อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]ตอนพิเศษ 54 ในหัวใจของคุณหนูมีคนที่ชอบแล้ว
ตอนพิเศษ 54 ในหัวใจของคุณหนูมีคนที่ชอบแล้ว
ตอนพิเศษ 54 ในหัวใจของคุณหนูมีคนที่ชอบแล้ว
เยียนจืออดหรี่ตาไม่ได้ นางมั่นใจในสิ่งที่ตนคิดมากกว่าเดิม
เรือนสุ่ยสีและและสวนหลานมีคนทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งข้าวของของหลานสุ่ยชิงและอู๋ซื่อมีไม่มาก มีคนของจวนหลายคนมาช่วย ใช้เวลาไม่นานก็ย้ายของเสร็จแล้ว
หลานสุ่ยชิงนั่งอยู่ในห้องกว้างขวางโอ่โถงพลางทอดถอนใจชั่วขณะหนึ่ง
อันที่จริงนางรู้สึกไม่เต็มใจที่จะแยกจากเรือนหลังเล็กนั่นเล็กน้อย แต่ตอนนี้เรื่องใดที่สร้างปัญหาให้กับจินซื่อได้ นางล้วนเต็มใจทำทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่ย้ายก็ไม่เป็นไร แต่ท่านแม่ของนางจำเป็นต้องย้ายมาที่สวนหลานนี้ สวนหลานกว้างขวางสภาพแวดล้อมเงียบสงบ ฟื้นฟูร่างกายได้ง่ายกว่าเรือนหลังเล็กที่อากาศอับชื้นและห่างไกลที่นางอาศัยอยู่
ตึก ตึก ……
ในหัวของหลานสุ่ยชิงพลันเกิดคำถามจริงจังขึ้นมาหนึ่งคำถาม นางย้ายเรือนแล้ว ถึงตอนนั้นคนผู้นั้นมาจะทำอย่างไร? เขาจะหานางเจอได้อย่างไร?
เมื่อคืนเขาก็ไม่ได้มา ไม่รู้ว่าวันนี้จะโผล่มาหรือไม่
หลานสุ่ยชิงคิด ตกกลางคืนจึงไปที่เรือนเล็กหลังเดิมอย่างอดไม่ได้
ทว่าคืนนั้น หนานหนานยังคงไม่มา
หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้ว รู้สึกผิดหวังยิ่งกว่าเดิม แต่ก็รู้ว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ตอนนี้นางกำลังกังวลใจระหว่างผลดีและผลเสียของตน
นางเม้มริมฝีปาก แล้วกลับไปนอนที่เรือนสุ่ยสี
นึกไม่ถึงว่านางเพิ่งเดินออกมาจากเรือน ก็พบกับเยียนจือที่ควรนอนหลับไปแล้วอยู่ยืนอยู่ด้านนอก
เมื่อเยียนจือเห็นนาง ก็มีท่าทีกระอึกกระอักไม่กล้าเอื้อนเอ่ยออกมา
หลานสุ่ยชิงถามนาง “เป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เยียนจือส่ายหน้าเป็นพัลวัน ร้อนรนเอ่ย “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”
สิ้นคำ ไม่รอให้นางมีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ ก็รีบวิ่งหนีหางจุกตูดกลับห้องตนไปเสียแล้ว
หลานสุ่ยชิงไม่ได้พบหนานหนาน ในใจรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่ได้ไปซักไซ้ไล่เลียงเอาคำตอบ หันหลังกลับไปนอน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นางไปคารวะยามเช้าอู๋ซื่อก่อน เมื่อกลับมายังเรือนสุ่ยสี นางเห็นแม่นมซ่งยืนอยู่ในเรือนของนางพร้อมกับสาวใช้กลุ่มหนึ่ง
เมื่อเห็นนางออกมา ก็รีบมาหานางทันที ทำความเคารพนางอย่างนบนอบ “คุณหนูใหญ่ ไท่ฮูหยินให้บ่าวจัดหาสาวใช้สองสามคนให้ท่านเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านมีแค่เพียงเยียนจือและแม่นมปู้อยู่ข้างกาย ไม่เหมาะสมกับสถานะของท่าน”
หลานสุ่ยชิงชำเลืองมองสาวใช้กลุ่มนั้น ดู ๆ แล้วล้วนมีแต่คนเฉลียวฉลาด
แต่นางไม่มีความสนใจ นางคุ้นกับการมีแค่เยียนจือและแม่นมปู้อยู่ข้างกายนาง ในบางครั้งยังสามารถตัดสินใจลงมือได้ด้วยตนเอง หากมีคนมากมายเช่นนี้อยู่ข้างกาย ในทางกลับกันมีแต่จะมีปัญหามากกว่าเดิม
ดังนั้น นางจึงปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “ไม่จำเป็นล่ะ มีเยียนจือและแม่นมปู้ก็พอแล้ว”
เยียนจือและแม่นมปู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดี แต่ใต้ตาของเยียนจือกลับมีรอยคล้ำ ดูเหมือนนางไม่ได้หลับนอนทั้งคืนอย่างไรอย่างนั้น แม่นมปู้จึงเป็นห่วงนางเล็กน้อย
แม่นมซ่งตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไท่ฮูหยินกำชับไว้แล้ว ตอนนี้สถานะของหลานสุ่ยชิงได้รับการยืนยันแล้ว นางเป็นลูกสาวคนโตของภรรยาเอก นางก็ควรได้รับการปฏิบัติอย่างลูกสาวคนโตของภรรยาเอก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางมีซิวหวางเฟยและจวิ้นจู่น้อยหนุนหลัง จะให้ขาดแคลนคนรับใช้ภายในเรือนได้อย่างไร?
วันนี้จวิ้นจู่น้อยยังจะมาที่นี่อีก หากให้นางเห็นว่าหลานสุ่ยชิงมีคนข้างกายไม่สมฐานะลูกสาวคนโตของภรรยาเอก เกรงว่าจะโกรธหนักกว่าเดิม
อย่างน้อย เบื้องหน้าก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่จัดเตรียมสาวใช้มาอยู่ที่นี่ก็เพื่อให้พวกนางคอยสอดส่องว่าหลานสุ่ยชิงพยายามร้องขอความเมตตาจากจวิ้นจู่น้อยหรือไม่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แม่นมซ่งเอ่ยอย่างไม่มีทางเลือก “คุณหนูใหญ่รับไว้สักสองสามคนเถิดเจ้าค่ะ ท่านก็เห็นว่าเรือนหลังใหญ่โตออกเพียงนี้ มีที่ให้ต้องเก็บกวาดและทำความสะอาดมากมาย ทั้งเยียนจือและแม่นมปู้เป็นคนสนิทของคุณหนู พวกนางไม่อาจยุ่งมากเกินไปมิใช่หรือเจ้าคะ?”
หลานสุ่ยชิงคิดดูแล้วก็ถูก เรือนหลังนี้ใหญ่กว่าหลังเดิมมาก หากมีเพียงเยียนจือและแม่นมปู้ พวกนางคงเหน็ดเหนื่อยเกินไป
คิดไปคิดมาแล้วนางก็พยักหน้า “เช่นนั้นก็เหลือไว้ทำความสะอาดสักสองสามคน”
แม่นมซ่งรีบพยักหน้าทันที “เจ้าค่ะ คุณหนูเป็นคนเลือกเถิดเจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับไปมองเยียนจือและแม่นมปู้ “พวกเจ้ามาเลือกเถอะ”
เยียนจือเป็นสาวใช้ขั้นสูงข้างกายนาง อนาคตหน้าที่จัดการสาวใช้เหล่านี้ต้องมอบให้นาง แน่นอนว่าต้องเลือกคนที่สามารถเข้ากับนางได้ถึงจะใช้ได้
เยียนจือชะงักงันไปชั่วขณะ นางไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนนี้สมองจึงมึนงงเล็กน้อย เมื่อได้ยินแล้วก็พยักหน้าน้อย ๆ กวาดตามองดูรอบหนึ่ง จากนั้นก็พบสาวใช้ที่ก้มหน้าก้มตาดูซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบสองสามคน จึงเลือกออกมา
ท้ายที่สุดก็เหลือสาวใช้ไว้เพียงสามคน แม่นมซ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังกำชับพวกนางสองสามคำก็พาคนอื่น ๆ จากไป
หลานสุ่ยชิงมองสาวใช้สามคนนั้น พูดขึ้นเบา ๆ “ในห้องของข้าไม่ต้องให้พวกเจ้าคอยรับใช้ ดังนั้นต่อจากนี้ไปพวกเจ้าก็เชื่อฟังคำพูดของเยียนจือและแม่นมปู้”
ทั้งสามคนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรับคำด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็มองหลานสุ่ยชิงกลับเข้าไปในห้อง
หลังจากแม่นมปู้อธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้ทั้งสามคนฟังแล้ว นางก็ขมวดคิ้วดึงเยียนจือกลับเข้าไปในห้องที่ตนอยู่ในตอนนี้ ทันทีที่ประตูปิดลง นางก็บ่นออกมาสองสามคำอย่างอดไม่ได้ “วันนี้เจ้าเป็นอะไร? ไม่มีชีวิตชีวาตลอดทั้งเช้าเลย เหมือนยังไม่ตื่นอย่างไรอย่างนั้น คุณหนูมองเจ้าตั้งหลายครั้งแล้ว หากไม่ใช่เพราะคุณหนูใจดี เจ้ามีสภาพเช่นนี้เกรงว่าจะถูกด่าหลายครั้งแล้ว”
เยียนจือสีหน้าเศร้าโศก เอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “อันที่จริงแล้วข้าไม่ได้นอนทั้งคืน”
แม่นมปู้ประหลาดใจ เยียนจือมักจะนอนหลับสนิทเสมอ “เกิดอะไรขึ้น? ดูเหมือนเจ้าจะมีเรื่องให้หนักอกหนักใจนะ”
“ไม่ใช่ข้าที่หนักอกหนักใจ เป็นคุณหนูต่างหากเจ้าค่ะ” เยียนจือถอนหายใจ มองแม่นมปู้ด้วยสีหน้าเศร้าโศกราวกับอยากจะร้องไห้ แล้วเอ่ยขึ้น “แม่นมปู้ ข้าคิดว่าคุณหนูไม่อยากแต่งเข้าตำหนักอ๋องซิว”
แม่นมปู้สีหน้าตกใจ ต่อว่านางไปหนึ่งคำ “เจ้าพูดจาส่งเดชอันใด?”
“ข้าไม่ได้พูดจาส่งเดช ข้ายังเห็นหลักฐานแล้ว อีกอย่างข้าคาดเดาว่า ในใจคุณหนูอาจจะมีคนที่นางชอบอยู่แล้ว แม่นมปู้ จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ? หากคุณหนูไม่ยินยอมแต่งงานกับซื่อจื่อตำหนักอ๋องซิว จะเป็นการล่วงเกินซิวหวางเฟยหรือไม่ ถึงตอนนั้นซิวหวางเฟยจะต้องไม่หยิบยื่นเรื่องดีใด ๆ ให้คุณหนูแน่ เช่นนั้นคุณหนูจะไม่มีชีวิตที่ยากลำบากกว่าเดิมหรือ? ข้านึกถึงเรื่องนี้แล้วก็ได้แต่พลิกตัวกระสับกระส่ายนอนไม่หลับทั้งคืน”
รูม่านตาของแม่นมปู้หดลง รีบยกมือขึ้นมาปิดปากนาง แล้วหันไปมองรอบ ๆ “คำพูดเหล่านี้เจ้าเอ่ยออกมาได้อย่างไร รีบหุบปากซะ ไม่ต้องคาดเดาแล้ว”
เยียนจือจึงได้สติกลับคืนมา ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่เรือนเล็กหลังเดิมแล้ว นางไม่อาจพูดจาตามอำเภอใจได้ หากคนอื่นมาได้ยินเข้าจะทำอย่างไร?
คิดเช่นนี้แล้ว สีหน้าของเยียนจือพลันซีดเผือด ก่อนตบศีรษะตนเองแรง ๆ หนึ่งที
แม่นมปู้เดินไปดูที่ประตูและหน้าต่างสองสามรอบ จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อย่างไรก็ตาม นางยังคงไม่ตระหนักว่า เมื่อครู่นี้มีเงาร่างหนึ่งเดินจากไปด้วยความรีบร้อน พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนสงสัย
นางเป็นหนึ่งในสาวใช้ใหม่ เดิมทีนางเป็นคนที่รู้จักคิดอ่าน ตอนนี้มาได้ยินคำพูดของเยียนจือจึงรู้สึกตกใจมาก ในตอนแรกนางอยากจะอยู่ข้างกายคุณหนูใหญ่ ภายหน้าคุณหนูใหญ่แต่งเข้าตำหนักอ๋องซิว สถานะของนางก็จะเป็นน้ำขึ้นเรือย่อมสูงตาม
แต่ว่าตอนนี้ ก็เหมือนกับที่เยียนจือเอ่ย หากคุณหนูใหญ่ล่วงเกินซิวหวางเฟยเข้า เกรงว่านางก็ต้องจบสิ้นแล้วเช่นกัน
ไม่ ไม่ได้การ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางต้องหาทางออกให้ตนเองเช่นกัน
คิดถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาของนางพลันกลอกไปมา จากนั้นจึงรีบวิ่งไปหาหลานสุ่ยหยวน
…………
เชื่อข้าสิ หลานสุ่ยหยวนและน้องสาวสองคนนั้นที่เดินอยู่บนเส้นทางแห่งความตายอยู่แล้วจะถลำลึกไปไกลยิ่งกว่าเดิม
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง มีคนได้ยินแล้ว คดีจะพลิกหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)
Comments