อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]ตอนพิเศษ 277 มาแล้ว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter ตอนพิเศษ 277 มาแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 277 มาแล้ว

ตอนพิเศษ 277 มาแล้ว

เนี่ยนเนี่ยนรีบวิ่งไปข้างหน้า เมื่อนางวิ่งออกจากเรือนมาแล้ว นางก็เห็นแม่นมอวี๋รีบประคองฮูหยินเฒ่าไป๋เดินจ้ำอ้าวเข้ามา

อาเวินต้องการจะขวางไว้ แต่ก็ไม่กล้า เขาคิดจะกลับไปรายงานข่าวในเรือน แต่ก็ถูกฮูหยินเฒ่าไป๋ผลักออกไป

เมื่อเห็นเนี่ยนเนี่ยนเข้ามา ฮูหยินเฒ่าไป๋ก็มีสีหน้าไม่พอใจมาก “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่? เหตุใดถึงปกปิดเรื่องใหญ่เช่นนี้จากข้า? คิดว่าข้าเป็นหญิงชราไร้ประโยชน์ใช่หรือไม่?”

เนี่ยนเนี่ยนแอบกรีดร้องอยู่ในใจ ฮูหยินเฒ่าไป๋ต้องรู้เรื่องอาการบาดเจ็บของไป๋หลิวอี้แล้วเป็นแน่ นางรีบยกยิ้มและเข้าไปประคองอีกข้างหนึ่ง “จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรเจ้าคะ? ข้าแค่กลัวว่าท่านจะเป็นห่วง ไป๋หลิวอี้ดีขึ้นแล้วจริง ๆ เพราะมีข้าอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ”

“ฮึ่ม” ฮูหยินเฒ่าไป๋ไม่พอใจมาก “ตอนนี้พวกเจ้ากำลังปิดบังทุกอย่างจากข้า ไม่เห็นหัวข้าเลยแม้สักนิด”

เมื่อนางพูดจบ นางก็เร่งฝีเท้าขึ้น การเคลื่อนไหวนั้นเร็วมาก จนเนี่ยนเนี่ยนกังวลว่านางจะสะดุดล้มลง

ความขุ่นเคืองใจของฮูหยินเฒ่าไป๋ยังไม่ได้รับการระบาย “ตอนนี้ข้างนอกวุ่นวายมาก ข้าเป็นหญิงชราที่อยู่แต่เรือนก็ได้แต่เป็นห่วง พวกเจ้าช่างร้ายนัก ยิ่งข้ากังวล พวกเจ้าก็ยิ่งปกปิดข้า ปล่อยให้ข้าวิตกกังวลไปสารพัด ข้าเกรงว่าพวกเจ้าอาจจะทำผิดพลาด แม้ข้าจะแก่แล้ว แต่ก็ไม่อาจปิดบังข้าได้…”

เนี่ยนเนี่ยนกัดฟันปล่อยให้นางดุต่อไป ขณะช่วยประคองให้นางก้าวไปข้างหน้า

ทุกคนตรงไปยังหน้าห้องของเยว่เอ๋อร์ ฮูหยินเฒ่าไป๋ผลักประตูอย่างโกรธจัด เมื่อนางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นไป๋หลิวอี้กำลังเช็ดน้ำตาให้เยว่เอ๋อร์ด้วยผ้าเช็ดหน้า ด้วยท่าทางสนิทสนมและอ่อนโยน

ฮูหยินเฒ่าไป๋และแม่นมอวี๋ตกตะลึง แล้วหันไปมองหน้าเนี่ยนเนี่ยนโดยไม่รู้ตัว

วินาทีต่อมา สีหน้าของนางก็เกรี้ยวกราดยิ่งขึ้น เจ้าเด็กบ้า กล้าดีอย่างไรมาทำเช่นนี้กับเนี่ยนเนี่ยน สมควรโดนตีจริง ๆ

ฮูหยินเฒ่าไป๋ค่อย ๆ เดินเข้าไปข้างใน จนกระทั่งนางถึงขอบเตียง นางอยากจะยกมือขึ้นตีไป๋หลิวอี้ แต่เมื่อเห็นว่าร่างกายของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล นางก็รู้สึกเสียใจและลังเล

นางมาหาเขาเพราะนางได้ข่าวว่าเขาบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้… นางจะตีเขาลงได้อย่างไร

ฮูหยินเฒ่าไป๋จ้องมองเขาด้วยสายตาดุดัน จากนั้นสายตาของนางก็สบเข้ากับเยว่เอ๋อร์

มองดูแล้วก็พบว่าใบหน้าของเยว่เอ๋อร์ซีดเซียวน่าสงสาร ทั้งใบหน้ามีแต่รอยแผลจนแทบจะจำเค้าเดิมไม่ได้ เป็นถึงเพียงนี้ เป็นถึงเพียงนี้…

ฮูหยินเฒ่าไป๋ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ นางจึงได้แต่หันไปมองเนี่ยนเนี่ยน

คาดไม่ถึงว่าเนี่ยนเนี่ยนจะไม่ตอบสนองเลย ทั้งยังเดินไปนำเก้าอี้มาให้ฮูหยินเฒ่าไป๋นั่งลง

ไป๋หลิวอี้รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นฮูหยินเฒ่าไป๋ “ท่านย่า ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรขอรับ?”

“ฮึ่ม” ฮูหยินเฒ่าไป๋พ่นลมหายใจด้วยความโกรธจัด สายตาของนางจับจ้องไปที่เยว่เอ๋อร์อีกครั้งอย่างต้องการจะถาม แต่ไม่รู้ว่าจะถามอย่างไร

ขณะที่ยังคงนิ่งงันอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากนอกประตูอีกครั้ง

เจ้าของก้าวที่มั่นคงนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากซูกั๋วกงไป๋ชูเฟิง

เขาได้ยินว่ามารดาของเขารู้ว่าไป๋หลิวอี้ได้รับบาดเจ็บและมาที่จวนเสนาบดีฝั่งขวา เขาจึงรีบตามนางมาทันที เพราะกังวลว่านางจะใจเสียจนเป็นลมไป

“ท่านแม่…” ซูกั๋วกงรีบก้าวเข้ามาหา สายตาเฉียบคมของเขากวาดมองไปรอบ ๆ ในที่สุดก็จับจ้องไปที่เยว่เอ๋อร์

ซูกั๋วกงเผลอขมวดคิ้วโดยไม่ได้ตั้งใจ

ไป๋หลิวอี้ลอบถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องเยว่เอ๋อร์ให้เขาฟังอย่างไร เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าทุกคนจะมาพบกันในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้

เมื่อมองไปยังสีหน้างุนงงของซูกั๋วกงและฮูหยินเฒ่าไป๋ ไป๋หลิวอี้ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจ้องมองไปที่พ่อของเขา และแนะนำด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “นี่คือเยว่เอ๋อร์ขอรับ”

ทันใดนั้นสีหน้าของซูกั๋วกงก็แข็งค้าง รูม่านตาของเขาหดตัวลง

คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ว่าเยว่เอ๋อร์คือ… ลูกสาวของสตรีผู้นั้น

สายตาเฉียบคมของเขาจับจ้องไปที่ไป๋หลิวอี้ทันที ราวกับถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ฮูหยินเฒ่าไป๋กำลังงุนงง นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดสีหน้าของลูกชายของนางจึงเปลี่ยนไปในทันใด นางไม่รู้ว่าใครคือเยว่เอ๋อร์ และไม่รู้ว่าแม่ของไป๋หลิวอี้ทรยศต่อซูกั๋วกง

ไป๋หลิวอี้ยังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหันไปมองเยว่เอ๋อร์ รับรู้ได้ว่านางหดตัวลงชัดเจน

“ท่านพ่อ ท่านย่า ข้ามีเรื่องจะบอกพวกท่านขอรับ” เมื่อพูดจบแล้ว เขากับเนี่ยนเนี่ยนก็มองหน้ากัน

เนี่ยนเนี่ยนเดาได้ว่าเขากำลังจะพูดอะไร จึงพยักหน้าเบา ๆ “ข้าจะดูแลเยว่เอ๋อร์เอง”

ฮูหยินเฒ่าไป๋มองเนี่ยนเนี่ยนด้วยความแปลกใจ แม่สาวน้อยนี่ไม่รู้จักหึงหวงบ้างเลยหรือ?

ก่อนที่นางจะเข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด ซูกั๋วกงก็เดินไปที่ประตูแล้ว นางเม้มปาก แล้วให้ไป๋หลิวอี้ช่วยพยุงนางออกไปด้วย

ทั้งสามเดินกลับไปคุยกันที่ห้องของไป๋หลิวอี้ ไป๋หลิวอี้กล่าวว่าครั้งนี้เยว่เอ๋อร์เสี่ยงชีวิตเพื่อขโมยจดหมายของท่านอ๋องเลี่ยและตระกูลเจี่ยงจนถูกทรมานในคุกใต้ดินที่จวนท่านอ๋องเลี่ย และเล่าว่าเนี่ยนเนี่ยนเป็นคนไปพาตัวนางออกมาตอนกลางคืน

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ฮูหยินเฒ่าไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เยว่เอ๋อร์ดูบอบบางและอ่อนแอ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความกล้าหาญถึงเพียงนี้

นั่นก็แสดงว่านางยังคงเป็นผู้มีส่วนสำคัญในเหตุการณ์นี้

แต่ถึงอย่างนั้น… ก็ไม่ใช่เหตุผลที่หลิวอี้จะมีท่าทางห่วงใยนางถึงเพียงนั้น

ทว่าซูกั๋วกงกลับนิ่งเงียบ ก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

สายตาของไป๋หลิวอี้ยังคงจ้องมองเขาเขม็ง ราวกับพยายามอ่านความคิดจากสีหน้าของเขา

สองพ่อลูกเงียบกริบ ทั้งห้องเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง จนสามารถได้ยินเสียงเข็มร่วงลงบนพื้นได้

หลังจากนั้นไม่นาน ซูกั๋วกงก็ถอนหายใจ เขาหลับตาลง ลูบปลายจมูก แล้วพูดด้วยสีหน้าอ่อนล้า “ช่างเถอะ นางก็ไร้เดียงสาเช่นกัน… พ่อแม่ของนางตายไปแล้ว ความคับแค้นใจของคนรุ่นก่อน…ไม่ควรมาลงที่นาง เจ้าเป็นพี่ชายของนาง จากนี้ไปก็จงดูแลนางเถิด”

ไป๋หลิวอี้รู้ว่านี่เป็นการยอมประนีประนอมครั้งใหญ่ที่สุดของซูกั๋วกง

เขาหรี่ตาลงตอบว่า “ขอรับ”

ฮูหยินเฒ่าไป๋ยิ่งสับสน เหตุใดนางถึงไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูด? จากคำพูดของชูเฟิง ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักพ่อแม่ของแม่นางเยว่เอ๋อร์คนนี้

ซูกั๋วกงโบกมือ แล้วบอกกับไป๋หลิวอี้ว่า “เจ้าออกไปก่อนเถิด พ่อมีเรื่องจะคุยกับท่านย่าของเจ้า”

ตอนนี้เยว่เอ๋อร์ได้ปรากฏตัวต่อหน้าฮูหยินเฒ่าไป๋แล้ว เหตุการณ์ในตอนนั้นจึงไม่อาจเก็บเป็นความลับได้อีกต่อไป

ไป๋หลิวอี้ตอบรับเสียงแผ่วเบา แล้วหลุบตาลงเดินออกไป

ทว่าเขาไม่ได้ไปไหนไกล และยืนรออยู่ข้างนอกห้อง

ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม ประตูห้องนั้นก็ถูกเปิดออก ซูกั๋วกงประคองฮูหยินเฒ่าไป๋ออกมา ทั้งสองมีสีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก

“… เรื่องจบไปแล้วก็ให้มันแล้วไป เจ้าไม่จำเป็นต้องเก็บมาติดค้างในใจอีกต่อไป” ฮูหยินเฒ่าไป๋ถอนหายใจขณะเดิน “หลิวอี้ก็ไร้เดียงสาเช่นกัน เขาต้องทุกข์ทรมานมากในตอนนั้น แต่โชคดีที่ตอนนี้ความทุกข์ระทมทั้งหมดได้สิ้นสุดแล้ว ทั้งยังมีเนี่ยนเนี่ยนอยู่เคียงข้างเขาด้วย เจ้าก็มีชีวิตของเจ้าเอง หลิ่วซื่อ… แม้ว่าบางครั้งนางจะไม่อยู่กับร่องกับรอยไปบ้าง แต่นางก็ยังรักเจ้าสุดหัวใจ เจ้าไม่ควรปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นศัตรูเสมอไป…”

ซูกั๋วกงตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา โดยไม่มีการโต้แย้งใด ๆ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและเห็นไป๋หลิวอี้ยืนอยู่นอกห้อง เขาก็ยิ้มให้ทันที

ไป๋หลิวอี้ก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มอ่อน

ถึงเวลาปลดปล่อยความกังวลและเนื้อร้ายที่ค้างคาอยู่ในใจมาตลอดหลายปีแล้ว

เขาหันหลังเดินกลับไปหาเนี่ยนเนี่ยนที่ห้อง ฝีเท้าดูกระฉับกระเฉงว่องไว…

สองวันต่อมา เย่ซิวตู๋อุปราชแห่งอาณาจักรเฟิงชางและอวี้ชิงลั่ว องค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ที่แต่งงานกันมาหลายปีก็มาถึงนอกประตูเมือง

…………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มากันหมดทั้งผู้ใหญ่ฝ่ายหลิวอี้กับเนี่ยนเนี่ยน ต่อไปคืองานแต่งเนี่ยนเนี่ยนใช่ไหมคะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด