อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 252 มีคนอยากพบท่าน

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 252 มีคนอยากพบท่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 252 มีคนอยากพบท่าน
ตอนที่ 252 มีคนอยากพบท่าน

อวี้ชิงลั่วช้อนสายตามอง ก็พบบุรุษคนหนึ่งกำลังมองมาที่ตนเองด้วยสีหน้าดุดัน

หากนางจำไม่ผิด นางเคยเห็นคนคนนี้ที่โรงเตี๊ยมเยว่หมิงเมื่อวานนี้ เย่ซิวตู๋บอกว่าเขาคือ…องค์ชายสาม ดูจากใบหน้าบึ้งตึง สีหน้าหมองคล้ำ ดวงตาเลื่อนลอย เขาคงปล่อยตัวมากเกินไปเป็นแน่

นางหัวเราะก่อนกล่าวเสียงแผ่วเบา “เห็นขบวนเสด็จ ย่อมมิกล้าไม่เคารพ เพียงแต่ข้าน้อยมีใบหน้าอัปลักษณ์มาตั้งแต่เด็ก บนใบหน้ามีปานขนาดใหญ่ หากให้ปลดผ้าคลุมออก จะมิทำให้ขบวนเสด็จตื่นตระหนกหรือ? ถึงเวลานั้นจึงจะกลายเป็นการไม่เคารพ ดังนั้นฮ่องเต้โปรดอย่าได้โกรธเคืองเลย”

เดิมทีฮ่องเต้ก็รู้สึกเกลียดการกระทำขององค์ชายสามในวันนี้อยู่แล้ว ตอนนี้เขายิ่งแค่นเสียงเย็นอย่างไม่เกรงใจยิ่งขึ้น “มากเรื่อง”

องค์ชายสามรีบก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอะไรอีก

เหมิงกุ้ยเฟยใช้สายตาเย็นชาจ้องมอง เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว จึงประคองแขนของฮ่องเต้ด้วยรอยยิ้มทันใด ก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ฝ่าบาทฮ่าวถิงฟื้นขึ้นมาแล้ว ฝ่าบาทจะเข้าไปดูอาการเขาหรือไม่เพคะ?”

“อืม เรามาที่นี่ก็เพื่อมาดูอาการของเจ้าเจ็ด” ฮ่องเต้พยักหน้า เขาค์รู้สึกโปรดปรานท่าทางอ่อนโยนและเอาอกเอาใจของเหมิงกุ้ยเฟยอย่างมาก จากนั้นจึงรีบสาวเท้าเข้าไปด้านใน

เย่ซิวตู๋ รัชทายาทและคนที่เหลือก็รีบเดินตามไปติด ๆ อวี้ชิงลั่วชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเม้มปากเดินตามอยู่ด้านหลังสุด

องค์ชายสามเห็นเช่นนี้ จึงชะลอฝีเท้าลง หลังจากเหลือบมองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง เขาก็ยิ้มเยาะพร้อมกับกดน้ำเสียงทุ้มต่ำลง “เห็นดวงตาของแม่นางชิงแล้วช่างงดงามนัก รูปโฉมใต้ผ้าคลุมนี้ย่อมไม่เลวร้ายกระมัง ที่บอกว่ามีปาน เราไม่เชื่อหรอก”

เขากระซิบเสียงเบา นิ้วมือกลับเลื่อนขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็ใช้ความเร็วกระชากผ้าคลุมหน้าของอวี้ชิงลั่วอย่างฉับไว

“อ๊าก…” วินาทีต่อมา องค์ชายสามถึงกับตกใจจนถอยกรูดไปด้านหลังหลายก้าว เขามองปานสีม่วงเข้มขนาดใหญ่ที่อยู่บนใบหน้าของอวี้ชิงลั่วด้วยความตกตะลึง พร้อมกับสูดลมเย็นเข้าปากอย่างหนัก

ฮ่องเต้และคนอื่น ๆ ที่เดินอยู่ด้านหน้าหยุดลงทันใด ต่างพากันหันกลับมามองด้านหลัง

ครั้นเห็นเช่นนี้ บนใบหน้าขององค์ชายคนอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง มองอวี้ชิงลั่วที่ถูกปลดผ้าคลุมหน้าจนเผยโฉมหน้าที่แท้จริงด้วยความประหลาดใจ

เหมิงกุ้ยเฟยชะงัก เพียงแต่ขมวดคิ้ว ก่อนจะกลับมาอยู่ในท่าทางปกติอีกครั้งภายในเวลาอันรวดเร็ว ประคองฮ่องเต้โดยไม่ส่งเสียงใด ๆ

อวี้ชิงลั่วกวาดตามองไปรอบ ๆ เมื่อมั่นใจว่าทุกคนเห็นหน้าของนางแล้ว จึงใช้มือปิดใบหน้าด้วยท่าทางตื่นตระหนก พร้อมกับร้องเสียงแหลม “องค์ชายสาม ต่อให้ท่านจะรู้สึกสงสัยใคร่รู้ ต่อให้ที่นี่คือวังหลวง ท่านก็มิควรทำให้ข้าต้องอับอายเช่นนี้ หลายปีมานี้ต่อให้ข้าเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ มาไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยมีใครทำตัวเหิมเกริมเหมือนองค์ชายสามมาก่อน พฤติกรรมเช่นนี้ ต่างจากอันธพาลตรงไหนกัน?”

ยิ่งอวี้ชิงลั่วพูดก็ยิ่งโกรธ แม้แต่ดวงตาก็แดงก่ำขึ้น โดยเฉพาะตอนที่ต้องเผชิญกับสายตาจำนวนมากเหล่านั้นที่กำลังพินิจพิเคราะห์ด้วยความสงสารเหล่านั้น นางก็ยิ่งโกรธจนตัวสั่น ใบหน้าขาวซีดอย่างเห็นได้ชัดทว่ากลับฝืนเพื่อแสดงออกว่าไม่เต็มใจที่จะยอมรับความอับอายนี้ นางพูดกับฮ่องเต้ว่า “ฝ่าบาท องค์ชายเจ็ดฟื้นแล้ว ดูเหมือนว่าที่นี่คงไม่มีอะไรให้หม่อมฉันต้องทำแล้ว ใบหน้าอัปลักษณ์ของหม่อมฉันทำให้ขบวนเสด็จต้องตื่นตระหนก หม่อมฉันขอตัวลาเพคะ”

ครั้นกล่าวจบ ยังไม่รอให้ฮ่องเต้ตรัสสิ่งใด นางก็ก้าวเท้าไปด้านหน้าสองสามก้าวด้วยท่าทางโงนเงนคล้ายกับโกรธจนเสียสติจริง ๆ จากนั้นจึงหยิบผ้าคลุมหน้าที่คุณชายสามดึงออกและโยนไว้ที่พื้นขึ้นมา หมุนกายออกจากตำหนักอี๋ซิ่งพร้อมกับสะอึกสะอื้น

ฮ่องเต้ชะงัก ขมวดคิ้วคิดอยากจะรั้งนางไว้

เพียงแต่เย่ซิวตู๋ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขากลับเอ่ยปากพูดออกมาก่อน “เสด็จพ่อ ลูกจะไปส่งแม่นางชิงออกจากวังพ่ะย่ะค่ะ”

“ดี รีบไป นางช่วยเจ้าเจ็ดไว้ เจ้าต้องปฏิบัติกับนางให้ดี” ฮ่องเต้เองก็พอจะรู้สึกได้ว่าปานที่อยู่บนใบหน้าของนางช่างน่าสงสารนัก หลังจากพระองค์ฝากเย่ซิวตู๋ให้ไปบอกอวี้ชิงลั่วว่าหลังจากนี้จะมอบรางวัลให้จึงยอมปล่อยเย่ซิวตู๋ให้เดินออกไป

ครั้นเย่ซิวตู๋เดินออกไป สีพระพักตร์ของฮ่องเต้พลันเคร่งขรึมลง สายตาทอดมองไปยังองค์ชายสามด้วยท่าทางเย็นชา คำพูดที่ออกมาจากมุมปากคล้ายกับกระโดดออกมาทีละตัว “เชียนชิว”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เหมียวกงกงรีบก้าวเท้ามาด้านหน้า

“ส่งตัวองค์ชายสามออกจากวัง บอกให้เขาตรึกตรองภายในจวนของตนเองให้ดี หากเราไม่เรียกให้เข้าพบก็ไม่ต้องเข้ามาในวัง”

องค์ชายสามชะงัก แต่ก็ถือว่าได้สติกลับมาแล้ว เขารีบคุกเข่าและขยับมาด้านหน้าสองสามก้าว “เสด็จพ่อ ลูกผิดไปแล้ว เป็นเพราะลูกไม่ทันได้ระวังจึงทำให้ผ้าคลุมหน้าของแม่นางชิงหลุด ลูก…”

ประโยคด้านหลังขององค์ชายสามพูดว่าอย่างไร เสิ่นอิงไม่ได้ยินแล้ว หลังจากที่เขารู้ว่าฮ่องเต้จัดการกับองค์ชายสาม เขาจึงออกจากตำหนักอี๋ซิ่งอย่างเงียบเชียบเช่นกัน และรีบเดินตามเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วไป

ปานบนใบหน้าของอวี้ชิงลั่วทำให้คนตกใจจริง ๆ การได้เห็นระยะใกล้เช่นนี้ ยิ่งดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่

เสิ่นอิงแอบเกิดภาพติดตาอยู่ภายในใจ เขาคิดว่าไม่เข้าไปใกล้เกินไปจะดีกว่า จึงเดินตามอยู่ห่าง ๆ ระหว่างนี้ก็คอยดูต้นทางให้พวกเขาด้วย

อวี้ชิงลั่วแอบหัวเราะเบา ๆ ยื่นมือขึ้นมาลูบหน้าตนเอง เอ่ยถามว่า “น่ากลัวขนาดนั้นเลยรึ?”

“งั้น ๆ” สายตาของเย่ซิวตู๋ดูอ่อนโยนอย่างมาก การพูดการจาก็อ่อนละมุนด้วย

หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เย่ซิวตู๋ก็หันมามองนางอีกครั้ง มองไปสองสามครั้งก็ไม่ได้รู้สึกว่าปานนั้นอัปลักษณ์อะไร มองเผิน ๆ แวบหนึ่ง ดูคล้ายกับเทหมึกสีดำลงบนใบหน้าเสียมากกว่า

อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ถึงสายตาร้อนผ่าวจากด้านข้างอย่างชัดเจน มุมปากถึงกับกระตุกวูบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็แค่ปาน น่าแปลกขนาดนั้นเชียวรึ?”

เย่ซิวตู๋ไอกระแอมเบา ๆ หนึ่งเสียง ดึงสายตากลับมาก่อนเอ่ยถามด้วยท่าทางจริงจังว่า “นางทำให้เจ้าลำบากใจหรือไม่?”

“นาง? เจ้าหมายถึงใคร เหมิงกุ้ยเฟย?” อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น เหลือบสายตามองไปที่อีกฝ่าย เพียงแต่ยังไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ นางก็พูดเองเออเองต่อไปว่า “วันนี้นางไม่สร้างความลำบากใจให้ข้าอยู่แล้ว คงเพราะชีวิตขององค์ชายเจ็ดอยู่ในมือของข้ากระมัง ข้าว่านางเองก็คงแอบหยั่งเชิงอยู่ ราวกับกำลังสงสัยว่าข้าคือสตรีผู้นั้นที่วางยาพิษใส่ท่านจนทำให้ท่านหลงรักแบบจนหัวปักหัวปำ”

ระหว่างที่ทั้งค่กำลังพูดคุยกัน ก็เดินมาถึงประตูวังอย่างช้า ๆ คนขับรถม้ารีบยกเก้าอี้ตัวเล็กลงมา เพื่อให้อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋ขึ้นไปนั่งด้านบนรถ

เสิ่นอิงพยักหน้าให้เขา หลังจากถูกขังไปสิบกว่าวัน วันนี้ได้กลับมาเห็นพระอาทิตย์อีกครั้ง ความรู้สึกนี้มันช่าง…ยอดเยี่ยมจริง ๆ

ม่านรถถูกปล่อยลง รถม้าจึงเริ่มเคลื่อนตัวออกไปจนเกิดเสียงดัง ‘กรับ ๆ’

อวี้ชิงลั่วพิงหมอนอิงเข้ากับขอบหน้าต่าง ร่างกายแกว่งไปมาตามการเคลื่อนไหวของรถ จากนั้นจึงพูดต่อไปว่า “ตอนนี้เหมิงกุ้ยเฟยยังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบตัวตนของข้า ตอนที่นางยังไม่มั่นใจว่าข้าคือสตรีผู้นั้นที่วางยาพิษใส่ท่านหรือไม่ นางคงไม่หุนหันพลันแล่นลงมือกับข้าถึงจะถูก”

“ดังนั้นเพื่อให้นางเชื่อว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นคนคนเดียวกัน จึงจงใจเดินรั้งท้าย ปล่อยให้เย่ฮ่าวคังปลดผ้าคลุมหน้าของเจ้าออก ก็เพื่อเผยให้นางเห็นปานนี้ของเจ้า บอกให้นางรู้ว่าตนเองหน้าตาอัปลักษณ์ ท่านซิวอ๋องคงไม่ถูกตาต้องใจเจ้างั้นรึ?”

อวี้ชิงลั่วยักไหล่ “แต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะไม่ได้มากเท่าไรนัก ทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยกำจัดความสงสัยของนาง”

“นางรู้ว่าเจ้าคือหมอปีศาจ เชื่อว่าหากคิดจะสร้างปานขึ้นมาสักจุดบนใบหน้าก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร” เย่ซิวตู๋หัวเราะ เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายเท่าไรนัก นิสัยของเหมิงกุ้ยเฟยเป็นเช่นไรเขาย่อมทราบดี นางมีความสงสัยมาก และสัญชาตญาณก็แม่นยำมากเช่นกัน

“ท่านอ๋อง มีคนมาขวางรถม้า บอกว่าอยากพบท่านขอรับ” ในเวลานี้เอง จู่ ๆ รถม้าก็หยุดลง เพียงไม่นานเสียงทุ้มต่ำของเสิ่นอิงก็ดังเข้ามา

………………………

สารจากผู้แปล

ใครกันที่เป็นคนมาขวางรถม้าและอยากเจอท่านอ๋องซิว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *