หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง 544 มะ…มันจะ…บังเอิญและไม่คาดฝันเกินไปหน่อย
ตอนที่ 544 มะ…มันจะ…บังเอิญและไม่คาดฝันเกินไปหน่อย
นางติงรู้ว่าบุตรสาวนัดหมายกับจวิ้นจู่ตำหนักหมินอ๋องเอาไว้ นางจึงส่งแม่นมหวังที่ไว้ใจที่สุดและมีความสามารถที่สุดตามบุตรสาวมาด้วย หลังได้ยินแบบนั้นแม่นมหวังก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที ‘คุณหนูของบ่าว ! เรื่องของจวิ้นจู่ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะมากังวลได้หรอกเจ้าค่ะ ! วิธีที่ท่านใช้พูดกับจวิ้นจู่ก็ดูสนิทสนมเกินไปหรือเปล่า ? อีกฝ่ายเป็นจวิ้นจู่น้อยแห่งตำหนักหมินอ๋อง ฐานะสูงส่ง ท่านจะทำตัวสบายได้หรือ ? ’
หลินเว่ยเว่ยมองไปนอกหน้าต่าง หิมะขาวผ่องโปรยปรายลงมาอีกครั้ง นางยกมือเท้าคางพลางเอ่ย “น้องหลิงเอ๋อร์ เราจะนั่งดื่มชาอยู่อย่างนี้จริงหรือ ? ”
ติงหลิงเอ๋อร์มองออกไปนอกหน้าต่าง แต่แล้วจู่ ๆ ดวงตาของนางก็เปล่งประกาย นางพูดพร้อมรอยยิ้ม “พี่หลิน ตอนนี้ดอกเหมยที่หลังเขาวัดต้าเจวี๋ยน่าจะบานแล้ว ถ้าอย่างไร…เราไปชมดอกเหมยกันดีหรือเปล่า ? ”
ชมดอกเหมย ? หลินเว่ยเว่ยไม่ใช่พวกมีอารมณ์สุนทรี แต่ถ้าเด็ดดอกเหมยกลับไปให้บัณฑิตน้อย ให้เขาดมกลิ่นดอกเหมยในตอนที่อ่านตำราจนเหนื่อยล้า ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเหมือนกัน !
ว่าอย่างไรนะ ? เด็กผู้หญิงสองคนจะวิ่งออกไปดูดอกเหมยที่นอกเมือง หากเกิดอะไรขึ้นมา พวกนางจะอธิบายกับตำหนักหมินอ๋องอย่างไร ?
ขณะที่แม่นมหวังกำลังจะเอ่ยปากห้าม นางก็เห็นหลินเว่ยเว่ยลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว “ยังจะรออะไรอีก ? ไปสิ ! ”
ติงหลิงเอ๋อร์หันไปมองแม่นมหวังแล้วหันมาถามด้วยน้ำเสียงลังเล “จะ…จะไปจริงหรือ ? แต่…ถ้าเกิด ‘อะไร’ ขึ้นกับเด็กผู้หญิงอย่างเรา…”
“หุบเขาลึกหรือป่าโบราณ ข้าก็ไปมาหมดแล้ว เมืองหลวงเป็นระบบระเบียบขนาดนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้น ? วางใจเถิด มีพี่หลินอยู่ ไม่มีทางปล่อยให้มี ‘อะไร’ เกิดขึ้นแน่นอน ! ” หลินเว่ยเว่ยสวมเสื้อคลุมแล้วหันไปมองติงหลิงเอ๋อร์ “เจ้าจะไปหรือเปล่า ? ถ้าไม่ไป ข้าไปเองคนเดียวแล้วนะ ? ”
“ไป ไป ! ” ติงหลิงเอ๋อร์ไม่สนใจสัญญาณลับของแม่นมหวังอีกต่อไป นางเดินตามไปพร้อมรอยยิ้ม “แม้แต่เสือ พี่หลินก็เคยฆ่ามาแล้ว ถ้ามีสิ่งที่ไม่ดูตาม้าตาเรือพุ่งเข้ามา ก็อัดมันจนแม้แต่มารดายังจำไม่ได้ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ! ”
“ฮ่าฮ่า ! ใช่ อัดให้เหมือนหมูแล้วเอาไปขายที่แผงขายเนื้อ ! ” หลินเว่ยเว่ยให้ชุนซิ่งไปจ่ายเงิน จากนั้นก็ชวนติงหลิงเอ๋อร์มานั่งรถม้าของตำหนักหมินอ๋อง
ติงหลิงเอ๋อร์ปีนขึ้นไปบนรถม้าแล้วบ่นพึมพำว่า “พี่หลิน ข้าเป็นคนส่งเทียบเชิญให้ท่านมาดื่มชา แล้วเหตุใดท่านถึงเป็นคนจ่าย ? ”
“เจ้าเป็นคนชวน ข้าเป็นคนจ่าย ไม่ดีหรือ ! ” หลินเว่ยเว่ยเห็นตัวเองเป็นผู้ใหญ่ที่หาเงินก้อนโตได้ แล้วจะปล่อยให้เด็กสาวตัวเล็ก ๆ มาเลี้ยงได้อย่างไร ?
ติงหลิงเอ๋อร์ไม่พูดต่อให้มากความ นางมองไปยังกล่องอาหารในรถม้าแล้วถามว่า “ที่แท้พี่หลินก็เตรียมตัวมาล่วงหน้าแล้ว ? ”
“เตรียมตัวอะไรกัน ? นี่เป็นขนมที่ข้าเอามาให้เจ้า ข้าเพิ่งทำตอนเช้านี้เอง อีกประเดี๋ยวหิวแล้วจะได้กินพอดี ! ” หลินเว่ยเว่ยเปิดกล่องอาหารเพื่อเผยให้เห็นขนมตุ๊กตาหิมะตัวน้อยด้านใน…ขนาดของมันใหญ่กว่าที่หมินหวางเฟยเสวยประมาณหนึ่งเท่าตัว “เจ้าจะลองชิมสักชิ้นก่อนหรือไม่ ? ”
ในรถม้ามีเพียงหลินเว่ยเว่ยและติงหลิงเอ๋อร์สองคนเท่านั้น พวกสาวใช้ถูกไล่ให้ไปนั่งรถม้าของตระกูลติง ดังนั้นติงหลิงเอ๋อร์จึงได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ทำตัวสุภาพและประหม่ามากนัก นางหยิบขนมออกมาหนึ่งชิ้นด้วยความระมัดระวังแล้ววางมันลงที่ฝ่ามือของตน…ตุ๊กตาหิมะขาวไปทั้งตัว จมูกแดงๆ ดวงตาสีดำ แล้วยังมีหมวกสามเหลี่ยมใบน้อยสีแดงอีกด้วย น่ารักสุด ๆ ไปเลย
“พี่หลิน ท่านทำขนมออกมาดูดีเกินไปแล้ว ทำให้ข้าไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ? ” ติงหลิงเอ๋อร์ชอบมาก ช้อนน้อย ๆ ในมือนางไม่รู้จะเริ่มตักกินจากตรงไหนดี
หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “แม้ขนมจะดูดีขนาดไหน แต่สุดท้ายก็เป็นของกิน ! ” ขณะพูด นางก็จับมือติงหลิงเอ๋อร์เพื่อให้ตักหัวตุ๊กตาหิมะออกมา ก่อนจะเคลื่อนไปที่ปากของติงหลิงเอ๋อร์
ติงหลิงเอ๋อร์อ้าปากรับขนมรสหวานหอม ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เริ่มแดง หันกายหนีเล็กน้อย หลังลูบหางตาตัวเองแล้วก็พูดออกมาเบา ๆ ว่า “พี่หลินไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ดีเหลือเกิน ! ”
หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะของอีกฝ่ายแล้วทำเสียงดุ “สายตาของเจ้ามีปัญหาหรือไร ? ใครบอกว่าข้าไม่เปลี่ยนไป ? หรือเจ้ามองไม่เห็นว่าข้าดูดีขึ้นมาก ? ”
ติงหลิงเอ๋อร์มองเสื้อผ้าที่วิจิตรบนตัวอีกฝ่ายแล้วออกแรงพยักหน้ารับ “ตอนนี้ข้าเห็นแล้ว พี่หลินงดงามขึ้นมากกว่าเดิม ! ”
“ปากน้อย ๆ ของเจ้าช่างพูดเรื่องเหลวไหลเก่งเสียจริง ! ” หลินเว่ยเว่ยบีบใบหน้าที่อวบขึ้นเล็กน้อยของอีกฝ่าย รถม้าได้เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง รอบข้างดูรกร้าง บนฟ้าเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ แต่ไม่สามารถหยุดคนที่จะมาชมดอกเหมยได้เลย ระหว่างทางไปวัดต้าเจวี๋ยจึงมีรถม้าวิ่งตามกันอยู่หลายคัน
“หืม ? เหตุใดจึงหยุดรถ ? ” หลังกินขนมหมดหนึ่งชิ้น ติงหลิงเอ๋อร์ก็เล่นอู๋จื่อฉีอยู่กับหลินเว่ยเว่ย ระหว่างทางจึงไม่มีคำว่าเบื่อ นางเลิกม่านหน้าต่างขึ้น เกล็ดหิมะลอยเข้ามาและด้านนอกยังเป็นทุ่งหิมะขาวโพลน ยังไปกันไม่ถึงวัดต้าเจวี๋ยเลย !
ทันใดนั้นเสียงคนขับรถม้าที่อยู่ด้านนอกก็ดังขึ้น “จวิ้นจู่ ด้านหน้ามีรถม้าติดหลุมหิมะ จึงขวางทางเราไว้ขอรับ”
หลินเว่ยเว่ยกระโดดลงจากรถม้า นางอยากไปดูว่าใครช่างโชคร้าย ถึงขั้นขับรถม้าไปติดหลุมหิมะในวันที่หิมะตกหนักเช่นนี้ได้…ไม่รู้ว่าคนในรถม้าจะเป็นอะไรหรือเปล่า ?
“พวกเจ้าสองสามคนมายกล้อรถ คนขับทั้งสี่ก็ควบคุมม้าแล้วฟังข้าออกคำสั่ง หนึ่ง สอง ออกแรง ! ” คนที่ออกคำสั่งเป็นชายหนุ่มยังมีอายุไม่มาก
หลินเว่ยเว่ยเดินเข้าไปดู แล้วถามด้วยความเกียจคร้านว่า “ให้ข้า…มะ…มันจะ…บังเอิญและไม่คาดฝันเกินไปหน่อยแล้ว ! ถึงขั้นได้มาเจอคุณชายหวงที่นี่ ! ”
สวรรค์ ! เหตุใดองค์รัชทายาทจึงมาอยู่ที่นี่ ? หรือว่าผู้ใหญ่เป็นแบบอย่าง ผู้น้อยก็เลยทำตาม ? ฮ่องเต้ชอบออกมานอกวัง องค์รัชทายาทก็เป็นไปกับเขาด้วยอีกคน ? ดูพระองค์สิ วันที่หิมะตกหนักเช่นนี้กลับไม่อยู่ในวังดี ๆ ออกมานอกเมืองทำไม ?
“เฉวียนเอ๋อร์ กู่เหนียงคนนี้คือ…” เสียงของสตรีที่นุ่มนวลดังออกมาจากรถม้า
“หมู่…ท่านแม่ขอรับ เป็นเว่ยเว่ยจวิ้นจู่ของตำหนักหมินอ๋องขอรับ” องค์รัชทายาทก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน พระองค์มองไปที่ด้านหลังของหลินเว่ยเว่ย ไม่พบผู้คุ้มกันตามมาสักคน เสด็จอาหมินอ๋องก็ช่างใจกล้าจริง ๆ ถึงขั้นปล่อยจวิ้นจู่ที่เพิ่งตามหาตัวได้ไม่นาน ออกมาวิ่งตากหิมะยังเขตนอกเมืองหลวงเช่นนี้ ?
ท่านแม่ ? มารดาขององค์รัชทายาท ก็คือ…
หลินเว่ยเว่ยจ้องรถม้าด้วยสีหน้าตกตะลึง ทันใดนั้นก็มีใบหน้าอ่อนเยาว์โผล่ออกมาจากหน้าต่าง เด็กน้อยมองนางด้วยรอยยิ้ม “เจ้าก็คือเว่ยเว่ยจวิ้นจู่ที่ปะทะกับหมินอ๋องได้ถึงห้าสิบกระบวนท่าใช่หรือไม่ ? ”
คนที่สามารถนั่งรถม้าพระที่นั่งคันเดียวกับฮองเฮาได้และมีอายุต่างจากองค์รัชทายาทประมาณ 2 ปี…ถ้าเดาไม่ผิด คนผู้นี้น่าจะเป็นองค์หญิงเจียวเจียวพระธิดาองค์สุดท้องของฮ่องเต้กระมัง ?
หลินเว่ยเว่ยยิ้มอย่างถ่อมตน “นั่นเป็นเพราะฟู่หวางออมมือให้หม่อมฉัน ! ”
“แม้จะเป็นแบบนั้น เจ้าก็ถือว่าไม่ธรรมดาอยู่ดี เมื่ออยู่ต่อหน้าหมินอ๋องแล้ว หัวหน้าราชองครักษ์ที่อยู่ข้างวรกายฟู่หวงยังสู้ได้ไม่ถึงสิบกระบวนท่าเลย ! ” องค์หญิงเจียวเจียวทอดพระเนตรอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้นและตรัสต่อ “วันหน้าพวกเราค่อยมาลองสู้กันดีหรือไม่ ? ”
เด็กสาวในยุคนี้เหมือนคนในทุ่งหญ้าหมดแล้วหรือ ? เจอหน้าไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่เอ่ยถึงศิลปะทั้งสี่แขนง คิดจะท้าต่อยตีกับคนอื่นลูกเดียว…
หลินเว่ยเว่ยมองไปยังล้อรถที่ติดอยู่ในหิมะ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ล้อติดก้อนหิน จึงต้องทำลายก้อนหินเพื่อให้รถม้าเคลื่อนออกไปได้…ถ้าอย่างไร…ให้หม่อมฉันลองดีหรือไม่ ? ”
ราชองครักษ์หลายนายลอบพูดในใจ ‘พวกบุรุษอย่างเรา ลองตั้งนานยังไม่สำเร็จ แล้วสตรีรูปร่างอรชรอย่างท่านจะทำอะไรได้ ?
Comments