องครักษ์เสื้อแพร 864 เดินทางกลับขึ้นเหนือ

Now you are reading องครักษ์เสื้อแพร Chapter 864 เดินทางกลับขึ้นเหนือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 864 เดินทางกลับขึ้นเหนือ

ทุกปีเทียนจินมีการค้าผ้าจำนวนมาก ที่เมืองซงเจียงก็มีสาขาร้านสามธารา พวกเขานับว่าเป็นผู้ชำนาญในพื้นที่

หมอที่เมืองซงเจียงส่งขึ้นเรือมาย่อมเป็นหมอมีชื่อ ว่ากันว่าเป็นหมอมีชื่อโด่งดังในเมืองหนานจิงในตอนนั้น พอชราแล้วจึงได้กลับมายังบ้านเกิด

หมอขึ้นเรือมาแล้วก็ตรวจชีพจรหวังทง ผลการตรวจก็เหมือนกับหมอที่อำเภอชิงผู่ ไม่มีผลถึงชีวิต แต่สุขภาพหลังถูกพิษ ต้องใช้เวลารักษาตัว จากนั้นก็มีของบางอย่างไม่อาจกินได้ ยังต้องดื่มยาขับพิษ ตำรับยากับหมอที่ชิงผู่ให้มาก็ไม่ต่างกัน

เช่นนี้ก็ทำให้ทุกคนวางใจ ทหารติดตามหวังทงไปซื้อยาในเมือง  ตอนกลับมาก็ย่อมต้องมีคนต้มยา แม้สุขภาพผู้แทนพระองค์เป็นเช่นนี้ แต่งานในหน้าที่ยังต้องทำ

“ข้ามีหลักฐานจากเจ้าทุกข์มากมาย ลองสอบกับเอกสารเมืองซงเจียงก่อนละกัน!”

เรื่องที่ว่าจะจัดการตรวจสอบเรื่องที่ดินอย่างไรนั้น หวังทงก็บอกวิธีการ ขุนนางอำเภอหวาถิงและชิงผู่ เมืองซงเจียงไม่กล้ารอช้า นำเอกสารทุกอย่างมารวมรวมให้ตรวจ ตระกูลสวีเองย่อมมีหลักฐานส่งมาที่ทำการเช่นกัน

ใต้หล้าตรวจสอบที่ดิน ล้วนอาศัยสมุดบัญชีเกล็ดปลาในรัชสมัยฮ่องเต้ว่านลี่ที่ 8 ยามนั้นมหาอำมาตย์จางจวีเจิ้งตรวจสอบที่ดินใต้หล้า  ที่ดินที่แอบซ่อนอยู่ก็ถูกตรวจพบหมด เมืองซงเจียงไม่มีคนกล้าแตะต้อง สมุดบัญชีเกล็ดปลาก็ย่อมเปลี่ยนใหม่หมด เมื่อก่อนเก่าแล้วก็เผาทำลายไป เหตุผลก็เพื่อป้องกันคนชั่วอาศัยช่องโอกาสก่อเรื่อง

ผลเช่นนี้ย่อมทำให้หลักฐานในมือข่งรั่วเหมยไร้ค่า จะว่าไป  หวังทงไม่ได้นำขุนนางด้านนี้มาโดยเฉพาะ จะมาสืบอันใดได้กัน

ข่าวนี้ไม่อาจปิดบังข่งรั่วเหมย พอข่งรั่วเหมยรู้ ก็ยิ่งเข้าใจในส่งที่หวังทงกล่าวไว้คราก่อน เอาแต่แอบอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน เป็นไจ๋ซิ่วเอ๋อร์ที่เข้าไป ไม่รู้พูดอันใด ข่งรั่วเหมยจึงได้ออกมาปรนนิบัติหวังทงต่อ แต่หน้าตาก็ซูบซีดลงไปมาก

วันที่ 23 เดือนแปด ปีที่ 12 ในรัชสมัยว่านลี่ หวังทงอยู่อำเภอหวาถิง เมืองซงเจียงสองวัน ทุกวันหลับเสียมากกว่า แต่ก็มีออกไปเดินบ้าง อาหารก็กินได้มากขึ้น

ผลการตรวจสอบทั่วเมืองซงเจียงล้วนรู้กันทั่ว ตระกูลสวีเดิมที่หวังทงมาวันแรกทำเย็นชาใส่ แต่ทว่าอยู่ๆ ก็มาเยี่ยมกันเอิกเกริก ทุกคนเห็นแล้วว่าไม่อาจสอบอันใดออกมาได้

“…….เรื่องตระกูลสวีรุกครองที่ดินนั้น ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล ข้ากลับถึงเมืองหลวงแล้วก็จะรายงานฮ่องเต้ คืนความเป็นธรรมให้ตระกูลสวี ……”

“ผู้แทนพระองค์ให้ความเป็นธรรม  ตระกูลสวีเรารู้สึกซาบซึ้งยิ่งแล้ว!”

ในที่ทำการเมืองซงเจียง หวังทงเหมือนกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงจบลง สวีพานกับทุกคนก็คุกเข่าลงสรรเสริญ หลายอำเภอเมืองซงเจียงมีขุนนางมาคำนับ สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน แต่ขุนนางในที่นั้นสบตากันไปมา เผยท่าทีไม่แปลกใจกับผลที่ออกมา

มาอย่างเอิกเกริกใหญ่โต ยังมีข่าวแพร่มาอย่างนั้นอย่างนี้ ได้เห็นติ้งเป่ยโหว ผู้บัญชาการสำนักองครักษ์เสื้อแพร หวังทงแล้วก็ไม่เท่าไร ไม่ใช่เพราะถูกตระกูลสวีซื้อตัว แต่เพราะถูกตระกูลสวีทำให้กลัว ถึงสุดท้ายยังถูกปกปิดความจริงผ่านไปได้ ช่างเป็นพวกไร้สามารถเสียจริง

***********

“ใต้เท้าหวัง  เมืองซงเจียงอุดมสมบูรณ์  มีทิวทัศน์แห่งสองแห่งที่ควรค่าแก่การไปชม ในเมื่อใต้เท้าเสร็จภารกิจผู้แทนพระองค์ ก็อยู่ต่ออีกสองสามวัน ให้ตระกูลสวีเราได้เป็นเจ้าบ้านดูแลท่านเป็นอย่างไร?”

เสร็จภารกิจ หวังทงก็เตรียมกลับ ยามนี้ทุกคนตระกูลสวีไม่ได้เห็นหวังทงเป็นศัตรูเหมือนตอนมาแล้ว ผลการตรวจเป็นที่พอใจของพวกเขา จากนั้นก็ย่อมเป็นเวลาแห่งการสร้างสายสัมพันธ์กับขุนนางสูงเช่นหวังทง

ท่าทีหวังทงเงียบขรึม ไม่ได้ตอบรับคำเชิญตระกูลสวี กล่าวเพียงว่าสุขภาพไม่ดี ต้องการกลับไปพัก ในเมื่อเสร็จภารกิจ ก็ไม่เสียเวลาอยู่ต่อแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้  ตระกูลสวีก็ย่อมไม่รั้งไว้ เพียงส่งคนไปจัดการส่งมอบของขวัญ และส่งหมอมีชื่อไปดูแล เตรียมไว้ให้ตอนไปถึงหนานจิงได้มีพร้อม  จะได้ไม่ต้องเกิดความยุ่งยากหายาระหว่างเดินทางกลับ

พอถึงเมืองซงเจียง ทุกหน่วยในเมืองซงเจียงเคร่งเครียดมาก ตอนไปกลับผ่อนคลายมาก  ใต้เท้าผู้แทนพระองค์ผู้นี้ไม่ได้รับมือยากเหมือนที่ว่ากันเสียหน่อย  เป็นผู้รู้ความในวงขุนนางหลายส่วน รู้หลักการปิดตาข้างหนึ่งรับมือเช่นกัน

ขุนนางทั้งหมดล้วนไปส่งที่ท่าเรือ หวังทงฝืนกายออกมาขอบคุณ …….

ไต้เฟิ่งเสียนก็อยู่ในฝูงชนมองดูพวกหวังทงจากไป  ตระกูลสวีครั้งนี้ใช้จ่ายไปมาก ก็เรียกได้ว่าเจ็บตัวไม่น้อย แต่อย่างไรก็นับว่าเรื่องราวผ่านไปแล้ว คืนนี้เตรียมงานเลี้ยงไว้ขอบคุณทุกคน

ทุกคนดีใจอย่างมาก ไต้เฟิ่งเสียนกลับมาที่พักตนพักผ่อน จะว่าเหนื่อยก็ไม่เท่าไร แต่พอไต้เฟิ่งเสียนนั่งลง ก็เริ่มหลับตาคิดใคร่ครวญ

คนเช่นหวังทงในเมืองหลวงนี้ แดนใต้ก็มีข้อมูลละเอียด ข่าวมาไม่ขาด ในห้วงความคิดไต้เฟิ่งเสียนตอนนี้ ข่าวหวังทงกับพฤติกรรมทั้งหมดตั้งแต่ลงใต้มา เริ่มนำมาคิดให้ละเอียดอีกรอบ……

ฟ้ายังไม่ทันมืด ไต้เฟิ่งเสียนก็บอกว่าที่บ้านมีเรื่องด่วนต้องขอตัวก่อน รีบขึ้นเรือจากไป สวีพานก็มิได้รั้งไว้ เรื่องทั้งเรื่องนี้ เขาไม่เห็นว่าไต้เฟิ่งเสียนจะช่วยอะไรได้นัก และวันๆ ยังเอาแต่ห้ามทำโน่นทำนี่ ให้เอาแต่นิ่งเฉยไว้

พอไต้เฟิ่งเสียนกลับถึงที่พักในเมืองซูโจว ก็รีบเก็บรวบรวมทรัพย์สิน พาครอบครัวหาตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทว่าไต้เฟิ่งเสียนก็มิใช่ตัวละครเอกอันใด เขาไปไหนแล้วอย่างไร หายตัวไปแล้วอย่างไร ไม่มีผู้ใดอยากจะสนใจ

**************

ตอนเรือผ่านเมืองซูโจว เรื่องที่เกิดที่หมู่บ้านเชียนเติงเจิ้นทำให้ขุนนางเมืองซูโจวรู้สึกเสียหน้า เส้นทางกลับของผู้แทนพระองค์ อย่างไรก็ต้องมาปลอบถามสักหน่อย ให้คำตอบหวังทง

“…….นอกเมืองพบศพพระอ้วนสองรูป มีคนจำได้ว่าพวกเขาก็คือคนสนิทของเจ้าโจรพระวัดผู่หยวนคนนั้น ดูจากสภาพพวกเขาแล้ว ก็เหมือนว่ามีคนแทงจากด้านหลัง ที่ตรอกปลาแห้งมีคนจำได้ว่าพระอ้วนสองรูปนี้ก็คือพระที่เข้าไปในบ้านของนางผู้นั้น……”

นี่เป็นเรื่องที่หวังทงจากเมืองซูโจวไปสั่งเอาไว้ นับว่าขุนนางเมืองซูโจวโชคดี ถึงกับมีคำตอบมาได้

พระสองรูปนี้คือมือสังหาร ผลก็ไม่ได้ยากอะไร หลังบอกข่าวข่งรั่วเหมย ข่งรั่วเหมยก็มิได้ดีใจอันใด

“ครอบครัวน้องหลู สิบกว่าปีมานี้คิดจะล้มตระกูลสวี แต่สุดท้าย ทั้งครอบครัวต้องหมดสิ้น ตระกูลสวียังคงอยู่ ช่างน่าสงสารจริง”

ไจ๋ซิ่วเอ๋อร์รู้จังหวะแทรกวาจา หวังทงไม่คิดอยากคุยเรื่องนี้ จึงได้แต่ตอบนิ่งๆ ว่า

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรกล่าว วันหน้าอย่าได้กล่าวอีก”

ตอนนี้ไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนกับตอนขาไป ขากลับเรียกได้ว่าสงบสุขกว่ามาก ทว่าครั้งนี้ไม่ได้ไปหนานจิง แต่มุ่งไปคลองส่งน้ำที่เมืองซูโจวโดยตรง ล่องตามคลองส่งน้ำไปเมืองเจิ้นเจียง ข้ามแม่น้ำกลับตอนเหนือ

ไปพักที่ตันถูเมืองเจิ้นเจียงสองวัน เพราะข่าวจากนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรจางเหลียนเซิงเมืองหนานจิงว่าสองคนนั้นเป็นคนที่หลี่จื๋อส่งมา พร้อมกับคำให้การ ส่งมาถึงมือหวังทง

หวังทงยังไม่ลงใต้ ก็มีคนลอบโยนจดหมายเข้าจวนชนชั้นสูงเมืองหนานจิงว่าหวังทงครั้งนี้มาเพื่อจัดการชนชั้นสูงแดนใต้  รับคำสั่งมาจัดการกำราบให้อ่อนแอ ทำให้ทั่วหนานจิงเคร่งเครียด  เกิดการปะทะกันหลายครั้ง ทว่าหวังทงแข็งแกร่งมาก ชนชั้นสูงเมืองหนานจิงเป็นดังเสือกระดาษ ทำอะไรไม่ได้ เรื่องนี้จึงไม่ได้เป็นกระแสคลื่นลมใหญ่

หวังทงย่อมรู้ว่ามีผู้บงการเบื้องหลัง คิดไม่ถึงว่าจะจับตัวได้ สำหรับเขาแล้ว สองคนนี้พูดอันใดก็ไร้ค่า สำคัญคือได้รู้ว่าคนบงการคือหลี่จื๋อ

นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว  ฉีอู่ที่นำข่าวชัยชนะตอนเหนือไปแจ้งแก่ชีจี้กวงก็เร่งเดินทางกลับจากทางใต้มาถึง เขามารออยู่หนานจิงได้หลายวันแล้ว พอได้ยินว่าหวังทงถึงเมืองเจิ้นเจียงก็ตามมาสมทบ

เส้นทางขากลับ หนานจิงส่งกองทหารพันนายมาส่ง ทว่าหวังทงยังคงใช้กองกำลังหลักจากผู้คุ้มกันตนเองอารักขา ยามนี้ล้วนจัดการป้องกันแบบยามอยู่ทุ่งหญ้านอกด่านแล้ว รอบนอกชั้นสองเป็นพวกเมี่ยวลั่งจากทะเลสาบไท่หู

แม้เมี่ยวลั่งพึ่งจะมาสวามิภักดิ์ได้ไม่นาน แต่ก็นำครอบครัวและทรัพย์สินมาด้วย ก็นับว่าเป็นการประกันได้ว่าจะมาอยู่กับหวังทงแน่แล้ว  และแม้คิดร้าย ก็คงไม่ปล่อยให้มาอยู่ข้างกายหวังทงในยามที่ยังตรวจสอบประวัติไม่เรียบร้อยเป็นแน่

พิธีเลี้ยงต้อนรับง่ายยามพวกหวังทงจากตันถูเข้าสู่คลองส่งน้ำ กลับตอนเหนือ ยามนี้ผืนน้ำกว้างมาก อากาศเริ่มเย็นแล้ว

เพื่อความปลอดภัย เมืองเจิ้นเจียงจึงได้ส่งเรือมาให้หวังทงพิเศษหนึ่งลำ นี่เป็นความประสงค์ดี แต่ทว่าหวังทงกลับปฏิเสธ ท้องที่ก็มิได้ดึงกัน แล้วแต่หวังทง

**************

ผืนน้ำกว้าง เรือแล่นไม่หยุด ขบวนหวังทงแล่นมาไม่นาน ก็มีเรือแล่นตามมา เป็นเรื่องปกติบนผืนน้ำ ไม่มีคนคิดจะสนใจ

ในห้องหวังทงตอนนี้มีแต่ซาตงหนิง คนอื่นล้วนไปรออยู่ด้านนอก หวังทงตั้งแต่ผ่านเมืองฉางโจวมาก็เอาแต่เงียบไปพูดน้อยมาก มักจะครุ่นคิดหน้าตาเคร่งเครียด พอผ่านแม่น้ำมา หวังทงจึงได้เริ่มคิดจัดการ ทุกคนแม้ว่าไม่เข้าใจ แต่ก็รับคำสั่ง

“ตามสื่อชีเข้ามา เจ้าออกไปรอข้างนอก!”

พอสื่อชีเข้ามา ซาตงหนิงก็ออกไป หวังทงนั่งกล่าวเบาๆ ว่า

“เจ้าอยากเป็นขุนนางมาตลอด แต่ทางข้าไม่มีตำแหน่งให้เจ้า ร้อนใจใช่หรือไม่?”

สื่อชีกำลังจะกล่าว หวังทงก็กล่าวอีกว่า

“นายกองพันองครักษ์เสื้อแพรซานตงต่งช่วงสี่ทำเรื่องที่ข้าไม่ชอบมากมาย ข้าอยากเปลี่ยนเขาออกนานแล้ว เปลี่ยนคนที่ใช้งานได้มาแทน”

อยู่ๆ เปลี่ยนประเด็น ทำให้รู้สึกงงไม่น้อย หวังทงกล่าวเบาๆ ว่า

“สองปีก่อนเคยมีมือสังหารจากมณฑลซานซีลงมือกับข้า ครั้งนี้มือสังหารยังมาจากมณฑลซานซีอีก ยังเป็นหลี่จื๋อส่งคนไปโยนจดหมายก่อความวุ่นวายอีก หลี่จื๋อเป็นศิษย์จางซื่อเหวย จางซื่อเหวยตอนนี้ไว้ทุกข์อยู่เมืองผูโจว มณฑลซานซี ข้าจะส่งเจ้าไปเมืองผูโจว เจ้ารู้ว่าควรทำอันใดไหม?”

สื่อชีปฏิกิริยาไว อึ้งไปครู่ก็คุกเข่าถามขึ้น

“ไม่ทราบว่าท่านโหวต้องการให้ทำถึงขั้นใด?”

“หลายครั้งส่งมือสังหารมาล้วนคิดจะสังหารคนทั้งนั้น!”

ได้ยินหวังทงตอบ สื่อชีโขกศีรษะกล่าวว่า

“ท่านโหววางใจ ข้าน้อยรู้แล้วว่าจะจัดการอย่างไร”

หวังทงพยักหน้า พ่นลมหายใจกล่าวว่า

“กลับมาย่อมมีรางวัล  เจ้าไปเรียกซาตงหนิงกับเมี่ยวลั่งมาหน่อย!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด