อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 121 ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำไม่ได้

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 121 ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 121 ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำไม่ได้

เย่หลานเฉิงถึงตกใจ แย่แล้ว รบกวนหนานหนานจนตื่นแล้ว

ฮ่องเต้หันไปมองด้วยความประหลาดพระทัย ก็พบว่ามีเด็กอายุ 4-5 ขวบกำลังเดินกอดหมอนขยี้ตาเซไปเซมาออกมาจากด้านในห้อง

ยังไม่รอให้พระองค์ได้สติ เย่หลานเฉิงรีบวิ่งไปข้างกายเขา ก่อนจะดึงหมอนออกจากอ้อมกอดของหนานหนาน กระซิบบอก “หนานหนาน รีบมาคารวะเสด็จปู่ของข้าเร็ว”

“เสด็จปู่อะไร?” เขากดเสียงทุ้มต่ำ ทว่าเสียงของหนานหนานกลับดังมาก เมื่อเขาลุกขึ้นจากเตียงจะอารมณ์ดุร้าย ใครที่ปลุกเขาตื่นอย่างไร้เหตุผล ต่อให้เป็นผู้สูงศักดิ์มีอำนาจ เขาก็ไม่พอใจทั้งนั้น บนโลกใบนี้คนที่ทำให้อาการหงุดหงิดจากการตื่นนอนหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ภายในพริบตาเดียวมีแค่อวี้ชิงลั่วเท่านั้น

ส่วนเย่หลานเฉิง ยังไม่ได้ถึงขั้นนี้

หนานหนานต้องเข้าไปขโมยอาหารที่ห้องพระเครื่องต้นตั้งแต่เช้า จึงตื่นแต่เช้าตรู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้กินดื่มอย่างอิ่มหนำและได้นอนกลางวันแบบสบาย ๆ ทว่าเพิ่งจะนอนหลับได้ไม่นานก็โดนรบกวนจนเขาตื่นขึ้นมาแล้ว

“เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าไม่มีความสุขเลย? ตอนนี้เป็นช่วงวัยกำลังเติบโต ข้าไม่อยากให้ใครมารบกวนเวลานอนของข้า หลังจากนี้หากข้าไม่สูง เจ้าจะรับผิดชอบเลี้ยงดูข้าตลอดทั้งชีวิตหรือไม่?”

หนานหนานแค่นเสียงออกมาสองเสียง เขาไม่ได้สนใจเย่หลานเฉิงที่กำลังกระตุกเสื้อของเขาและส่งสายตาเตือนด้วยความกังวล กระชากแขนเสื้อกลับมาอย่างรุนแรง “โอ๊ย เจ้าอย่ามาดึงเสื้อของข้าสิ เดี๋ยวเสื้อของข้าก็ถูกดึงจนขาดหรอก แม้ว่ารูปร่างของข้าจะยอดเยี่ยม แต่การเปลือยกายเป็นสิ่งที่ไม่น่าดูเลย ท่านแม่บอกว่าไม่สามารถเปิดเผยให้คนอื่นดูได้ ต่อให้เป็นบุรุษก็ไม่ได้เช่นกัน”

“หนานหนาน เลิกพูดได้แล้ว เสด็จปู่ยืนอยู่นะ” เย่หลานเฉิงร้อนใจจนไม่ไหว เสด็จปู่คือฮ่องเต้ ทั้งยังมีอำนาจชี้เป็นชี้ตาย หากหนานหนานไม่ให้ความเคารพพระองค์ พระองค์ย่อมมีเหตุผลนับร้อยที่จะสั่งให้คนลากเขาออกไปตัดหัวได้ ถึงเวลานั้นต่อให้เขาโขกศีรษะจนหนังถลอกก็ช่วยชีวิตเขาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนของหนานหนานก็ไม่เป็นที่รู้จักในตอนนี้ การอยู่ในวังจึงเป็นเรื่องที่อันตราย

หนานหนานยังงัวเงีย จึงไม่ได้ยินว่าเขากำลังพูดอะไร เพียงแต่เอ่ยปากพูดด้วยความขุ่นเคือง “เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้าเสียงดังทำให้ข้าตื่นยังไม่ยอมให้ข้าบ่นอีก เจ้าคงไม่รู้ ภายในเรือนแห่งนี้น่าเบื่อมาก ข้าอยากจะหาคนคุยด้วยยังหาไม่ได้เลย ตอนนี้เจ้าทำความผิดยังไม่ยอมให้ข้าบ่นอีก? เจ้าไม่รู้สึกผิดกับข้าบ้างเลยหรือ? เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อบุญคุณของข้าที่หาอาหารให้เจ้าวันละสามมื้อจนเจ้าตัวอ้วนกลมบ้างเลยหรือ? เจ้าทำแบบนี้…หลังจากนี้ข้าไม่หาของกินให้เจ้าแล้ว”

“…” เย่หลานเฉิงรู้สึกได้ว่า ต่อให้ตอนนี้เขาพูดมากไปกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว สิ่งที่ควรได้ยิน เสด็จปู่ก็ได้ยินหมดแล้ว สิ่งที่ควรเห็น เสด็จปู่ก็เห็นหมดแล้ว

หนานหนานเอาแต่ปิดตาบ่นพึมพำ ไม่ได้ฟังคำพูดของเขาเลย

ดูเหมือนว่า เขาคงทำได้เพียงแค่หันมารับหน้าทางฝั่งเสด็จปู่แล้ว

เย่หลานเฉิงหมุนกาย เดินมาที่เบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ ยอมรับผิดก่อนว่า “เสด็จปู่ ขอประทานอภัยที่ทำให้เสด็จปู่ตกพระทัย หนานหนานยังเด็กนัก จึงไม่รู้ความ ขอเสด็จปู่จงมีเมตตา โปรดให้อภัยหนานหนานด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ชะงัก ทอดพระเนตรไปยังเด็กน้อยคนนั้นที่ยังคงปิดตาบ่นไม่หยุด รู้สึกแค่เพียง…น่าสนพระทัยจริง ๆ

เด็กคนนี้คือใครกัน? ลูกของคนในวัง? เหตุใดถึงไม่คุ้นหน้าค่าตาแม้แต่น้อย?

พระองค์สาวพระบาทมาด้านหน้าสองด้าว เย่หลานเฉิงเกิดความร้อนใจ รีบคุกเข่าลงตรงหน้าฮ่องเต้ “เสด็จปู่ หนานหนานไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ทรงเลิกพระขนงขึ้น เด็กคนนี้ช่างมีความกล้าหาญนัก

“เจ้าลุกขึ้นเถิด วันนี้ปู่แค่อยากมาเยี่ยมเยียนเจ้าก็เท่านั้น” ความหมายก็คือ พระองค์จะไม่สร้างปัญหาให้มากมาย เพื่อจัดการกับเด็กที่ไม่รู้ความเพียงคนหนึ่ง

เย่หลานเฉิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาเดินมาหยุดตรงหน้าหนานหนาน กระทุ้งอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าหนานหนานยังคงไม่ยอมลืมตาขึ้นมา จึงรู้สึกจนปัญญา ทำได้เพียงแค่ใช้ท่าไม้ตาย “หนานหนาน ของอร่อยมาแล้ว”

‘ติ๊ง’ ดวงตาของหนานหนานเป็นประกายแวววาวฉับไว อาการง่วงเหงาหาวนอนเมื่อครู่ถูกกวาดหายจนหมดเกลี้ยง จ้องมองเย่หลานเฉิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางพร้อมตะครุบดั่งพญาเสือ “อยู่ไหน ๆ? เสี่ยวเฉิงเฉิง ของอร่อยอยู่ไหน?”

“ฮ่า ๆๆๆ” ฮ่องเต้ได้ทอดพระเนตรก็รู้สึกสนพระทัยจริง ๆ จึงหลุดสรวลออกมาอย่างมีความสุขเพราะทนไม่ไหว

หนานหนานชะงักงัน กะพริบตาปริบ ๆ จึงค้นพบว่าภายในห้องมีคนเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน คนผู้นี้ดูเหมือน…จะเป็นคนที่สูงส่งมาก

“เอ่อ เสี่ยวเฉิงเฉิง เขาคือใครหรือ? สถานที่ทรุดโทรมแห่งนี้ไม่มีใครเข้ามามิใช่หรือ? เขามาทำอะไรกัน?”

เย่หลานเฉิงถึงกับกุมขมับ แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของฮ่องเต้จึงเกิดความผ่อนคลายลงเล็กน้อย โชคดีที่ฮ่องเต้อารมณ์ดีไม่น้อย

เขารีบดึงหนานหนานให้คุกเข่าลงพร้อมกัน “รีบคารวะเสด็จปู่เร็วเข้า”

“เสด็จปู่?” แม้ว่าหนานหนานจะถูกเขาดึงให้คุกเข่าลงบนพื้น แต่ร่างกายก็ยังตั้งตรงอยู่ สายตากวาดมองบนตัวของฮ่องเต้ด้วยความสงสัย ปากก็พึมพำว่า “ท่านปู่ของเจ้าหรือ? ท่านปู่ของเจ้า เป็นท่านพ่อของรัชทายาท ท่านพ่อของรัชทายาท อ๋อ ดูเหมือนว่าจะเป็นฮ่องเต้สินะ”

เย่หลานเฉิงตบหน้าอกตัวเอง หนานหนาน ตอนนี้มิใช่เวลามาวิเคราะห์นะ

ฮ่องเต้ทรงพระสรวลอย่างกลั้นไม่อยู่ พระองค์อยู่ในวังมาหลายปี เด็กที่พบเจอต่างก็ถูกอบรมสั่งสอนให้มีมารยาทอยู่ในกฎเกณฑ์ แต่กลับไม่เคยมีเด็กคนใดกล้าทำตัวเหิมเกริมต่อเบื้องพระพักตร์เช่นนี้มาก่อน ทั้งยังทำตัวเย่อหยิ่งได้น่าสนพระทัยเช่นนี้

“ลุกขึ้นเถิด ลุกขึ้นมาทั้งคู่” พระองค์ดึงเด็กทั้งสองคนให้ลุกขึ้น

จู่ ๆ ดูเหมือนว่าหนานหนานจะตระหนักขึ้นได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างฉับพลัน ชี้ไปที่ฮ่องเต้พร้อมกับส่งเสียงดัง “หาาา เช่นนั้นท่านก็คือ ท่านก็คือฮ่องเต้น่ะสิ โอ๊ยตายแล้ว ข้าขอคารวะฝ่าบาท เช่นนั้นข้าต้องทำตัวอย่างไร? คุกเข่า? เมื่อครู่ก็คุกเข่าไปแล้ว เอ๋ ข้าต้องไปต้มน้ำชาให้ท่านใช่หรือไม่? เอ๋ ข้าต้องทำอะไรกันแน่เนี่ย?”

หนานหนานตื่นเต้นอย่างมาก เย่หลานเฉิงกลับไม่เข้าใจว่าเขาจะตื่นเต้นไปทำไม ท่าทางเช่นนี้ของเขา ไม่ได้เห็นถึงความหวาดกลัวแม้แต่น้อยเลย

ฮ่องเต้ทรงพระสรวลเสียงกังวานออกมาอีกหน “ฮ่า ๆ เด็กคนนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ มา นั่งตรงนี้เถิด เจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เราแค่อยากพูดคุยกับพวกเจ้า”

หนานหนานเชื่อฟังเป็นอย่างมาก เขารีบปีนขึ้นไปบนเก้าอี้โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง นั่งยืดตัวตรง “ฝ่าบาทอยากพูดสิ่งใดหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้นะ ข้ามีความรู้กว้างขวางทั้งโบราณและสมัยใหม่มีความรู้ด้านดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์รู้ทุกอย่างเลย ท่านอยากคุยเรื่องอะไร ข้าสามารถนั่งคุยเป็นเพื่อนท่านได้”

เย่หลานเฉิงไอกระแอมเบา ๆ ทั้ง ๆ ที่เมื่อเช้ายังถามเขาอยู่แท้ ๆ ว่าชื่อของตนเองเขียนอย่างไร ถามถึงความหมายของตำราทั้งสมัยโบราณและสมัยใหม่ ถามว่าอาณาจักรเฟิงชางมาได้อย่างไร เหตุใดถึงตอนนี้ กลับทำท่าทางราวกับรู้ทุกอย่างไปเสียได้?

ฮ่องเต้เลิกพระขนง “อ๋อ เช่นนั้นเจ้าลองว่ามาสิ ตำราเล่มนี้ที่วางอยู่บนโต๊ะของหลานเฉิง พูดถึงอะไร?”

หนานหนานชะงัก รีบหันไปมองตำราที่มีตัวอักษรยุกยิกราวกับมดไต่ เกลียดจนอยากจะกินมันลงท้อง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดอย่างจริงจังว่า “ฝ่าบาท ตำราเล่มนี้ เป็นตำราเล่มหนา ๆ เนื้อหาที่อยู่ด้านในมีเยอะมาก หากให้ข้าเล่าให้ฟังคงใช้เวลานานมาก ๆ”

“อืม เช่นนั้นเจ้าก็สรุปสักหน่อย สามารถเล่าอย่างรวบรัดได้”

………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

หนานหนานถือว่าทำบุญมาเยอะมากเลยนะคะรู้ไหม ถ้าเป็นเด็กคนอื่นคงโดนสั่งให้ลากตัวไปทำโทษแล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *