานแล้ว หากพวกเขาต้องรู้สึกเสียใจกับผู้บาดเจ็บทุกราย วันทั้งวันก็คงไม่ต้องทำสิ่งใด เพียงเวลาหดหู่ใจก็ยังไม่เพียงพอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ตายในสนามรบเหล่านั้นอีก…
หนานกงมั่วนิ่งเงียบ ก้มหน้าลงไม่เอ่ยอันใด
หมอชราปรายตามองนางอยู่ชั่วครู่ “เด็กน้อย หากเจ้าคิดจะอยู่ในกองทัพต่อไปอีกนานสักหน่อย ต้องปล่อยวางบ้างจะดีกว่า บางเรื่อง…คนที่ทำได้กลับไม่ทำ คนเช่นเราจะไปทำอันใดได้เล่า”
หนานกงมั่วยิ้มขมขื่น นางที่เป็นนักฆ่ากลับถูกคนที่ช่วยเหลือคนปลอบใจและแนะนำให้นางมีจิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้น
“ข้ารู้ ผู้อาวุโส ข้ากำลังคิดอย่างอื่นอยู่” หนานกงมั่วเอ่ย
หมอชราส่งเสียงบางอย่างคล้ายกับละอายใจ จากนั้นจึงหันหน้าหนีไปไม่สนใจนางอีก
เสียงกลองซึ่งเป็นสัญญาณการทำสงครามดังขึ้นอีกครั้ง หมอชราลุกขึ้นยืน “ไปเถิด ถึงเวลาที่พวกเราต้องทำหน้าที่แล้ว ครั้งนี้เป็นการทำสงครามทางน้ำ หากเป็นทางบกเราคงต้องยุ่งไปกว่านี้” การทำศึกทางน้ำ หลายคนตกลงไปในน้ำแล้วก็ถูกน้ำพัดพาหายไปหรือไม่ก็จมหายไปกับสายน้ำ หลายวันมานี้แม้แต่น้ำในแม่น้ำยังเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดคละคลุ้ง “ไม่รู้ว่าจังติ้งฟังคิดสิ่งใดอยู่” ชายชราบ่นพึมพำ ทว่ากลับสาวเท้าเดินออกไปด้วยความรีบเร่งไม่หยุด
“ท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บ…” หนานกงมั่วกำลังจัดยาอยู่ ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยความร้อนใจ สีหน้าหนานกงมั่วแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก้าวเดินออกจากกระโจมไปทันที
ด้านหน้ากระโจมของหนานกงไหวมีผู้คนมากมายยืนอยู่ สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีเลย เซียวเชียนเยี่ยยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเหม่อลอย หนานกงมั่วกวาดตามอง ทว่ากลับไม่เห็นเว่ยจวินมั่ว
“พี่รอง เกิดอันใดขึ้น” มองดูหนานกงฮุยที่ยืนกำดาบแน่นด้วยดวงตาแดงก่ำอยู่ด้านหน้าพลางเอ่ยถาม
หนานกงฮุยกัดฟัน เอ่ยเสียงเข้ม “ท่านพ่อบาดเจ็บ อีกทั้ง…เว่ยซื่อจื่อเองก็…”
“ก็อะไร” หนานกงมั่วเอ่ยถาม หนานกงฮุยตอบ “เว่ยซื่อจื่อตกลงไปในน้ำ ไม่รู้เป็นตายร้ายดีเช่นไร”
“ว่าอย่างไรนะ” หัวใจของหนานกงมั่วราวกับถูกค้อนเหล็กทุบเข้าอย่างรุนแรง ร่างบางยืนนิ่ง กวาดตามองไปทั่วด้วยท่าทางนิ่งสงบ จากนั้นหมุนตัวเดินออกไป สีหน้าของฝังและเวยเองก็ไม่น่ามองตามไปด้วย เดินตามหนานกงมั่วไปเงียบๆ
“ช้าก่อน” หมอชราเดินออกมาจากด้านในกระโจม จ้องมองหนานกงมั่ว “เจ้าไม่ต้องการชีวิตของบิดาเจ้าแล้วหรืออย่างไร ยังไม่เข้ามาอีก”
หนานกงมั่วเม้มริมฝีปาก มองตอบกลับหมอชรานิ่งๆ นางอยากไปตามหาคน ในใจของนางนั้นหนานกงไหวย่อมมิได้สำคัญเท่ากับเว่ยจวินมั่ว ยิ่งไปกว่านั้น มีหมอมากมายอยู่ที่นี่ คงไม่เป็นไร
หมอชราเอ่ยเสียงเย็น “ข้าไม่รู้ว่ายามนี้เว่ยซื่อจื่อเป็นเช่นไร ข้ารู้เพียงว่ายามนี้ท่านแม่ทัพใหญ่มีโอกาสรอด ข้าต้องช่วยคนที่ช่วยได้ก่อน”
หนานกงมั่วกัดริมฝีปากเงียบๆ ออกคำสั่ง “ฝัง เจ้าพาคนออกไปตามหาซื่อจื่อก่อน”
ฝังพยักหน้ารับคำและหมุนตัวเดินออกไป
หนานกงมั่วเดินเข้ามาในกระโจมใหญ่ กลิ่นคาวเลือดปะทะเข้ามาทันใด หมอหลายคนกำลังรุมล้อมหนานกงไหวอยู่ หนานกงไหวบาดเจ็บหนัก และสิ่งที่เลวร้ายก็คือบริเวณอกมีร่องรอยของอาวุธลับเล็กๆ อยู่ ดูแล้วไม่เหมือนลูกธนู หนานกงมั่วเงยหน้ามองหมอชรา หมอชราขมวดคิ้วมุ่น “คล้ายอาวุธลับบางอย่างยังติดอยู่ข้างใน ตอนนี้ยังไม่สามารถเอาออกมาได้ อีกทั้ง…น่าจะมีพิษด้วย โชคดีที่พิษไม่น่าจะร้ายแรง”
หนานกงมั่วสูดหายใจเข้าลึก “เตรียมมีด ข้าจัดการเอง”
หมอชราตกใจ เขาเรียกหนานกงมั่วเข้ามามิได้ตั้งใจจะให้นางรักษาหนานกงไหว ทว่าจะเรียกนางมาช่วยห้ามเลือด หนานกงมั่วเชี่ยวชาญเรื่องจุดชีพจรและการฝังเข็ม ยามนี้ร่างกายของหนานกงไหวท่วมท้นไปด้วยเลือด หากเสียเลือดเพื่อนำเอาอาวุธลับนั่นออกมาอีกครั้งคาดว่าคงต้องตายเป็นแน่
หมอท่านอื่นยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง หนึ่งในนั้นขมวดคิ้ว “เด็กอายุเท่าไรเอง ไม่รู้จักประมาณตน”
หนานกงมั่วสูดหายใจเข้าลึก การหายตัวไปของเว่ยจวินมั่วทำให้นางอารมณ์ไม่มั่นคง กวาดสายตาเยือกเย็นมองไปยังทุกคน เอ่ยสั่ง “เร็ว ไม่เช่นนั้นพวกท่านก็จัดการกันเอง ข้าไปล่ะ”
ชายชราครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ พยักหน้า “ได้ เจ้าจัดการ” หนานกงไหวเป็นบิดาของนาง นางคงไม่นำเอาชีวิตของบิดามาล้อเล่น บาดแผลนี้ เขาเองก็ไม่กล้ารับประกันอะไรมากนัก แต่เด็กคนนี้มีความเชี่ยวชาญในการดูแลบาดแผลเป็นอย่างดี
ไม่นาน สุราแรงและตะเกียงไฟที่หนานกงมั่วต้องการก็ถูกส่งเข้ามา ภายใต้การจับจ้องของทุกคน หนานกงมั่วล้างมือก่อนเป็นอันดับแรก มือเรียวถือมืดเล็กทว่าแหลมคมย่างอยู่บนไฟ จากนั้นลงมีดกรีดบนบาดแผลโดยไม่ลังเล ใบมีดคมที่ถูกย่างจนร้อนทำให้เนื้อของหนานกงไหวตึงขึ้น ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีสติยังรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด
หนานกงมั่วใช้นิ้วเช็ดเลือดออกและลงมีดที่สองไปอีกครั้ง บาดแผลตัดกันได้อย่างงดงาม จากนั้นเห็นหนานกงมั่วหยิบแหนบที่เตรียมไว้ก่อนแล้วคีบเบาๆ ที่บาดแผล ใช้เวลาไม่นาน อาวุธลับที่มีลักษณะคล้ายตะปูสีดำก็ถูกคีบออกมาและทิ้งลงบนถ้วยสุราแรงที่วางอยู่ไม่ไกล ทุกคนต่างพากันถอนหายใจออกมา ขณะเดียวกันก็หันไปมองหนานกงไหวด้วยความรู้สึกเห็นใจ
แม่ทัพใหญ่ ยามที่บุตรีของท่านลงมือนางยังคิดว่าท่านมีชีวิตอยู่หรือไม่ ถึงได้มั่นคงและใจเย็นได้ถึงเพียงนั้น พวกเขาคิดว่านางกำลังหั่นเต้าหู้อยู่เสียอีก
นี่มิใช่ครั้งแรกที่หนานกงไหวได้รับบาดเจ็บ และคงมิใช่ครั้งสุดท้ายที่จะบาดเจ็บ เมื่อครั้งติดตามฝ่าบาทออกรบขับไล่เป่ยหยวน มีการตายเก้าอย่างไหนบ้างที่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ผ่านมันมา แต่หนานกงไหวกล้าสาบานเลยว่าไม่เคยมีครั้งไหนที่เขารู้สึกหดหู่ใจถึงเพียงนี้ เดิมทีคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ควรเป็นหนานกงไหว
เดิมสงครามครั้งนี้ยังนับว่าราชสำนักเป็นฝ่ายได้เปรียบ อีกนิดเดียวทหารฝั่งซ้ายของเว่ยจวินมั่วก็จะขึ้นฝั่งได้แล้วด้วยซ้ำ ใครจะรู้ว่าในช่วงเวลาสำคัญฝั่งขวาของเซียวเชียนเยี่ยกลับถูกกบฏล้อมเอาไว้ ชีวิตของหวงจั่งซุนไม่ช่วยได้หรือ หนานกงไหวกล้ารับประกันเลยว่าหากเขายอมปล่อยให้เซียวเชียนเยี่ยตายเพื่อชัยชนะ ต่อให้เขาตัดหัวของจังติ้งฟังกลับไปด้วย เมื่อกลับถึงเมืองหลวงแล้วก็ยังต้องเจอกับความเลวร้ายอยู่ดี เมื่อทำสิ่งใดไม่ได้ หนานกงไหวจึงต้องแบ่งทหารไปช่วย และทหารฝ่ายกบฏเองก็คงรู้ถึงความสำคัญของเซียวเชียนเยี่ย จึงส่งทหารจำนวนมากเข้าล้อมโจมตี ราวกับไม่คิดจับเป็นเซียวเชียนเยี่ยและสาบานว่าหากสังหารเซียวเชียนเยี่ยมิได้ก็จะไม่ยอมหยุด
นี่เป็นการลงสนามรบครั้งแรกของเซียวเชียนเยี่ยโดยให้นำทัพขวาด้วยตนเอง เขาจึงค่อนข้างอิดออด ดังนั้น หนานกงไหวจึงส่งรองแม่ทัพผู้มากประสบการติดตามเขาไปด้วย น่าเสียดายที่เซียวเชียนเยี่ยเอาแต่มองหาพวกและคนไว้ใจของตนเอง รองแม่ทัพผู้นั้นไม่รู้ถูกทิ้งไปไว้ที่ใด เมื่อถูกล้อมเข้าจึงวุ่นวายไปหมด กระทั่งเกือบส่งผลกระทบถึงกองทัพของหนานกงไหวด้วย
Comments