หมอหญิงยอดมือสังหาร 820 การแตกหักระหว่างพี่น้องที่คาดเดาได้ (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 820 การแตกหักระหว่างพี่น้องที่คาดเดาได้ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 819 หนิงอ๋อง (2)

หนานกงมั่วห้ามเว่ยจวินมั่วที่กำลังจะเอ่ยขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าไม่ลดลงแม้เพียงนิด เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ต้องขออภัย ปากอยู่บนใบหน้าของข้า ไม่หุบปากแล้วท่านจะทำอันใดได้หรือ”

“เจ้า…เจ้า…”

หนานกงมั่วเอ่ยขัดเขาอย่างไม่เกรงใจ “จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องมิได้หูหนวกใช่หรือไม่ คำของสามีข้าท่านไม่ได้ยินหรือ ได้โปรดหลบทางด้วยพวกเราจะเข้าไป โบราณว่า…ดีไม่ขวางทาง[1]”

ถึงแม้หนานกงมั่วไม่ได้เอ่ยคำนั้นออกมา แต่ไม่ได้แตกต่างกับการเอ่ยออกมา วาจาเช่นนี้มีใครไม่รู้บ้าง สีหน้าของเว่ยหงเฟยซีดขาวโกรธจนตัวสั่น จ้องเว่ยจวินมั่วเขม็ง เอ่ย “นี่คือสตรีที่เจ้าชอบหรือ หยาบคายไร้มารยาท…”

“ดีกว่าสายตาท่าน” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องถูกโจมตีไม่เบา โกรธเกรี้ยวเป็นที่สุดทว่ายิ้มออกมา “สายตาของข้าไม่ดีจริงๆ มิเช่นนั้นจะไปชอบมารดาของเจ้า…”

เพล้ง!

เว่ยหงเฟยยังเอ่ยไม่ทันจบ ร่างทั้งร่างพลันถูกพลังที่มองไม่เห็นปะทะกระเด็นออกไป โชคดีด้านหลังยังมีบุตรชายทั้งสองยืนขวางอยู่ สามพ่อลูกชนเข้ากับโต๊ะด้านหลังลงไปกองอยู่ด้วยกัน

“เว่ยจวินมั่ว” เว่ยจวินปั๋วชนปะทะจนเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาทนไม่ไหวในที่สุดก็รักษามาดสุขุมมีมารยาทเอาไว้ไม่ได้ ช่วยกันประคองเว่ยหงเฟยขึ้นมาพร้อมกับเว่ยจวินเจ๋อ กัดฟันเอ่ยเสียงดัง “เว่ยจวินมั่ว จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องของเราเลี้ยงเจ้ามายี่สิบกว่าปี เจ้าปฏิบัติกับบิดาเช่นนี้หรือ”

“เอ๋ ในที่สุดก็ไม่เสแสร้งเรียกว่าพี่ใหญ่แล้วหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยอย่างตกใจ “ก่อนหน้านี้มิใช่กระตือรือร้นจะเรียกเสด็จแม่ว่ามารดา เรียนจวินมั่วว่าพี่ใหญ่หรือ อีกทั้งดูเหมือนว่าจะเป็นครอบครัวของเสด็จแม่ที่เลี้ยงพวกไร้ประโยชน์อย่างพวกเจ้ามิใช่หรือ”

ครอบครัวขององค์หญิงฉังผิงแน่นอนว่าเป็นราชวงศ์ มิใช่ราชวงศ์หรอกหรือที่เลี้ยงดูผู้คนไร้ประโยชน์กลุ่มนี้ เว่ยจวินปั๋วแสดงสีหน้ากรุ่นโกรธขึ้นมา เอ่ยเสียงเข้ม “เยี่ยนอ๋องก่อกบฏ เว่ยจวินมั่วสมคบคิด ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเขาออกไปจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ต่อให้ไม่ได้ออกไป จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องของเราก็จะทำลายเขาเพื่อผดุงคุณธรรมแน่”

“อ้อ จวินมั่วไปจากจินหลิงน่าจะมีผลดีกับเจ้าจึงจะถูก เจ้าไม่คิดจะขอบคุณเขาหรือ จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องซื่อจื่อ” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

เพียงไม่กี่ประโยค เว่ยหงเฟยพลันโกรธขึ้นมาแล้ว จ้องมองเว่ยจวินมั่วด้วยสีหน้ารังเกียจ อีกทั้งยังมีความหวาดกลัวที่แฝงอยู่ลึกๆ “ลูกเนรคุณ”

การปะทะฝีปากของพวกเขาในครั้งนี้ เพียงพอต่อการให้ชาวเมืองสีจยวได้นำไปนินทาแล้ว สายตาที่มองไปยังเว่ยหงเฟยเต็มไปด้วยความหลากหลาย สีโจวจะอยู่ห่างจากจินหลิง ครานั้นข่าวเมื่อครั้งองค์หญิงฉังผิงคลอดบุตรออกมาทว่าบิดาไม่เลี้ยงคงถูกส่งต่อมาไม่ถึงสีโจว แต่ว่าเรื่ององค์หญิงฉังผิงหย่ากับสามีเรื่องเช่นนี้คงถูกส่งต่อและได้รับรู้ไปทั่วทั้งแผ่นดินแล้ว

ที่แท้ นี่ก็คือบุรุษที่ถูกองค์หญิงฉังผิงหย่าร้างนี่เอง

บุ รุษ ที่ ถูก หย่า ร้าง!

เว่ยหงเฟยนับว่าเป็นบุคคลเดียวในต้าเซี่ยแล้ว

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว หันไปหาผู้จัดการโรงเตี๊ยมด้านข้าง “ผู้จัดการ โรงเตี๊ยมอวิ๋นจงของพวกเจ้าเป็นโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในสีโจวจริงหรือ ปล่อยให้คนมาขวางทางไม่ให้แขกเข้าไปด้านในเองก็เป็นวิธีการของพวกท่านหรือ”

แม้โรงเตี๊ยมอวิ๋นจงเป็นของวังจื่อเซียว แต่นั่นเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ผู้จัดการร้านรีบเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “ฮูหยินผู้นี้ล้อเล่นแล้ว เชิญด้านในเถิดขอรับ” จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับเว่ยหงเฟย “เรื่องนี้…ท่านอ๋อง ขอท่านผู้สูงส่งอย่าได้ทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลยนะขอรับ ขอท่านเปิดทางให้ด้วย หากท่านมีสิ่งใดขัดแย้งต่อกัน ไปคุยส่วนตัวเป็นเช่นไรขอรับ”

ถูกผู้จัดการโรงเตี๊ยมเอ่ยเตือน เว่ยหงเฟยจึงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย หันไปมองสายตาของผู้คนที่จับจ้องมาในใจพลันรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา ตีหน้าตึงเบี่ยงตัวหลบ หนานกงมั่วจึงได้จูงมือเว่ยจวินมั่วเดินตามผู้จัดการร้านเข้าไปด้านใน

“พวกเจ้ามาสีโจวเพื่อการใด” ด้านหลัง เว่ยหงเฟยเอ่ยถามเสียงเข้ม

หนานกงมั่วยิ้มหยัน “ท่านอ๋องมาทำอันใดพวกข้าก้มาทำสิ่งนั้นน่ะสิ”

“ข้าน้อยคารวะคุณชาย จวิ้นจู่” เรือนด้านหลังโรงเตี๊ยมอวิ๋นจง ผู้จัดการร้านคารวะด้วยท่าทีน้อบน้อม หนานกงมั่วรู้ถึงเบี้ยงหลังของโรงเตี๊ยมอวิ๋นจงมาก่อนตั้งนานแล้วจึงไม่รู้สึกประหลาดใจ เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ จูงมือหนานกงมั่วมานั่งลงข้างกัน เอ่ยถาม “สีโจวมีความเคลื่อนไหวอันใด”

ผู้จัดการเอ่ย “รายงานคุณชาย นับตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจินหลิงส่งคนมาเกลี้ยกล่อมกนิงอ๋องหลายกลุ่มแล้วขอรับ เพียงแต่ไม่เคยสำเร็จ หลังจากข่าวเยี่ยนอ๋องเคลื่อนทัพถูกส่งมาถึง หนิงอ๋องเองก็คล้ายว่าจะไม่มีความเคลื่อนไหว กองกำลังไท่หนิงแห่งสีโจวเองก็ปกติ เดือนที่แล้วหนิงอ๋องยังนำทัพไปปราบกบฏชนเผ่าเล็กๆ ด้วยตนเอง เวลาอื่นๆ ก็ไม่มีความเคลื่อไหวผิดปกติใดๆ แล้วขอรับ”

หนานกงมั่วเอ่ยถาม “กลุ่มของเว่ยหงเฟยมาตั้งแต่เมื่อใด”

ผู้จัดการเอ่ย “กลุ่มของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องมาถึงสีโจมตั้งแต่ครั้งเดือนก่อนแล้วขอรับ ขอเข้าพบหนิงอ๋องทว่าไม่เคยได้เข้าพบ ทุกครั้งที่ไปขอเข้าพบล้วนถูกปฏิเสธตั้งแต่หน้าประตู เว่ยหงเฟยเองก็โกรธจนควันออกหูแต่ก็ทำอะไรไม่ได้” ที่นี่เป็นพื้นที่ของหนิงอ๋อง อย่าว่าแต่จวิ้นอ๋องที่ไม่มีอำนาจใดๆ อย่างเว่ยหงเฟย ต่อให้เป็นชินอ๋องหรือเซียวเชียนเยี่ยมาเองก็ต้องยอมให้เกียรติ เพียงประโยคเดียว มังกรขดตัวให้ข้า เสือหมอบลงให้ข้า คนต่างถิ่นไม่ว่าจะใหญ่มาจากที่ใดอย่างไรก็ปราบเจ้าถิ่นไม่ได้

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “หนิงอ๋องคนผู้นี้เป็นอย่างไร”

สีหน้าของผู้จัดการแปลกประหลาดขึ้นมา เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “หนิงอ๋อง…นิสัยแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย เมื่อครั้งหนิงอ๋องออกมาปกครองเมืองมีอายุเพียงสิบหก ใช้เวลาสามปีในการปราบโจรป่าสร้างความสงบให้สีโจว ปราบเผ่าต่างๆ ตามชายแดน ผู้คนต่างคิดว่าหนิงอ๋องจะเป็นเยี่ยนอ๋องคนที่สอง แต่ว่า…หลังจากนั้นสามปีหนิงอ๋องก็เหมือนจะไม่สนใจต่อการปกครองและการทหาร ทว่ากลับผู้ผิตรกับเหล่าปัญญาชนคนพเนจรในยุธภพ ร่ำสุราบรรเลงฉิน ชื่นชมการร่ายรำ รักความสนุกครื้นเครง อีกทั้ง หนิงอ๋องนั้นชื่นชอบหญิงงาม โสเภณีในสีโจวหลายคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหนิงอ๋อง เรือนหลังของหนิงอ๋องยังมีสวนดอกไม้หอม ในสวนมีครอบครัวนับไม่ถ้วน มีกระทั่งคุณหนูตระกูลใหญ่ไปจนถึงหญิงงามที่ดูโดดเด่นในตระกูลเล็กๆ กระทั่งจอมยุทธ์หญิงในยุทธภพและนางรำตะวันตก” เมื่อเทียบกับหนิงอ๋องผู้เสเพล เยี่ยนอ๋องที่รู้จักหักห้ามใจตนเองนั้นเป็นดั่งพระเจ้า

หากไม่เคยเจอหนิงอ๋องมาก่อนหน้า ได้ยินผู้จัดการร้านเอ่ยเช่นนี้เกรงว่าคงคิดว่าเป็นผู้มักมากในตัณหา

“แต่ว่าดูแล้วสีโจวก็ปกครองดีนี่” ประชาชนภายใต้การปกครองของสีโจวก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าโยวโจวเท่าใดนัก หรือหนิงอ๋องจะปกครองโดยให้เสรีภาพกับประชาชนจริงๆ

ผู้จัดการพยักหน้า เอ่ย “ความจริงแล้ว แม้หนิงอ๋องจะไม่ยุ่งเรื่องการปกครองด้วยตนเอง แต่ว่าในมือกลับมีผู้ความสามารถอยู่ไม่น้อย ผู้ใต้บัญชาของหนิงอ๋องโดยทั่วไปต่างก็มิกล้าทรยศหรือหลอกลวงเขาขอรับ”

“นี่เพราะเหตุใดกัน”

ผู้จัดการเอ่ย “หนิงอ๋องคล้ายจะไม่ใส่ใจประชาชนทว่าก็ไม่ได้โหดร้าย แต่ว่ากับผู้ใต้บัญชากลับเข้มงวดเป็นที่สุด” เข้มงวดเป็นวิธีการพูดที่เบามากแล้ว กับผู้ใต้บัญชาหนิงอ๋องเรียกได้ว่าโหดเหี้ยม

“สามปีก่อน จวนหนิงอ๋องมีผู้ดูแลคนหนึ่งยักยอกเงินไปหนึ่งพันตำลึง หลังจากหนิงอ๋องรู้…ก็ตัดมือทั้งสองข้างของผุ้ดูแลคนนั้นในตอนนั้น อีกทั้งหนึ่งปีก่อน ได้ยินมาว่าผู้ช่วยผู้ดูแลเอ่ยชื่นชมเซียวเชียนเยี่ยกับหนิงอ๋องไม่กี่ประโยค จึงถูกหนิงอ๋องตัดลิ้นขอรับ” โดยทั่วไปแล้วหนิงอ๋องไม่ใช่คนอารมณ์ร้าย ธรรมดาแล้วหากไม่ไปหาเรื่องเขา เอ่ยได้ว่าหนิงอ๋องนั้นเข้าหาง่าย แต่เพียงทำผิดต่อเขา แน่นอนว่าต้องทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าตาย ความสัมพัน์ที่มีก่อนหน้านั้นนับว่าสูญเปล่า ผู้จัดการอยู่ในสีโจวมาหลายปี รู้เรื่องเกี่ยวกับหนิงอ๋องเองก็ไม่ใช่วันสองวัน คนเช่นนี้ ดูเหมือนจะดี ความจริงแล้วกลับไร้ซึ่งความปราณี จิตใจเบื้องลึกเลือดเย็นเสียยิ่งกว่ามือสังหารที่คมดาบแปดเปื้อนเลือด แม้ก่อนหน้านั้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี เพียงทำผิดต่อเขาแล้วเจ้าก็ไม่ต้องคิดถึงความสัมพันก่อนหน้านั้นแล้ว สำหรับเขา ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาก็เป็นเหมือนเรื่องราวที่ผ่านไป ผ่านไปแล้วก็คือผ่านไปแล้ว

[1] ในที่นี้คือสำนวน สุนัขดีไม่ขวางทาง หมายถึง คนดีจะไม่กีดขวางหรือกีดกันสิ่งที่ผู้อื่นกำลังทำ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *