อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 19 นายท่านเชิญให้ไปพบ

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 19 นายท่านเชิญให้ไปพบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 19 นายท่านเชิญให้ไปพบ

อวี้ชิงลั่วรู้สึกหมดความสนใจในทันที ไม่ว่าจะเป็นสาวใช้คนนี้หรืออูตง ทั้งสองต่างก็เป็นมือสมัครเล่นทั้งคู่ ทำเรื่องชั่วก็ไม่ยอมปกปิดให้ดี วางแผนใส่ร้ายชัดเจนขนาดนี้ เสิ่นอิงและเหวินเทียนที่เป็นบุรุษฉลาดปราดเปรื่อง ย่อมมองเห็นเบาะแสแน่นอน

หลังจากนี้ คาดว่าคงไม่ต้องให้นางทำอะไรแล้ว

ผลลัพธ์ที่ได้ การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของสาวใช้คนนั้น ทำให้เหวินเทียนถึงกับมีใบหน้าแข็งกร้าวทันที เขาเงยหน้ามองอูตง เอ่ยถามเสียงขรึม “เจ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้?”

“เหวินเทียน เจ้าหมายความเช่นไร?” อูตงยิ้มด้วยใบหน้าเย็นชากล่าวต่อไปว่า “ความหมายของเจ้าคือ พิษที่อยู่บนตัวของเผิงอิงเป็นฝีมือของข้า? ทำไมข้าต้องทำเช่นนี้ด้วย? เรื่องนี้มีประโยชน์อย่างไรกับข้า? เหอะ พวกเจ้าช่างน่าขันเกินไปแล้ว ข้าอยู่ที่จวนโม่มานานขนาดนี้ พวกเจ้ากลับยอมเชื่อคนแปลกหน้าที่เพิ่งมาถึงจวนโม่ แต่กลับไม่ยอมเชื่อใจข้า ดีเลย พวกเจ้ามีความสามารถ หลังจากนี้หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็อย่ามาหาข้าอีก จะได้ไม่ต้องมาถูกพิษของข้า”

นางกล่าวจบก็ถลึงตามองสาวใช้คนนั้นและหมุนตัววิ่งออกไป

ตอนที่นางวิ่งออกไปไกลแล้ว เย่ซิวตู๋ที่อยู่ในที่มืดก็เดินออกมาอย่างเงียบ ๆ สายตาสุขุมนุ่มลึกจ้องมองเงาของนางที่ค่อย ๆ ห่างออกไป เอ่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “ให้นางออกจากจวนโม่ไปซะ”

พ่อบ้านชะงัก เขาขมวดคิ้วเบา ๆ “นายท่าน ถึงอย่างไรอูตงก็เป็นลูกศิษย์ของหมออาวุโสฉงซาน มีทักษะทางการแพทย์ชั้นสูง หากส่งนางออกไปเช่นนี้ อาการบาดเจ็บของนายท่าน…”

เย่ซิวตู๋เบนสายตาไร้อารมณ์กลับมา มองไปที่ประตูบานนั้นอีกครั้ง จู่ ๆ เขาก็หัวเราะเสียงทุ้มต่ำ “ที่นี่ยังมีคนที่มีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยมกว่าอีกคนมิใช่หรือ?” หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของหมออาวุโสฉงซาน เรื่องที่อูตงวางแผนใส่เผิงอิง คงเพียงพอที่จะทำให้เขาพรากชีวิตนางได้แล้ว ที่ให้นางออกจากจวนก็นับว่าไว้หน้าหมออาวุโสฉงซานแล้ว

พ่อบ้านอ้าปากค้าง เขามองตามสายตาของนายท่านอย่างเงียบ ๆ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ปิดปากอย่างเชื่องช้า พยักหน้าด้วยท่าทีนิ่งสงบ “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”

เมื่อกล่าวจบ เขาก็เงยหน้ามองไปในห้อง ทั้งยังแอบยืนสงบนิ่งให้แม่นางอวี้ที่ถูกนายท่านกำหนดชะตาชีวิตอย่างเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าแม่นางอวี้ที่ดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อฟังจะมีปฏิกิริยาเช่นไรเมื่อทราบเรื่องนี้

แต่ก็หวังว่า…จะไม่เขินอายจนโกรธเคือง

โครม!

พ่อบ้านเพิ่งคิดเช่นนี้ ภายในห้องก็เกิดเสียงเก้าอี้พลิกคว่ำดังขึ้นอย่างฉับพลัน ทำเอาเขาถึงกับตกใจสะดุ้งโหยง ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงเย็นชาของอวี้ชิงลั่ว “สถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว พวกเจ้าว่ามา จะจัดการเช่นไร?”

เสิ่นอิงยิ้มแห้ง ๆ เขาหันไปดึงเหวินเทียนแรง ๆ อีกฝ่ายแสดงสีหน้าอึดอัดใจ เมื่อครู่ที่เกิดเรื่องเช่นนี้ เขาเองก็พอจะรู้ว่าตนเองหุนหันพลันแล่นจนทำเรื่องผิดพลาด ตอนนี้เมื่อได้ยินว่ามีทางรักษาเผิงอิง ในที่สุดก็สงบลง เขามองดูใบหน้าของอวี้ชิงลั่วที่ดูไม่ดี ก็รีบก้าวเท้าเข้าไปแล้วก้มศีรษะพลางกล่าวว่า “ข้าขอโทษแม่นางอวี้ เป็นเพราะข้าหุนหันพลันแล่นเอง”

“แล้วอย่างไร?”

แล้วอย่างไร? เหวินเทียนชะงักครู่หนึ่ง และเขาก็เข้าใจได้ในทันที “แม่นางอวี้อย่าได้กังวลใจ พวกเราจะไม่ปล่อยสาวใช้คนนี้อย่างแน่นอน”

“ยังมีอีก?”

เสิ่นอิงหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา เขากระซิบข้างหูนาง “แม่นางอวี้ อูตงผู้นี้เป็นคนของนายท่าน พวกเรามิอาจทำอะไรนางได้ แต่เจ้าอย่าได้กังวล เรื่องนี้พวกเราจะรายงานต่อนายท่านอย่างตรงไปตรงมาแน่นอน ข้าเชื่อว่านายท่านต้องจัดการกับอูตงอย่างหนัก เพื่อระบายความโกรธเคืองของเจ้า”

ระบายความโกรธเคืองของนาง? อวี้ชิงลั่วทำท่าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม พูดเช่นนี้ ทำราวกับตำแหน่งของนางสูงเสียเหลือเกิน อูตงต้องการทำร้ายคนของจวนโม่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาง สิ่งที่นางอยากถามไม่ใช่เรื่องนี้…

“ยังมีอีก?”

ยังมีอีกหรือ? เสิ่นอิงและเหวินเทียนหันสบตากัน ภายในใจก็เริ่มหดหู่ จัดการสองคนนี้ก็ยังไม่เพียงพอ หรือว่า…

เหวินเทียนก้าวเท้ามาด้านหน้าอย่างกะทันหัน “ข้ากระทำผิดต่อแม่นางอวี้ หากแม่นางอวี้ยังรู้สึกไม่สาแก่ใจ ข้าจะยอมให้เจ้าลงโทษ ”

อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุก แอบก่ายหน้าผากอยู่ในใจ พวกเขาทั้งสองยังโง่เขลาได้อีกเหรอ?

เย่ซิวตู๋ที่อยู่ด้านนอกเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็กระซิบข้างหูพ่อบ้านสองสามคำ พ่อบ้านได้ยินดวงตาพลันเบิกกว้าง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงยอมพยักหน้า กลืนน้ำลายเดินเข้าไปด้านในห้อง

คนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องเห็นว่ามีคนเดินเข้ามา ก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แม่นางอวี้ นายท่านของพวกเราทราบดีว่าท่านได้รับความอยุติธรรม นี่คือทองคำหนึ่งร้อยตำลึง หวังว่าแม่นางอวี้จะรับไว้ ช่วยถอนพิษให้ท่านเผิงอย่างสงบจิตสงบใจ แน่นอน หากท่านเผิงปลอดภัยไร้โรคาแล้ว นายท่านจะขอบคุณท่านอย่างหนัก” ส่วนจะขอบคุณอย่างหนักแบบใด แค่ก ๆ หวังว่าหลังจากแม่นางอวี้ทราบ จะไม่โกรธจนเต้นเร่า

อวี้ชิงลั่วดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย พลิกฝ่ามือดุจหยกไปรับทองที่อยู่ในมือของพ่อบ้าน นางใช้นิ้วมือลูบอยู่ด้านบนสองสามหน เมื่อนิ้วมือได้สัมผัส นางก็ส่งเสียง ‘หึ’ ออกมาเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าด้วยท่าทางเย็นชาและดูสูงส่ง “อืม” ถือว่าค่อนข้างพอใจกับความหอมหวานนี้

เสิ่นอิงและเหวินเทียนงงเป็นไก่ตาแตก พวกเขาจ้องมองทองที่ถูกนางเก็บไว้อย่างดี มองนางที่ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ มองนางเดินไปย่อตัวข้างหน้าสาวใช้ที่คุกเข่าเนื้อตัวสั่นระริกอยู่บนพื้น ใช้เท้าเตะร่างสาวใช้คนนั้นจนล้มคว่ำ และเหยียบข้ามหลังมือของสาวใช้มาหยุดตรงหน้าเหวินเทียน ก่อนมองดูนางหยิบเม็ดยายัดใส่เข้าไปในปากของเขา…

“แบบนี้ ความโกรธของข้าก็ค่อยสงบลงได้สักหน่อย” อวี้ชิงลั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินไปตรงหน้าเตียงของเผิงอิงด้วยความพึงพอใจและนั่งลง

เหวินเทียนจับคอและออกแรงไอ ใบหน้าของเขาถึงกับแดงก่ำ ชี้นิ้วสั่นระริกไปที่อวี้ชิงลั่วขณะเอ่ยถาม “เจ้า เจ้าให้ข้ากินอะไร?”

อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าให้ข้าจัดการเจ้าได้มิใช่หรือ? ทำไม ตอนนี้ไม่พอใจแล้ว?” ส่วนอูตงคนนั้น นางไม่ปล่อยให้อยู่อย่างปลอดภัยหลังจากใส่ร้ายนางง่าย ๆ เช่นนั้นแน่นอน

เหวินเทียนถูกคำพูดของนางย้อนกลับมาจนพูดไม่ออก จึงทำได้เพียงแค่ใช้มือล้วงคอ แต่ยานั้นได้ละลายกลายเป็นน้ำลายกลืนลงท้องของเขาไปแล้ว ยังจะอาเจียนออกมาได้อีกหรือ? ไม่รู้ว่าอวี้ชิงลั่วให้เขากินอะไร จะอันตรายถึงชีวิตหรือไม่

เขาคิดอย่างจริงจัง จนกระทั่งท้องของเขาเริ่มเกิดเสียงโครกครากจนรู้สึกไม่สบายท้อง ใบหน้าของเขาขาวซีด ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจได้ในทันที จึงรีบหมุนกายวิ่งออกจากห้องไปหาห้องน้ำ

เสิ่นอิงเห็นก็ถึงกับเหงื่อเย็นไหลซึม เขาไม่กล้าแสดงความดูหมิ่นต่ออวี้ชิงลั่วอีกแล้ว สั่งให้คนจับตัวสาวใช้คนนั้นออกไปทันที ส่วนตนเองก้าวเท้าสั้น ๆ มาตรงหน้านาง กล่าวด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอว่า “แม่นางอวี้ มีอะไรให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่?”

พ่อบ้านแสดงท่าทีดูหมิ่นเขาอย่างมาก แม้แต่นายท่าน ท่านเสิ่นก็ยังไม่เคยประจบประแจงขนาดนี้เลย

อวี้ชิงลั่วดูอาการของเผิงอิงปราดหนึ่ง รุนแรงมากจริง ๆ สถานการณ์ของเขาเช่นนี้ คาดว่าคงมีแค่โอสถหยาดน้ำค้างของนางที่สามารถถอนพิษได้ เพียงแต่ โอสถหยาดน้ำค้างมีแค่ห้าเม็ดเท่านั้น จนถึงตอนนี้นางก็ยังทำใจใช้ไม่ได้แม้แต่เม็ดเดียว หากให้เขาใช้ ไม่เท่ากับนางเสียเปรียบอย่างมากหรอกหรือ?

ทองหนึ่งร้อยตำลึง ก็มิอาจซื้อโอสถหนึ่งเม็ดของนางได้

เสิ่นอิงที่อยู่ข้าง ๆ ยืนดูด้วยความวิตกกังวล เมื่อเห็นนางนั่งเหม่ออยู่ตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป “ถอนพิษยากขนาดนั้นจริง ๆ หรือ?”

อวี้ชิงลั่วช้อนสายตามองเขา ก่อนจะเอ่ยถาม “รู้จักโอสถหยาดน้ำค้างหรือไม่?”

“…รู้จัก นั่นเป็นโอสถที่สามารถถอนพิษได้ แม่นางอวี้ หรือว่าต้องใช้โอสถหยาดน้ำค้างเท่านั้นจึงจะช่วยชีวิตเผิงอิงได้? แต่ข้าได้ยินมาว่าโอสถนี้มีราคาแพงมาก และมีทั้งหมดแค่สิบห้าเม็ดเท่านั้น สิ่งนี้…หาได้ยากยิ่ง” เสิ่นอิงเริ่มปาดเหงื่อ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ทำให้เขาเกลียดอูตงแทบตายเลยจริง ๆ

“รู้หรือไม่ว่าราคาของโอสถหยาดน้ำค้างในตลาดมีราคาเท่าใด?” นางย่อมทราบดีว่าเป็นของหายาก หากหาได้ง่าย ๆ นางจะเสียดายขนาดนี้หรือ?

เสิ่นอิงชะงัก เขาพยักหน้า “เคยมีคนนำออกมาขาย ได้ยินมาขายได้ในราคาสามสิบล้านตำลึง” นั่นเป็นรายได้ครึ่งปีของท้องพระคลัง มีแค่ตระกูลมหาเศรษฐีในเมืองหลวงเท่านั้นที่จะซื้อได้

อวี้ชิงลั่วตกตะลึง แพงขนาดนี้เลยเหรอ? งั้นก็หมายความว่า โอสถหยาดน้ำค้างอยู่บนตัวนางห้าเม็ด นี่นางหอบเงินก้อนโตเดินไปเดินมาหรือเนี่ย? ดีจริง ๆ โชคดีที่ปกตินางไม่เคยนำออกมาโอ้อวด

“คือแบบนี้ ข้าไม่ได้ต้องการถึงสามสิบล้านตำลึงหรอก ข้าจะลดราคาให้เจ้าครึ่งหนึ่ง เหลือสิบห้าล้านตำลึง เจ้าเขียนหลักฐานการแลกเปลี่ยนให้ข้าหนึ่งใบ แล้วข้าจะให้โอสถหยาดน้ำค้างกับเจ้า”

รูม่านตาของเสิ่นอิงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขามองอวี้ชิงลั่วราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แม้แต่การพูดก็ยังพูดไม่ค่อยสมบูรณ์ “เจ้า…เจ้าบอกว่า…เจ้าบอกว่าเจ้ามีโอสถหยาดน้ำค้าง?”

ไม่เพียงแค่เขา แม้แต่เย่ซิวตู๋ที่ยืนอยู่ตรงประตูก็อดเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจไม่ได้ อวี้ชิงลั่วคนนี้มีเบื้องหลังที่ใหญ่โตนัก ของที่แม้แต่ในราชสำนักไม่มี นางก็ยังหยิบออกมาได้ ทั้งยังขายให้เขาในราคา ‘ถูก’ เช่นนี้

อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเสิ่นอิงด้วยความดูหมิ่น ประหลาดมากนักหรือที่นางมีโอสถหยาดน้ำค้าง? ต้องทำท่าทางเหมือนนางไปขโมยมาจากที่ใดด้วยหรือ?

“เจ้าจะเขียนหรือไม่ หากไม่เขียนสัญญาขึ้นมา เผิงอิงผู้นี้ข้าจะไม่สนใจแล้ว” หากเป็นไปได้ นางก็อยากให้อูตงหยิบยาถอนพิษออกมา เพียงแต่ตอนนี้ยาสองชนิดผสมเข้าด้วยกันแล้ว ต่อให้เป็นยาถอนพิษของอูตงก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เสิ่นอิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากพูดด้วยปากที่แห้งผาก ทั้งยังทำท่าทางอยากร้องไห้แต่น้ำตาแห้งเหือด “แม่…แม่นางอวี้ ต่อให้ข้าเขียน ข้าก็ไม่มีเงินมากมายขนาดนี้คืนให้เจ้าหรอก” เงินสิบห้าล้านตำลึง ชาตินี้ทั้งชาติเขาก็คงหาเงินจำนวนมากเช่นนี้ไม่ได้ โปรดดูสถานะของเขาที่เป็นแค่ผู้อารักขาตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งด้วย ช่วยลดครึ่งของครึ่งของครึ่งอีกสักหน่อยได้หรือไม่?

อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเบา ๆ เช่นนั้นนางก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็มิอาจออกแรงทำในสิ่งที่ไม่ได้อะไรกลับมาได้

“แม่นางอวี้ โปรดช่วยท่านเผิงอย่างสุดกำลังด้วยเถิด หากท่านเผิงปลอดภัยไร้โรคา เงินจำนวนสิบห้าล้านตำลึง นายท่านของตระกูลเราต้องส่งมอบให้สองมืออย่างแน่นอน” พ่อบ้านที่ออกไปเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรมิอาจทราบได้ เขาก้าวเท้ามาด้านหน้าด้วยความนับถือ ทั้งยังนำคำพูดของเย่ซิวตู๋มาแจ้งต่ออวี้ชิงลั่ว

เสิ่นอิงได้ยินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ทว่าเงินจำนวนสิบห้าล้านตำลึง ไม่ใช่ตัวเลขน้อย ๆ เลย เพื่อช่วยชีวิตของเผิงอิง ทำให้นายท่านต้องกระอักเลือดคำโต เขา…ซึ้งใจมาก

อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น นางก็แอบประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่าบุรุษผู้นั้นจะให้ความสำคัญกับชีวิตของลูกสมุนตนเองเช่นนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็สบายใจได้แล้ว

อวี้ชิงลั่วหยิบกล่องใบเล็กออกมาจากร่างกาย จากนั้นหยิบโอสถสีขาวใสกระจ่างออกมาหนึ่งเม็ด

เสิ่นอิงกลืนน้ำลาย ก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว เพราะอยากเห็นของหายากที่ว่า แต่น่าเสียดายที่การเคลื่อนไหวของอวี้ชิงลั่วรวดเร็วมาก ยามโอสถถูกหยิบออกมา กล่องใบเล็กก็ถูกปิดสนิทแล้ว โอสถเม็ดเล็กสีขาวก็ถูกป้อนเข้าไปในปากของเผิงอิงด้วยเช่นกัน

โอสถหยาดน้ำค้างเป็นของดีที่มีน้อยชิ้น ผ่านไปเพียงครู่เดียว ใบหน้าของเผิงอิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เสิ่นอิงได้เห็นก็มีความสุข สายตาที่มองอวี้ชิงลั่วเหมือนจะเกิดแสงเรืองรองด้วย

พ่อบ้านทำตัวราวกับภูตผี หลังจากเผิงอิงสีหน้าดีขึ้น เขาก็ปรากฏขึ้นภายในห้องอีกครั้ง และกระซิบบอกกับอวี้ชิงลั่วว่า “แม่นางอวี้ นายท่านของเราขอเชิญให้ไปพบขอรับ”

…………………………

สารจากผู้แปล

ยาแพงโหดมาก นายท่านจะมีปัญญาจ่ายไหมนะ หรือทำสัญญาจ่ายด้วยอย่างอื่นแทน

ไหหม่า (海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *