หมอหญิงยอดมือสังหาร 404 เกือบถูกลักพาตัว (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 404 เกือบถูกลักพาตัว (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 404 เกือบถูกลักพาตัว (1)
หากเป็นเมื่อสิบปีก่อน ฝ่าบาทจะปลดองค์รัชทายาทเลยก็ทำได้ น่าเสียดายตอนนี้…ฮ่องเต้ไม่มีเวลาแล้ว องค์รัชทายาทไม่มีความผิดใหญ่หลวง เมื่อปลดตำแหน่งรัชทายาท อาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่จะต้องเผชิญกับการแย่งชิงบัลลังก์ของอ๋องทั้งหลาย และอ๋องเหล่านี้ ล้วนเป็นผู้ปกครองเมืองที่มีทหารอยู่ในการปกครอง หากเกิดการต่อสู้ขึ้นมานั้นจะรุนแรงยิ่งกว่าการแก่งแย่งขององค์ชายที่ถูกขังอยู่ในเมืองหลวงของราชวงศ์ก่อนหน้า

ดังนั้น ฮ่องเต้จึงทำได้เพียงเลือกที่จะปกป้ององค์รัชทายาท ปกป้องหวงซุน ไม่ใช่เขาอยากทำ แต่เพราะเขาไม่มีทางเลือก

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “ทราบแล้ว ขอเพียงหวงจั่งซุนไม่สร้างความวุ่นวาย ความดีความชอบในหลิงโจวนั้นจะเป็นของเขาทั้งหมด วาจานี้ เจ้าสำนักกงสามารถเอาไปบอกหวงจั่งซุนได้”

“…” กงอวี้เฉินมองหนานกงมั่วอย่างจนปัญญา เขาคิดว่าปกติตนเองนั้นทรมานคนได้ดีทีเดียว ทว่าคำพูดของหนานกงมั่วเมื่อสักครู่หากนำไปบอกกับหวงจั่งซุนจริงๆ เขาคงกระอักเลือดตายเป็นแน่ เสี่ยวมั่วช่างไม่รู้จักเจรจาเลยจริงๆ เพียงแต่…เขาชอบ

“แบบนี้จะไม่มีปัญหาจริงหรือ ความดีความชอบของเว่ยจวินมั่ว ถูกเจ้าโยนให้คนอื่นง่ายๆ เพียงนี้เลยหรือ” กงอวี้เฉินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ หนานกงมั่วเองไม่ปิดบัง เอ่ยเสียงเรียบ “ดีเกินไปก็ไม่ดี ข้าไม่เชื่อว่ากงอวี้เฉินจะไม่เข้าใจ” เว่ยจวินมั่วเข้าร่วมทำศึกสงครามถึงสองครั้งในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือน จากคุณชายที่ไม่มีตำแหน่งใดๆ ยามนี้ถูกฝ่าบาทแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการพิเศษขั้นสองด้วยพระองค์เอง หากนับรวมสงครามในครั้งนี้เข้าไปอีก ฮ่องเต้ก็ต้องแต่งตั้งเลื่อนขึ้นไปอีก แต่หากเลื่อนขั้นอีกนั้นไม่น่าเป็นไปได้ เช่นนั้นก็เหลือเพียงแต่งตั้งบรรดาศักดิ์แล้ว เช่นนั้นคงยุ่งยากเป็นแน่ เว่ยจวินมั่วพึ่งอายุยี่สิบสองปี เป็นราชนิกูลคนแรกของอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ที่ได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เพราะความดีความชอบ เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการเอาเว่ยจวินมั่วไปย่างบนกองเพลิง อีกทั้งเมื่อมีบรรดาศักดิ์แล้วเว่ยจวินมั่วอยากไปอยู่โยวโจวคงเป็นเรื่องยาก แน่นอนว่ากงอวี้เฉินนั้นเข้าใจ เพียงแต่เขาไม่เอ่ยสิ่งใดอีก เพียงอิจฉาเว่ยจวินมั่วเล็กน้อยเท่านั้น หากเขามีผู้ช่วยเช่นหนานกงมั่ว เมื่อเทียบกับจูชูอวี้ เซียวเชียนเยี่ย มิตรสหายหน้าโง่เหล่านี้แล้วคงจะสบายกว่านี้ คิดได้เช่นนี้ กงอวี้เฉินพลันรู้สึกว่าการช่วยเหลือเซียวเชียนเยี่ยนั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อ ต่อให้เขาช่วยเซียวเชียนเยี่ยให้ขึ้นครองบัลลังก์ ด้วยนิสัยและอารมณ์ของเซียวเชียนเยี่ยก็มิได้ช่วยอะไรต่อเขามากนัก ในใจของเซียวเชียนเยี่ยนั้นไม่เห็นจอมยุทธ์เช่นพวกเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ เพียงขึ้นครองบัลลังก์ คนที่ต้องอยู่ข้างกายและมีผลกับเขาจริงๆ อย่างไรก็เป็นบรรดาปัญญาชนคร่ำครึพวกนั้น ยิ่งไปกว่านั้น หากเซียวเชียนเยี่ยขึ้นครองบัลลังก์แล้ว อำนาจที่เขาจะได้มาไม่ใช่ว่าเป็นอำนาจที่ไม่อาจหลบซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากแล้วหรือ เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกไม่มีความปลอดภัยนัก

หนานกงมั่วมองกงอวี้เฉินที่กำลังนั่งเหม่อลอยอย่างแปลกใจ คิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่ากงอวี้เฉินนั้นกำลังคิดหาวิธีทอดทิ้งเจ้านายที่พึ่งรู้จักอยู่ ความจริงการเรียกกงอวี้เฉินมาเป็นที่ปรึกษานั้นนับว่าเป็นเรื่องเลวร้าย เป็นความจริง ที่กงอวี้เฉินนั้นมีความสามารถโดดเด่น อำนาจใต้ดินของเขานั้นยังน่าทึ่ง ขอเพียงเขาทำสิ่งใดเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้แล้ว แต่คนผู้นี้นั้นหลอกลวงผู้เป็นนายมาตั้งแต่เกิด คนเหล่านั้นที่ได้รับการช่วยเหลือจากเขา พูดอีกอย่างได้ว่าคนที่เป็นเจ้านายหรือผู้ที่ร่วมมือกับเขา หรือจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่เขาเลือกมาเป็นของเล่น เพียงรู้สึกไม่พอใจก็พร้อมจะทิ้งไปได้ทุกเมื่อ กระทั่งก่อนจะทิ้งยังต้องทุบให้แหลกมิเช่นนั้นคนอื่นจะเก็บไปเล่นต่อ ดังนั้นจังติ้งฟังก็ถูกเขาหลอกแล้ว จินผิงอี้ก็ถูกเขาหลอกแล้ว เซียวเชียนเยี่ยเองก็คล้ายจะถูกเขาหลอกแล้ว มีเพียงเจ้าสำนักกงเท่านั้นที่ยังคงยิ้มเบิกบานราวกับฤดูใบไม้ผลิ ไปตามหาของเล่นชิ้นใหม่อย่างสบายใจ

ครั้งหน้า…จะต้องหาคนที่ไม่โง่ กงอวี้เฉินบอกตัวเองอยู่ในใจ

“เจ้าสำนักกง” หนานกงมั่วย่นคิ้ว นางไม่เข้าใจว่ากงอวี้เฉินใจลอยต่อหน้านางได้อย่างไร ถึงขั้นเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัดเพียงนี้ เขาไม่กังวลว่านางจะใช้เข็มกับเขาสักเล่มหรือ หรือว่าวางใจในฝีมือของตนเองจนเกินไป

กงอวี้เฉินเงยหน้าขึ้นมา หันไปยังหนานกงมั่ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่ข้าพึ่งนึกอะไรบางอย่างได้”

“รอฟังอยู่”

“ไม่ต้องเอาเว่ยจวินมั่วแล้ว ไปกับข้าเถิด” กงอวี้เฉินเอ่ย หนานกงมั่วพบว่าครั้งนี้กงอวี้เฉินไม่ได้เรียกนางว่าเสี่ยวมั่วหรือชื่อบ้าๆ อันใดอีกแล้ว แต่เขาเรียกนางว่าจวิ้นจู่ ทุกครั้งที่กงอวี้เฉินเรียกนางว่าจวิ้นจู่หากไม่ใช่เพราะเสียดสีก็จะเป็นการจริงจัง เพียงแต่ประเด็นที่เอ่ย…

ช้อนตาขึ้นมอง หนานกงมั่วเอ่ย “เจ้าสำนักกงยังไม่ตื่นหรือ”

กงอวี้เฉินถอนหายใจ “ข้าเพียงนึกแผนการอันใดขึ้นมาได้ คิดว่าจะไม่ได้เจอจวิ้นจู่อีกนาน อดไม่ได้ที่จะคิดถึง หากจวิ้นจู่ยอมไปกับข้า คงจะวิเศษไม่น้อย”

หนานกงมั่วใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่รู้สึกถึงความวิเศษเลยแม้แต่น้อย

“เจ้าสำนักกงมิใช่ที่ปรึกษาของเย่ว์จวิ้นอ๋องหรอกหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

กงอวี้เฉินโบกมือ “ข้าเพียงรับปากเขา ว่าจะช่วยเขาขึ้นครองบัลลังก์ก็เท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่าจะช่วยเขาคิดแผนการต่างๆ นานา อยากขึ้นครองบัลลังก์…มีวิธีการมากมาย มิใช่หรือ”

หนานกงมั่วหลุบตาลง ครุ่นคิดอยู่นานแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ข้ามีคำถามอยู่หนึ่งข้อ”

“เชิญจวิ้นจู่ถามมาได้”

“การก่อกบฏในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวอันใดกับท่านหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

กงอวี้เฉินราวกับประหลาดใจเล็กน้อย เนิ่นนานจึงหัวเราะออกมา “ไยจวิ้นจู่จึง…คิดเช่นนี้เล่า”

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “การเคลื่อนไหวของเชาอู่บางครั้งดูฉลาด บางครั้งดูเลื่อนลอย อาศัยช่วงหลายวันมานี้ ไม่เหมือนคนที่จะก่อเรื่องใหญ่ถึงขั้นควบคุมหลิงโจวเอาไว้ได้ หากไม่มีใครคอยชี้นำเขาอยู่เบื้องหลังแล้วจะเป็นอย่างไรไปได้”

กงอวี้เฉินชะงักไปชั่วครู่ สุดท้ายจึงหัวเราะเสียงดังออกมา หัวเราะอยู่ชั่วครู่ก่อนจะมองหนานกงมั่วด้วยใบหน้าที่เย็นชายิ่งขึ้น เอ่ย “จวิ้นจู่ชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงแต่…ให้บางคนตักเตือนเขาเพียงไม่กี่ประโยคก็เท่านั้น ที่ก่อเรื่องใหญ่ได้เพียงนี้นั่นเป็นเรื่องของเขาเอง”

“ทำไมหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยถามเสียงเย็น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กงอวี้เฉินก่อสงครามขึ้นมา

กงอวี้เฉินยิ้ม เอ่ย “หากไม่เป็นเช่นนี้…หวงจั่งซุนผู้สูงส่งจะมาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากจอมยุทธ์ในยุทธภพเช่นข้าหรือ”

ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้อง ลิ่นฉังเฟิงเหลือบมองหนานกงมั่วที่นั่งเงียบด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก กังวลว่าหนานกงมั่วจะพุ่งเข้าไปต่อยกงอวี้เฉินหรือไม่ ตอนนี้เว่ยจวินมั่วไม่อยู่ พวกเขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกงอวี้เฉิน

เนิ่นนาน หนานกงมั่วจึงสูดหายใจเข้าลึก เอ่ย “ข้าดูไม่ออกเลยว่าเจ้าสำนักกงจะให้ความสำคัญกับหวงจั่งซุนถึงเพียงนี้”

กงอวี้เฉินยิ้ม เอ่ย “ให้ความสำคัญหรือ ข้าจะไปให้ความสำคัญกับเขาได้เยี่ยงไร เพียงของเล่นเท่านั้น ใครใช้ให้ข้าอยากมีแต้มต่อเล่า แต่ตอนนี้นึกขึ้นได้…ชักรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว” หากรู้ว่าเซียวเชียนเยี่ยน่าเบื่อเพียงนี้ก็คงไม่เล่นแบบนี้แล้ว ทว่าเขาไม่ได้โกหก เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่คิดจะยื่นมือเข้าแทรก ดังนั้นจึงไม่นับว่าเสียเปรียบมากเท่าใดนัก

มองใบหน้าเย็นชาของหนานกงมั่ว กงอวี้เฉินหันไปมองสำรวจนางอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ย “จวิ้นจู่กำลังโกรธหรือ” สายตาเยือกเย็นของหนานกงมั่วมีไอสังหารปรากฏ ไม่เอ่ยสิ่งใด กงอวี้เฉินเองก็เป็นคนที่แฝงตัวอยู่ในยุทธภพ ไยจะไม่อาจสัมผัสได้ถึงไอสังหารนี้ มองหนานกงมั่วด้วยความสนใจ เอ่ย “จวิ้นจู่จะฆ่าข้าหรือ ทำไมเล่า เพื่อ…ชาวเมืองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเหล่านี้หรือ เมื่อครู่จวิ้นจู่เกรี้ยวกราดใส่เซียวเชียนเยี่ยก็เพราะพวกเขา ทำไมกัน”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *