หมอหญิงยอดมือสังหาร 736 ออกนอกด่าน ร่วมมือ (1)
ตอนที่ 736 ออกนอกด่าน ร่วมมือ (1)
เยี่ยนอ๋องพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี เรื่องหลังจากนี้ ไต้ซือมองอย่างไร”
เนี่ยนหย่วนนิ่งสงบ เอ่ย “รอดูว่าผู้ใดจะทนได้มากกว่าเถิด”
เรื่องมาถึงยามนี้ คงต้องขึ้นอยู่กับความกล้าและความมั่นคงระหว่างผู้ปกครองเมืองและฮ่องเต้แล้วล่ะ ดูว่าใครจะทนได้ไม่ก้าวเท้าผิดก่อนกัน หรือว่าดูว่าใครจะกล้าลงมือก่อน หากเซียวเชียนเยี่ยทนไม่ไหวลงลงมือกับบรรดาเสด็จลุงของเขาก่อน สุดท้ายแน่นอนว่าต้องเป็นเซียวเชียนเยี่ยที่ถูกประณาม คนอื่นจะทำอันใดก็นับว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล หรือหากผู้ปกครองเมืองผู้ใดทนไม่ไหวเคลื่อนทัพก่อน หรือบางที…ผู้ปกครองเมืองทุกคนต่างไม่มีใครกล้าบุ่มบ่าม สุดท้ายเซียวเชียนเยี่ยก็จะประสบผลสำเร็จในการลดอำนาจของผู้ปกครองเมือง
เยี่ยนอ๋องเงียบอยู่นาน ก่อนจะเอ่ย “ข้าเข้าใจแล้ว ก็ดี…ข้าเองก็อยากเห็นว่าหลานชายคนนี้มีพัฒนาการมากเพียงใดในหนึ่งปีมานี้”
ออกมาจากห้องหนังสือ เรือนด้านนอกห้องหนังสือนั้นเงียบเหงา หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นไปมองเมฆดำที่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“มั่วเอ๋อร์” ไม่ไกลออกไป หนานกงชวี่ยืนอยู่ระหว่างทางเดินมองมายังหนานกงมั่วและเอ่ยเรียก หนานกงมั่วหันกลับไป ยิ้มรับ “พี่ใหญ่ไยจึงยังไม่ไปพักผ่อนเจ้าคะ”
หนานกงชวี่ส่ายศีรษะ เอ่ย “ยังไม่เหนื่อย ไม่เจอเจ้าเกือบหนึ่งปี ดูเหมือนจะไม่เลวเลย”
หนานกงมั่วจนใจ “ข้าถูกพวกนางเลี้ยงดูจนไม่ยอมให้ทำอันใดอยู่ทุกวัน ไหนเลยจะไม่ดีได้เล่า”
เห็นใบหน้างุนงงของหนานกงชวี่ จือซูที่ติดตามอยู่ด้านข้างหนานกงมั่วจึงยกมือขึ้นมาปิดปากยิ้ม เอ่ย “คุณชายไม่รู้ จวิ้นจู่กำลังตั้งครรภ์ได้จะสี่เดือนแล้วเจ้าค่ะ”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ใบหน้าของหนานกงชวี่ปรีดาขึ้นมา “เอ่ยเช่นนี้ ช่างมาถูกช่วงเวลาจริงๆ”
หนานกงมั่วมองหนานกงชวี่ เกือบหนึ่งปีที่ไม่ได้เจอหนานกงชวี่เมื่อเทียบกันแล้วความเศร้าที่มีอยู่นั้นน้อยกว่าเมื่อครั้งอยู่ในจินหลิงมาก แม้ร่างกายจะดูผ่ายผอมลง ทว่าจิตใจกลับดูไม่เลว เห็นชัดว่าอยู่ที่ชิงโจวก็คงไม่เลว
“คิดว่าพี่ใหญ่เพิ่งมาถึงโยวโจวคงยังไม่มีที่พัก มิสู้กลับเรือนชิงมั่วกับข้าเถิด”
“เอ่อ…” หนานกงชวี่ลังเลอยู่ชั่วครู่ แม้ว่าเขาจะมาส่งจดหมายแทนฉีอ๋อง อีกทั้งยังเป็นพี่ชายแท้ๆ ของหนานกงมั่ว แต่หนานกงชวี่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเยี่ยนอ๋องนั้นมิได้เชื่อใจเขาทั้งหมด ในสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าพักอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋องคงจะง่ายต่อการจับตามองมากกว่า
หนานกงมั่วยิ้มเอ่ย “พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล เสด็จลุงไม่มีปัญหาหรอกเจ้าค่ะ”
หนานกงชวี่ยิ้มร่า เอ่ย “ดูเหมือนเจ้าจะมีอิสระมากกว่าอยู่จินหลิงมากทีเดียว เช่นนี้คงต้องลำบากมั่วเอ๋อร์แล้ว”
หนานกงมั่วยิ้มบาง หันกลับไปออกคำสั่งให้จือซูไปรายงานเยี่ยนอ๋อง ไม่นานจือซูก็เดินกลับออกมา เยี่ยนอ๋องไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้จริงๆ ปล่อยให้หนานกงมั่วจัดการตามเห็นสมควร
หนานกงมั่วพาหนานกงชวี่ไปถวายพระพรพระชายาเยี่ยนอ๋อง แล้วจึงหมุนตัวเดินออกจากจวนเยี่ยนอ๋องกลับเรือนชิงมั่วไป
“ถวายพระพรต้าจั่งกงจู่” หนานกงชวี่ถวายพระพรองค์หญิงฉังผิงอย่างนอบน้อม องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า เอ่ย “เจ้าเป็นพี่ชายของอู๋สยา มารยาทเหล่านี้ก็เว้นเสียเถิด” แม้องค์หญิงฉังผิงจะเป็นแม่สามีของหนานกงมั่ว เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันกับตระกูลหนานกง ทว่าสำหรับหนานกงชวี่ผู้เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลหนานกงกลับไม่ได้คุ้นเคยเท่าใดนัก อย่างไรก็เคยเจอหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ครานั้นหนานกงชวี่ยังไม่มีคุณสมบัติพูดคุยกับองค์หญิงฉังผิงได้ องค์หญิงฉังผิงมีภาพจำต่อหนานกงไหวไม่ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนานกงชวี่ผู้เป็นพี่ใหญ่น่าสงสารเสียยิ่งกว่าหนานกงฮุยและหนานกงมั่วที่อายุน้อย เด็กอายุเพียงสิบกว่าปีต้องอดทน ดูแลน้องชายอยู่ในจวนฉู่กั๋วกงสถานที่เยี่ยงนั้น ยังวางแผนเอาคืนเช่นนั้น ในใจของหนานกงชวี่ไม่รู้ว่าต้องกักเก็บความโกรธแค้นไว้มากเพียงใด
อีกทั้งสุดท้ายหนานกงชวี่ยังไม่ดึงน้องชายน้องสาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งหนานกงฮุยและหนานกงมั่วออกไปให้ห่างจากเรื่องนี้ เขาต้องถูกประณามว่าเนรคุณบิดาเพียงผู้เดียว เพราะเหตุนี้ครั้งนี้องค์หญิงฉังผิงจึงมีภาพจำที่ดีกับเขามาก
เจ้าบ้านและแขกเข้านั่งประจำที่ องค์หญิงฉังผิงจึงได้เอ่ยถามถึงการมาของหนานกงชวี่ หนานกงชวี่หันไปมองหนานกงมั่ว หนานกงมั่วไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่สุดท้ายจึงเอ่ยความจริง เรื่องเช่นนี้ปิดบังไม่ได้ ตอนนี้ข่าวยังมาไม่ถึงโยวโจว แต่ผ่านไปอีกเพียงไม่กี่วันเดี๋ยวองค์หญิงฉังผิงก็ทราบแล้ว
เล่าเรื่องเซียวเชียนเยี่ยลดอำนาจผู้ปกครองเมืองไปคร่าวๆ หนึ่งรอบ องค์หญิงฉังผิงฟังจนใบหน้าซีดเซียว
“เช่นนั้นพี่หก…”
หนานกงมั่วเอ่ย “เสด็จแม่ได้โปรดวางใจ เสด็จลุงฉีอ๋องไม่มีทางมีอันตรายถึงชีวิตแน่นอนเพคะ เซียวเชียนเยี่ยต้องการเอาชนะผู้ปกครองเมืองด้วยวิธีที่นิ่มนวล จึงไม่มีทางลงมีกับเสด็จลุงฉีอ๋องในเวลานี้ได้เพคะ”
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ เอ่ย “เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี” แต่ไม่นานก็กังวลขึ้นมาอีกครั้ง “เช่นนั้นจวินเอ๋อร์อยู่กับเซี่ยลี่จะมีอันตรายหรือไม่” แม้องค์หญิงฉังผิงจะไม่รู้เรื่องการปกครองดีนัก แต่การเป็นองค์หญิงก็ยังเข้าใจอยู่บ้าง อย่างน้อย เซี่ยลี่ไม่ใช่คนของเยี่ยนอ๋องนางก็รู้ นึกถึงบุตรชายที่ยังอยู่เขตชายแดน จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไร
หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “จวินมั่ววรยุทธ์สูงส่ง ยอดฝีมือรอบกายเก่งกาจ ต่อให้เกิดเรื่องกะทันหันอย่างไรก็หนีได้ทัน เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลเพคะ”
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ “เมื่อก่อนเสด็จพ่อยังอยู่กังวลมาตลอด…ยามนี้เกรงว่า สิ่งที่เสด็จพ่อกังวลคงจะเป็นจริงแล้ว อู๋สยา ช่วงนี้ หากเจ้าออกนอกเรือนต้องระวังให้มาก แม้รอบกายจะมียอดฝีมือคอยคุ้มกัน แต่ว่าเชียนเยี่ย…” นึกถึงเซียวเชียนเยี่ยหลานชายผู้นี้ องค์หญิงฉังผิงลอบส่ายศีรษะอยู่ในใจ นึกถึงการตายของเสด็จพี่รัชทายาทและเสด็จพ่อ นึกถึงที่เซียวเชียนเยี่ยทำกับผิงชวนจวิ้นอ๋องและตามไล่ล่าพวกตน องค์หญิงฉังผิงมองหลานชายผู้นี้ไม่ดีนัก
ไม่ได้บอกว่าฮ่องเต้ไม่อาจใช้วิธีการร้ายกาจ แต่ว่าต้องใช้วิธีการเหล่านี้ในทางที่ถูกที่ควร ฮ่องเต้เช่นนี้จะทำสิ่งใดให้ลุล่วงได้จริงๆ หรือ เหล่าผู้ปกครองเมืองไม่ยอมรับเซียวเชียนเยี่ย ทว่าไม่คุ้นเคยกับการลอบกัด ที่เบื้องหน้าไร้ซึ่งความดีของเขา
หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ เอ่ย “เสด็จแม่วางใจเป็นพอ หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”
องค์หญิงฉังผิงจึงพยักหน้า เพียงแต่หว่างคิ้วยังคงขมวดมุ่นอย่างเป็นกังวล
ในกระโจมแม่ทัพที่ค่ายเขตแดน เว่ยจวินมั่วนั่งใบหน้าเรียบนิ่งอยู่ถัดจากเซี่ยลี่ก้มหน้าไม่เอ่ยวาจา
ดวงตาเซี่ยลี่หรี่ลง มองสำรวจชายหนุ่มในชุดสีครามตรงหน้า แม้ว่าเว่ยจวินมั่วจะอยู่ภายใต้เขามาสองเดือนกว่าแล้ว แต่เซี่ยลี่กลับไม่กล้าบอกว่าเขาเข้าใจผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ เดิมทีคิดว่าคนผู้นี้ที่ทำให้ฝ่าบาทไม่พอใจอย่างยิ่ง มาถึงค่ายทหารจะไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ง่ายๆ แต่ว่าบุตรชายต้าจั่งกงจู่ผู้นี้แม้นิสัยเย็นชา เมื่ออยู่ในสนามรบกลับลงมือเหี้ยมโหดทหารเก่าแก่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะฝันร้าย แต่ความจริงแล้วกลับไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเขา แม้แต่จะส่งข่าวกับเยี่ยนอ๋อง ลงมือกับงานในกองทัพ สิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้กลับไม่เคยเกิดขึ้น ราวกับว่า…เขาเป็นเพียงคนทั่วไปที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเท่านั้น
Comments