หมอหญิงยอดมือสังหาร 636 มงคลคู่มาพร้อม เจตนาร้าย (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 636 มงคลคู่มาพร้อม เจตนาร้าย (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 636 มงคลคู่มาพร้อม เจตนาร้าย (1)
คิดเช่นนี้แล้ว มีไม่น้อยคนที่ลอบมองคุณหนูใหญ่ตระกูลเซวียอย่างอดไม่ได้ ทว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเซวียกลับนั่งอยู่ข้างมารดาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ท่าทางสุภาพเรียบร้อย ทว่าคุณหนูรองตระกูลเซวียกลับดวงตาเบิกโตราวกับจะจ้องมองทุกคนที่มองพี่สาวของตนกลับคืนไป

ในใจของเซวียอวิ๋นอวินนั้นเงียบสงบ แม้ว่าคุณชายรองจวนเยี่ยนอ๋องจะโดดเด่น แต่นั่นก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่มีความรู้สึกก็เท่านั้น ตัวนางเองก็ไม่ใช่สตรีฉลาดเฉลียวมีฝีมือเหนือใคร เข้าไปอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋องสถานที่แบบนั้น มีพี่สะใภ้ที่ไม่ต้อนรับตนเอง วันข้างหน้าไม่แน่ว่าจะมีความสุขเหมือนครอบครัวทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น หากเอ่ยถึงรูปลักษณ์โดดเด่น เกรงว่าคงไม่มีใครสู้คุณชายเว่ยสามีของซิงเฉิงจวิ้นจู่หรอกใช่หรือไม่ ได้เห็นบุรุษผู้มีใบหน้างดงามอย่างคุณชายเว่ยแล้ว เซวียอวิ๋นอวินจึงไม่รู้สึกเสียดายต่อเซียวเชียนเหว่ย เพียงแต่ถูกคนมองอย่างนี้จึงรู้สึกอึดอัด

พระชายาเยี่ยนอ๋องเองก็มองท่าทีของเซวียอวิ๋นอวิน ลอบถอนหายใจ เอ่ยกับบุตรชาย “เอาล่ะ ที่นี่ไม่มีธุระของพวกเจ้าแล้ว ไปหาเสด็จพ่อเจ้าเถิด เดี๋ยวอีกหน่อยคงต้องไหว้ฟ้าดินแล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ ลูกขอตัวลาแล้ว” ทั้งสองลุกขึ้น หมุนตัวเดินออกไป

พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มพลางเอ่ย “รับตัวเจ้าสาวมาแล้ว อู๋สยา คงต้องรบกวนเจ้าช่วยไปดูฝั่งนั้นสักหน่อย เด็กสาวอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอันใดน่าสนใจ ออกไปเล่นด้านนอกเถิด”

หนานกงมั่วลุกขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เพคะ เสด็จป้า” พอดีกับนางที่เบื่อหน่ายที่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว หันไปยักคิ้วให้เซวียเสียวเสี่ยวที่นั่งอยู่ข้างเซวียฮูหยิน เซวียเสียวเสี่ยวรีบจูงแขนเซวียอวิ๋นอวินลุกขึ้นพร้อมกัน เอ่ย “ท่านแม่ พวกเราจะไปกับจวิ้นจู่นะเจ้าคะ” เซวียฮูหยินอยากให้บุตรีคนโตอยู่ แต่หากระมัดระวังจนเกินไปจะทำให้พวกเขาวางใจไม่ได้ จึงได้พยักหน้ากำชับ “อย่าก่อกวนจวิ้นจู่เล่า”

เซวียเสียวเสี่ยวแลบลิ้น จูงพี่สาวมายืนอยู่ด้านข้างหนานกงมั่ว

“เสด็จแม่ ให้หม่อมฉันไปกับพี่สะใภ้นะเจ้าคะ” เฉินซื่อลุกขึ้น เอ่ยเสียงเบา พระชายาเยี่ยนอ๋องมองนางเล็กน้อย ยิ้มบาง เอ่ย “ฮูหยินทั้งหลายอยู่ที่นี่ เจ้าเป็นเจ้าบ้านไม่อยู่ที่นี่แต่จะดื้อไปกับอู๋สยาทุกที่หรืออย่างไร”

เฉินซื่อชะงัก ชั่วครู่ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือกังวล ยินดีคือพระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน นั่นเป็นการยืนยันว่านางอยู่ในฐานะพระชายาซื่อจื่อ กังวลคือนางรู้อยู่แก่ใจ เสด็จแม่ยังระมัดระวังนาง พยักหน้า เฉินซื่อเอ่ยเสียงเบา “เพคะ เสด็จแม่”

หนานกงมั่วยิ้มบาง พาเหล่าหญิงสาวไปดูเจ้าสาวแล้ว

ในจวนเยี่ยนอ๋อง เรือนของคุณชายทั้งสองอยู่ติดกัน มีเพียงกำแพงกั้น แม้ไม่ได้ใหญ่เหมือนเรือนของซื่อจื่อ แต่ยังเป็นเรือนที่กว้างขวาง ห้องหลัก ห้องรอง ห้องเล็กต่างๆ รวมกันแล้วก็มีสิบกว่าห้องได้ ครั้งนี้เซียวเชียนเยี่ยพระราชทานสมรสนับว่าใจกว้าง เซียวเชียนจย่งยังเล็ก นอกจากภรรยาเอกแล้วยังพระราชทานอนุภรรยามาให้ด้วย ในเรือนของเซียวเชียนเหว่ย นอกจากจูชูอวี้แล้วยังมีภรรยารองอีกหนึ่งคน อนุอีกสองคน แต่คนพวกนี้ต้องรอการแต่งงานจบลงแล้วสามวันจึงจะเข้าจวนมาได้ แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ต้องสนใจ

หนานกงมั่วเดินนำแม่นางหลายคนและจวิ้นจู่สองคนเข้ามาที่เรือนของเซียวเชียนเหว่ยก่อน ในเรือนนั้นตกแต่งด้วยสีแดง ดูเป็นมงคล

“คารวะซิงเฉิงจวิ้นจู่ คารวะจวิ้นจู่ทั้งสอง” มามาที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาจึงตกใจ ก่อนจะรีบเข้าไปทำความเคารพ อายุน้อยที่สุดก็คืออวี้หมิงจวิ้นจู่ที่เชิดหน้าขึ้น ยิ้มตาหยี เอ่ย “พวกเรามาดูพี่สะใภ้รองคนใหม่ เข้าไปไม่ได้หรือ”

มามาไหนเลยจะกล้าขัดขวางพวกนาง รีบเปิดประตูออก ยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “จวิ้นจู่ทั้งสามและคุณหนูทั้งหลายเชิญด้านในเจ้าค่ะ”

ในห้องใหม่ที่ถูกตกแต่งเป็นมงคล จูชูอวี้อยู่ในชุดเจ้าสาวสีแดง คลุมผ้าคลุมหน้านั่งอยู่บนเตียง ได้ยินสาวใช้ข้างกายเอ่ยเพียงไม่กี่ประโยคก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ยกมือเปิดผ้าคลุมหน้าบนศีรษะออก “ซิงเฉิงจวิ้นจู่”

“พี่สะใภ้รองคนใหม่สวยมาก” หย่งเฉิงจวิ้นจู่เอ่ยชื่นชม

ทุกคนมองไปยังจูชูอวี้อย่างตกตะลึง สตรีทางใต้นั้นงดงามกว่าสตรีทางเหนือมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะสตรีที่เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ ทว่าจูชูอวี้ที่อยู่ในชุดสีแดงก็ทำให้คนต้องตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าสวยสดงดงาม เขียนคิ้วอ่อนๆ ทาแป้งบางๆ ทว่ากลับงดงามโดดเด่นไปทั่วทั้งร่าง ดอกไม้สวยซับซ้อนสีทองบนใบหน้า ให้ความรู้สึกลึกลับจนน่าหลงใหล เป็นหญิงงามที่หาที่จับได้ยาก

อวี้หมิงจวิ้นจู่มองจูชูอวี้จากนั้นหันมามองด้านข้าง เอ่ยเสียงเบา “ข้าคิดว่าอย่างไรพี่สะใภ้ก็สวยกว่า” แม้จะได้เจอกับหนานกงมั่วน้อยครั้ง แต่ภาพจำของอวี้หมิงจวิ้นจู่ที่มีต่อหนานกงมั่วนั้นดีมาก

ประโยคนี้เอ่ยออกไป คนอื่นๆ พลันกระอักกระอ่วนขึ้นมา หย่งเฉิงจวิ้นจู่รีบคว้ามือน้องสาว เอ่ยกับจูชูอวี้ด้วยท่าทีละอายใจเล็กน้อย “พี่สะใภ้รอง อวี้หมิงอายุน้อยไม่รู้ความ ท่านอย่าได้ถือสาเลย” ต่อให้เจ้าสาวไม่สวย วันพิธีแต่งงานก็ต้องไว้หน้าสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นจูชูอวี้ยังเป็นหญิงงาม วันแต่งงานถูกคนเอ่ยเช่นนี้ แน่นอนว่าอารมณ์ไม่ดี

จูชูอวี้ยิ้มบาง “ผู้นี้คือหย่งเฉิงจวิ้นจู่หรือ จวิ้นจู่เอ่ยหนักแล้ว ความงามของซิงเฉิงจวิ้นจู่มีหรือข้าจะเทียบได้”

หนานกงมั่วกระตุกมุมปาก “ซั่นจยาจวิ้นจู่ชมเกินไปแล้ว วันนี้จวิ้นจู่เองก็งดงามน่าหลงใหล เป็นวาสนาของน้องชายรอง”

จูชูอวี้ยิ้มบางๆ “ขอบคุณวาจาอันเป็นมงคลของจวิ้นจู่”

อวี้หมิงจวิ้นจู่มองทั้งสองคนอย่างแปลกประหลาด “พวกท่านช่างแปลก พี่สะใภ้รองคนใหม่ไม่ควรเรียกว่าพี่สะใภ้น้องสะใภ้หรอกหรือ ไยจึงเอาแต่เรียกจวิ้นจู่ไปจวิ้นจู่มาเล่า”

จูชูอวี้ยกมือขึ้นปิดริมฝีปาก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่คืออวี้หมิงจวิ้นจู่ จวิ้นจู่กล่าวถูกแล้ว คารวะพี่สะใภ้”

“เกรงใจ” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา

อวี้หมิงจวิ้นจู่มองจูชูอวี้ เบ้ปาก หันกลับมาเอ่ยกับหนานกงมั่ว อย่างไรนางก็ชอบพี่สะใภ้มากกว่า อีกทั้งอี๋เหนียงก็เคยเอ่ยกับนาง ทางที่ดีอย่าอยู่ใกล้กับพี่สะใภ้รองผู้นี้มากเกินไป “พี่สะใภ้ พวกเราไปดูพี่สะใภ้เล็กกันเถิดเจ้าค่ะ”

อวี้หมิงจวิ้นจู่ยังไม่ครบสิบขวบ ใบหน้าน่ารักกับดวงตาใสแป๋วท่าทางไร้เดียงสาทำให้คนไม่อาจปฏิเสธได้ หนานกงมั่วหันกลับไปเอ่ยกับจูชูอวี้ด้วยรอยยิ้ม “พวกเราคงต้องไปดูเหยียนเอ๋อร์แล้ว หากจวิ้นจู่มีเรื่องใด เอ่ยกับบ่าวไพร่ก็ได้ อย่าได้ทำให้ตนเองต้องลำบาก”

จูชูอวี้พยักหน้ากล่าวขอบคุณ มองส่งพวกเขาเดินออกไป

เมื่อออกมาจากในเรือน ออกห่างจากประตูมาไกลกลุ่มหญิงสาวพลันสดใสขึ้นมามาก อย่างไรจูชูอวี้ก็เป็นจวิ้นจู่ที่ฝ่าบาทแต่งตั้ง ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ทันเข้าพิธีไหว้ฟ้าดินพวกนางจึงไม่กล้าเอ่ยอันใดมาก หย่งเฉิงจวิ้นจู่และอวี้หมิงจวิ้นจู่กลับไม่กังวลเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่หย่งเฉิงจวิ้นจู่เป็นบุตรีของพระชายาเยี่ยนอ๋อง อวี้หมิงจวิ้นจู่เพียงมองก็รู้ว่าเป็นเด็กฉลาด มีหรือจะไม่รู้ถึงท่าทีของพระชายาเยี่ยนอ๋องต่อพิธีแต่งงานครั้งนี้ แน่นอนจึงไม่ทำตัวสนิทสนมกับจูชูอวี้มากเกินไป

เพียงยกเท้าข้ามมาก็เป็นเรือนของเซียวเชียนจย่ง เมื่อเทียบกับจูชูอวี้ด้านข้าง ซุนเหยียนเอ๋อร์ที่นี่ดูจะเงียบสงบกว่า อย่างไรคนหนึ่งก็เป็นหลานสาวของขุนนางขั้นสี่อีกคนเป็นถึงจวิ้นจู่ที่ฝ่าบาทแต่งตั้ง อันดับของจูชูอวี้และซุนเหยียนเอ๋อร์อย่างไรก็แตกต่างราวฟ้ากับเหว

ถูกมามาเชิญเข้ามา ซุนเหยียนเอ๋อร์มองเห็นหนานกงมั่วจึงอดพ่นลมหายใจออกมาไม่ได้ พิธีแต่งงานของตนเองแม้แต่คนสนิทสักคนก็ไม่มี ซุนเหยียนเอ๋อร์รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “มั่ว…จวิ้นจู่”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *