หมอหญิงยอดมือสังหาร 99 เรื่องประโลมโลกกฎปฏิบัติของตระกูล (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 99 เรื่องประโลมโลกกฎปฏิบัติของตระกูล (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มองไปยังเจิ้งซื่อที่กำลังเช็ดน้ำตา ดวงตาของหนานกงไหวจึงทะมึนลง

“ท่านพ่อ…ได้โปรดเถิด ท่านช่วยซูเอ๋อร์ด้วย” หนานกงซูกล่าวอ้อนวอนสะอึกสะอื้น

“ช่วยเจ้างั้นรึ” หนานกงไหวยิ้มเย็น “จะให้ข้าช่วยอะไรเจ้า ช่วยให้เจ้าได้ไปเป็นอนุภรรยาจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องหรือ ตอนนั้นข้าสั่งเจ้าว่าเยี่ยงไร เจ้ารีบร้อนถึงเพียงนี้เลยหรือ มารดาของเจ้าเคยสอนให้รู้จักมียางอายบ้างหรือไม่ ตอนนี้หยวนชุนมาด่าข้าถึงจวนได้ เหยียบศักดิ์ศรีจวนฉู่กั๋วกงของข้าจมเท้าไปแล้ว เจ้ายังบอกให้ข้าช่วยเจ้าอีกหรือ”

“ท่านพี่” เจิ้งซื่อตัวสั่นเทา มองหนานกงไหวด้วยท่าทางแค้นอกแค้นใจ หนานกงไหวส่งเสียงหึเบาๆ เอ่ยต่อว่า “บุตรีที่เจ้าสั่งสอนมาทั้งนั้น ช่างดีเหลือเกิน”

เจิ้งซื่อกล้ำกลืนความขมขื่นอยู่ในใจ “ท่านพี่ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว…เราต้องยอมให้ซูเอ๋อร์ไปเป็นอนุภรรยาดังเช่นเอ้อกั๋วกงกล่าวจริงๆ หรือ”

“อย่าได้คิดเลย” หนานกงไหวเอ่ย “ข้าเอ่ยบอกไปแล้ว อย่างมากข้าฉู่กั๋วกงก็เลี้ยงนางไปตลอดชีวิต”

“ท่านพี่!”

“ท่านพ่อ!”

ยามนี้หนานกงไหวไม่มีแม้ความรักหรือสงสารให้แก่บุตรีที่ทำให้เขาต้องขายหน้าแล้ว ออกคำสั่งเสียงเย็น “ข้าสั่งให้เจ้าอยู่ในจวนไม่ให้ออกไปไหน เจ้าทำเป็นหูทวนลม ยังกล้าทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ หากไม่ลงโทษเจ้าคนอื่นคงคิดว่าวาจาของข้าเป็นเรื่องตลกแล้ว เด็กๆ เชิญกฎปฏิบัติของตระกูล”

“ท่านพี่ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย” สีหน้าของเจิ้งซื่อพลันเปลี่ยน คนของหนานกงไหวปรากฏตัว กฎของตระกูลนั่นไม่มีความเมตตาเลยแม้เพียงนิด แม้แต่ชายหนุ่มยังยากจะรับไหว ยิ่งไปกว่านั้นซูเอ๋อร์เป็นเพียงสตรี หนานกงชวี่และหนานกงฮุยที่ยืนอยู่ด้านข้างใบหน้ายังถอดสี สีหน้าของหนานกงชวี่ยังนับว่าเรียบนิ่ง หนานกงฮุยกลับอดไม่ได้ ขยับเข้าไปหาหนานกงมั่วที่ยืนอยู่ด้านข้าง หนานกงมั่วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“ท่านพ่อ…ไม่เอา…ไม่เอา ซูเอ๋อร์ผิดไปแล้ว” หนานกงซูตกใจไม่น้อย ร่างทั้งร่างหดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเจิ้งซื่อ เมื่อเห็นว่าหนานกงไหวยังคงนิ่ง เจิ้งซื่อรีบกวาดตามองไปยังคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องโถง “คุณชายใหญ่…คุณชายรอง ขอพวกท่านได้โปรดช่วยซูเอ๋อร์ด้วย นางเป็นสตรีไหนเลยจะทนรับไหว”

ดวงตาของหนานกงฮุยไหววูบ ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่ เขาก้มหน้าลงไป หนานกงชวี่มองไปยังหนานกงไหว เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านแม่โปรดวางใจ ใช่ว่าท่านพ่อจะไม่มีขอบเขต”

