อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 129 ให้ความเป็นธรรม

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 129 ให้ความเป็นธรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 129 ให้ความเป็นธรรม

อวี๋จั้วหลินที่นั่งอยู่ข้างกลับมีดวงตาเป็นประกาย จ้องมองเย่ซิวตู๋ที่เดินเข้ามาด้านในด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินมาว่าท่านอ๋องซิวกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มีวาสนาให้มารู้จักกัน”

รู้จักกัน? อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะลงไปตีสนิทกับเย่ซิวตู๋?

อวี้ชิงลั่วเพิ่งจะคิดเช่นนี้ ข้างหูของนางก็ได้ยินเสียงของอวี๋จั้วหลิน “แม่นางชิง ข้าเชื่อว่าหากมีท่านอ๋องซิวอยู่ที่นี่ วันนี้คงไม่ทำให้ท่านต้องได้รับความอยุติธรรมอย่างแน่นอน”

เหอะ ๆ อวี้ชิงลั่วยิ้มเจื่อน เจ้าเชื่อใจเขาเต็มเปี่ยมจริง ๆ หรือว่าเมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินผู้อารักขาของจวนเว่ยหยวนโหวคนนั้นบอกว่าหมอปีศาจคนนั้นได้รับความเคารพจากท่านอ๋องซิว? เจ้าหูหนวกหรือตั้งใจเพิกเฉยกันแน่?

อวี๋จั้วหลินย่อมไม่ได้หูหนวกอยู่แล้ว คำพูดของผู้อารักขาคนนั้น เขาเองก็ได้ยินอย่างชัดเจน ทว่าเขากลับมองออกว่า คำพูดเมื่อครู่ของอาจารย์เสิ่นคนนั้นดูเหมือนว่าจะใช้ท่านอ๋องซิวเพื่อเป็นพยานและหนุนหลังเขาในการเผชิญหน้ากับเสนาบดีฝั่งขวา

น่าเสียดาย ท่านอ๋องซิวเป็นคนเย่อหยิ่งมาแต่ไหนแต่ไร ในฐานะของผู้อยู่เบื้องสูง ทั้งยังเป็นคนที่มีความฉลาดปราดเปรื่องขั้นสุด ไม่มีทางเป็นเกราะกำบังให้คนอื่นวางอำนาจบาตรใหญ่แน่นอน นอกจากนี้เขายังเผชิญหน้ากับเสนาบดีฝั่งขวา ท่านอ๋องซิวเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง ไม่มีทางที่จะสร้างความขุ่นเคืองให้หัวหน้าขุนนางด้วยการออกหน้าแทนหมอปีศาจตัวปลอมที่กำลังจะถูกฝัง

อย่างน้อย ๆ หากอวี๋จั้วหลินเป็นท่านอ๋องซิว เขาไม่มีทางทำเช่นนี้แน่นอน

ส่วนตระกูลเว่ยหยวนโหวน่ะหรือ เหอะ หลิ่วเซียงเซียงผู้นั้นหยิ่งผยองถึงขั้นที่ท่านอ๋องซิวไม่แม้แต่จะชายตามอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเมื่อวานที่ถูกท่านอ๋องซิวสั่งให้คนโยนออกจากตำหนัก

อวี้ชิงลั่วจัดเส้นผมอย่างเงียบ ๆ ทั้งยังครุ่นคิดว่าอีกครู่หนึ่งนางจะหาข้ออ้างเพื่อขอตัวกลับไปก่อนอย่างไรดี

นางเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่ง ราวกับว่าเย่ซิวตู๋ปรากฏตัวที่นี่เพื่อมาจับนาง

ทั้งคู่ที่อยู่ชั้นบนต่างมีความคิดที่แตกต่างกัน ทว่าอาจารย์เสิ่นที่อยู่ชั้นล่างทำท่าทางราวกับมีคนหนุนหลัง ใบหน้าเกิดความภาคภูมิใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังเอ่ยปากทักทายท่านอ๋องซิวด้วยตนเอง แสดงท่าทางราวกับมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน

“ท่านอ๋องซิว เราเจอกันอีกแล้ว”

ครั้นพูดประโยคนี้ออกมา ก็กระตุ้นให้เสิ่นอิงและโม่เสียนที่เดินตามหลังเย่ซิวตู๋รู้สึกไม่พอใจในทันที นี่มันอะไรกัน ไม่เพียงแต่สวมรอยเป็นแม่นางอวี้ แต่ยังกลับพูดจาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกับท่านอ๋องของพวกเขาอีก คอยดูเถอะ ไม่ช้าก็เร็วคงได้จัดการกับเจ้าสักวัน

เย่ซิวตู๋ไม่ได้สนใจอีกฝ่าย เดิมทีเขาไม่ได้รู้สึกดีกับตัวปลอมอะไรนี่อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขายังมาที่นี่ด้วยความโกรธเคือง เป้าหมายก็คือตามหาอวี้ชิงลั่ว

หลังจากเห็นจินหลิวหลีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าอวี้ชิงลั่วอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้จริง ๆ

อีกทั้ง!!!

อีกทั้ง!!!

นางกำลังนั่งอยู่กับอวี๋จั้วหลินแบบสองต่อสองด้วย

ให้ตายเถอะ สตรีผู้นั้นกล้าทิ้งจินหลิวหลีไว้เพียงลำพังเพื่อไปเจอหน้าอวี๋จั้วหลิน? นางเห็นคำพูดของเขาเป็นแค่ลมที่พัดผ่านหูจริง ๆ หรือ? ไม่มีจิตสำนึกในการเป็นแม่คนบ้างเลยหรือ?

อาจารย์เสิ่นเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบก็พลันหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ตอนที่กำลังจะเอ่ยปากทักทายอีกครั้ง สายตากลับถูกปิดกั้นโดยเสิ่นอิงที่เดินเข้ามา เสิ่นอิงไม่ได้สนใจเขาแต่กลับแอบส่งสายตาให้จินหลิวหลี เตือนให้นางรู้ตัวว่าตอนนี้อารมณ์ของนายท่านไม่ดีเอาเสียเลย ให้รีบหาวิธีทำให้แม่นางอวี้ออกมาระงับโทสะของเขาโดยเร็ว

จินหลิวหลียิ้มเจื่อน มุมปากกระตุกวูบ ตอนนี้นางกลัวว่าเย่ซิวตู๋จะโกรธจนตะโกนเรียกชื่ออวี้ชิงลั่วออกมาเสียเหลือเกิน ถึงเวลานั้นหากอวี๋จั้วหลินรู้เข้า ความพยายามทั้งหมดจะไม่สูญเปล่าหรอกหรือ?

หากเสียเปรียบสักหน่อย นางก็คง…

“ท่านอ๋อง ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าน้อยด้วยนะเจ้าคะ” จินหลิวหลีเปลี่ยนสีหน้า รีบสะอึกสะอื้นด้วยท่าทางอ่อนแอ ก้าวเท้ามายืนข้าง ๆ เย่ซิวตู๋ บีบน้ำตาออกมาด้วยท่าทางเศร้าโศก

“อึก” อวี้ชิงลั่วที่กำลังนั่งครุ่นคิดอยู่ที่ริมหน้าต่างถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง แอบเบือนหน้าหนีเพราะหมดคำพูดอย่างเงียบ ๆ

เสิ่นอิงและโม่เสียนหันสบตากัน ก่อนจะหันไปมองนายท่านของตนเอง รู้สึก…เป็นกังวลแทนจินหลิวหลีอยู่ลึกๆ

เสนาบดีฝั่งขวาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่าเรื่องราวเริ่มน่าสนใจมากขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าสตรีผู้นี้จะจงใจ หากบอกว่าต้องการความเป็นธรรม ตำแหน่งเสนาบดีฝั่งขวาอย่างเขาก็ไม่ใช่ระดับต่ำอะไร เหตุใดถึงไม่เห็นนางวิ่งร้องไห้มาหยุดตรงหน้าเขา?

ส่วนอาจารย์เสิ่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถลึงตามองแผ่นหลังคนที่กำลังยืนขวางอยู่ตรงหน้าตัวเองด้วยใบหน้าอึมครึม

ในที่สุดเย่ซิวตู๋ก็ดึงสายตากลับมา สายตาที่เยือกเย็นจรดลงบนตัวของจินหลิวหลี ไม่เอ่ยสิ่งใดแม้แต่คำเดียว

“ท่านอ๋อง ท่านคือท่านอ๋องจริง ๆ หรือเจ้าคะ? เช่นนั้นท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเราที่เป็นประชาชนตัวเล็ก ๆ ด้วยนะเจ้าคะ มีคนใช้อำนาจบาตรใหญ่เพื่อข่มเหงคนอื่น ทั้งยังใช้ชื่อเสียงของท่านมารังแกประชาชน ช่างไร้ยางอายสิ้นดี” จินหลิวหลีพยายามอย่างไม่ลดละ หยาดน้ำใสเอ่อคลอในดวงตาราวกับสามารถพูดได้ จ้องมองไปยังเย่ซิวตู๋อย่างตรงไปตรงมา

เย่ซิวตู๋ขมวดหัวคิ้ว เอ่ยถามเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ท่านอ๋อง วันนี้ข้าน้อยและสหายเข้ามาจิบน้ำชาที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่เพิ่งจะนั่ง ก็มีตาเฒ่าตายยากไร้ยางอายที่เรียกตนเองว่าหมอปีศาจมาไล่พวกเราให้ออกไป คิดจะยึดครองห้องของข้า ทั้งยังบอกอีกว่าตนเองเป็นแขกคนสำคัญของเว่ยหยวนโหว ฮ่องเต้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้า ทั้งยังได้รับความเคารพจากท่านอ๋องด้วย เขาใช้ชื่อเสียงของพวกท่านเพื่อวางอำนาจบาตรใหญ่ ข้าน้อยเป็นแค่ประชาชนธรรมดา ไร้ซึ่งอำนาจ ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร โชคดีที่ท่านอ๋องมาที่นี่ ข้าน้อยจึงอยากให้ท่านอ๋องช่วยให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วยเจ้าค่ะ”

คำพูดนี้ได้อธิบายถึงสาเหตุและผลลัพธ์ของเรื่องนี้ไปแล้ว และเป็นการเล่าความจริงกับเย่ซิวตู๋ด้วย นางและอวี้ชิงลั่วถูกรังแก นางและอวี้ชิงลั่วเพิ่งมาถึงโรงเตี๊ยมแห่งนี้ นางและอวี้ชิงลั่วยังไม่ทันได้ติดต่อพูดคุยกับอวี๋จั้วหลินก็ถูกขัดขวางแล้ว อืม ดังนั้น…

ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนั้น ก็ต้องยืนอยู่ข้างพวกนางเพื่อสู้กับตาเฒ่าหนังเหนียวไร้ยางอายผู้นั้นไปด้วยกัน

อาจารย์เสิ่นได้ยินคำพูดนี้ ถึงกับโกรธจนเครากระตุกดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าดำทะมึน คิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าดูหมิ่นเขาเช่นนี้ กล้าพูดว่าเขาเป็นตาเฒ่าหนังเหนียว

อวี๋จั้วหลินที่อยู่ชั้นบนได้ยินจินหลิวหลีพูด หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจึงหันมาพูดกับอวี้ชิงลั่วว่า “แม่นางชิง พวกเรา อยู่ในห้องส่วนตัวสองต่อสอง หากมีใครเห็นเข้าคงส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของแม่นาง ข้าขอลงไปทักทายท่านซิวอ๋องก่อน ส่วนแม่นางรออยู่ที่นี่สักครู่ ท่านอ๋องต้องปฏิบัติอย่างเป็นธรรมแน่นอน”

อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปากอย่างเย็นชา ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของนาง? เกรงว่าคงไม่ใช่หรอก กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบุรุษผู้นี้มากกว่า อีกอย่าง เขาก็อยากจะลงไปประจบประแจงเย่ซิวตู๋แทบแย่แล้ว

ทว่าตอนนี้นางก็อยากให้อีกฝ่ายรีบไปเช่นกัน ไม่เช่นนั้นนางก็คงออกไปจากที่นี่ไม่ได้

คิดเช่นนี้ นางจึงพยักหน้าด้วยท่าทีเข้าอกเข้าใจในทันที “ขอบคุณคุณชายอวี๋ที่เข้าใจ คุณชายเดินระมัดระวังด้วย”

อวี๋จั้วหลินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินลงไปอย่างเงียบ ๆ

อวี้ชิงลั่วถอนหายใจออกมา ก่อนจะมองไปยังห้องโถงใหญ่ที่อยู่ด้านหลังอีกครั้ง ทั้งยังแอบยกนิ้วโป้งให้จินหลิวหลีด้วย

จินหลิวหลียิ่งทุ่มเทสุดกำลัง “ท่านอ๋อง ข้าน้อยคงทำได้แค่ขอให้ท่านให้ความเป็นธรรมด้วย”

อาจารย์เสิ่นที่อยู่ข้าง ๆ ทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป ตวาดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองในทันที “พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า? หาว่าข้าใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกผู้อื่นตรงไหนกัน?”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

หลิวหลีการแสดงสุดยอดจริงๆ ค่ะ ไม่งั้นโรงเตี๊ยมแตกแน่

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *