อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 286 เดินเท้าด้วยความน้อยใจ

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 286 เดินเท้าด้วยความน้อยใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 286 เดินเท้าด้วยความน้อยใจ
ตอนที่ 286 เดินเท้าด้วยความน้อยใจ

แปลกหรือ?

หนานหนานเปิดม่านออก และชะโงกหน้าออกไปดูคนที่เดินผ่านรถม้าไป “ท่านลุง คนจากเมืองจิงเหลยนั้นแปลกประหลาดตรงไหนหรือ?”

ทั้งสองคนนั้นกำลังสนทนากันอยู่ ต่างก็ตกใจกับเสียงที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นมา จึงหันกลับไปมองรถม้าที่ประณีตงดงาม ก่อนจะรีบเดินจากไปด้วยความประหม่า การสนทนาเช่นนี้ในที่สาธารณะนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะถูกผู้คนขุ่นเคืองและโดนลงโทษได้

ทว่าหนานหนานนั้นไม่ยอมเลิกรา ร่างเล็ก ๆ ของเด็กน้อยนั้นก็พยายามชะโงกหน้าออกไปให้ถึงที่สุด “เฮ้ ช้าก่อน ท่านลุง ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าพวกเขานั้นแปลกตรงที่ใด?”

ทั้งสองคนหันกลับมาชำเลืองมองเด็กน้อยอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่าหนานหนานนั้นจะเพิ่มน้ำเสียงรบเร้าถามต่อไป

“เจ้าไปดูด้วยตัวเองก็จะรู้” ทันทีที่พวกเขากล่าวเสร็จ ทั้งสองก็เลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ ด้านซ้ายทันที และในไม่ช้าเสียงฝีเท้าก็หายไป

หนานหนานขมวดคิ้ว ใบหน้าเล็กเผยความยุ่งยาก “ช่างแปลกประหลาดเสียจริง พวกเขาจะวิ่งทำไมน่ะ ข้าเพียงแค่ถามคำถามเดียวเอง ตอบมาสักคำก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ? ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่โต ข้าไม่เห็นว่าคนจากเมืองจิงเหลยจะแปลกประหลาด น่าจะเป็นพวกเจ้านั้นแหละที่แปลกประหลาด”

เย่ซิวตู๋ยิ้มและอุ้มเด็กชายกลับมา ชายหนุ่มกลัวกว่าถ้าเด็กน้อยจะชะโงกหน้าออกไปเรื่อย ๆ อาจจะตกลงไปเวลาใดก็ไม่อาจรู้ได้

หนานหนานไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ทำให้ความอย่างรู้อยากเห็นของเขานั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเด็กน้อยนั้นนั่งตัวไม่ติด จึงกล่าวเร่งเสิ่นอิงผู้ซึ่งกระตุ้นให้ม้านั้นเคลื่อนที่ต่อไปว่า “ท่านลุงเสิ่นท่านเร็วกว่านี้หน่อย เร็ว ๆ ขึ้นอีก ไม่เช่นนั้นแล้ว ข้าจะไม่ได้เห็นคนจากเมืองจิงเหลยแล้วนะ ไอ้หยา ท่านยังไม่ได้กินข้าวเช้าหรืออย่างไร? เช่นนั้นแล้วให้ข้าคุมรถม้าแทนสิ”

เสิ่นอิงหน้าดำหน้าดําคร่ำเครียด มา ๆๆ หนานหนาน เจ้ามาลองควบคุมรถดูสิ ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าสามารถบังคับรถได้เร็วแค่ไหนบนถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านเช่นนี้

เย่ซิวตู๋ถอนหายใจออก “เสิ่นอิง หยุดรถ”

“หยุด หยุดรถหรือ?” หนานหนานตกตะลึงและรีบจับมือเยว่ซิวตู๋เอาไว้ เด็กชายเอ่ยอย่างประนีประนอมโดยที่ไม่ได้เต็มใจมากนัก “เอาล่ะ เอาล่ะ ท่านพ่อ ข้าไม่เร่งท่านลุงเสิ่นแล้ว ข้าจะไม่พูดแล้ว อย่าหยุดรถนะ”

“หนานหนาน” เย่ซิวตู๋คว้าเด็กน้อยกลับมา หลังจากนั้นจึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ช่วงนี้จะมีคนจากทั้งสามอาณาจักรเข้ามาเป็นจำนวนมาก และยังมีทหารลาดตระเวนในเมืองหลวงอีกมากมาย รถม้าเข้าไปในถนนใหญ่จึงไม่สามารถขยับไปไหนได้ พวกเราจึงทำได้แค่ลงรถแล้วเดินข้ามไปเท่านั้น”

เดินข้ามไป? หนานหนานมุ่ยปาก ช่วงนี้เด็กน้อยนั่นฝึกกังฟูอย่างไม่หยุดหย่อน น่องของเขานั้นปวดเมื่อยไปหมด ขนาดนั่งโยกเยกอยู่ในรถม้านั้นยังไม่ง่ายเลย แต่ตอนนี้กลับจะให้เด็กน้อยลงไปเดินบนถนน นี่มันไร้มนุษยธรรมเกินไปหรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้น จากตรงนี้ก็ดูเหมือนว่าระยะทางนั้นจะยังอีกยาวไกล ถ้าให้เขาเดินข้ามไปนั้น ขาทั้งสองข้างจะไม่หักหรือ?

หนานหนานลำบากใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าเล็ก ๆ มุ่ยจนแทบจะกองรวมกันอยู่แล้ว และเด็กน้อยก็ยังต้องการที่จะไปดูคนจากแคว้นจิงเหลย แต่ก็ไม่สามารถตัดใจลงไปเดินได้

แต่น่าเสียดาย ในขณะที่เด็กน้อยกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสิ่นอิงผู้ซึ่งได้รับคำสั่งแล้วก็ไม่ลังเลเลยที่จะรีบรัดสายบังเหียนให้แน่นและหยุดรถม้าลงในทันที

หนานหนานนั้นไม่ยอมลงจากรถ

เย่ซิวตู๋กระโดดลงจากรถลงมาก่อนหลังจากนั้นจึงขมวดคิ้วและยิ้มขึ้นเอ่ยกับเด็กน้อย “หนานหนาน ถ้ายังไม่ลงมาอีก อีกสักพักคนจากแคว้นจิงเหลยจะเข้าที่พักไปจนหมดแล้วนะ เจ้าอยากจะเห็นก็จะไม่ได้เห็นแล้ว”

หนานหนานตกใจ เหตุใดจึงเร็วเช่นนี้

เด็กน้อยจึงรีบกระโดดลงจากรถในทันที

เมื่อเห็นฝูงชนที่เนืองแน่นบริเวณด้านหน้า เด็กน้อยจึงมั่นใจได้ว่ารถม้านั้นไม่สามารถขยับได้จริง ๆ

เฮ้อ น่าเวทนาขาเล็ก ๆ ทั่งสองของเขาจริงๆ ที่จะต้องเหน็ดเหนื่อยอีกแล้ว

เย่ซิวตู๋อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา ลูกชายอันเป็นที่รักของเขา เหตุใดจึงน่าสนใจเช่นนี้?

ชายหนุ่มยื่นมือออกไปจูงหนานหนานที่กำลังสลดใจเดินตรงไปข้างหน้า

เพียงแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว หนานหนานก็เริ่มงอแงขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านพ่อ คือเช่นนี้น่ะ ขาของข้าจู่ ๆ ก็เป็นตะคริว ท่านแม่ก็คงจะบอกท่านแล้ว ร่างกายของข้านั้นไม่ปกติมาตั้งแต่เล็ก ๆ และไม่กี่วันมานี้ก็ลำบากไม่น้อย ดังนั้นโรคเก่าจึงกำเริบขึ้นมา โดยเฉพาะขาของข้าน่ะ เวลาเดินนั้นเจ็บปวดเหลือเกิน ดังนั้นท่านพ่อ ท่านลองพิจารณาดูว่าจะอุ้ม…”

“อื้ม ถ้ามันหนักหนาขนาดนั้นแล้วล่ะก็ ข้าพิจารณาดูแล้วว่าควรจะพาเจ้ากลับให้ท่านแม่รักษาเจ้าสักหน่อย ไม่ต้องไปดูแล้วคนจากแคว้นจิงเหลย ร่างกายของเจ้าปวดไปหมดแล้ว”

“…” ท่านพ่อไม่น่ารักเลยแม้แต่น้อย หนานหนานพลางคิดขึ้นอย่างโกรธเคือง ‘หรือเขาไม่อยากที่จะชดเชยความรักของพ่อตลอดหกปีที่ผ่านมาเลยหรือ? หรือเขาไม่ต้องการที่จะเติมเต็มความปรารถนาของลูกชายเลยหรือ?’

เจ้าเด็กน้อยมองดูชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ ภายในใจเต็มไปด้วยความว้าวุ่น

เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ คลี่ยิ้มขึ้นมา เมื่ออยู่กับเด็กน้อยชายหนุ่มก็จะอารมณ์ดีอยู่เสมอ และสามารถผ่อนคลายลงได้

เขามองดูผู้คนบริเวณด้านหน้า และจับมือเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเอาไว้ ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะเดินไปยังซอยด้านขวา

ผู้ใดจะคาดเดาได้ว่าเมื่อเดินไปไม่กี่ก้าว หนานหนานก็ได้คิดอะไรบางอย่างได้ และเริ่มเอ่ยปรึกษากับชายหนุ่มอย่างจริงจัง “ท่านพ่อ คือเช่นนี้ วันนี้ผู้เข้าประลองจากอาณาจักรจิงเหลยจะเข้ามาในเมือง ท่านแม่ที่ชื่นชอบความคึกคัก จะต้องอยู่ริมถนนอย่างแน่นอน ดังนั้นในเมื่อร่างกายข้าไม่สู้ดี ท่านพาข้ากลับตำหนักก็คงจะไม่พบผู้ใด ทำไมไม่ลองอุ้มข้าเสี่ยงไปที่ถนนใหญ่ดู ไม่แน่ว่าอาจจะพบกับท่านแม่ ถูกไหม?”

ด้วยความเกียจคร้าน เด็กน้อยสามารถทำทุก ๆ อย่างได้จริง ๆ เย่ซิวตู๋กำลังพิจารณาว่าถ้ากลับไปแล้วเขาควรจะร้องเรียนต่ออวี้ชิงลั่วหรือไม่ ว่าเด็กผู้นี้พูดจาไม่ดีกับนาง

ในขณะที่กำลังครุ่นคิด ก็เกิดเสียงฝีเท้าดังขึ้นในตรอกข้างหน้า และฟังจากน้ำเสียงแล้ว สถานการณ์คงจะวุ่นวายเป็นอย่างมาก

เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ หรี่ตาลงและมองดูหนานหนาน ดูเหมือนว่าเขาอยากจะทดสอบเด็กน้อยอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มจึงไม่ได้เอ่ยเตือนอะไร แต่กลับปล่อยมือของตนลง และขยับออกมาบริเวณด้านข้าง จากนั้นจึงเดินต่อไปเพื่อตรงเข้าไปในซอย

ผลปรากฏว่าผ่านไปไม่นาน เสียงฝีเท้าที่วุ่นวายนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ไม่นาน ร่างที่มีผมยุ่งเหยิงแลดูเหมือนจะตกอยู่ที่นั่งลำบากเป็นอย่างมากก็ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน

คนผู้นั้นตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้ใหญ่และเด็กน้อยอยู่ต่อหน้าเขา เพียงแต่ว่าความเร็วของเขานั้นไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ยังคงวิ่งมาข้างหน้าด้วยความตื่นตระหนก

หนานหนานมองไปที่ชายผู้นั้นด้วยความงุนงง เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นกำลังโผเข้าหาตนเอง เขาจึงกรีดร้องออกมาและปีนขึ้นไปบนไหล่ของเย่ซิวตู๋ และใช้สองมือจับใบหูของชายหนุ่มไว้ ส่วนขาทั้งสองอยู่บนคอของชายหนุ่ม และมองดูชายผู้นั้นล้มลงไปบนพื้นด้วยความหวาดกลัว

เดิมทีแล้วคนผู้นั้นต้องการที่จะหลบหนานหนาน จึงคิดที่จะหลบไปอีกทาง เมื่อหันกลับมาเขาก็กลับตกใจกับเสียงกรีดร้องของหนานหาน

เพียงแต่ว่าเขาไม่ทันจะพูดอะไรก็ต้องรีบลุกขึ้นมาและรีบวิ่งออกไป

หนานหนานลูบอกของตัวเอง โชคดีที่ไม่ถูกชนเข้า แต่เมื่อมองดูแผ่นหลังที่วิ่งห่างออกไปก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “อยู่บนถนนเล็ก ๆ เช่นนี้ เหตุใดจึงต้องวิ่งด้วย? ไม่รู้หรือว่ามันจะชนกับผู้อื่นได้ง่าย ๆ ใช่หรือไม่ท่านพ่อ”

เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ หรี่ตาลง และมองดูเงาของชายผู้นั้นหายไป และเข้าสู่ห้วงแห่งความคิด

……………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ไปชนใครเข้ากันนะ เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นใครแฝงตัวมา

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *