องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ 98 หลากหลายความรู้สึก
ครั้นมาถึงยังไม่ทันได้พัก ฉีเฟยอวิ๋นก็รีบร้อนกลับไป
หลังจากกลับเข้าเมืองฉีเฟยอวิ๋นถือโอกาสตอนที่คนไม่พลุกพล่าน รีบกลับเข้าไปในจวนอ๋องเย่ ทำลับ ๆ ล่อ ๆ คล้ายกับโจร
หนานกงเย่มองซ้ายแลขวาไปยังหน้าประตูสองครั้ง ครั้นเห็นว่าไม่มีใครจึงเดินตามเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นรีบเข้าไปแช่น้ำร้อน หงเถาและลี่ว์หลิ่วเตรียมพร้อมอยู่ในจวนแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นวางกล่องยาลง และแทรกตัวลงไปในอ่างน้ำทันที จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างสบายอารมณ์
หนานกงเย่ผลักประตูเข้ามา หงเถาและลี่ว์หลิ่วต่างพากันก้มหน้าด้วยความตื่นตกใจ : “ท่านอ๋อง”
ฉีเฟยอวิ๋นแสดงสีหน้าเคร่งขรึมในทันที
“ออกไปเถอะ”
หนานกงเย่เอามือไขว้หลัง ฉีเฟยอวิ๋นยื่นมือออกไปหยิบเสื้อผ้า หงเถาและลี่ว์หลิ่วรีบพากันออกไปด้านนอก ครั้นประตูถูกปิดลงหนานกงเย่ก็เดินมาตรงหน้าเตียง จากนั้นก็หมุนตัวนั่งลง และมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าไม่ถึง จึงทำได้แค่ดึงมือกลับไป
“ข้าจะรอ อาบน้ำเสร็จจะได้พักผ่อน”
หนานกงเย่กล่าวพลางเริ่มถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าจะเสียสายตา จึงรีบอาบน้ำ ถือโอกาสตอนที่หนานกงเย่ก้มหน้าถอดเสื้อผ้านั้น รีบลุกขึ้นจากอ่าง หยิบเสื้อคลุมตัวนอกและวิ่งเข้าไปซ่อนตัวหลังฉากกั้น
ครั้นหนานกงเย่เงยหน้าขึ้นมาก็ไม่เห็นนางแล้ว หลังจากรออยู่ครึ่งวันฉีเฟยอวิ๋นก็คลุมตัวอย่างมิดชิดเดินออกมาจากหลังฉากกั้น
นางสวมเสื้อคลุมสีขาวหิมะตัวหนึ่ง ด้านบนดูหละหลวม ส่วนชายกระโปรงก็ดูพลิ้วสบาย
ใบหน้าของหนานกงเย่เคร่งขรึมลง : “จวนอ๋องของข้าไม่ได้เตรียมชุดนอนให้แก่ชายาหรือ ถึงให้ชายาใส่เสื้อผ้าหัวมังกุท้ายมังกรไม่เข้ากันเช่นนี้?”
“ข้าให้คนเหล่านั้นเตรียมไว้เช่นนี้ อากาศหนาว ใส่หลายชั้นจะได้อบอุ่น” จะใส่เสื้อชั้นในให้เขาเอาเปรียบได้อย่างไร?
หนานกงเย่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา และนั่งรอฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นสีหน้าเศร้าหมองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เดิมทีนางคิดจะใส่มากกว่านี้ เวลานี้จะให้ใส่เหมือนเขาได้อย่างไร
ครั้นเดินมาตรงหน้าของหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นก็รีบขึ้นไปบนเตียงก่อน กระทั่งเอนกายนอนลง
หนานกงเย่ลังเลอยู่ชั่งขณะ จากนั้นก็เอนกายนอนลงเช่นกัน
หลังจากห่มผ้าแล้ว หนานกงเย่ก็หมุนตัวไปกอดฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นก็พลิกตัวขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจจนเบิกตากว้างและกลมโต ดีที่ไม่ถลนออกมา
“อุ๊บ…”
จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างดันคนที่อยู่ด้านบน ทั้งทุบทั้งตี หนานกงเย่อยากทำให้นางต้านทานไม่ได้ ฉีเฟยอวิ๋นยังคงดิ้นอีกพักใหญ่ กระทั่งสงบลง และหมดเรี่ยวแรง
หนานกงเย่ก็เหนื่อยหอบเช่นกัน ทำสงครามยังไม่เหนื่อยถึงเพียงนี้ แต่การรับมือกับผู้หญิงเพียงคนเดียวกลับทำให้เขาเหนื่อยจนเหงื่อออกเลยทีเดียว
หนานกงเย่เหงื่อออกไม่น้อย กระทั่งหายใจหอบตลอดเวลา
“อีกเดี๋ยวข้าต้องออกไปช่วยผู้ลี้ภัยในวัดเฉิงหวงเหล่านั้น” ครั้นผลักไม่ได้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงเอ่ยเหตุผล
หนานกงเย่เพิ่งสงบลงได้ไม่นาน กลับให้ฉีเฟยอวิ๋นราดน้ำเย็นใส่อีกครั้ง ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นดูแย่ลง จนฉีเฟยอวิ๋นอดมองตรง ๆ ไม่ได้
แต่เขาเป็นถึงท่านอ๋อง ย่อมมีการชั่งน้ำหนักเหตุผลของตัวเอง ราษฎร์ใต้หล้า ชาวบ้านจำนวนมาก สำหรับเขาแล้ว ย่อมมีความสำคัญยิ่งกว่าชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์
เขาเหม่อมองออกไปด้านนอกด้วยความลังเลชั่วครู่ จากนั้นก็ผละออกจากฉีเฟยอวิ๋น ล้มตัวลงนอน และเริ่มหายใจถี่ขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นถูกทรมานมาโดยตลอด ประกอบกับนอนไม่หลับมาหนึ่งคืนเต็ม เวลานี้จึงเกิดอาการง่วง คงจะได้พักผ่อนจริง ๆ เสียที
จากนั้นก็พลิกตัว ฉีเฟยอวิ๋นดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว และแกล้งหลับ
หนานกงเย่นอนอยู่ชั่วครู่ ครั้นเห็นว่าคนข้างกายหลับไปแล้ว ก็ทำได้เพียงกึ่งชิดกึ่งถอยและหลับไปด้วยกัน
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ฉีเฟยอวิ๋นได้ลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้า แบกหญ้าก้นจ้ำขาว*ที่นำกลับมาด้วยไว้บนหลัง ครั้นเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกจากจวนไปพร้อมกับอาอวี่
วันนี้ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นตกใจอย่างมาก เมื่อวานมีผู้ลี้ภัยมากสุดแค่หนึ่งร้อยคน วันนี้เพิ่มขึ้นมาเป็นห้าร้อยถึงหกร้อยคน ทั่วทั้งเมืองหลวงเกือบจะกลายเป็นสถานที่ที่ผู้ลี้ภัยในละแวกใกล้เคียงต้องมาที่นี่ ประมาณว่าคิดถึงแผ่นแป้งเหล่านั้นของฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าชักช้าอีกแต่อย่างใดรีบสั่งให้อาอวี่ไปเชิญคนของแม่ทัพทังเหอมาโดยด่วน มีคนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่นอกเมือง หากเบื้องบนรู้เข้า เกิดตรวจสอบขึ้นมาคงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเป็นแน่ ไม่สู้ยอมตกกระไดพลอยโจน เปิดประตูคลังเก็บข้าวในนามของแม่ทัพไปเลยดีกว่า
อีกทั้งเรื่องไม่สมควรโต้แย้ง จึงห้ามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว
ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องสะเทือนถึงจวนท่านแม่ทัพ ครั้นทังเหอจัดการเรื่องราวเรียบร้อย ฉีเฟยอวิ๋นจึงสบายใจลง
ฉีเฟยอวิ๋นตระเตรียมแผ่นแป้งไว้พร้อม ก่อนจะเดินไปตรวจอาการให้แต่ละคน นางตรวจอาการให้ใครก็ยื่นให้แก่คนนั้น เช่นนี้จึงเกิดความล่าช้าไปบ้าง
“วันนี้ข้านำแป้งแผ่นมาไม่มากนัก ทุกคนได้โปรดอดทนรอ อย่างบุ่มบ่าม อีกเดี๋ยวจะมีคนมาส่งให้ รบกวนให้เด็กและอาวุโสก่อนนะเจ้าคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นชี้แจงกับทุกคน ถึงอย่างไรครั้นยื่นมือออกไปหยิบ คงไม่มีใครกล่าวอะไรได้
ครั้นทังเหอรรู้เรื่องนี้ ก็รีบไปจัดกำลังคน เก็บกวาดตามถนนตรอกซอยจนสะอาด จากนั้นทิ้งเหรียญเงินไว้ ก่อนจะขึ้นรถและจากไป
พ่อบ้านอาวุโสในจวนท่านแม่ทัพไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่ครั้นมาเชิญถึงจวนอ๋องเย่ ย่อมไม่กล้าละเลย
หลังจากเจอแม่ทัพที่น่าเชื่อถือได้ในจวนท่านแม่ทัพทั้งสองคนแล้ว ก็พาทหารอีกห้าร้อยนายไปยังวัดเฉิงหวงที่อยู่นอกเมือง
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทังเหอและคนของแม่ทัพได้แบ่งกำลังเป็นสองกลุ่มมายังสถานที่รวมตัวของวัดเฉิงหวง
ครั้นเห็นคนมา ฉีเฟยอวิ๋นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทหารทำหน้าที่เฝ้ารักษาการณ์ จวนอ๋องเย่และทังเหอวางแผนจัดการ อาหารถูกส่งมาอย่างรวดเร็ว จำนวนไม่มากนัก ถือว่ายังพอช่วยปลอบประโลมได้บ้าง
ฉีเฟยอวิ๋นจัดการเรื่องราวเสร็จสิ้น ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ต่อให้เรื่องนี้จะออกมาดีหรือไม่ดี ล้วนเป็นเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น!
เบื้องบนคิดว่าจวนอ๋องเย่คิดอยากเอาหน้า จักรพรรดิอวี้ตี้จะคิดอย่างไร เขายังไม่สิ้นชีวา จวนอ๋องเย่จะร้อนใจไปใย
ไม่ดีเอาเสียเลย มีคนมารวมตัวมากมายเพียงนี้ การขอโสมเป็นเรื่องที่ยุ่งยากที่สุด
ปลุกระดมสร้างปัญหา เป็นความผิดโทษฐานก่อกบฏ
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากที่ทังเหอจัดการเรื่องราวต่าง ๆ เกือบเสร็จสิ้น ปลอบประโลมแล้วก็เดินมาตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น ซึ่งฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่กล้านั่งพักนานนัก เรื่องนี้หากวิเคราะห์ในมุมกลับกันนางคงจะประมาณเลินเล่อเกินไป
นางเป็นหญิงสาวเชื้อพระวงศ์ พระชายาเย่ไม่ได้กว้างขวางถึงเพียงนั้น กระทำเรื่องใดต้องอยู่ในกรอบ ต่อให้นอนห่มผ้าอยู่ในจวนอ๋องเย่ ก็ล้วนถูกสายตานับไม่ถ้วนจับจ้อง นางเลือกจะวิ่งมาช่วยผู้ลี้ภัยทางนี้ เรื่องนี้ย่อมกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
เวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเสียใจไม่น้อย ในฐานะพระชายาเย่ ไม่สมควรจะออกไปรักษาโรคให้ใครได้ตามใจชอบ
“คุณชายทัง ลำบากหน่อยนะ เรื่องนี้ข้าขาดการคิดไตร่ตรอง ได้โปรดคุณชายทังรอข้าชั่วครู่ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอให้ข้าจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย กลับจวนอ๋องเย่ไปข้าจะยอมรับผิดต่อท่านอ๋องเย่เอง!”
เวลานี้ใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นไร้ซึ่งความสดใส ปกติแล้วมักจะลำพองใจอยู่แล้วก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น
ทังเหอเองคาดไม่ถึง ว่าพระชายาจะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
“พระชายาคิดมากไป ก่อนข้ามาที่นี่ ท่านอ๋องทราบเรื่องนี้แล้ว ข้ารายงานท่านอ๋องก่อนเดินทาง หากพระชายามีเรื่องอะไรรีบรับสั่งได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ส่วนเรื่องนี้ เชื่อว่าพระชายามีน้ำจิตน้ำใจ ท่านอ๋องต้องคิดได้อย่างแน่นอน” ทังเหอกล่าวอย่างนอบน้อม
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ยินดีเลยสักนิด แค่ฝืนยิ้มบาง ๆ เท่านั้น
ครั้งต่อไปจะประมาทไม่ได้อีก!
ครั้นเวลาล่วงเลยมาถึงพลบค่ำ ผู้ลี้ภัยต่างได้รับการจัดที่จัดทาง ได้รับการตรวจสอบสถานะ เมื่อมั่นใจว่าเป็นราษฎร์ของเมืองต้าเหลียง ทหารถอนทัพ พวกผู้หญิงต่างพาเด็ก ๆ ไปพักยังสถานที่ทอผ้า ส่วนพวกคนเจ็บและอาวุโสจะค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย จึงจัดให้อยู่กระจัดกระจายในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง แจกจ่ายบ้านและที่นา ให้พวกเขาได้ดูแลอาวุโส
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ได้รับทุนทรัพย์มาจากจวนท่านแม่ทัพทั้งสิ้น
ครั้นฉีเฟยอวิ๋นกลับมาถึงจวนท่านแม่ทัพก็ดึกมากแล้ว ยังต้องมารายงานเรื่องนี้แก่ท่านแม่ทัพฉีก่อน ให้ท่านแม่ทัพฉีแบกรับ ในคืนเดียวกันก็ต้องเข้าวังไปกราบทูลรายงานต่อฝ่าบาท หลีกเลี่ยงปัญหาซับซ้อน
เรื่องนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกไป จวนท่านแม่ทัพเคลื่อนกำลังทหารไปยังวัดเฉิงหวง วัดเฉิงหวงเป็นที่รวมตัวของผู้ลี้ภัยจำนวนมาก เวลานี้ได้ถูกราชครูจวินและเสนาบดีเฉินล่วงรู้เข้า
เวลานี้เสนาบดีเฉินยากจะปกป้องตนเองได้ แต่เขาก็มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮูหยินเฉินจึงเอ่ยถาม : “เสนาบดีตั้งใจจะทำอะไรหรือเจ้าคะ?”
“ท่านอ๋องเย่มักจะไม่เคยแสดงท่าทางเช่นนี้ เกรงว่าพระชายาเย่คงจะร้อนใจไปกระมัง?” เสนาบดีเฉินรู้สึกว่าตั้งแต่ที่บุตรสาวของท่านแม่ทัพฉีออกเรือนไป เมืองนี้ก็ยิ่งวุ่นวายขึ้น ส่วนฉีเฟยอวิ๋นผู้นี้ก็อยู่ไม่ค่อยติดที่
ตระกูลเฉินมีวันนี้ได้ เสนาบดีเฉินคงตัดใจห่างฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้
“แต่น่าเสียดายที่เวลานี้คงจะปกป้องตนเองไม่ได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องเข้าเยี่ยมเสียหน่อย” เสนาบดีเกลียดเข้ากระดูกดำที่สุด หลายปีมานี้ฉีจือซานล้วนเป็นหอกทิ่มแทงใจเขามาโดยตลอด การปรากฏตัวของฉีเฟยอวิ๋น ก็ขัดขวางเส้นทางของเขา
แม้ว่าความทะเยอทะยานโดยไม่ได้ตั้งใจของเขาจะมีสูง แต่บุตรสาวก็ยังไม่ได้รับการโปรดปรานในวังหลวง ความรู้สึกหลากหลายต่างประเดประดังเข้ามาหาเขา ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นเรื่องหนึ่งได้ชัดเจน กษัตริย์ผู้ไร้หัวใจ เป็นสิ่งที่คาดเดาโดยยาก!
ฮูหยินเฉินรู้สึกขุ่นเคืองอย่างอดไม่ได้ น่าเสียดายที่บุตรสาวทั้งสองคน บัดนี้สูงก็รับไม่ไหว ต่ำไปก็รับไม่ได้ คงจะฝากความหวังไม่ได้ มีเพียงบุตรชายทั้งสองคน ที่ยังคงเด็ดเดี่ยว ทำให้โชคชะตาของตระกูลเฉินค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมา
จวินฉูฉู่ออกจากจวนและกลับมายังตระกูลจวินในคืนเดียวกัน
ราชครูจวินเห็นจวินฉูฉู่จากในห้องอักษร
ครั้นจวินฉูฉู่เห็นราชครูจวินก็คุกเข่าลงทันที : “ข้าน้อมทักทายใต้เท้าเจ้าค่ะ”
ราชครูจวินนั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งไม้พยุงแกะสลัก ไม่รีบร้อนว่ากล่าว แต่งกายด้วยชุดคลุมยาวสีม่วง บนชุดคลุมยาวปักลวดลายนกกระเรียนคู่ บารมีอันสูงศักดิ์แพร่กระจายออกมาจากร่างกายของเขาอย่างชัดเจน
จวินฉูฉู่รอครู่หนึ่ง และเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง : “เสด็จพ่อ”
“เจ้ามาได้อย่างไร?”
ราชครูจวินเอ่ยกล่าว จวินฉูฉู่ชะงักไปชั่วขณะ รู้สึกไม่ดีอยู่ในใจ
เมื่อหลายวันก่อนนางมีเรื่องไม่พอใจกับฉีเฟยอวิ๋นครั้นอยู่ในวังหลวง ทำให้ตระกูลจวินได้รับการตักเตือน ทั้งยังเรียกนางจวินฉูฉู่เข้าวังไม่ให้ออกมาทำกิจกรรม นางอึดอัดใจมาก แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง
บัดนี้ฉีเฟยอวิ๋นออกไปสร้างเรื่องนอกเมือง นางกลับมาก็เพื่อคิดหาทางเอาคืนฉีเฟยอวิ๋น
แต่เวลานี้ท่านพ่อกลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หมายความว่าอย่างไร?
“ข้าได้รับข่าวแล้วเจ้าค่ะ ฉีเฟยอวิ๋นออกไปก่อความวุ่นวายในที่ชุมนุมนอกเมือง ข้าตั้งใจมาถามหาวิธีเอาคืนฉีเฟยอวิ๋นจากเสด็จพ่อเจ้าค่ะ” จวินฉูฉู่รู้แก่ใจดีว่าเรื่องในครั้งนี้ อาจจะไม่ถูกต้อง แต่นางชิงชังฉีเฟยอวิ๋นดั่งน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากไม่มีที่สิ้นสุด โอกาสที่ดีเช่นนี้ หากนางไม่คว้าไว้ ก็ไม่มีทางยับยั้งความกระวนกระวายในใจของนางได้
ราชครูจวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องเอาคืนหรอก ส่วนเจ้า ในฐานะพระชายาตวน ทำอะไรไม่ได้ คิดแต่จะเอาคืนผู้อื่น ข้าว่าเจ้ายิ่งอยู่ยิ่งเลอะเลือน เจ้าดูแลเอาใจใส่ท่านอ๋องตวนให้ดีไม่ได้ ก็ยังจะออกมาสร้างเรื่องอีก ก่อนพระสนมเอกจะเข้าวัง เจ้าสร้างเรื่องไว้มากมาย ข้าไม่คิดบัญชีไม่จัดการกับเจ้า คิดไม่ถึงว่าวันนี้เจ้าจะกลับมาสร้างปัญหาเช่นนี้”
“แต่เสด็จพ่อ…”
จวินฉูฉู่เงยหน้ามองอย่างอดไม่ได้ นางไม่ยอม
ใบหน้าอันขึงขังของราชครูจวินโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม : “หากเจ้าเชื่อฟัง เจ้าก็ยังอยู่ข้างกายของท่านอ๋องตวนได้ หากเจ้าไม่เชื่อฟัง บุตรสาวตระกูลจวินมีมากมาย ข้าจะให้แม่ของเจ้าทำการคัดเลือก”
“เสด็จพ่อ อย่านะเจ้าคะ”
จวินฉูฉู่อยากจะร้องไห้ นางกลัวเรื่องนี้ที่สุด
บุตรสาวของตระกูลจวินเป็นคนธรรมดาที่ไหนกัน หากเป็นเช่นนี้ พระชายาเย่ที่นางต้องการก็คงจะรักษาไว้ไม่ได้
ราชครูจวินลุกขึ้นยืน : “กลับไปเถอะ อย่าให้ท่านอ๋องตวนต้องร้อนใจ”
ราชครูจวินเดินจากไป จวินฉูฉู่ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปด้วยใบหน้าซีดเผือด ในใจยังไม่ยอม แต่กลับไม่กล้าทำอะไร
ครั้นท่านอ๋องตวนตื่นขึ้นมาไม่เจอจวินฉูฉู่ จึงเคร่งเครียดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเช่นนี้อีกแล้ว!
ในตอนนั้นเองก็มีคนเคาะประตู ท่านอ๋องตวนลุกขึ้นมาจัดแจงตัวเอง จากนั้นก็เรียกให้เข้ามา พ่อบ้านเข้ามาและโค้งคำนับ : “ท่านอ๋อง”
“ว่ามา” บารมีของท่านอ๋องตวนยังคงสูงสง่า
พ่อบ้านรีบกล่าว : “เมื่อครู่มีคนในวังมาขอเข้าพบ อยากสอบถามเรื่องวัดเฉิงหวงที่อยู่นอกเมือง”
“วัดเฉิงหวงเกิดอะไรขึ้น?” ท่านอ๋องตวนแกล้งทำเป็นไม่รู้
“ท่านอ๋อง พระชายาเย่ไปสร้างกุศลอยู่นอกวัดเฉิงหวง ที่นั่นมีผู้ลี้ภัยเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้สะเทือนถึงฝ่าบาท บัดนี้ท่านแม่ทัพฉีได้เข้าวังไปกราบทูลรายงานแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านทูลรายงานความจริงตามรายงานของคนในวัง
ท่านอ๋องตวนกล่าว : “เรื่องนี้ข้าไม่สนใจ ออกไปเถอะ”
พ่อบ้านลังเลเล็กน้อย : “พ่ะย่ะค่ะ”
*แบกหญ้าก้นจ้ำขาว พืชชนิดหนึ่ง
Comments
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ 98 หลากหลายความรู้สึก
ครั้นมาถึงยังไม่ทันได้พัก ฉีเฟยอวิ๋นก็รีบร้อนกลับไป
หลังจากกลับเข้าเมืองฉีเฟยอวิ๋นถือโอกาสตอนที่คนไม่พลุกพล่าน รีบกลับเข้าไปในจวนอ๋องเย่ ทำลับ ๆ ล่อ ๆ คล้ายกับโจร
หนานกงเย่มองซ้ายแลขวาไปยังหน้าประตูสองครั้ง ครั้นเห็นว่าไม่มีใครจึงเดินตามเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นรีบเข้าไปแช่น้ำร้อน หงเถาและลี่ว์หลิ่วเตรียมพร้อมอยู่ในจวนแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นวางกล่องยาลง และแทรกตัวลงไปในอ่างน้ำทันที จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างสบายอารมณ์
หนานกงเย่ผลักประตูเข้ามา หงเถาและลี่ว์หลิ่วต่างพากันก้มหน้าด้วยความตื่นตกใจ : “ท่านอ๋อง”
ฉีเฟยอวิ๋นแสดงสีหน้าเคร่งขรึมในทันที
“ออกไปเถอะ”
หนานกงเย่เอามือไขว้หลัง ฉีเฟยอวิ๋นยื่นมือออกไปหยิบเสื้อผ้า หงเถาและลี่ว์หลิ่วรีบพากันออกไปด้านนอก ครั้นประตูถูกปิดลงหนานกงเย่ก็เดินมาตรงหน้าเตียง จากนั้นก็หมุนตัวนั่งลง และมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าไม่ถึง จึงทำได้แค่ดึงมือกลับไป
“ข้าจะรอ อาบน้ำเสร็จจะได้พักผ่อน”
หนานกงเย่กล่าวพลางเริ่มถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าจะเสียสายตา จึงรีบอาบน้ำ ถือโอกาสตอนที่หนานกงเย่ก้มหน้าถอดเสื้อผ้านั้น รีบลุกขึ้นจากอ่าง หยิบเสื้อคลุมตัวนอกและวิ่งเข้าไปซ่อนตัวหลังฉากกั้น
ครั้นหนานกงเย่เงยหน้าขึ้นมาก็ไม่เห็นนางแล้ว หลังจากรออยู่ครึ่งวันฉีเฟยอวิ๋นก็คลุมตัวอย่างมิดชิดเดินออกมาจากหลังฉากกั้น
นางสวมเสื้อคลุมสีขาวหิมะตัวหนึ่ง ด้านบนดูหละหลวม ส่วนชายกระโปรงก็ดูพลิ้วสบาย
ใบหน้าของหนานกงเย่เคร่งขรึมลง : “จวนอ๋องของข้าไม่ได้เตรียมชุดนอนให้แก่ชายาหรือ ถึงให้ชายาใส่เสื้อผ้าหัวมังกุท้ายมังกรไม่เข้ากันเช่นนี้?”
“ข้าให้คนเหล่านั้นเตรียมไว้เช่นนี้ อากาศหนาว ใส่หลายชั้นจะได้อบอุ่น” จะใส่เสื้อชั้นในให้เขาเอาเปรียบได้อย่างไร?
หนานกงเย่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา และนั่งรอฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นสีหน้าเศร้าหมองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เดิมทีนางคิดจะใส่มากกว่านี้ เวลานี้จะให้ใส่เหมือนเขาได้อย่างไร
ครั้นเดินมาตรงหน้าของหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นก็รีบขึ้นไปบนเตียงก่อน กระทั่งเอนกายนอนลง
หนานกงเย่ลังเลอยู่ชั่งขณะ จากนั้นก็เอนกายนอนลงเช่นกัน
หลังจากห่มผ้าแล้ว หนานกงเย่ก็หมุนตัวไปกอดฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นก็พลิกตัวขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจจนเบิกตากว้างและกลมโต ดีที่ไม่ถลนออกมา
“อุ๊บ…”
จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างดันคนที่อยู่ด้านบน ทั้งทุบทั้งตี หนานกงเย่อยากทำให้นางต้านทานไม่ได้ ฉีเฟยอวิ๋นยังคงดิ้นอีกพักใหญ่ กระทั่งสงบลง และหมดเรี่ยวแรง
หนานกงเย่ก็เหนื่อยหอบเช่นกัน ทำสงครามยังไม่เหนื่อยถึงเพียงนี้ แต่การรับมือกับผู้หญิงเพียงคนเดียวกลับทำให้เขาเหนื่อยจนเหงื่อออกเลยทีเดียว
หนานกงเย่เหงื่อออกไม่น้อย กระทั่งหายใจหอบตลอดเวลา
“อีกเดี๋ยวข้าต้องออกไปช่วยผู้ลี้ภัยในวัดเฉิงหวงเหล่านั้น” ครั้นผลักไม่ได้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงเอ่ยเหตุผล
หนานกงเย่เพิ่งสงบลงได้ไม่นาน กลับให้ฉีเฟยอวิ๋นราดน้ำเย็นใส่อีกครั้ง ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นดูแย่ลง จนฉีเฟยอวิ๋นอดมองตรง ๆ ไม่ได้
แต่เขาเป็นถึงท่านอ๋อง ย่อมมีการชั่งน้ำหนักเหตุผลของตัวเอง ราษฎร์ใต้หล้า ชาวบ้านจำนวนมาก สำหรับเขาแล้ว ย่อมมีความสำคัญยิ่งกว่าชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์
เขาเหม่อมองออกไปด้านนอกด้วยความลังเลชั่วครู่ จากนั้นก็ผละออกจากฉีเฟยอวิ๋น ล้มตัวลงนอน และเริ่มหายใจถี่ขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นถูกทรมานมาโดยตลอด ประกอบกับนอนไม่หลับมาหนึ่งคืนเต็ม เวลานี้จึงเกิดอาการง่วง คงจะได้พักผ่อนจริง ๆ เสียที
จากนั้นก็พลิกตัว ฉีเฟยอวิ๋นดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว และแกล้งหลับ
หนานกงเย่นอนอยู่ชั่วครู่ ครั้นเห็นว่าคนข้างกายหลับไปแล้ว ก็ทำได้เพียงกึ่งชิดกึ่งถอยและหลับไปด้วยกัน
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ฉีเฟยอวิ๋นได้ลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้า แบกหญ้าก้นจ้ำขาว*ที่นำกลับมาด้วยไว้บนหลัง ครั้นเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกจากจวนไปพร้อมกับอาอวี่
วันนี้ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นตกใจอย่างมาก เมื่อวานมีผู้ลี้ภัยมากสุดแค่หนึ่งร้อยคน วันนี้เพิ่มขึ้นมาเป็นห้าร้อยถึงหกร้อยคน ทั่วทั้งเมืองหลวงเกือบจะกลายเป็นสถานที่ที่ผู้ลี้ภัยในละแวกใกล้เคียงต้องมาที่นี่ ประมาณว่าคิดถึงแผ่นแป้งเหล่านั้นของฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าชักช้าอีกแต่อย่างใดรีบสั่งให้อาอวี่ไปเชิญคนของแม่ทัพทังเหอมาโดยด่วน มีคนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่นอกเมือง หากเบื้องบนรู้เข้า เกิดตรวจสอบขึ้นมาคงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเป็นแน่ ไม่สู้ยอมตกกระไดพลอยโจน เปิดประตูคลังเก็บข้าวในนามของแม่ทัพไปเลยดีกว่า
อีกทั้งเรื่องไม่สมควรโต้แย้ง จึงห้ามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว
ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องสะเทือนถึงจวนท่านแม่ทัพ ครั้นทังเหอจัดการเรื่องราวเรียบร้อย ฉีเฟยอวิ๋นจึงสบายใจลง
ฉีเฟยอวิ๋นตระเตรียมแผ่นแป้งไว้พร้อม ก่อนจะเดินไปตรวจอาการให้แต่ละคน นางตรวจอาการให้ใครก็ยื่นให้แก่คนนั้น เช่นนี้จึงเกิดความล่าช้าไปบ้าง
“วันนี้ข้านำแป้งแผ่นมาไม่มากนัก ทุกคนได้โปรดอดทนรอ อย่างบุ่มบ่าม อีกเดี๋ยวจะมีคนมาส่งให้ รบกวนให้เด็กและอาวุโสก่อนนะเจ้าคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นชี้แจงกับทุกคน ถึงอย่างไรครั้นยื่นมือออกไปหยิบ คงไม่มีใครกล่าวอะไรได้
ครั้นทังเหอรรู้เรื่องนี้ ก็รีบไปจัดกำลังคน เก็บกวาดตามถนนตรอกซอยจนสะอาด จากนั้นทิ้งเหรียญเงินไว้ ก่อนจะขึ้นรถและจากไป
พ่อบ้านอาวุโสในจวนท่านแม่ทัพไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่ครั้นมาเชิญถึงจวนอ๋องเย่ ย่อมไม่กล้าละเลย
หลังจากเจอแม่ทัพที่น่าเชื่อถือได้ในจวนท่านแม่ทัพทั้งสองคนแล้ว ก็พาทหารอีกห้าร้อยนายไปยังวัดเฉิงหวงที่อยู่นอกเมือง
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทังเหอและคนของแม่ทัพได้แบ่งกำลังเป็นสองกลุ่มมายังสถานที่รวมตัวของวัดเฉิงหวง
ครั้นเห็นคนมา ฉีเฟยอวิ๋นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทหารทำหน้าที่เฝ้ารักษาการณ์ จวนอ๋องเย่และทังเหอวางแผนจัดการ อาหารถูกส่งมาอย่างรวดเร็ว จำนวนไม่มากนัก ถือว่ายังพอช่วยปลอบประโลมได้บ้าง
ฉีเฟยอวิ๋นจัดการเรื่องราวเสร็จสิ้น ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ต่อให้เรื่องนี้จะออกมาดีหรือไม่ดี ล้วนเป็นเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น!
เบื้องบนคิดว่าจวนอ๋องเย่คิดอยากเอาหน้า จักรพรรดิอวี้ตี้จะคิดอย่างไร เขายังไม่สิ้นชีวา จวนอ๋องเย่จะร้อนใจไปใย
ไม่ดีเอาเสียเลย มีคนมารวมตัวมากมายเพียงนี้ การขอโสมเป็นเรื่องที่ยุ่งยากที่สุด
ปลุกระดมสร้างปัญหา เป็นความผิดโทษฐานก่อกบฏ
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากที่ทังเหอจัดการเรื่องราวต่าง ๆ เกือบเสร็จสิ้น ปลอบประโลมแล้วก็เดินมาตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น ซึ่งฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่กล้านั่งพักนานนัก เรื่องนี้หากวิเคราะห์ในมุมกลับกันนางคงจะประมาณเลินเล่อเกินไป
นางเป็นหญิงสาวเชื้อพระวงศ์ พระชายาเย่ไม่ได้กว้างขวางถึงเพียงนั้น กระทำเรื่องใดต้องอยู่ในกรอบ ต่อให้นอนห่มผ้าอยู่ในจวนอ๋องเย่ ก็ล้วนถูกสายตานับไม่ถ้วนจับจ้อง นางเลือกจะวิ่งมาช่วยผู้ลี้ภัยทางนี้ เรื่องนี้ย่อมกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
เวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเสียใจไม่น้อย ในฐานะพระชายาเย่ ไม่สมควรจะออกไปรักษาโรคให้ใครได้ตามใจชอบ
“คุณชายทัง ลำบากหน่อยนะ เรื่องนี้ข้าขาดการคิดไตร่ตรอง ได้โปรดคุณชายทังรอข้าชั่วครู่ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอให้ข้าจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย กลับจวนอ๋องเย่ไปข้าจะยอมรับผิดต่อท่านอ๋องเย่เอง!”
เวลานี้ใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นไร้ซึ่งความสดใส ปกติแล้วมักจะลำพองใจอยู่แล้วก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น
ทังเหอเองคาดไม่ถึง ว่าพระชายาจะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
“พระชายาคิดมากไป ก่อนข้ามาที่นี่ ท่านอ๋องทราบเรื่องนี้แล้ว ข้ารายงานท่านอ๋องก่อนเดินทาง หากพระชายามีเรื่องอะไรรีบรับสั่งได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ส่วนเรื่องนี้ เชื่อว่าพระชายามีน้ำจิตน้ำใจ ท่านอ๋องต้องคิดได้อย่างแน่นอน” ทังเหอกล่าวอย่างนอบน้อม
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ยินดีเลยสักนิด แค่ฝืนยิ้มบาง ๆ เท่านั้น
ครั้งต่อไปจะประมาทไม่ได้อีก!
ครั้นเวลาล่วงเลยมาถึงพลบค่ำ ผู้ลี้ภัยต่างได้รับการจัดที่จัดทาง ได้รับการตรวจสอบสถานะ เมื่อมั่นใจว่าเป็นราษฎร์ของเมืองต้าเหลียง ทหารถอนทัพ พวกผู้หญิงต่างพาเด็ก ๆ ไปพักยังสถานที่ทอผ้า ส่วนพวกคนเจ็บและอาวุโสจะค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย จึงจัดให้อยู่กระจัดกระจายในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง แจกจ่ายบ้านและที่นา ให้พวกเขาได้ดูแลอาวุโส
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ได้รับทุนทรัพย์มาจากจวนท่านแม่ทัพทั้งสิ้น
ครั้นฉีเฟยอวิ๋นกลับมาถึงจวนท่านแม่ทัพก็ดึกมากแล้ว ยังต้องมารายงานเรื่องนี้แก่ท่านแม่ทัพฉีก่อน ให้ท่านแม่ทัพฉีแบกรับ ในคืนเดียวกันก็ต้องเข้าวังไปกราบทูลรายงานต่อฝ่าบาท หลีกเลี่ยงปัญหาซับซ้อน
เรื่องนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกไป จวนท่านแม่ทัพเคลื่อนกำลังทหารไปยังวัดเฉิงหวง วัดเฉิงหวงเป็นที่รวมตัวของผู้ลี้ภัยจำนวนมาก เวลานี้ได้ถูกราชครูจวินและเสนาบดีเฉินล่วงรู้เข้า
เวลานี้เสนาบดีเฉินยากจะปกป้องตนเองได้ แต่เขาก็มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮูหยินเฉินจึงเอ่ยถาม : “เสนาบดีตั้งใจจะทำอะไรหรือเจ้าคะ?”
“ท่านอ๋องเย่มักจะไม่เคยแสดงท่าทางเช่นนี้ เกรงว่าพระชายาเย่คงจะร้อนใจไปกระมัง?” เสนาบดีเฉินรู้สึกว่าตั้งแต่ที่บุตรสาวของท่านแม่ทัพฉีออกเรือนไป เมืองนี้ก็ยิ่งวุ่นวายขึ้น ส่วนฉีเฟยอวิ๋นผู้นี้ก็อยู่ไม่ค่อยติดที่
ตระกูลเฉินมีวันนี้ได้ เสนาบดีเฉินคงตัดใจห่างฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้
“แต่น่าเสียดายที่เวลานี้คงจะปกป้องตนเองไม่ได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องเข้าเยี่ยมเสียหน่อย” เสนาบดีเกลียดเข้ากระดูกดำที่สุด หลายปีมานี้ฉีจือซานล้วนเป็นหอกทิ่มแทงใจเขามาโดยตลอด การปรากฏตัวของฉีเฟยอวิ๋น ก็ขัดขวางเส้นทางของเขา
แม้ว่าความทะเยอทะยานโดยไม่ได้ตั้งใจของเขาจะมีสูง แต่บุตรสาวก็ยังไม่ได้รับการโปรดปรานในวังหลวง ความรู้สึกหลากหลายต่างประเดประดังเข้ามาหาเขา ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นเรื่องหนึ่งได้ชัดเจน กษัตริย์ผู้ไร้หัวใจ เป็นสิ่งที่คาดเดาโดยยาก!
ฮูหยินเฉินรู้สึกขุ่นเคืองอย่างอดไม่ได้ น่าเสียดายที่บุตรสาวทั้งสองคน บัดนี้สูงก็รับไม่ไหว ต่ำไปก็รับไม่ได้ คงจะฝากความหวังไม่ได้ มีเพียงบุตรชายทั้งสองคน ที่ยังคงเด็ดเดี่ยว ทำให้โชคชะตาของตระกูลเฉินค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมา
จวินฉูฉู่ออกจากจวนและกลับมายังตระกูลจวินในคืนเดียวกัน
ราชครูจวินเห็นจวินฉูฉู่จากในห้องอักษร
ครั้นจวินฉูฉู่เห็นราชครูจวินก็คุกเข่าลงทันที : “ข้าน้อมทักทายใต้เท้าเจ้าค่ะ”
ราชครูจวินนั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งไม้พยุงแกะสลัก ไม่รีบร้อนว่ากล่าว แต่งกายด้วยชุดคลุมยาวสีม่วง บนชุดคลุมยาวปักลวดลายนกกระเรียนคู่ บารมีอันสูงศักดิ์แพร่กระจายออกมาจากร่างกายของเขาอย่างชัดเจน
จวินฉูฉู่รอครู่หนึ่ง และเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง : “เสด็จพ่อ”
“เจ้ามาได้อย่างไร?”
ราชครูจวินเอ่ยกล่าว จวินฉูฉู่ชะงักไปชั่วขณะ รู้สึกไม่ดีอยู่ในใจ
เมื่อหลายวันก่อนนางมีเรื่องไม่พอใจกับฉีเฟยอวิ๋นครั้นอยู่ในวังหลวง ทำให้ตระกูลจวินได้รับการตักเตือน ทั้งยังเรียกนางจวินฉูฉู่เข้าวังไม่ให้ออกมาทำกิจกรรม นางอึดอัดใจมาก แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง
บัดนี้ฉีเฟยอวิ๋นออกไปสร้างเรื่องนอกเมือง นางกลับมาก็เพื่อคิดหาทางเอาคืนฉีเฟยอวิ๋น
แต่เวลานี้ท่านพ่อกลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หมายความว่าอย่างไร?
“ข้าได้รับข่าวแล้วเจ้าค่ะ ฉีเฟยอวิ๋นออกไปก่อความวุ่นวายในที่ชุมนุมนอกเมือง ข้าตั้งใจมาถามหาวิธีเอาคืนฉีเฟยอวิ๋นจากเสด็จพ่อเจ้าค่ะ” จวินฉูฉู่รู้แก่ใจดีว่าเรื่องในครั้งนี้ อาจจะไม่ถูกต้อง แต่นางชิงชังฉีเฟยอวิ๋นดั่งน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากไม่มีที่สิ้นสุด โอกาสที่ดีเช่นนี้ หากนางไม่คว้าไว้ ก็ไม่มีทางยับยั้งความกระวนกระวายในใจของนางได้
ราชครูจวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องเอาคืนหรอก ส่วนเจ้า ในฐานะพระชายาตวน ทำอะไรไม่ได้ คิดแต่จะเอาคืนผู้อื่น ข้าว่าเจ้ายิ่งอยู่ยิ่งเลอะเลือน เจ้าดูแลเอาใจใส่ท่านอ๋องตวนให้ดีไม่ได้ ก็ยังจะออกมาสร้างเรื่องอีก ก่อนพระสนมเอกจะเข้าวัง เจ้าสร้างเรื่องไว้มากมาย ข้าไม่คิดบัญชีไม่จัดการกับเจ้า คิดไม่ถึงว่าวันนี้เจ้าจะกลับมาสร้างปัญหาเช่นนี้”
“แต่เสด็จพ่อ…”
จวินฉูฉู่เงยหน้ามองอย่างอดไม่ได้ นางไม่ยอม
ใบหน้าอันขึงขังของราชครูจวินโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม : “หากเจ้าเชื่อฟัง เจ้าก็ยังอยู่ข้างกายของท่านอ๋องตวนได้ หากเจ้าไม่เชื่อฟัง บุตรสาวตระกูลจวินมีมากมาย ข้าจะให้แม่ของเจ้าทำการคัดเลือก”
“เสด็จพ่อ อย่านะเจ้าคะ”
จวินฉูฉู่อยากจะร้องไห้ นางกลัวเรื่องนี้ที่สุด
บุตรสาวของตระกูลจวินเป็นคนธรรมดาที่ไหนกัน หากเป็นเช่นนี้ พระชายาเย่ที่นางต้องการก็คงจะรักษาไว้ไม่ได้
ราชครูจวินลุกขึ้นยืน : “กลับไปเถอะ อย่าให้ท่านอ๋องตวนต้องร้อนใจ”
ราชครูจวินเดินจากไป จวินฉูฉู่ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปด้วยใบหน้าซีดเผือด ในใจยังไม่ยอม แต่กลับไม่กล้าทำอะไร
ครั้นท่านอ๋องตวนตื่นขึ้นมาไม่เจอจวินฉูฉู่ จึงเคร่งเครียดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเช่นนี้อีกแล้ว!
ในตอนนั้นเองก็มีคนเคาะประตู ท่านอ๋องตวนลุกขึ้นมาจัดแจงตัวเอง จากนั้นก็เรียกให้เข้ามา พ่อบ้านเข้ามาและโค้งคำนับ : “ท่านอ๋อง”
“ว่ามา” บารมีของท่านอ๋องตวนยังคงสูงสง่า
พ่อบ้านรีบกล่าว : “เมื่อครู่มีคนในวังมาขอเข้าพบ อยากสอบถามเรื่องวัดเฉิงหวงที่อยู่นอกเมือง”
“วัดเฉิงหวงเกิดอะไรขึ้น?” ท่านอ๋องตวนแกล้งทำเป็นไม่รู้
“ท่านอ๋อง พระชายาเย่ไปสร้างกุศลอยู่นอกวัดเฉิงหวง ที่นั่นมีผู้ลี้ภัยเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้สะเทือนถึงฝ่าบาท บัดนี้ท่านแม่ทัพฉีได้เข้าวังไปกราบทูลรายงานแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านทูลรายงานความจริงตามรายงานของคนในวัง
ท่านอ๋องตวนกล่าว : “เรื่องนี้ข้าไม่สนใจ ออกไปเถอะ”
พ่อบ้านลังเลเล็กน้อย : “พ่ะย่ะค่ะ”
*แบกหญ้าก้นจ้ำขาว พืชชนิดหนึ่ง
Comments