องครักษ์เสื้อแพร 883 ตลาดนัดเมืองกุยฮว่าเฉิง
เมืองกุยฮว่าเฉิงไม่เล็ก ทว่าที่ควรเดินชมมีไม่มาก ที่จริงแล้วเป็นเมืองชายแดนขยายขนาดเท่านั้น เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะเรียกรวมพลคนและสินค้าได้ราบรื่น บ้านเดิมหลายหลังถูกรื้อถอนออกไปมาก สร้างเป็นเส้นทางกว้างสายตรง เพื่อสะดวกในยามคับขันที่จะคงประสิทธิภาพรวดเร็วสูงสุด
และที่ใดให้ผู้ใดพักล้วนมีกฎ เช่นในเมืองเป็นที่พักของผู้คุ้มกันขบวนพ่อค้า ไม่ใช่ให้ทุกครอบครัวมาอยู่ร่วมกัน แต่ตามการจัดการ ให้แบ่งไปอยู่ตามละแวกประตูเมือง เพื่อให้สามารถขึ้นไปป้องกันประตูเมืองได้ในเวลาคับขัน
ผู้คุ้มกันร้านสามธาราราวพันคน พักอยู่กลางตัวเมือง ใกล้กับขุนนาง จัดการนี้ก็เป็นที่หวังทงจัดการไว้ก่อนหน้า หากขบวนพ่อค้าผู้คุ้มกันคิดก่อความไม่สงบ ผู้คุ้มกันร้านสามธารากับทหารจวนขุนนางก็จะออกไปยับยั้งเหตุได้ทัน
บรรดานายช่างพักใกล้โรงช่าง แม้ว่าหัวหน้าโรงช่างก็ต้องเช่นนี้ คหบดีใหญ่ในเมืองก็พยายามให้แยกตัวจากกัน การจัดการต่างๆ ล้วนเพื่อการทหารและความสงบเรียบร้อย
ในเมืองมีร้านสุราสองร้านเป็นร้านที่ร้านสามธาราตั้งใจมาเปิด ไม่เอ่ยถึงอาหาร เพราะขายสุราแรงเป็นหลัก คหบดีในเมืองคิดจัดเลี้ยง ก็ต้องจัดแบบธรรมเนียมทุ่งหญ้านอกด่าน ย่างแพะย่างเนื้อ หากพวกพิถีพิถันก็จะจัดหาพ่อครัวมาจากเมืองต้าถง
ทว่าตามคำแนะนำของเถ้าแก่ร้านสามธาราในพื้นที่ สถานการณ์ตอนนี้จะเป็นเช่นนี้อีกไม่นาน เพราะมีพ่อค้าหอหนานจับตาการค้านี้แล้ว ซื้อที่แล้ว หลังตรุษจีนไม่นานก็จะเริ่มก่อสร้าง คิดจะเชิญพ่อครัวมีชื่อมา
หอคณิกาบ่อนพนันในเมืองจัดการเข้มงวดมาก ส่วนนอกเมืองจะมีซ่องหรือบ่อนแอบซ่อนหรือไม่ ทุกคนขี้เกียจจะสนใจ อย่างไรก็ต้องให้ปลดปล่อยบ้าง เข้มงวดไปไม่ดี
ในเมืองมีร้านค้า เล็กตั้งแต่สินค้าเบ็ดเตล็ด ใหญ่จนถึงสินค้าฟุ่มเฟือย การค้ารุ่งเรืองยิ่ง ชาวบ้านในเมืองนอกเมือง ชาวมองโกลกับเผ่าอื่นที่มา ล้วนเข้าๆ ออกๆ
แต่สำหรับหวังทงตั้งแต่ก่อตั้งเทียนจินแล้วกลับไปพำนักเมืองหลวงมานั้น สิ่งเหล่านี้ไม่น่าตื่นเต้นแล้ว ก็แค่เป็นผลจากการวางรากฐานตามประสบการณ์เท่านั้น
เดินเล่นสักพัก ก็รู้สึกผ่อนคลาย ถานเจียงที่มาเป็นเพื่อนมองแล้วก็รู้ เดินในเมืองรอบหนึ่ง ก็นำหวังทงไปตอนเหนือของเมือง
เมื่อก่อนขี่ม้าผ่านมา หวังทงเห็นที่นี่มีแต่ที่ว่างผืนกว้าง เป็นที่ฝึกของผู้คุ้มกัน ครั้งนี้ถานเจียงนำมา กลับได้เห็นว่าที่นี่มีคนเข้าออกมาก คึกคักมาก แทบเหมือนตลาด
“นายท่านทุกสิบวันของเดือน ที่นี่เปิดตลาดนัด พ่อค้าและชาวบ้านในเมืองนอกเมืองต่างมากค้าขายกันที่นี่ ทุกร้านจะจ่ายให้ทางการแค่หญ้าแห้งสิบชั่ง”
ที่อื่นหญ้าแห้งสิบชั่งเรียกว่ายุ่งยาก แต่ทุ่งหญ้านอกด่านนี่กวักมือก็มีมา ราวกับได้มาเปล่าๆ นับว่าเป็นการจัดการที่ดี ดูจากขนาดพื้นที่แล้วน่าจะมีพันกว่าร้านค้า คนนับหมื่นกำลังเลือกหาซื้อของ ทุกเดือนจัดสามครั้ง รายได้เมืองกุยฮว่าเฉิงที่เป็นหญ้าแห้งก็ไม่น้อย สามารถแก้ปัญหาให้ตนเองได้ไม่น้อย สมประโยชน์สองฝ่าย
“เดือนหนึ่งฉลองปีใหม่กัน มาจนวันที่ 20 จึงเปิดตลาด ดังนั้นจึงคึกคักเป็นพิเศษ”
เห็นสีหน้าชื่นชมพึงใจของหวังทง ถานเจียงก็พลอยได้หน้าไปด้วย ยิ้มแนะนำ
หวังทงพยักหน้าเดินไปทางตลาด บรรดาผู้คุ้มกันก็พยายามเปิดทางให้เดิน คนในตลาดมีมาก พอเห็นพวกหวังทงไม่ธรรมดา ก็รู้ตัวรีบหลบทาง
ตลาดค้าสัตว์รอบนอกสุด ม้าวัวแพะหมูขายกันที่นี่ ทว่าฤดูนี้ สัตว์เลี้ยงผอมกะหร่อง ลักษณะไม่ดี เจ้าของไม่ค่อยได้ดูแล ช่างไม่มีอะไรให้ดู
เดินเข้าไปด้านในต่อ เห็นชาวบ้านนอกเมืองมาเปิดร้านแบกะดินขายของ มีคนล่าวัตว์มา มีคนเก็บสมุนไพรมา พวกนี้ล้วนเป็นชาวมองโกลกับชาวเผ่าอื่นมากหน่อย ชาวฮั่นนอกเมืองจะนำผ้าทอที่หญิงในของครัวทำออกมาขาย ยังมีของเล่นเล็กน้อยๆ วางขาย
ร้านค้าในเมืองก็ส่งคนงานมาตะโกนค้าขาย ร้านเปิดชั่วคราวพวกเขาดูดีมาก อย่างไรก็ต้องมีเพิง ด้านในก็มีสินค้ามากมาย
สินค้าพวกนี้หวังทงเห็นก็รู้ ล้วนเป็นผ้าต่วนและผ้าทั่วไปที่สีตก ของใช้ที่มีรอยบิ่นแตกเล็กน้อยที่ยังใช้ได้ เพียงแต่มีตำหนินิดหน่อยเท่านั้น ดีที่ราคาถูก ชาวบ้านชอบซื้อกัน
กลางตลาด ยังมีคนแบกตะกร้าบนหลัง ด้านในมีแผ่นแป้งและเนื้อเค็ม ตะโกนเดินไปมาร้องขาย พวกนี้ล้วนเหมือนกัน ตลาดแผ่นดินหมิงก็เช่นนี้
“ที่นี่ไม่มีขโมยหรือ ที่เทียนจินหากเป็นที่เช่นนี้ย่อมมีขโมยปะปนไม่น้อย!”
หวังทงได้ยินว่าเป็นเป้าเอ้อร์เสี่ยวถาม อีกคนอธิบายว่า
“ก็มี นอกตลาดมีเสาไม้ไว้แขวนคอ จัดไปสองครั้ง ก็ไม่มีคนไร้ตาอีกเลย!”
หวังทงยิ้ม การลงโทษโหดร้ายจริงจังในที่เช่นนี้นั้นได้ผลดี ที่นี่มีของน่าดูไม่น้อย หวังทงเดินไปดูร้านซ่อมธนู ยังมีร้านรับซื้ออาวุธเก่าอีกด้วย ยังรับซ่อมและรับแลก แน่นอนต้องมีค่าใช้จ่าย คนที่มาเยี่ยมชมเป็นชาวมองโกลกับชาวเผ่าอื่นเสียมากกว่า ชางบ้านในพื้นที่ก็พอมี ชีวิตคนทางเหนือไม่เหมือนในกำแพงเมืองหมิง แม้เป็นชาวบ้านหากินสุจริตก็ต้องมีอาวุธป้องกันตัว
แต่ไรมาไม่เคยเห็นร้านสุราก็ได้เห็นที่นี่ร้านหนึ่ง เป็นกระโจมง่ายๆ ที่เปิดประตูกว้าง ด้านในมีไหสุรา มีคนเดินเข้าไปตลอด โยนถุงสุราให้คนงานไป คนงานชั่งสุรากรอกใส่ ไม่ต้องเดินเข้าไป แค่หน้าประตูก็ได้กลิ่นสุราแรงโชยมาแล้ว
คนเข้าไปในร้านมีชาวฮั่นไม่น้อย ล้วนสวมชุดหนังแบบชาวเลี้ยงสัตว์ พวกเขาซื้อสุราได้มาก็อดไม่ได้จิบสักอึก ถอนหายใจยาวอย่างพอใจมาก รอบๆ กระโจมมีพ่อค้าหลายคนที่เห็นโอกาสการค้า พากันมาขายเนื้อแห้ง การค้าไม่เลว
“อูฐรักต้นหลิว มองโกลรักสุรา วาจานี้ไม่ผิด!”
หวังทงยิ้มกล่าว อูฐรักต้นหลิว มองโกลรักสุราเป็นกวีชาวซ่งเขียนไว้ ไช่หนานเคยอ่านเจอ แล้วตอนคุยกับหวังทง ก็เล่าว่าชาวมองโกลชอบดื่มสุรา เหมือนอูฐชอบกินใบหลิว หวังทงตอนอยู่เมืองหลวงก็ได้เห็นกับตา ดังนั้นจึงได้เอ่ยขึ้น
แต่อยู่ๆ หวังทงก็คิดได้เรื่องหนึ่ง ถามขึ้น
“ร้านสุรานี้เป็นของทางการหรือของพ่อค้า?”
ถานเจียงอึ้งไป มองไปยังร้านสุรา ตอบทันทีว่า
“ของพ่อค้า”
หวังทงเงียบไปครู่หนึ่ง ก้าวไปด้านหน้า เดินไปสองสามก้าว กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า
“ตอนเหนืออากาศหนาว ไม่ว่าผู้ใดก็ชอบดื่มสุราแรงสักจิบสองจิบ ทว่าการหมักสุราเปลืองธัญพืชมาก ตอนนี้ที่นี่เพิ่งเริ่มต้น หมักสุราขายคงต้องให้ทางการมาขายเอง เช่นนี้จึงจะควบคุมได้…”
กล่าวถึงตรงนี้ หวังทงนิ่งไปส่ายหน้ากล่าวอีกว่า
“ทางการไม่ได้สิ การค้ากำไรดีเช่นนี้อย่างไรพวกเขาย่อมทำพัง รอข้ากลับไปบอกเมิ่งตั๋วก่อน จากนี้ ร้านสุราส่วนตัวในเมืองนอกเมืองเป็นร้านต้องห้าม ให้ร้านสามธาราทำร้านเดียว”
ทุกคนย่อมไม่กล้าเห็นแย้ง การหมักสุราบนทุ่งหญ้านอกด่านย่อมทำกำไรมหาศาล กำลังถล่มทลายนี้ย่อมทำให้ตนเองร่ำรวยมหาศาล พวกเมิ่งตั๋วย่อมได้ส่วนแบ่ง นี่เป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง ทางการย่อมไม่คัดค้าน
นอกจากพ่อค้าชาวฮั่นมาขายของใช้แล้ว ยังมีพวกพ่อค้าซีอวี้มาเปิดร้านขายด้วย บนพื้นปูพรมผืนหนึ่ง บนนั้นวางของใช้หลากหลาย ล้วนเป็นจาน กา ชาม แก้วที่ทำงานเครื่องทองแดงและดีบุก แกะสลักลวดลายงดงาม ล้วนเป็นเอกลักษณ์แบบซีอวี้ น่าสนใจ หวังทงไปหยุดที่ร้านพวกนี้นาน ชมอยู่ครู่หนึ่ง
“นายท่าน สายมากแล้ว กลับจวนไปกินข้าวก่อนไหม?”
ถานเจียงถาม หวังทงมองไปด้านหน้า เหมือนว่าเป็นที่ว่าง น่าจะเดินมาสุดตลาดแล้ว ทว่าเหมือนยังคึกคักมาก ตลาดเดียวไม่น่ามีแหล่งค้าสัตว์สองที่ ที่นั่นทำอะไรกัน มองดูคนเดินผ่านไปมา หลายคนไปอย่างคึกคัก
“อาหารเที่ยงใจร้อนไปไย ไปดูกันก่อน”
หวังทงตอบ กำลังจะเดินไป ถานเจียงกระแอมไอท่าทางกระอักกระอ่วน กล่าวอีกว่า
“นายท่าน ทางนั้นไม่มีอันใดน่าดู…”
“มีอันใดไม่สะดวกให้ข้าได้ดูหรือ?”
หวังทงหันมาถาม ถานเจียงไม่อยากให้ตนดู ดังนั้นจึงอ้างเหตุผลอื่นมารั้งไว้ พอหวังทงจ้อง ถานเจียงรีบก้มคำนับ อึกอักกล่าวว่า
“เมืองกุยฮว่าเฉิง มีที่ใดที่นายท่านไม่อาจดูกัน ทว่าข้างหน้านี้เกรงว่านายท่านเห็นแล้วไม่พึงใจ เป็นที่สกปรกมาก ไม่ใช่ที่สำหรับชนชั้นสูงเช่นนายท่านไป…”
“ตลอดทางมาใช่ว่าเดินชมสนุกหรือ? หรือว่าตลาดนี้ยังเงียบสะอาดไม่พอ พอเจ้าพูดเช่นนี้ ทำให้ข้าต้องไปดูให้ได้ ไม่เช่นนี้ใจที่อยากรู้ยากจะระงับ!”
หวังทงสัพยอก ก้าวไปด้านหน้า ถานเจียงยิ้มเฝื่อนรีบตามไป เข้าไปใกล้กล่าวว่า
“นายท่าน เมืองกุยฮว่าเฉิงกับแผ่นดินหมิงไม่เหมือนกัน มีบางเรื่องบางทีนายท่านอาจไม่ชิน แต่ที่เมืองกุยฮว่าเฉิงกลับเป็นเรื่องปกติ”
หวังทงโบกมือ เห็นชัดว่าเริ่มรำคาญใจ ถานเจียงไม่กล้ากล่าวต่อ ทุกคนได้แต่เดินตามไป
สองข้างทางเดินที่ก้าวไป เดินไปถึงพื้นที่ว่างอีกด้านของตลาด ที่นี่ใช้พื้นที่น้อยกว่า แต่กลับคึกคักกว่ามาก คนแต่งกายภูมิฐานหลายคนเดินไปเดินมา มีกระโจมใหญ่น้อยเต็มไปหมด ยังมีเหมือนเวทีไว้ตอนพิธีสวนสนามฉลองชัย บนเวทีไม้มีคนยืนอยู่
“มาชมๆ ทุกคนล้วนชายฉกรรจ์แข็งแรง เลี้ยงสัตว์ได้ ฝึกไม่กี่ปีก็เพาะปลูกเป็น…”
“…นายท่านเชิญทางนี้ นางนี่ดูสกปรก ตัวเหม็น นำกลับไปอาบน้ำ ไว้คอยปรนนิบัติในบ้าน หรือว่าเป็นสาวใช้ก็ได้…”
“100 ตำลึง เจ้าว่าอะไรนะ ขายแพงงั้นหรือ เบิ่งตาเจ้าดูซิ นี่มันหญิงมองโกลชั้นสูง ไม่ซื้อก็ถอยไป ส่งไปขายที่ซานซี พันตำลึงมีคนเอาแน่นอน!!”
ที่นี่ คนถูกค้าเหมือนกับสัตว์ หวังทงมองไปรอบๆ ก็พบกว่าทหารตนเองเริ่มอ้าปากค้าง ถานเจียงสีหน้าอึดอัด
“ตลาดค้ามนุษย์!”
หวังทงยิ้มกล่าว
Comments