องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ 51 เข้าใจในทันที

Now you are reading องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ Chapter 51 เข้าใจในทันที at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉีเฟยอวิ๋นมือไม้คล่องแคล่วและไม่ชักช้า และลงมีดอย่างรวดเร็ว นางเริ่มจากการทำแผลให้อาอวี่ก่อน แล้วแบ่งยาออกเป็นสองส่วน นางก็นำยาลูกกลอนใส่เข้าไปในปากของอาอวี่ ส่วนยาผลก็ใส่ลงในแผลที่แขน หลังจากนั้นก็นำผ้ามาพันแผลให้ดี และสวมเสื้อผ้าให้อาอวี่

อาอวี่จำเป็นต้องพักผ่อน ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองหนานกงเย่อย่างเย็นชา และถามว่า:“เราจะกลับกันเลยหรือไม่เพคะ?”

“ข้าต้องการให้เจ้าเข้ามายุ่งต้องแต่เมื่อใด?” หนานกงเย่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา แม้ว่าจะรู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นมีความตั้งใจดี แต่เขาก็ยังโกรธเคืองอยู่ นางกลายเป็นบุรุษ ช่วยชีวิตคน หากเข้าเมืองก็ยังจะต้องขับรถม้าอีก?ทำทุกอย่างเองเสียหมด!

ฉีเฟยอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง:“ข้าสามารถขับรถมาได้ ท่านอ๋องอีกนิดเดียวก็จะเข้าไปในเมืองแล้ว ข้าจะจัดการเอง”

หนานกงเย่:“……”

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าหนานกงเย่ไม่พูดอะไร และทำหน้าเหมือนท้องผูก นางจึงทำได้เพียงลากอาอวี่เข้าไปในรถม้า และไม่สนใจว่าหนานกงเย่จะโกรธ นางออกมาข้างนอกแล้วหยิบแส้ม้า

แม้ว่าจะมีการขัดขืนเล็กน้อย แต่ก็รีบไป เดิมทีนางคิดว่าหนานกงเย่จะพูดอะไร แต่เขาก็ไม่ได้พูด นางจึงต้องดันทุรังขับม้าอยู่ข้างนอก ใครบอกให้นางพูดโอ้อวดกันเล่า

ฉีเฟยอวิ๋นถือแส้ม้า และนึกถึงตอนที่อาอวี่ขับรถม้าอย่างละเอียด ถึงนางจะไม่เคยทำแต่ก็เคยเห็นมาบ้าง แม้ว่านางจะไม่ใช่คนขี่ม้า บางทีนางก็อาจจะทำได้

เมื่อเห็นสะโพกม้าใหญ่เช่นนี้ ฉีเฟยอวิ๋นก็ลังเลที่จะลงมือ ถึงอย่างไรมันก็เป็นม้าที่แกแล้ว จะตีมันด้วยแส้ มันก็คงจะเจ็บ

นางฟาดแส้ม้าในมือลงเบา ๆ:“กลับบ้านกันเถอะ”

หนานกงเย่เกือบจะหัวเราะออกมา แต่ก็กลั้นเอาไว้

ดูเหมือนว่าม้าจะให้ความร่วมมือ และเดินไปที่ประตูเมืองอย่าเชื่องช้า

ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยังดีที่เจ้าม้าแก่รู้ทางที่จะกลับบ้าน และไม่เป็นปัญหาที่จะกลับไป

เมื่อเดินทางมาจนถึงประตูเมือง ฉีเฟยอวิ๋นก็ดึงเชือกม้า:“ยอ!”

ม้าส่ายหัวแล้วหยุด ทหารที่รักษาประตูวัยสามสิบกว่าก็ออกมา เมื่อเขาเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็ประหลาด:“รถม้าของใครมากลางดึก จะเข้าเมืองมาทำอะไร?”

“เจ้าโง่ ดูสิว่านี่เป็นรถม้าของใคร!”

ฉีเฟยอวิ๋นยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงของหนานกงเย่ก็ดังออกมาจากรถม้า เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทหารรักษาประตูก็ตัวสั่น เขาหยิบตะเกียงในมือขึ้นแล้วมองดูป้ายบนรถม้า เขาตกตะลึง และตกใจมากจนถอยออกไป:“ข้าน้อยไม่ทราบว่าเป็นรถม้าของจวนอ๋องเย่ ล่วงเกินแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าคนหลบไปแล้ว นางจึงตบตูดม้า และรถม้าก็เข้าเมืองตรงกลับไปที่จวนอ๋องเย่

เมื่อมาถึงประตูจวนอ๋องเย่แล้ว นางก็แกว่งแส้ในมือโดยไม่ได้คิดอะไร และเผลอไปตีตูดม้า ไม่คิดว่าเจ้าม้าแก่จะจำบ้านไม่ได้ และเดินตรงเข้าไป เมื่อนางเห็นเช่นนั้นก็รีบดึงเชือกม้าไว้และร้องตะโกน

หนานกงเย่ที่อยู่ในรถม้าเงยหน้าขึ้น ม่านของรถม้าฉีกขาดตั้งแต่ตอนที่มีการต่อสู้แล้ว ในเวลานี้มีเพียงเศษผ้าที่ปิดไว้เล็กน้อย จึงทำให้มองเห็นข้างนอก

ฉีเฟยอวิ๋นดูท่าทางลนลานจนหนานกงอยากจะเตะคนออกไป

หลังลงจากรถม้าแล้ว มือไม้ของฉีเฟยอวิ๋นก็เย็นเฉียบ นางเงยหน้าขึ้นไปมองบนรถม้า:“อาอวี่เป็นอย่างไรบ้าง?”

หนานกงเย่อยู่ในความงุนงงครู่หนึ่ง แล้วจ้องไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“ยังไม่ตาย!”

“ให้ข้าดูหน่อย”  เชือกม้าถูกส่งไปให้คนอื่น และฉีเฟยอวิ๋นก็ปีนขึ้นไปบนรถม้า

นางเหนื่อยและหายใจหอบ

ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในรถม้า นางพยุงอาอวี่และตรวจดูร่างกายของเขา เมื่อเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร ทังเหอที่อยู่ข้างนอกก็ได้แต่รอ ไม่มีคำสั่งของหนานกงเย่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้

“ทังเหอ เจ้า……” ฉีเฟยอวิ๋นคิดอะไรบางอย่างได้ และรีบหันไปมองหนานกงเย่:“อาอวี่ต้องได้รับการรักษา”

“ทังเหอ ขึ้นมาพาคนลงไป”

หนานกงเย่ลุกขึ้นและลงมาจากรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ตามไป นางกลับเป็นห่วงอาอวี่มาก นางรอให้คนขึ้นไปพาเขาลงมาก่อน แล้วจึงตามลงมา

อาอวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและสลบอยู่ ในสายตาของทังเหอและคนอื่น ๆ เขาคือคนที่ใกล้ตายแล้ว เขาติดตามท่านอ๋องไปไหนมาไหน แน่นอนว่าคิดว่าอาอวี่บุกน้ำลุยไฟเพื่อท่านอ๋อง ถึงได้เป็นเช่นนี้ ตนในจวนจึงไม่กล้าที่จะละเลย พวกเขาพาคนไปสวนหลังจวน ที่ปกติแล้วมักจะใช้รักษาอาการบาดเจ็บ และที่นั่นก็มีหมอประจำจวนอยู่สองสามคน

ฉีเฟยอวิ๋นวิ่งตามอาอวี่ไป เห็นได้ชัดว่านางกังวลมากกว่าคนอื่น โดยเฉพาะคนที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา

หนานกงเย่หยุดเดิน และมีร่างเล็ก ๆ แวบผ่านไป เขาจึงตามเข้าไปในสวนหลังจวน

คนอื่น ๆ ก็ตามมาด้วยเช่นกัน มีเพียงพ่อบ้านเท่านั้นที่คอยฟังเสียงของหนานกงเย่ เพิ่งผ่านเรื่องโหดร้ายมา พ่อบ้านจึงต้องอยู่ข้าง ๆ หนานกงเย่ เพราะกลัวว่าหนานกงเย่ก็จะได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

“ท่านอ๋อง ทรงบาดเจ็บหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” พ่อบ้านถาม

หนานกงเย่ยืนอยู่ที่ลานบ้านแล้วมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น เขาคิดย้อนกลับไปตอนที่เขาป่วย ท่าทางของฉีเฟยอวิ๋นก็เป็นกังวลเช่นนี้ ดูเหมือนเขาจะเข้าใจแล้ว

“ข้าถามเจ้าหน่อย” หนานกงเย่ไม่ตอบคำถาม

พ่อบ้านไม่กล้าที่จะละเลย และรีบโค้งตัวลง:“ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“หมอไม่สามารถทนเห็นอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยได้ใช่หรือไม่?”

“พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านรีบตอบ แต่นี่ก็มีเหตุมีผล หมอเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ไม่สามารถทนเห็นความเจ็บป่วยของผู้ป่วยได้ และไม่สามารถทนเห็นคนตายได้

จะตอบเช่นนี้ก็ไม่ผิด เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ วันนี้ท่านอ๋องถึงถามเช่นนี้?

สีหน้าของหนานกงเย่จมลง และหันหลังกลับไปที่ห้อง

“วันนี้ไม่อนุญาตให้พระชายากลับไปที่สวนกล้วยไม้”

หลังจากพูดจบแล้ว คนก็จากไปอย่างไร้ร่องรอย พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจมอง แปลก! ก่อนหน้านี้ก็ยังดี ๆ อยู่ หรือว่าคราวนี้เป็นเพราะพระชายาทรงก่อเรื่อง?

พ่อบ้านส่งคนไปรับใช้หนานกงเย่ แล้วเขาก็ไปดูอาอวี่

อาอวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีไข้สูงอย่างต่อเนื่อง ฉีเฟยอวิ๋นเป็นกังวล จึงตามหมอประจำจวนไปคอยดูแล

เมื่อพ่อบ้านเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นคิดไม่ออก และจะกลับไปพักผ่อน เขาจึงไม่เตือนนาง ไม่เช่นนั้นเขาก็ต้องบอกนางว่าไปที่ลานกล้วยไม้ไม่ได้

ฉีเฟยอวิ๋นทำให้อุณหภูมิร่างกายของอาอวี่เย็นลงหลายครั้งจนไม่ได้นอนทั้งคืน หมอประจำจวนก็เหนื่อยแล้ว จึงกลับไปพักผ่อนก่อน มีเพียงฉีเฟยอวิ๋นที่คอยดูแลอาอวี่

จนกระทั่งฟ้าสาง อาอวี่ก็ไข้ลดลง ฉีเฟยอวิ๋นจึงกลับไปที่ห้อง แต่เมื่อมาถึงหน้าประตู พ่อบ้านก็ยืนอยู่ที่ประตู แล้วมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน

“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ เมื่อคืนท่านอ๋องทรงบรรทมดึก อย่าทรงรบกวนเลย เชิญพระชายาเสด็จไปพักที่หลังตำหนักก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ใช่คนโง่ แค่คำพูดที่น่าฟังเท่านั้น หนานกงเย่ไม่ยอมให้นางเข้าไปสิ ถึงจะเป็นความจริง

“เช่นนั้นข้าจะไปอยู่ข้าง ๆ อาอวี่” ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังเดินไปสองสามก้าวแล้วก็หยุด นางนึกอะไรขึ้นได้ แล้วหันไปมองพ่อบ้าน:“พ่อบ้าน ท่านช่วยไปเอากล่องยาในห้องมาให้ข้าหน่อย ข้าจะให้อาอวี่กินยาบำรุง อาจจะดีขึ้นในไม่ช้านี้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

พ่อบ้านรีบเข้าไปที่ข้างใน ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าเขาเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วมาก และไม่ได้กลัวว่าเสียงจะรบกวนหนานกงเย่เลย

ช่างมันเถอะ อย่าไปสนใจคนคนนั้นเลย ไปพักผ่อนก่อนดีกว่า

พ่อบ้านหยิบกล่องยามา แล้วรีบกล่าวว่า:“พระชายา ต้องขอบพระทัยพระองค์พ่ะย่ะค่ะ อาอวี่ไม่เป็นไรแล้ว”

“เป็นความโชคดีของเขา”

ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปที่อาอวี่ แล้วเอายาลูกกลอนใส่เข้าไปในปากให้อาอวี่กิน หลังจากที่อาอวี่กินแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็กลับไปพักผ่อนและหลับไปทั้งวัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ 51 เข้าใจในทันที

Now you are reading องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ Chapter 51 เข้าใจในทันที at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉีเฟยอวิ๋นมือไม้คล่องแคล่วและไม่ชักช้า และลงมีดอย่างรวดเร็ว นางเริ่มจากการทำแผลให้อาอวี่ก่อน แล้วแบ่งยาออกเป็นสองส่วน นางก็นำยาลูกกลอนใส่เข้าไปในปากของอาอวี่ ส่วนยาผลก็ใส่ลงในแผลที่แขน หลังจากนั้นก็นำผ้ามาพันแผลให้ดี และสวมเสื้อผ้าให้อาอวี่

อาอวี่จำเป็นต้องพักผ่อน ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองหนานกงเย่อย่างเย็นชา และถามว่า:“เราจะกลับกันเลยหรือไม่เพคะ?”

“ข้าต้องการให้เจ้าเข้ามายุ่งต้องแต่เมื่อใด?” หนานกงเย่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา แม้ว่าจะรู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นมีความตั้งใจดี แต่เขาก็ยังโกรธเคืองอยู่ นางกลายเป็นบุรุษ ช่วยชีวิตคน หากเข้าเมืองก็ยังจะต้องขับรถม้าอีก?ทำทุกอย่างเองเสียหมด!

ฉีเฟยอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง:“ข้าสามารถขับรถมาได้ ท่านอ๋องอีกนิดเดียวก็จะเข้าไปในเมืองแล้ว ข้าจะจัดการเอง”

หนานกงเย่:“……”

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าหนานกงเย่ไม่พูดอะไร และทำหน้าเหมือนท้องผูก นางจึงทำได้เพียงลากอาอวี่เข้าไปในรถม้า และไม่สนใจว่าหนานกงเย่จะโกรธ นางออกมาข้างนอกแล้วหยิบแส้ม้า

แม้ว่าจะมีการขัดขืนเล็กน้อย แต่ก็รีบไป เดิมทีนางคิดว่าหนานกงเย่จะพูดอะไร แต่เขาก็ไม่ได้พูด นางจึงต้องดันทุรังขับม้าอยู่ข้างนอก ใครบอกให้นางพูดโอ้อวดกันเล่า

ฉีเฟยอวิ๋นถือแส้ม้า และนึกถึงตอนที่อาอวี่ขับรถม้าอย่างละเอียด ถึงนางจะไม่เคยทำแต่ก็เคยเห็นมาบ้าง แม้ว่านางจะไม่ใช่คนขี่ม้า บางทีนางก็อาจจะทำได้

เมื่อเห็นสะโพกม้าใหญ่เช่นนี้ ฉีเฟยอวิ๋นก็ลังเลที่จะลงมือ ถึงอย่างไรมันก็เป็นม้าที่แกแล้ว จะตีมันด้วยแส้ มันก็คงจะเจ็บ

นางฟาดแส้ม้าในมือลงเบา ๆ:“กลับบ้านกันเถอะ”

หนานกงเย่เกือบจะหัวเราะออกมา แต่ก็กลั้นเอาไว้

ดูเหมือนว่าม้าจะให้ความร่วมมือ และเดินไปที่ประตูเมืองอย่าเชื่องช้า

ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยังดีที่เจ้าม้าแก่รู้ทางที่จะกลับบ้าน และไม่เป็นปัญหาที่จะกลับไป

เมื่อเดินทางมาจนถึงประตูเมือง ฉีเฟยอวิ๋นก็ดึงเชือกม้า:“ยอ!”

ม้าส่ายหัวแล้วหยุด ทหารที่รักษาประตูวัยสามสิบกว่าก็ออกมา เมื่อเขาเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็ประหลาด:“รถม้าของใครมากลางดึก จะเข้าเมืองมาทำอะไร?”

“เจ้าโง่ ดูสิว่านี่เป็นรถม้าของใคร!”

