อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]ตอนพิเศษ 232 หนอนบ่อนไส้

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter ตอนพิเศษ 232 หนอนบ่อนไส้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 232 หนอนบ่อนไส้

ตอนพิเศษ 232 หนอนบ่อนไส้

เนี่ยนเนี่ยนและไป๋หลิวอี้มองหน้ากัน แล้วทั้งคู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ตั้งแต่ถงเวยหลินมาที่นี่ทั้งคืน เขาเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เขาน่าจะยอมรับความจริงได้บ้างแล้ว

ไป๋หลิวอี้มองเนี่ยนเนี่ยน แล้วกลับไปนั่งบนเตียงอีกครั้ง “เจ้าอยากดื่มน้ำก่อนหรือไม่?”

ถงเวยหลินหลับตาลงช้า ๆ “เจ้าบอกข้ามาเลย ข้าทนได้… ตระกูลถงถูกกวาดล้าง ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาจะทำได้ และ…” จู่ ๆ เขาก็เผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม “มีหนอนบ่อนไส้อยู่ในตระกูลถง ข้ารู้ดี”

ไป๋หลิวอี้ชะงักงัน “เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้ของตระกูลถง?”

“อาสามและอาสี่ของข้า” น้ำเสียงของถงเวยหลินมีนัยเย้ยหยัน

ไป๋หลิวอี้ขมวดคิ้ว “พวกเขาหรือ? แต่พวกเขาก็…” ตายไปแล้ว

ถงเวยหลินเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “กรรมตามสนองพวกเขาแล้ว ข้าเดาว่าพวกเขาคงไม่คิดว่าหลังจากทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อคนอื่น คนผู้นั้นจะข้ามแม่น้ำได้แล้วรื้อสะพานทิ้งด้วยการฆ่าพวกเขา เมื่อเขาทำภารกิจเสร็จแล้ว”

พ่อของถงเวยหลินเป็นลูกชายคนที่สอง ลุงของเขาควรจะเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ระดับขั้นวรยุทธ์ของลุงของเขานั้นอยู่ในระดับปานกลาง จึงไม่มีข้อได้เปรียบในเรื่องวรยุทธ์ ตัวเขาเองก็เข้าใจเช่นกันว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ที่จะคอยดูแลตระกูลถงทั้งหมดได้ เขาจึงตัดสินใจมอบตำแหน่งหัวหน้าครอบครัว ให้กับพ่อของถงเวยหลิน

แต่อาสามกับอาสี่ของเขาไม่เชื่อ มันไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากพ่อของเขาเป็นบุตรที่เกิดกับนางบำเรอ แม้ว่าคุณสมบัติจะดีที่สุดในรุ่น แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อถือ

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาจึงไม่พอใจผู้นำตระกูลมาก ส่วนผู้เฒ่าถงนั้น เมื่อเห็นว่าแม่ผู้ให้กำเนิดของลูกชายคนที่สามและสี่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นลูกของตัวเอง ก็มอบทุกอย่างให้เป็นการชดเชย จึงทำให้พวกเขายิ่งหยิ่งผยองมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อไม่นานมานี้ พ่อของถงเวยหลินและถงเวยหลินต่างพบว่า พฤติกรรมของพวกเขาเริ่มกำเริบเสิบสาน ทำตัวไม่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาจึงเริ่มตรวจสอบ

แต่ก่อนที่จะรู้ว่าพวกเขากำลังแอบวางแผนอะไรอยู่ ก็เกิดเหตุสังหารหมู่ขึ้นก่อน

เหตุผลที่ถงเวยหลินแน่ใจว่ามีหนอนบ่อนไส้ เป็นเพราะในคืนนั้นเขาได้ยินอาสามของเขาพูดอะไรบางอย่างกับชายชุดดำ ที่ใช้ดาบแทงทะลุหน้าอกเขาจากด้านหลัง เขายังคงจำได้แม่น

เขาพูดว่า “เพราะเหตุใดกัน? ไม่ได้บอกว่าเราควรร่วมมือกัน เพื่อช่วยให้ข้ากับพี่สี่ของข้าครองจวนถง แล้วสังหารเพียงพี่รองเท่านั้นหรอกหรือ?”

ก่อนที่ประโยคนั้นจะจบลง อาสามก็สิ้นใจ

ตอนนั้นเองถงเวยหลินจึงตระหนักได้ว่า คนที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลคือพวกเขา

ตระกูลถงมีคนมากมาย…

ถงเวยหลินหลับตาลงช้า ๆ เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตาของเขาก็อาบไปด้วยจิตสังหาร ถามอีกครั้งว่า “ชายชุดดำพวกนั้นคือใคร?”

“คนจากตระกูลเจี่ยง”

ถงเวยหลินหันไปจ้องมองไป๋หลิวอี้ “ตระกูลเจี่ยงไหนกัน?”

เนี่ยนเนี่ยนตอบว่า “เจ้ารู้จักตระกูลเจี่ยง พวกเขาไม่เพียงแต่จะกวาดล้างตระกูลถงเท่านั้น แต่พวกเขาจะกวาดล้างตระกูลลู่และตระกูลหวงด้วย”

ถงเวยหลินกัดฟันแน่น แล้วคำพูดสองสามคำก็ลอดไรฟันของเขาออกมา “เจี่ยง! โม่! เซิง!”

พวกเขาเป็นสหายที่รู้จักกันมานานหลายปี! !

“นอกจากพวกเราแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดรู้ความจริงที่ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ทุกคนกำลังตามหาศพของเจ้า รวมไปถึงคนตระกูลเจี่ยงด้วย” เสียงของไป๋หลิวอี้สงบราบเรียบ “แต่คนตระกูลเจี่ยงอาจจะสงสัยในตัวข้า บางทีพวกเขาอาจจะส่งคนมาค้นหาความจริงที่จวนซูกั๋วกง เจ้าต้องอาศัยอยู่ในหอหลินเยว่ชั่วคราว อย่าได้ออกไปไหน ข้างนอกมีการซ่องสุมกำลังพลอยู่ คนนอกไม่สามารถเข้ามาได้ง่าย ๆ ข้าได้ส่งคนไปดูแลแม่ของเจ้าแล้ว และยังไม่ได้บอกนางว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ส่วนเสี่ยวฮ่วนเหนียงตอนนี้อยู่ที่จวนลู่ โดยมีฮูหยินลู่คอยดูแล สิ่งเดียวที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือ รักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าให้เร็วที่สุด… แม้จะเกิดเรื่องกับตระกูลถง เจ้าก็ควรถนอมชีวิตของเจ้าเอาไว้ เข้าใจหรือไม่?”

ถงเวยหลินเงยหน้าขึ้นมองไป๋หลิวอี้ ความจริงแล้ว มิตรภาพของเขากับไป๋หลิวอี้นั้นเทียบไม่ได้กับเจี่ยงโม่เซิง

แต่ลู่อวี่กับเขาสนิทกันมาก ลู่อวี่มักพูดเสมอว่าไป๋หลิวอี้เป็นคนที่คู่ควรกับมิตรภาพที่ลึกซึ้ง แต่เขามักจะคิดว่าไป๋หลิวอี้เป็นบัณฑิตที่มีนิสัยอ่อนโยนเกินไป ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดไป

เขาหันไปมองเนี่ยนเนี่ยนอีกครั้ง เมื่อคืนนี้เขาจำนางได้แล้ว หญิงสาวที่พาสาวใช้เดินลงบันไดผ่านหน้าพวกเขาทั้งสี่นั่นเอง

เขาไม่ได้คาดหวังว่านางจะอยู่ในจวนซูกั๋วกง เมื่อคิดถึงข่าวลือเรื่องตัวตนของเนี่ยนเนี่ยนที่เขาได้ยินเมื่อเร็ว ๆ นี้ … เขาน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว

ไป๋หลิวอี้รู้ว่าถงเวยหลินเป็นคนมีเหตุผล ดังนั้น ณ จุดนี้เขาควรรู้ว่าต้องทำอย่างไร

ในหัวรู้สึกหนักอึ้ง จึงลุกออกจากห้องไป เขาต้องการพักผ่อนจริง ๆ

เนี่ยนเนี่ยนชำเลืองมองถงเวยหลิน คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตอนนี้ตระกูลถงพึ่งพาได้เพียงแค่เจ้าเท่านั้น เช่นเดียวกับแม่และน้องสาวของเจ้า เจ้ายังต้องแบกรับหน้าที่ดูแลพวกเขา ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าก็ต้องพยายามเดินหน้าต่อไป ไม่อาจปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดกับตระกูลถงได้”

ถงเวยหลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ข้ารู้”

เนี่ยนเนี่ยนบอกให้โม่เพียวคอยดูแลเขา จากนั้นจึงเข้าไปในวังหลวง พร้อมกับผู้พิทักษ์ทมิฬจำนวนหนึ่งที่เหวินหย่าและไป๋หลิวอี้มอบให้นาง

เมื่อนึกถึงคำพูดที่ไป๋หลิวอี้กระซิบข้างหูนางก่อนหน้านี้ นางก็ค่อนข้างหนักใจและรู้สึกอ่อนใจเล็กหน่อย

เมื่อไปถึงวังหลวง นางก็ค่อย ๆ ตั้งสติทำสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วเดินไปยังตำหนักของไท่จื่อ

คาดไม่ถึงว่าในขณะที่เดินไปที่ประตู สายตานางก็เหลือบไปเห็นร่างหนึ่งแวบผ่านไปทางด้านซ้าย

เนี่ยนเนี่ยนหยุดชะงัก แล้วมองไปที่นั่น

เหวินหย่าอดประหลาดใจไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น?”

“รู้สึกว่า… คนผู้นั้นดูคุ้น ๆ” แม้ว่าจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่เนี่ยนเนี่ยนก็รู้สึกว่ามองจากด้านหลัง ร่างนั้นคล้ายเริ่นเมิ่งมาก

แต่เริ่นเมิ่งเป็นผู้พิทักษ์ทมิฬของเสด็จลุง จึงไม่น่าแปลกใจที่นางปรากฏตัวที่นี่

นางส่ายหน้า แล้วหันหน้าเดินเข้าไปในห้องโถง

ไท่จื่อเม้มพระโอษฐ์ขณะอ่านรายงานในมือ ทั้งยังมีรายงานสองฉบับที่ถูกโยนทิ้งลงบนพื้น

เนี่ยนเนี่ยนเห็นแล้วก็รู้สึกว่าไท่จื่อต้องอารมณ์ไม่ดีเป็นแน่

นางหันไปมองข้าราชบริพารที่อยู่ด้านข้างประตู ข้าราชบริพารคนนั้นเป็นคนสนิทของไท่จื่อ และจำนางได้ เขาจึงพูดเสียงเบาว่า “นี่คือรายงานที่ข้าราชบริพารส่งมาให้ เมื่ออ่านจบฝ่าบาทก็เย้ยหยัน ต่อมามีผู้พิทักษ์ทมิฬเข้ามารายงานสถานการณ์ หลังจากได้ฟังแล้ว ฝ่าบาทก็โยนรายงานลงบนพื้นพ่ะย่ะค่ะ”

สำหรับสิ่งที่เขียนไว้บนรายงาน ข้าราชบริพารล้วนไม่ได้อ่าน

เนี่ยนเนี่ยนคิดได้ทันทีว่าคนผู้นั้นต้องเป็นเริ่นเมิ่งแน่นอน นางมีภารกิจอื่นอีกแล้วหรือ?

เนี่ยนเนี่ยนส่ายหน้า แล้วบอกให้เหวินหย่ารอนางอยู่ข้างนอก จากนั้นเดินเข้าไปข้างในคนเดียว แล้วหยิบรายงานบนพื้นขึ้นมาอ่าน

เนื้อหาตอนต้นขอให้ฮ่องเต้สืบหาตัวฆาตกรฆ่าคนตระกูลถงให้เร็วที่สุด ถ้อยคำนั้นดุดัน เฉียบคม แฝงไปด้วยความรู้สึกต้องการประหัตประหาร และยังแฝงนัยว่านี่เป็นฝีมือของราชวงศ์ด้วย

เนี่ยนเนี่ยนหัวเราะเบา ๆ ก่อนเก็บรายงานวางไว้บนกล่อง

ถังมู่เทียนเงยหน้าขึ้นจ้องมองนาง “ไม่แม้แต่จะทักทายข้าเมื่อเจ้ามาที่นี่ ซ้ำยังหัวเราะเมื่อเห็นข้าหน้าตาบูดบึ้งอีกด้วย เจ้ามีความสุขบนความทุกข์ของข้าหรืออย่างไร?”

“หามิได้ ข้าแค่มาที่นี่เพื่อนำสารจากไป๋หลิวอี้มาบอกเพคะ” เนี่ยนเนี่ยนเดินไปหาเขา แล้วมองเขาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น

………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เผชิญงานหนักแล้วนะคุณชายใหญ่ไป๋ สู้ๆ นะคะ

เริ่นเมิ่งจะอยู่ข้างไหนเนี่ย ดูลับๆ ล่อๆ เหลือเกิน

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด