หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรักตอนพิเศษ 80 เวยเวยผู้โอหัง
ตอนพิเศษ 80 เวยเวยผู้โอหัง
นี่ช่างเป็นมหันตภัยที่ไม่ได้ก่อโดยแท้! เขาทั้งไม่ได้ทำอะไรผิดให้ธิดาเทพโกรธ ทั้งไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับตำหนักเทพเสวี่ยซาน เหตุใดธิดาเทพถึงต้องนำคนมาล่าสังหารเขาถึงที่ทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บหนักอยู่เช่นนี้ด้วย ซ้ำยังชักกระบี่ธิดาเทพออกมาด้วยอีก!
กระบี่ธิดาเทพเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญเยี่ยงชีวิตของธิดาเทพทุกรุ่น มันมีความน่าเกรงขามอันมหาศาล พละกำลังไม่น้อยกว่าจอมเทพเลย แน่นอนว่านั่นเป็นยามที่กระบี่เชื่อมประสานกับเป็นหนึ่งเดียวกับคน
กระบี่ธิดาเทพโดยมากมักได้รับการตั้งบูชาอยู่ในตำหนักธิดาเทพ หากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ จะไม่นำออกมาใช้ง่ายๆ นอกจากเพราะกลัวว่าพลังของมันจะนำความเสียหายมาสู่แดนเทพแล้ว ยังเป็นเพราะมันเป็นอาวุธที่เป็นดั่งแก่นชีวิตของธิดาเทพ หากอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้ได้รับความเสียหาย ธิดาเทพก็จะต้องพบเจอกับแรงสะท้อนกลับที่หนักหนาเอาเรื่องทีเดียว
เทพเป่ยไห่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ เขากับธิดาเทพจะต้องเคียดแค้นต่อกันมากเพียงใด นางถึงได้คิดจะเอาอาวุธที่ทรงอานุภาพเช่นนี้ออกมาใช้
เทพเป่ยไห่คิดจะไปถามต่อหน้าธิดาเทพให้ได้ความกระจ่าง แต่ก็จนใจที่เพียงแค่ย่างออกจากตำหนัก ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็ถูกเสวี่ยหลันอีฟันกระบี่เข้าใส่อย่างดุดันเสียแล้ว!
ลมกระบี่ที่ดุดันแปรเปลี่ยนเป็นแสงจำนวนนับไม่ถ้วนที่คมกริบพุ่งปรี่ไปตามในอากาศ มุ่งตรงเข้าหาเทพเป่ยไห่
เทพเป่ยไห่ไหนเลยจะคิดว่าสิ่งที่ต้อนรับตนจะเป็นการโจมตีที่หมายถึงชีวิต หัวคิ้วเขาเลิกขึ้นสูง ยังดีที่คนที่ถูกโจมตีเป็นเขา หากเป็นคนอื่นคงตายด้วยลมกระบี่ของธิดาเทพไปแล้ว
เทพเป่ยไห่รีบกางข่ายอาคมขึ้นกันคมแสงกว่าครึ่งเอาไว้ แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ทะลุผ่านข่ายอาคมเข้ามาได้ พุ่งเข้าเฉือนหัวไหล่และหน้าอกเขาให้หลายแผลอย่างไร้ปราณี
ต้องรู้ก่อนว่าเสวี่ยหลันอีในช่วงที่สภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อมที่สุดก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เวลานี้ร่างกายนางบาดเจ็บหนัก ความสามารถหดหายไปมาก โดยหลักการแล้วเขาไม่มีทางเสียเปรียบนาง แต่กระนั้นแค่เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำเขาบาดเจ็บได้แล้ว
บางทีส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ที่มากกว่านั้นคือกระบี่ของธิดาเทพมีอานุภาพสมคำร่ำลือจริงๆ
บาดแผลเท่านี้สำหรับเทพเป่ยไห่แล้วไม่มีผลอะไรนัก ชั่วจังหวะที่เขาหันไปมองธิดาเทพ เขาก็ใช้พลังปราณเทพรักษาบาดแผลจนหายสนิทแล้ว แต่การถูกสตรีนางหนึ่งทำให้บาดเจ็บนั้นทำให้เขาเสื่อมเสียศักดิ์ศรีอย่างไม่ต้องสงสัย
สีหน้าเขาค่อยๆ ดูดุขึ้น “เสวี่ยหลันอี เจ้าเป็นบ้าอะไรไป ข้าไปแหย่หรือไปทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจเข้าหรือ เจ้าถึงได้ลงมือรุนแรงกับข้าเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าที่เจ้าหมายจะเอาชีวิตข้าก็เพื่อเลือดมังกรครึ่งหยดนั่น หากเจ้าต้องการจริงๆ ข้าให้เจ้าก็แล้วกัน! หลายปีที่ผ่านมานี้ข้าปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไร เจ้าไม่รู้แก่ใจเลยสักนิดหรือ ข้าจะคอยมองเจ้าตายจากไปเช่นนั้นได้จริงๆ งั้นหรือ”
ประโยคนี้กลับมาจากใจจริง ถึงเขาจะใช้เลือดมังกรในการบีบบังคับเสวี่ยหลันอี แต่หากเสวี่ยหลันอียอมตายดีกว่ายอมทำตาม เขาก็ไม่มีทางเห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยอย่างแน่นอน
เสวี่ยหลันอีถูกไฟโทสะสุมทรวงจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว มีหรือจะใจเย็นมาฟังคำอธิบายจากเขา ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีนางเชื่อว่าสุดท้ายแล้วเขาจะมอบโลหิตมังกรให้นาง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเขาแหลกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี
เป็นเพราะนางเชื่อมั่นในความรู้สึกที่บุรุษผู้นี้มีให้นางมากเกินไปถึงไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ หากรู้ว่าจะมีวันนี้ครานั้นนางน่าจะฆ่าเขาให้จบๆ ไปเสีย!
“หากเมื่อครานั้นเจ้าไม่ฉวยโอกาส ข้าจะสูญเสียความบริสุทธิ์ได้อย่างไร แล้วจะถูกเจ้าหลู่เกียรติถึงเพียงนี้ได้อย่างไร”
ประโยคสุดท้ายเทพเป่ยไห่ฟังไม่เข้าใจนัก แต่ก็คิดเพียงว่านางเดือดดาลจนพูดไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ครุ่นคิดต่อให้ถี่ถ้วน และไม่ได้ซักถามต่อเช่นกัน เทพเป่ยไห่ยิ้มเย็นขณะมองหน้านาง “เจ้ากล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะ เรื่องเมื่อครานั้นทั้งๆ ที่เจ้าเป็นคนกดข้าลง นัวเนียข้าอยู่เจ็ดวันเจ็ดคืน วิชาที่ข้าฝึกมาแตกสลาย พลังปราณที่ติดตัวมาก็ถูกเจ้าสูดไปจนแห้งเหือด เหตุใดมาวันนี้กลับเป็นข้าที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้าเสียเล่า”
ลูกศิษย์หญิงของตำหนักเทพเสวี่ยซานกับลูกน้องของเทพเป่ยไห่ล้วนยืนถือกระบี่ถือหน้าไม้ประจันหน้ากันอยู่ด้านข้าง พอได้ฟังที่เทพเป่ยไห่เอ่ยจบก็พากันตะลึงค้างประหนึ่งเห็นผีก็ไม่ปาน
บุรุษหนุ่มที่ชื่อไหวอวี่หัวเราะขึ้นมาอย่างโอหัง “เรื่องความสามารถด้านระเริงรักนั้น หากตำหนักเทพเสวี่ยซานเป็นที่สอง คงไม่มีใครกล้าเป็นที่หนึ่ง!”
เสวี่ยหลันอีไม่คิดว่าเทพเป่ยไห่ที่เมื่อก่อนยอมโอนอ่อนตามใจนางทุกอย่าง แทบอยากจะเอานางมาประคองไว้ในฝ่ามือนั้น ครั้นพอเปลี่ยนฝั่งแล้วจะไร้เยื่อใยต่อกันเพียงนี้ นอกจากความตกใจแล้ว นางยังรู้สึกว่าที่หัวใจตนเจ็บจี๊ดคล้ายถูกมีดแทง!
เมื่อครั้งเขาประคบประหงม เอาใจ รักใคร่ เอ็นดู นางทำเป็นไม่สนใจ ไม่เคยมองหน้ากันดีๆ สักครั้ง แต่เขาก็ยังปฏิบัติต่อนางด้วยดีดังเช่นวันแรกพบหน้า จนทำให้นางลืมนึกไปว่าเมื่อถึงเวลาที่ความจริงถูกตีแผ่ออกมาต่อหน้า จะดุเดือดเลือดพล่านเพียงใด
แต่นางจะยอมรับได้อย่างไร
นั่นไม่ใช่ความผิดของนาง!
ไม่ใช่ของนาง!
ไม่ใช่!
ดวงตาของเสวี่ยหลันอีแดงก่ำจนดูน่ากลัว นางชูกระบี่ธิดาเทพขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าคนชั่ว คอยมองกระบี่ข้าให้ดี!”
เทพเป่ยไห่จ้องตาที่แดงก่ำของนาง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ทั้งสองปะทะฝีมือกันกลางอากาศอย่างดุเดือด ลูกศิษย์ของทั้งสองฝ่ายก็ห้ำหั่นกันสุดพลังเช่นกัน
หมิงซิวอาศัยจังหวะนั้นหลบออกจากตู้เสื้อผ้า แขนอุ้มบัวน้ำแข็งน้อยไว้พลางเดินไปทางประตู
ตอนเดินผ่านเสื้อผ้าที่กองระเกะระกะ บัวน้ำแข็งน้อยกระโดดลงจากแขนเขาลงไปบนพื้นที่อบอุ่น แหวกกองเสื้อผ้าแล้วคว้าเอากระจกปี้คงบานนั้นขึ้นมา
บัวน้ำแข็งน้อยถือกระจกกระโดดกลับขึ้นมาให้หมิงซิวอุ้ม
ด้านนอกตำหนักใหญ่ ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่มีใครทันสังเกตเห็นหมิงซิวที่แอบเดินออกไป
หมิงซิวพาเฉียวเวยเวยกลับไปยังดินแดนลับอย่างปลอดภัย คณะของไห่คงจื่อไปที่หอคอยผนึกปีศาจยังไม่กลับมา จู๋อีคุกเข่าอยู่กลางเรือนด้วยความรู้สึกผิด ก้มหน้านิ่งไม่ขยับ
บัวน้ำแข็งน้อยชะโงกหน้าออกมาอยากดูว่าจู๋อีเป็นอะไร แต่หมิงซิวกลับจับนางกดเอาไว้ เดินดุ่มๆ เข้าห้องไปโดยไม่เหลือบตามอง
หมิงซิววางบัวน้ำแข็งน้อยลงบนเตียงอ่อนนุ่ม ตีหน้าเครียดเอ่ยว่า “แปลงร่างกลับมา ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
บัวน้ำแข็งน้อยได้ยินน้ำเสียงเหมือนจะต่อว่าก็โมโหขึ้นมาทันที คว้ากระจกหันหลังหนี ไม่สนใจเขา
หมิงซิวเห็นว่านางยังเอาแต่ใจก็อดโมโหขึ้นไม่ได้ “เจ้าโกรธอะไร คนที่ควรโกรธไม่ใช่ข้าหรือ ข้าทำอะไรให้เจ้าถึงต้องหนีออกจากบ้าน เจ้าไปโดยไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้เคยคิดถึงความรู้สึกคนอื่นบ้างหรือไม่ เคยคิดถึงความปลอดภัยของตนเองบางหรือไม่ ครั้งนี้ยังนับว่าเจ้าโชคดี แต่เจ้าจะรอดจากอันตรายเช่นนี้ไม่ได้ทุกครั้งหรอกนะ!”
บัวน้ำแข็งน้อยโดนต่อว่าจนรู้สึกน้อยใจ น้ำตาหยดน้อยๆ กลิ้งกลอกลงจากกลีบดอกไม้ไม่หยุด
น้ำตานางไหลจนน่าสงสาร ไหลจนบัวน้ำแข็งน้อยกลายเป็นบัวน้ำน้อยไปเสียแล้ว
หมิงซิวยังไม่รู้ว่านางเป็นอะไร ถามออกไปโดยไม่ทันคิดว่า “นี่เจ้าทำธุระเบาอยู่หรือ”
บัวน้ำแข็งน้อย “…”
บัวน้ำแข็งน้อยร้องไห้จ้าออกมาทันที!
ประหนึ่งไปเจาะถูกตาน้ำ น้ำตาเม็ดน้อยๆ กลายเป็นทางน้ำไหล ไม่เท่าไรเตียงก็เปียกชุ่มไปหมด พื้นมีน้ำนอง กะละมังลอยขึ้นมา โต๊ะเก้าอี้ก็ถูกน้ำพัดไปด้วย
จู๋อีที่คุกเข่าอยู่หน้าประตูถูกระลอกน้ำซัดจนแทบจะกระเด็นไปตามน้ำ!
หมิงซิวเลยได้รู้เสียทีว่าน้ำหยดน้อยๆ นั้นคือน้ำตาของบัวน้ำแข็งน้อย แต่นี่มันมากเกินไปแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปอีก ทั่วทั้งดินแดนลับคงได้จมหายไปกับน้ำแน่
“เจ้า…เจ้าไม่ต้องร้องแล้ว” หมิงซิวทำอะไรไม่ถูก “ตอนเป็นเด็กเจ้าไม่เห็นร้องเลย เหตุใดพอโตแล้วถึงได้…”
ว่าข้าอีกแล้ว!
บัวน้ำแข็งน้อยยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม…
ท่านเทพถูก “น้ำหลาก” พัดออกไป เขาลอยไปอยู่หน้าหลังคาห้องหลังหนึ่ง จู๋อียื่นมือมาดึงเขาขึ้นไป
ทั้งสองนั่งอยู่บนชายคาที่สามารถถูกน้ำพัดพาไปได้ทุกเมื่อ เนื้อตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก สภาพเหมือนแมลงน้อยน่าสงสารที่หาทางกลับบ้านไม่ถูก เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก
จู๋อียื่นผ้าเช็ดหน้าเพียงผืนเดียวที่แห้งสนิทไปให้ “ท่านเทพ นี่เจ้าค่ะ”
หมิงซิวรับผ้าเช็ดหน้าไปพับเก็บเอาไว้ ไม่ได้เช็ดหน้า พักหนึ่งหมิงซิวถึงกระแอมขึ้นเบาๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เจ้าหาทางทำให้นางหยุดร้องที แล้วข้าจะไม่ถือสาเรื่องที่ก่อนหน้านี้เจ้าทำไว้”
จู๋อีหน้าตาเหมือนได้รับอภัยโทษ ขยับเข้าไปกระซิบบอกอีกฝ่ายที่ข้างหู
หมิงซิวพลันขมวดคิ้ว เอ่ยถามอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า “แค่นี้ก็ได้แล้ว?”
จู๋อีเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “สตรีล้วนง้อง่ายทั้งสิ้น นางอยากได้อะไรท่านให้นางก็พอแล้ว แต่หากวันนี้ท่านไม่ให้ ต่อให้ผ่านไปสักพักจนอารมณ์นางสงบลงเองแล้ว แต่วันหน้าหากมีเรื่องไม่พอใจขึ้นมาอีก นางก็จะรื้อฟื้นเรื่องเก่าไม่จบไม่สิ้น!”
หมิงซิวเหลือบมองจู๋อีทีหนึ่ง สีหน้ามีแววอึดอัด จู๋อีหันไปอย่างรู้งาน “ข้าไม่แอบมอง ข้าสาบาน!”
หมิงซิวร่ายวิชากั้นน้ำ สายน้ำแหวกออกเป็นทางเดิน เขาเดินเข้าไปในห้องแล้วดึงบัวน้ำแข็งน้อยที่ร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายเข้ามากอดไว้
หมิงซิวสูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ปลายนิ้วที่เรียวยาวประหนึ่งหยกดึงเอาใบบัวที่ปิดกลีบช่อเอาไว้ออกเบาๆ แล้วโน้มตัวลงไปจุมพิตที่กลีบช่ออย่างอ่อนโยน
บัวน้ำแข็งน้อยหยุดร้องไห้
วินาทีต่อมาบัวน้ำแข็งน้อยแปลงร่างกลับมาเป็นคนดังฟึ่บ เบิกตากลมโตกะพริบมองเขา
หมิงซิวเอ่ยถาม “ยังโกรธอยู่หรือไม่”
นางพยักหน้า
หมิงซิวจึงถามต่อ “ต้องทำอย่างไรถึงจะหายโกรธข้า”
เฉียวเวยเวยคว้ากระจกมาสะบัด ไม่มีอะไรฉายออกมา นางเลยจับกระจกฟาดลงกับพื้นดังปั่ก ปั่ก ปั่ก ปั่ก ฟาดจนกระจกปี้คงสั่นรัว แล้วในที่สุดก็ปรากฏภาพบุรุษกับสตรีนางหนึ่งขึ้นมา…
เฉียวเวยเวย “จะเอาแบบนี้”
หมิงซิว “…”
Comments