องครักษ์เสื้อแพร 935 ล้อมเมืองหนึ่งเดือน
กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธกับกลุ่มทหารทางการย่อมต่างกัน กลุ่มทหารทางการมีวินัยทหารกับระเบียบบังคับ ขุนพลทหารทหารยามรบยังคำนึงถึงแผ่นดินและราษฎรแผ่นดินตน
แต่กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเป็นแค่ชาวบ้านและทหารรับจ้าง ทุกคนทำเพื่อเงินเท่านั้น ได้เงินก็เอาไปเสวยสุข หากไร้ชีวิตแล้ว ก็ล้วนหมดเรื่องจะเอ่ย
การต่อสู้โจมตีเหมืองทองแต่เริ่มต้นก็ไม่ราบรื่น การต่อสู้หลายครั้งต่อมาก็ล้วนยุ่งยากมาก ชนชั้นสูงบรรดาศักดิ์ระดับไถจี๋ที่ส่งมานั้นให้ทหารม้าตนออกตระเวนรอบนอก ตอนต่อสู้กัน ก็ต้องป้องกันพวกนี้มาก่อกวน ไม่อาจรวบรวมกำลังต่อสู้เบื้องหน้าได้เต็มที่
ในเหมืองทองด้านในก็ไม่ใช่รักษาการเฉยๆ อยู่ด้านหลังกำแพงดิน พวกเขาได้เตรียมไม้และดินโคลนผสมหิมะสร้างเป็นแพงเตี้ยๆ ที่นี่ไม่ขาดแคลนไม้ ใช้โคลนดินผสมทำให้แน่นหนาแล้ว กำแพงดินเตี้ยนี้ก็สร้างง่ายมาก แม้ว่าถูกรื้อออกไป ก็สามารถสร้างคืนมาใหม่อย่างรวดเร็ว
กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธต้องการทลายกำแพงดินบุกเข้าประชิดตีนกำแพงดินของเมืองก่อน ทหารพวกนอกด่านล้วนได้รับคำสั่ง ขอเพียงเข้าใกล้ในระยะธนูยิงก็ให้ระดมยิงทันที สภาพการณ์เช่นนี้ ธนูกับปืนไฟไม่อาจแยกแยะว่าอันใดเหนือกว่ากัน ทลายกำแพงเตี้ยเพื่อไปถึงกำแพงดินของเมืองนั้นกลายเป็นเรื่องยุ่งยากพอกัน
ปืนไฟสังหารคนได้ แต่กำแพงดินหนา และยังราดน้ำไว้ ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย พอจะบุกกำแพงดิน ก็ต้องใช้วิธีการจู่โจมแบบเดิม ใช้เชือกมัดเป็นบันไดง่ายๆ โยนขึ้นกำแพง จากนั้นก็ปีนขึ้นไปสังหารศัตรู ดาบใหญ่ทวนยาวปะทะกันซึ่งหน้า
ท่ามกลางการต่อสู้เช่นนี้ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธไม่อาจได้เปรียบพวกทหารนอกด่าน อาวุธที่ไม่ใช่ปืนเช่นนี้โจมตี ฝั่งกำแพงล้วนได้เปรียบกว่า
สังหารกันดุเดือด บาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย ในใจผู้คุ้มกันล้วนเริ่มท้อแท้ คิดว่าเพื่อความร่ำรวยถึงกับปรี่มายังทุ่งหญ้า ผู้ใดจะคิดว่ากลับต้องมาต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้ และดูไม่ออกว่าจะจบลงเมื่อไร ผู้ใดอยากจะลำบากต่อไปกัน
การต่อสู้เริ่มได้วันที่สาม ก็เริ่มมีทหารหนีทัพ ทำเอาหัวหน้ากองกำลังนั้นยิ้มไม่ออกบอกไม่ถูก ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงเป็นคนต่างเผ่ากลับไม่หนี
ย่อมเป็นทหารม้าองอาจกล้าหาญชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงเหล่านี้ที่ไม่หนี เพราะพวกเขาล้วนพึ่งพาเมืองกุยฮว่าเฉิง สถานการณ์ตอนนี้เช่นนี้ หากหนีไป เกรงว่าได้แต่ต้องขึ้นทะเลทรายตอนเหนือหรือไม่ก็ไปซีอวี้หาเลี้ยงชีพแทนแล้ว
ทหารหนีทัพทำให้เสียขวัญที่สุด ในเมื่อเปิดศึกแล้วก็ล้วนต้องทำตามวินัยทหาร ยามนี้ไม่มีอันใดเกรงใจ ส่งทหารม้าชนเผ่าออกไปเตือน ทหารหนีทัพจับกลับมาได้จะถูกนำไปเป็นแนวหน้า ปะทะอยู่ด้านหน้าสุด
ต้นเดือนสิบเอ็ดสู้กันดุเดือดรุกรับไม่หยุด ถานเจียงเองก็ไร้หนทาง ค่อยๆ ทนไปเช่นนี้ไม่ได้การแน่ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธไม่เหมาะแก่การรบติดพันนาน
พ่อค้าใหญ่เมืองกุยฮว่าเฉิงหลายคนล้วนมายังเมืองเซวียนฝู่ บ้างก็อยู่กองกำลังมี่อวิ๋น บ้างก็อยู่กองกำลังหลงเหมิน พวกเขาแน่นอนย่อมรู้ว่าตีเหมืองทองมาได้มีประโยชน์อันใดบ้าง พวกเขาแสดงให้ถานเจียงรู้ง่ายๆ ว่า ไม่ต้องกลัวมีคนตาย บุกเข้าไปเต็มที่ ผู้คุ้มกันพวกนั้นเลี้ยงดูด้วยเงิน แน่นอนย่อมสู้สุดชีวิต
พอกล่าวกันเช่นนี้ไว้แล้ว ถานเจียงก็ไม่สนใจอันใดแล้ว ขบวนการค้าผลัดกันรุก ยังจัดคนไปจัดทำเครื่องมือโจมตีง่ายๆ อีกด้วย
แต่ยังไงก็ตีเอาไม่ได้ ในเหมืองทองมีแหล่งน้ำ และเสบียงสะสมเพียงพอมาก ประเด็นหลักก็คือ กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธไม่อาจปิดกั้นที่นี่ได้หมดทุกด้าน พวกเขาอย่างไรก็ยังติดต่อกับคนข้างนอกได้อยู่
วันที่ 10 เดือนสิบเอ็ด ถานเจียงกลับฮึดขึ้นมา นำทหารเก่าเมืองชายแดน และทหารส่วนตัวสังกัดขุนพลทหารตระกูลต่างๆ ที่ส่งมาร่วม และยังนำพวกในชุดเกราะร่วมกำลังกัน อย่างไรประตูหน้าเหมืองทองนี้ก็เป็นทางที่เปิดกว้างที่สุด พวกนอกด่านโจมตีคืนหลายครั้งก็ออกมาจากประตูหน้านี้
นี่เรียกได้ว่าเป็นกำลังศูนย์กลางของกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธทุ่มกำลังบุก ถานเจียงอายุใกล้ 60 แล้ว สวมเกราะนำทัพ แม้ว่าตั้งใจจะรบอึดใจให้ชนะ แต่ยังคงบุกอย่างระมัดระวังมาก
เริ่มแรกใช้ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงขับไล่เปิดทางให้ผู้คุ้มกันที่มีท่อนไม้พังประตูบุกขึ้นหน้าไป ทัพใหญ่ตามมาด้านหลัง ขั้นตอนกระแทกประตูก็ทำให้บาดเจ็บล้มตายไม่น้อย ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุย ฮว่าเฉิงด้านหนึ่งก็เฝ้าสังเกตการรอบๆ อีกด้านหนึ่งก็ต่อสู้กับพวกนอกด่านในกำแพงที่ยิงมา ที่เหนือคาดหมายก็คือ ประตูใหญ่ถูกพังเปิดออก
ชายฉกรรจ์กลุ่มพ่อค้าที่อัดอั้นมานานก็กรูกันเข้าไป แต่พอเข้าไปก็พบว่าไม่ได้การแล้ว พวกนอกด่านถึงกับสร้างกำแพงดินอีกชั้นไว้ด้านใน เหมือนรูปแบบแอ่งกำแพงเมืองแผ่นดินหมิงที่เข้าประตูไปยังมีประตูอีกชั้น พอบุกเข้าไป ก็เท่ากับมีกำแพงอีกชั้น อย่างไรก็เป็นทหารกล้า เข้าไปได้ก็ย่อมออกมาได้
แต่ทว่าธนูมาราวห่าฝน ยังคงสูญเสียไป 20 กว่า แขนซ้ายถานเจียงเองก็โดนเข้าไปดอกหนึ่ง ตามหลักการที่เกราะสามารถป้องกันร่างกายได้ แต่หากยิงเข้าช่องว่างรอยต่อเกราะมาได้ ก็เรียกว่าโชคร้ายเอง
จัดการปากแผลง่ายๆ แล้วก็ไม่เท่าไรนัก แต่แขนซ้ายถานเจียงยกไม่ขึ้น การต่อสู้ครั้งนี้ก็เกรงว่าเหมือนว่าตายไปเท่ากับหลายครั้งก่อนหน้าเท่านั้น แต่กำลังใจกลุ่มพ่อค้าติดอาวุธกลับหมดสิ้น โจมตีไม่ได้ไม่ว่า แม้แต่กำลังที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่อาจตีฝ่าเข้าไปได้ แม่ทัพยังบาดเจ็บ เหล่าผู้คุ้มกันล้วนทนไม่ไหวแล้ว
ครั้งนี้ไม่ใช่การหนีทัพเล็กน้อย หากถึงกับมีผู้คุ้มกันนำทั้งขบวนหนีออกไป หากต้องมาเสียหายเปล่าประโยชน์ นายตนไม่รู้เสียเงินเสียทองไปมากมายเท่าไร จะทนรับไว้ได้อย่างไร กว่าจะยึดครองพื้นที่มาได้ก็ไม่ง่าย ถูกทหารเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นแย่งคืนไปอีก ไม่ได้ผลประโยชน์อันใดแม้แต่น้อย นับถึงตอนนี้ เรียกได้ว่าขาดทุนด้วยซื้อ
คนสองคนยังว่าไปอย่าง ถานเจียงสามารถใช้วินัยทหารได้ แต่ไปทั้งกลุ่มนี้ ถานเจียงเองก็เอาไม่อยู่เช่นกัน
หากจะรบแล้วใช้ผู้คุ้มกันร้านสามธาราเป็นกำลังหลัก ตายไปหมดไม่มีใครว่า ร้านค้าอื่นไม่รบ ถานเจียงเองก็ไม่มีทางจัดการใดได้ อย่างไรสายสัมพันธ์ทุกคนก็คือพันธมิตร
วันที่ 15 เดือนสิบเอ็ด ทัพใหญ่เริ่มแบ่งกำลังกลับหม่านเท่าเอ๋อร์ เตรียมการถอยกลับ การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ทุกคนสิ้นหวัง ช่างน่าอึดอัดสิ้นดี
*************
พอถึงหม่านเท่าเอ๋อร์ ขบวนรถใหม่ที่มาจากกองกำลังมี่อวิ๋น มาส่งเสบียง คนที่นำมานั้นถานเจียงจำได้ เป็นมู่เอิน
หลังจากพักที่หม่านเท่าเอ๋อร์ได้วันหนึ่งเต็มๆ ถานเจียงก็นำกำลังผู้คุ้มกัน ติดอาวุธร้านสามธารากับร้านพันธมิตรมุ่งไปยังเหมืองทอง แม้ก่อนไปถานเจียงจะบอกกองกำลังอื่นด้วย แต่พอเห็นถานเจียงแขนบาดเจ็บอยู่ ทุกคนไม่รู้ว่ามู่เอินมา ดังนั้นนอกจากพวกที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับร้านสามธาราสามกองแล้ว ที่เหลือล้วนไม่ตามไปด้วย กลับมีแต่ทหารม้าชนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงตามไป
ทุกคนไม่เร่งร้อนใจ รอให้ได้ผลสำเร็จก่อนก็ดี ผ่านมาแค่วันเดียว คนร้านสามธาราเกรงว่าจะทรนงตนเองเกินไปแล้ว
เบื้องหน้าทุกคนสู้กันเลือดตกยางออก ล้วนกลับมากันท่าทางทุลักทุเล พวกเจ้าไปใช่ว่าต้องสูญเสียใหญ่หรือ?
วันที่ 17 เดือนสิบเอ็ด ข่าวก็มายังหม่านเท่าเอ๋อร์ เหมืองทองถูกยึดได้แล้ว……
หัวหน้าผู้คุ้มกันที่หม่านเท่าเอ๋อร์สิบกว่าคนได้ยินก็อึ้งไป ตีได้แล้วง่ายๆ อย่างนี้หรือ ปฏิกิริยาแรกของทุกคนล้วนสงสัยว่าตนเองฟังผิดหรือไม่
กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธเมืองกุยฮว่าเฉิงระดับกลางถึงสูง ส่วนใหญ่เป็นทหารเก่าจากกองกำลังหู่เวยกับเมืองชายแดนปลดประจำการมา พวกเขาแน่นอนเข้าใจว่าก่อนหน้านี้ตีไม่ได้ มาถึงตอนนี้กำลังถานเจียงอ่อนกำลังกว่ากลับตีได้ ย่อมสงสัย
หม่านเท่าเอ๋อร์ก็มีหัวหน้าขบวนการค้าแต่ละตระกูลอยู่ พอได้ยินข่าวนี้ ก็ตีอกชกตัว เดิมเป็นก้อนเนื้อที่ทุกคนจะได้กินแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าสุดท้าย กลายเป็นร้านสามธาราฮุบไปคนเดียว ช่างไม่อาจทำใจยอมรับได้
ม้าเร็วไปกลับ วันเดียวข่าวก็ไปถึงทั่ว ถานเจียงให้คนแต่ละร้านค้าไปที่นั่น ร้านสามธารายอมแบ่งเหมืองทองครึ่งหนึ่งให้ทุกคนได้ร่ำรวย
ทุกคนพากันตกตะลึง นี่มันเหมืองทอง และว่ากันว่าเป็นเหมืองทองให้ผลผลิตสูง ครึ่งหนึ่งก็เท่ากับเงินมหาศาลแล้ว เหตุใดจึงมอบให้ง่ายๆ เช่นนี้ แต่ทว่ามีของดีตรงหน้า แน่นอนไม่มีเหตุผลที่ไม่เอา กลุ่มพ่อค้ารีบแย่งกันไปทันที
เงื่อนไขถานเจียงง่ายมาก ระยะหนึ่งปีนี้กำลังร้านสามธาราจะไม่ส่งกำลังผู้คุ้มกันไว้ที่เหมืองทองมากนัก ต้องให้ทุกคนแบ่งเบาภาระกัน เช่นนั้นจึงจะแบ่งประโยชน์ให้
เรื่องนี้ง่ายดายมาก ทุกคนล้วนรับคำทันที ความจริงนั้นสถานการณ์เช่นนี้ ร้านสามธารากับเมืองเซวียนฝู่แบ่งกันก็ได้ ล้วนสามารถไม่ให้กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธ
มีทหารเก่าไปดูสนามรบมา กำแพงดินรอบเหมืองทองถูกเปิดเป็นช่องกว้างหลายช่อง คิดว่ากองกำลังติดอาวุธและพวกชนเผ่ารอบเมืองกุยฮว่าของร้านสามธาราน่าจะบุกเข้าไปในช่องทางนี้ ช่องทางโหว่พวกนี้ย่อมไม่ใช่ฝีมือคน คนที่เคยรบใหญ่มาก่อนล้วนรู้ว่านี่เกิดจากสิ่งใด ยอดเยี่ยมจริง ถูกปืนใหญ่ถล่มยิง
*************
มู่เอินนำปืนใหญ่มาห้ากระบอก และทหารกองกำลังหู่เวยอีก 200 นาย การต่อสู้ก็ไม่ยากอีกต่อไป ปืนใหญ่ติดตั้งเสร็จ ก็ยิงถล่มกำแพงไปโดยตรง
เสียงปืนดังราวอสุนีบาตถล่มพวกความฮึกเหิมของทหารพวกนอกด่านมลายสิ้น ทหารม้ากับทหารราบปะทะกันกันก็ย่อมไร้แรงต้านทาน นับประสาอันใดกับไม่มีปราการป้องกันแล้ว ต่อหน้าปืน พวกเขาไม่อาจต้านทานได้
แต่ครั้งนี้ถานเจียงนำคนมาน้อย แม้มีทหารม้าชนเผ่าไล่ล่าตาม แต่กำลังพวกนอกด่านเกินครึ่งหนีออกไปได้
เหมืองทองตกอยู่ในมืออย่างง่ายดาย กลุ่มพ่อค้าติดอาวุธจบศึกนี้กับเผ่าเคอเอ่อร์ชิ่น เผ่าเคอเอ่อร์ชิ่นในที่สุดก็สามารถวิเคราะห์กำลังกลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงได้
กลุ่มพ่อค้าเมืองกุยฮว่าเฉิงมาถึงขั้นนี้ได้ ไม่มีความกล้ามุ่งต่อไปยังตะวันออกแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาสักพักจัดการผลจากชัยชนะครั้งนี้ก่อน ทำให้ให้ระหว่างเมืองกุยฮว่าเฉิงมายังหม่านเท่าเอ๋อร์อยู่ในการควบคุมก่อน การรบบนทุ่งหญ้าเรียกได้ว่าจบลง
ผลที่ได้จากสงครามของถานเจียงครานี้ก็คือทรายทองหนึ่งส่วนที่เก็บไว้ในเหมืองทอง ให้ลูกน้องกับชนเผ่ารอบนอกเมืองไปแบ่งกันอย่างเต็มที่ เขากลับไม่ได้อยู่ต่อที่หม่านเท่าเอ๋อร์ หากนำกำลังผู้คุ้มกันร้านสามธาราและขนเผ่ารอบนอกเมืองกุยฮว่าเฉิงกลับเมืองกุยฮว่าเฉิง
เขายังบาดเจ็บ เร่งเดินทางเช่นี้ทำให้คนไม่เข้าใจ
*************
มู่เอินนำกำลังมาช่วย และนำข่าวจากหวังทงมาด้วย หวังทงตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างเร่งเดินทางมาจากส่านซี หวังทงสั่งให้ ร้านสามธาราเตรียมกำลังกองหนึ่งให้พร้อม ณ เมืองกุยฮว่าเฉิง รอรับคำสั่งตลอดเวลา
Comments