ฉีเฟยอวิ๋นยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงของหนานกงเย่ก็ดังออกมาจากรถม้า เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทหารรักษาประตูก็ตัวสั่น เขาหยิบตะเกียงในมือขึ้นแล้วมองดูป้ายบนรถม้า เขาตกตะลึง และตกใจมากจนถอยออกไป:“ข้าน้อยไม่ทราบว่าเป็นรถม้าของจวนอ๋องเย่ ล่วงเกินแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าคนหลบไปแล้ว นางจึงตบตูดม้า และรถม้าก็เข้าเมืองตรงกลับไปที่จวนอ๋องเย่

เมื่อมาถึงประตูจวนอ๋องเย่แล้ว นางก็แกว่งแส้ในมือโดยไม่ได้คิดอะไร และเผลอไปตีตูดม้า ไม่คิดว่าเจ้าม้าแก่จะจำบ้านไม่ได้ และเดินตรงเข้าไป เมื่อนางเห็นเช่นนั้นก็รีบดึงเชือกม้าไว้และร้องตะโกน

หนานกงเย่ที่อยู่ในรถม้าเงยหน้าขึ้น ม่านของรถม้าฉีกขาดตั้งแต่ตอนที่มีการต่อสู้แล้ว ในเวลานี้มีเพียงเศษผ้าที่ปิดไว้เล็กน้อย จึงทำให้มองเห็นข้างนอก

ฉีเฟยอวิ๋นดูท่าทางลนลานจนหนานกงอยากจะเตะคนออกไป

หลังลงจากรถม้าแล้ว มือไม้ของฉีเฟยอวิ๋นก็เย็นเฉียบ นางเงยหน้าขึ้นไปมองบนรถม้า:“อาอวี่เป็นอย่างไรบ้าง?”

หนานกงเย่อยู่ในความงุนงงครู่หนึ่ง แล้วจ้องไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“ยังไม่ตาย!”

“ให้ข้าดูหน่อย”  เชือกม้าถูกส่งไปให้คนอื่น และฉีเฟยอวิ๋นก็ปีนขึ้นไปบนรถม้า

นางเหนื่อยและหายใจหอบ

ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในรถม้า นางพยุงอาอวี่และตรวจดูร่างกายของเขา เมื่อเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร ทังเหอที่อยู่ข้างนอกก็ได้แต่รอ ไม่มีคำสั่งของหนานกงเย่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้

“ทังเหอ เจ้า……” ฉีเฟยอวิ๋นคิดอะไรบางอย่างได้ และรีบหันไปมองหนานกงเย่:“อาอวี่ต้องได้รับการรักษา”

“ทังเหอ ขึ้นมาพาคนลงไป”

หนานกงเย่ลุกขึ้นและลงมาจากรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ตามไป นางกลับเป็นห่วงอาอวี่มาก นางรอให้คนขึ้นไปพาเขาลงมาก่อน แล้วจึงตามลงมา

อาอวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและสลบอยู่ ในสายตาของทังเหอและคนอื่น ๆ เขาคือคนที่ใกล้ตายแล้ว เขาติดตามท่านอ๋องไปไหนมาไหน แน่นอนว่าคิดว่าอาอวี่บุกน้ำลุยไฟเพื่อท่านอ๋อง ถึงได้เป็นเช่นนี้ ตนในจวนจึงไม่กล้าที่จะละเลย พวกเขาพาคนไปสวนหลังจวน ที่ปกติแล้วมักจะใช้รักษาอาการบาดเจ็บ และที่นั่นก็มีหมอประจำจวนอยู่สองสามคน

ฉีเฟยอวิ๋นวิ่งตามอาอวี่ไป เห็นได้ชัดว่านางกังวลมากกว่าคนอื่น โดยเฉพาะคนที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา

หนานกงเย่หยุดเดิน และมีร่างเล็ก ๆ แวบผ่านไป เขาจึงตามเข้าไปในสวนหลังจวน

คนอื่น ๆ ก็ตามมาด้วยเช่นกัน มีเพียงพ่อบ้านเท่านั้นที่คอยฟังเสียงของหนานกงเย่ เพิ่งผ่านเรื่องโหดร้ายมา พ่อบ้านจึงต้องอยู่ข้าง ๆ หนานกงเย่ เพราะกลัวว่าหนานกงเย่ก็จะได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

“ท่านอ๋อง ทรงบาดเจ็บหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” พ่อบ้านถาม

หนานกงเย่ยืนอยู่ที่ลานบ้านแล้วมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น เขาคิดย้อนกลับไปตอนที่เขาป่วย ท่าทางของฉีเฟยอวิ๋นก็เป็นกังวลเช่นนี้ ดูเหมือนเขาจะเข้าใจแล้ว

“ข้าถามเจ้าหน่อย” หนานกงเย่ไม่ตอบคำถาม

พ่อบ้านไม่กล้าที่จะละเลย และรีบโค้งตัวลง:“ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“หมอไม่สามารถทนเห็นอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยได้ใช่หรือไม่?”

“พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านรีบตอบ แต่นี่ก็มีเหตุมีผล หมอเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ไม่สามารถทนเห็นความเจ็บป่วยของผู้ป่วยได้ และไม่สามารถทนเห็นคนตายได้

จะตอบเช่นนี้ก็ไม่ผิด เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ วันนี้ท่านอ๋องถึงถามเช่นนี้?

สีหน้าของหนานกงเย่จมลง และหันหลังกลับไปที่ห้อง

“วันนี้ไม่อนุญาตให้พระชายากลับไปที่สวนกล้วยไม้”

หลังจากพูดจบแล้ว คนก็จากไปอย่างไร้ร่องรอย พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจมอง แปลก! ก่อนหน้านี้ก็ยังดี ๆ อยู่ หรือว่าคราวนี้เป็นเพราะพระชายาทรงก่อเรื่อง?

พ่อบ้านส่งคนไปรับใช้หนานกงเย่ แล้วเขาก็ไปดูอาอวี่

อาอวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีไข้สูงอย่างต่อเนื่อง ฉีเฟยอวิ๋นเป็นกังวล จึงตามหมอประจำจวนไปคอยดูแล

เมื่อพ่อบ้านเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นคิดไม่ออก และจะกลับไปพักผ่อน เขาจึงไม่เตือนนาง ไม่เช่นนั้นเขาก็ต้องบอกนางว่าไปที่ลานกล้วยไม้ไม่ได้

ฉีเฟยอวิ๋นทำให้อุณหภูมิร่างกายของอาอวี่เย็นลงหลายครั้งจนไม่ได้นอนทั้งคืน หมอประจำจวนก็เหนื่อยแล้ว จึงกลับไปพักผ่อนก่อน มีเพียงฉีเฟยอวิ๋นที่คอยดูแลอาอวี่

จนกระทั่งฟ้าสาง อาอวี่ก็ไข้ลดลง ฉีเฟยอวิ๋นจึงกลับไปที่ห้อง แต่เมื่อมาถึงหน้าประตู พ่อบ้านก็ยืนอยู่ที่ประตู แล้วมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน

“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ เมื่อคืนท่านอ๋องทรงบรรทมดึก อย่าทรงรบกวนเลย เชิญพระชายาเสด็จไปพักที่หลังตำหนักก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ใช่คนโง่ แค่คำพูดที่น่าฟังเท่านั้น หนานกงเย่ไม่ยอมให้นางเข้าไปสิ ถึงจะเป็นความจริง

“เช่นนั้นข้าจะไปอยู่ข้าง ๆ อาอวี่” ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังเดินไปสองสามก้าวแล้วก็หยุด นางนึกอะไรขึ้นได้ แล้วหันไปมองพ่อบ้าน:“พ่อบ้าน ท่านช่วยไปเอากล่องยาในห้องมาให้ข้าหน่อย ข้าจะให้อาอวี่กินยาบำรุง อาจจะดีขึ้นในไม่ช้านี้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

พ่อบ้านรีบเข้าไปที่ข้างใน ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าเขาเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วมาก และไม่ได้กลัวว่าเสียงจะรบกวนหนานกงเย่เลย

ช่างมันเถอะ อย่าไปสนใจคนคนนั้นเลย ไปพักผ่อนก่อนดีกว่า

พ่อบ้านหยิบกล่องยามา แล้วรีบกล่าวว่า:“พระชายา ต้องขอบพระทัยพระองค์พ่ะย่ะค่ะ อาอวี่ไม่เป็นไรแล้ว”

“เป็นความโชคดีของเขา”

ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปที่อาอวี่ แล้วเอายาลูกกลอนใส่เข้าไปในปากให้อาอวี่กิน หลังจากที่อาอวี่กินแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็กลับไปพักผ่อนและหลับไปทั้งวัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+