เจิ้งซื่อจับแขนหนานกงซูเอาไว้แน่น เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงชวี่ก็อดเย็นวูบอยู่ในใจไม่ได้ หนานกงชวี่ยังคงเรียกนางว่าท่านแม่อย่างสุภาพ แต่เป็นครั้งแรกที่เจิ้งซื่อเริ่มสงสัยว่าแท้จริงคำว่าท่านแม่ที่หนานกงชวี่เรียกนั้นมีความหมายเช่นไร หนานกงฮุยนั้นนางยังมองเห็นความเมตตาและหวั่นไหวในดวงตาของเขาได้บ้าง แต่หนานกงชวี่นั้น…

“ซูเอ๋อร์ทำผิดเช่นนี้ หากไม่ลงโทษตามกฎของตระกูล เกิดแพร่งพรายออกไป คงมีคนได้หัวเราะเยาะจวนฉู่กั๋วกงของเราแล้ว” หนานกงชวี่เอ่ยเชื่องช้า

หนานกงไหวพยักหน้า เอ่ยขึ้น “ชวี่เอ๋อร์กล่าวได้ถูกต้อง ใครก็ห้ามมาขอร้องอ้อนวอน”

“ไม่…” มองดูคนถือไม้เข้ามา มีความยาวกว่าสามฉื่อ[1] ไม่รู้ว่ามันทำมาจากสิ่งใด ใบหน้าสวยของหนานกงซูยิ่งถอดสี มองไปยังหนานกงมั่วที่อยู่ด้านข้างอย่างโศกเศร้า “พี่สาว ช่วยข้าด้วย… พี่สาว ข้าขอร้องท่าน ช่วยข้าด้วย ฮือ ฮือ…ข้าต้องโดนท่านพ่อตีจนตายแน่”

หนานกงมั่วหลุบตาลง ยื่นมือไปดึงมือของหนานกงซูออก เอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมย “น้องสาว ครั้งนี้เจ้าทำผิดแล้ว เจ้าวางใจ เสือต่อให้โหดร้ายเพียงใดก็ไม่กินลูกของมัน ท่านพ่อไม่มีวันทำร้ายเจ้าหรอก”

“ไม่เอา…ข้ารู้ว่าเมื่อก่อนข้าทำไม่ถูก ข้าผิดไปแล้ว ขอท่านได้โปรดช่วยอ้อนวอนท่านพ่อด้วย” หนานกงซูอ้อนวอน

หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมา ทว่าดวงตากลับมีแววโกรธเกรี้ยว กัดฟันพลางเอ่ย “เจ้าทำเรื่องเช่นนี้แล้วขอให้ข้าช่วยอ้อนวอนงั้นหรือ ยามที่เจ้าทำเรื่องเช่นนี้เจ้าเคยนึกถึงที่บ้านเจ้ายังมีพี่สาวอยู่หรือไม่ ตระกูลเรายังมีพี่น้องอีกมากมายที่ยังไม่ออกเรือน เรื่องในวันนี้ เจ้าคิดว่าภายนอกนั่นจะปกปิดเอาไว้ได้หรือ เกรงว่า…เกรงว่าเย่ว์จวิ้นอ๋องไม่เพียงไม่ปกปิด ซ้ำยังกระพือให้โด่งดังเพื่อกดดันท่านพ่อ ถึงตอนนั้น…พี่น้องในจวนต่างต้องวอดวายไปกับเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ ข้า…ข้า เจ้าคิดว่าข้าแต่งเข้าจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องยังไม่แย่พอหรือ เจ้ายังคิดจะทำร้ายข้าเช่นนี้อีก”

เหลือบมองไปยังหนานกงไหว สีหน้านั้นเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก หนานกงมั่วยิ้มเย็นอยู่ในใจ คุณหนูใหญ่หนานกงไม่ชอบแสดงละครกับใคร แต่ไม่ได้หมายถึงนางจะแสดงไม่ได้ ไม่เพียงแสดงได้เท่านั้น คุณหนูใหญ่หนานกงร้องอ่านต่อยตีก็ยังทำได้ถนัดอีกด้วย อาภรณ์สีฟ้าอ่อนขยับไปตามร่างกาย แม้แต่แขนเสื้อก็ยังพริ้วไหวราวกับเต้นรำ

หนานกงฮุยนึกถึงว่าอีกไม่กี่เดือนน้องสาวของตนก็ต้องแต่งงานออกเรือนแล้ว ตอนนี้มาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่รู้แต่งออกไปแล้วองค์หญิงฉังผิงจะมองน้องสาวของตนอย่างไร เดิมยังรู้สึกสงสารหนานกงซูอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้ความสงสารนั้นไม่เหลือแม้เพียงเศษเสี้ยว

“มั่วเอ๋อร์ เจ้าอย่าเสียใจไปเลย วันนี้เว่ยซื่อจื่อเองก็อยู่ เขารู้ว่าเรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า องค์หญิงฉังผิงและจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่ทำให้เจ้าลำบากใจหรอก”

หนานกงมั่วส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง “เรื่องเช่นนี้…ไหนเลยคนที่ไม่เกี่ยวข้องจะรอดพ้นไปง่ายๆ ได้ ข้ายังดี…ไม่ว่าต่อไปจะดีหรือไม่ อย่างไรเสียก็เป็นการแต่งงานที่กำหนดโดยฝ่าบาท ทว่าพี่น้องในจวนเล่า…” หากนางกังวลชื่อเสียงของตนเอง วันนี้คงไม่สร้างเรื่องเช่นนี้เพื่อเอาคืนหนานกงซูหรอก

ใบหน้าหนานกงไหวเข้มขึ้น “โบยยี่สิบไม้”

“เจ้าค่ะ นายท่าน…” สาวใช้วัยกลางคนสองคนรีบเดินเข้ามา หนึ่งคนกดหนานกงซูติดกับพื้น หนานกงไหวโกรธจนคิดอยากจะใช้โซ่ตรวน สาวใช้อีกคนยกไม้โบยตีไปที่หนานกงซู

“โอ๊ย” หนานกงซูกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ผ่านไปชั่วครู่น้ำหูน้ำตาก็ทะลักลงมาไม่หยุด “ท่านพ่อ ซูเอ๋อร์ผิดไปแล้ว…ได้โปรดท่านปล่อยซูเอ๋อร์ไปด้วยเถิด”

เพียะ เพียะ

“ไม่เอา ท่านพี่ ไม่ต้องตีซูเอ๋อร์แล้ว เป็นความผิดของข้าเอง” เจิ้งซื่อทนไม่ไหว เข้าไปบังหนานกงซูเอาไว้ สาวใช้ที่จับเอาไว้มองหนานกงไหวด้วยสีหน้าลำบากใจ หนานกงไหวเอ่ยด้วยความหงุดหงิด “ลากออกไป ถ้าไม่ออกก็โบยไปด้วยกัน” สาวใช้หลายคนรีบเดินเข้าไปดึงเจิ้งซื่อออกมา ห้องโถงมีเสียงโบยและเสียงร้องโหยหวนของหนานกงซูดังขึ้นอีกครั้ง

ยี่สิบไม้ ไม่กล่าวว่าหนักก็ไม่หนัก ทว่าหากจะว่าเบาก็ไม่เบา หากเป็นการโบยธรรมดาคงจะเจ็บอยู่ไม่นานก็หาย ทว่าการลงโทษโบยด้วยกฎขอตระกูลนั้นทรมานกว่ามาก เมื่อโบยลงไปหนึ่งครั้งแล้วต้องหยุดก่อน รอให้ดีขึ้นแล้วจึงโบยลงไปอีกครั้ง วิธีการโบยแบบนี้ ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งการโบยแต่ละไม้ยังสร้างความหวาดกลัวไม่น้อย ทำให้ความหวาดกลัวและจินตนาการถึงความเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก

“ฮือ ฮือ…ท่านพ่อ ไว้ชีวิตข้าเถิด…” เมื่อผ่านไปกว่าสิบไม้ หนานกงซูก็เจ็บจนลุกไม่ขึ้นแล้ว ระหว่างกำลังเจ็บปวด นางพลันมองเห็นรอยยิ้มหยันที่หนานกงมั่วส่งมาให้ หนานกงซูเบิกตากว้าง ทว่ากลับเห็นว่าหนานกงมั่วนั้นมองมาที่ตนด้วยใบหน้าเฉยเมย

“เจ้า…นังแพศยา” หนานกงซูอดไม่ได้ร้องตะโกนออกมา “หนานกงมั่วนังแพศยา…เป็นเพราะเจ้า…”

“บังอาจ” ไฟโกรธของหนานกงไหวโหมกระพือขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “โบยเพิ่มอีกสิบไม้ สั่งสอนนางว่าต้องเคารพต่อพี่สาวเช่นไร”

………………………………………………………………………………….

[1] ฉื่อ หน่วยวัดดั้งเดิมของจีน 1 ฉื่อขนาดราวๆ 1 ฟุต

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *