อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 3 มีดีอะไรกัน

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 3 มีดีอะไรกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3 มีดีอะไรกัน

เขาค่อย ๆ เบนสายตากลับมา เริ่มล้วงกระเป๋าใบเล็กที่แขวนอยู่ข้างเอวขยุกขยิก หลังจากล้วงอยู่พักหนึ่งก็หยิบขวดกระเบื้องเคลือบอันประณีตขนาดเล็กใบหนึ่งออกมา ครั้นดึงฝาออกก็ส่งเสียงหัวเราะ ‘หึ ๆ’ เสียทีสองที

ทั้งสองคนที่อยู่ด้านล่างดูเหมือนจะรู้ว่าใครแพ้และชนะแล้ว การเคลื่อนไหวของบุรุษชุดขาวช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางนั้นกลับมีความคิดหยอกล้อคนอื่นอยู่เล็กน้อยด้วย

หนานหนานเกิดความกังวลขึ้นในใจ เขาต้องรีบลงมือ ไม่เช่นนั้นหากรอให้พวกเขาสู้กันเสร็จ คงไม่มีเวลาให้เขาได้สวมบทบาท

สายตาเล็งไปยังสองคนที่ยืนอยู่ด้านล่าง เขาค่อย ๆ เอียงขวดที่อยู่ในมือลงครึ่งหนึ่ง ราดลง…บนแขนของบุรุษชุดขาว

“ยาพิษที่ท่านแม่คิดค้น รับประกันได้เลยว่าเป็นของแท้ ไม่หลอกลวงแม้แต่เด็กและคนชรา เห็นผลในทันที หึ ๆ ๆ ๆ” ระหว่างที่เขาราดลงไปก็กระซิบเสียงทุ้มต่ำไปด้วย ปากเล็กสีชมพูขมุบขมิบขึ้นลง ช่างน่าดึงดูดยิ่ง

ผงยาที่อยู่ในขวดกระเบื้องเคลือบขวดนั้นออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ทว่าเป็นเพราะเปื้อนลงบนแขนที่ได้รับบาดเจ็บของบุรุษชุดขาว จึงทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะและแน่นหน้าอกทันที ใบหน้าขาวซีดริมฝีปากม่วง ราวกับจะล้มลงกลายเป็นศพในพริบตาต่อมา

หนานหนานหรี่ตายิ้ม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเป๋ไปเป๋มาแล้ว เขาก็ทำท่าจะเก็บขวด

ใครจะไปคิดว่าบุรุษชุดขาวที่อยู่ด้านล่างจะแหงนหน้าขึ้นมอง ดวงตาลุ่มลึกสีเข้มราวกับดวงตาอินทรีคมกริบพุ่งตรงไปที่หนานหนาน สีหน้าที่ดูโหดเหี้ยมชั่วร้ายนั้นทำให้หนานหนานตกใจถึงกับร่วงหล่นลงมาจากคาน

จบเห่แล้ว เขากำลังจะตายก่อนวัยอันควร ทั้งยังผีซ้ำด้ำพลอยหัวแตกตายไร้ศพอีก สวรรค์ช่างโหดร้าย เขายังไม่แต่งงาน ยังไม่มีลูก และยังไม่ได้ช่วยท่านแม่หาสามีเลย เหตุใดถึงต้องมาตายอย่างไร้เกียรติเช่นนี้ด้วย หมดกัน ๆ ๆ เป็นเพราะอยู่กับท่านแม่นานเกินไปแน่ ๆ ถึงแปดเปื้อนวิญญาณชั่วร้ายทำให้ต้องพลอยติดร่างแหและมีจุดจบที่ไม่ดีไปด้วย

ท่านแม่ หนานหนานคงรอท่านต่อไปไม่ได้แล้ว ท่านอย่าลืมเผาภริยาตัวน้อยมาให้ข้าด้วยนะ อ๊าาาา…เอ๋ ไม่เจ็บ?

ดวงตาของหนานหนานที่ปิดอยู่พลันเบิกโพลง เขามองบุรุษชุดขาวที่อุ้มตนเองวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจ ดวงตากลมโตถึงกับเบิกกว้าง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ได้สติกลับมา จึงเริ่มออกแรงดิ้นทั้งมือและเท้าเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ

“นี่ ๆ ๆ ปล่อยข้าลงนะ ท่านคิดจะทำอะไร? ท่านจะทำอะไรกับข้า? ข้าบอกไว้ก่อนนะ ข้าไม่ได้นิยมชมชอบบุรุษจนคิดตัดแขนเสื้อ โดยเฉพาะตาเฒ่าแบบท่านข้าไม่สนใจเลยสักนิด ท่านลัก…ท่านลัก…ท่านลักพาตัวเด็กแบบนี้ ระวังตายไปแล้วจะไม่มีที่ให้ฝังนะ”

อีกฝ่ายคิดจะพาเขาไปไหน ท่านแม่กำชับไว้อย่างดีว่าให้เขารออยู่ที่เดิมห้ามไปไหน หากท่านแม่กลับมาไม่เห็นเขา คงได้ถลกหนังเขาเป็นแน่

บุรุษชุดขาวหอบหายใจเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าจ้องเขม็งด้วยสายตาเย็นเยียบและดุร้าย “หุบปาก มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ”

ระหว่างที่พูด ฝีเท้าก็เพิ่มความเร็วขึ้น

หนานหนานรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง ทำได้เพียงแค่ใช้ดวงตากลมโตจ้องไปที่อีกฝ่าย ผ่านไปครู่หนึ่งก็รู้สึกแสบตา เขาแอบถอนหายใจ ครุ่นคิดด้วยความโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ช่างเถอะ ๆ อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บทั้งยังได้รับพิษคงอารมณ์ไม่ดี น้ำเสียงจึงแย่ลงเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาเองก็พอจะเข้าใจได้ ผู้ใหญ่มีตั้งมากมาย ไม่เหมือนกับที่เขารู้หรอก

บุรุษชุดขาวเห็นเขาไม่พูดอะไรอีก ในที่สุดก็เบือนสายตาหลบ และพยายามออกแรงสุดกำลังเพื่อวิ่งไปด้านหน้า

หนานหนานค้นพบอย่างคลุมเครือว่าด้านหลังของเขาดูเหมือนจะมีคนไล่ตามมาด้วย เขาถึงกับชะงัก หรือว่าบุรุษร่างกายแข็งแรงคนนั้นจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด?

สถานการณ์ตอนนี้วิกฤตแล้วจริง ๆ หลังจากนี้เขาจะไม่ได้เจอท่านแม่อีกแล้วใช่หรือไม่ ท่านแม่ บุตรชายของท่านกำลังตกอยู่ในอันตราย ท่านรีบกลายร่างเป็นเฮยไป๋อู๋ฉาง[1] มาช่วยข้าด้วยนะ

“ฮัดชิ้ว!”

อวี้ชิงลั่วจามออกมาอย่างแรงทีหนึ่ง ก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ด้านหน้ารู้ตัว

แต่กระนั้นคิ้วของนางก็อดขมวดเข้าหากันไม่ได้ เพราะรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังด่าลับหลัง

นางสะบัดศีรษะไล่ความคิดยุ่งเหยิงเหล่านั้นออกไปจากหัว ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยจ้องมองสองคนที่อยู่ด้านหน้าต่อไป

นางพบว่าอวี๋จั้วหลินแยกตัวจากลูกสมุนของเขา ส่วนตนเองเดินไปที่ด้านหน้าหอเทียนหม่าน คิ้วของนางเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ และหลบฉากเข้าไปด้านในด้วยรอยยิ้ม

หอเทียนหม่านมีผู้คนคับคั่งและมีความครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง ครั้นอวี้ชิงลั่วเดินเข้ามา ก็มีเสี่ยวเอ้อ [2] คนหนึ่งเข้ามาสอบถาม “คุณหนูมาเข้าพักหรือว่า…”

“ข้าจะขึ้นไปหาคนรู้จัก” อวี้ชิงลั่วไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบก็โยนแท่งเงินให้เขาแท่งหนึ่ง แค่นี้ก็ปิดปากเสี่ยวเอ้อในร้านได้สำเร็จแล้ว นางเดินยิ้มตาหยีหลบไปด้านข้างเพื่อไปจัดการเรื่องของตนเอง

นางก้าวเท้าสองสามก้าวขึ้นบันได ตอนที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าประตูห้องหนึ่งถูกปิดจนเกิดเสียงดัง ‘แกรก’

นางครุ่นคิด หากไม่มีอะไรผิดพลาด อวี๋จั้วหลินก็น่าจะอยู่ด้านในห้องนั้นแล้ว

นางกวาดสายตามองชั้นสองทั้งชั้น พบว่าโรงเตี๊ยมแห่งนี้แม้ว่าชั้นหนึ่งจะมีคนกินข้าวกันอย่างครึกครื้นดูผิดปกติ แต่ชั้นสองที่เป็นห้องพักกลับเงียบสงัด บรรยากาศเย็นสบาย

อวี้ชิงลั่วก้าวเท้าเดินไปด้านข้างสองก้าว นางสำรวจมองพื้นที่โดยรอบห้องอย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่เห็นจุดที่สามารถซ่อนตัวเพื่อแอบฟังได้เลย จึงแอบทอดถอนใจออกมา

เพียงแต่นางยังไม่ยอมแพ้ จึงรออยู่บริเวณใกล้ ๆ

เป็นเพราะโชคของอวี๋จั้วหลินนั้นไม่ดี ในเวลานี้ประตูห้องจึงถูกเปิดออกและก้าวเท้าเดินออกมา สีหน้าของเขาดูไม่ดีขณะเดินมาถึงบันได และเรียกเสี่ยวเอ้อของร้านที่อยู่ชั้นล่าง

ดวงตาของอวี้ชิงลั่วเป็นประกาย นางใช้โอกาสตอนที่อีกฝ่ายหันหลังให้ รีบเข้าไปด้านในห้องของเขาอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรวดเร็วประหนึ่งแมว และซ่อนตัวอยู่ด้านหลังฉากกั้น

นางเพิ่งกลั้นหายใจ พริบตาต่อมา อวี๋จั้วหลินก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง คนที่เดินตามเข้ามาคือลูกสมุนคนเดิม

“เป็นเช่นไรบ้าง? มีข่าวคราวอะไรหรือไม่?” เสียงของอวี๋จั้วหลินแอบแฝงด้วยความร้อนรนแทบทนไม่ไหว ยังมิทันได้นั่งลง คิ้วของเขากลับขมวดเป็นปม

คนของเขาคนนั้นหอบหายใจเล็กน้อย ก่อนส่ายหน้าและกล่าว “นายน้อย เมื่อครู่ข้าน้อยไปที่เรือนหลังนั้นมาแล้ว แต่เจ้าของเรือนบอกว่าออกไปเมื่อสองวันก่อน ส่วนตอนนี้ พวกเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาอยู่หนแห่งใด”

ปัง!

อวี๋จั้วหลินตบโต๊ะอย่างแรง กล่าวด้วยความหงุดหงิดอย่างมาก “มาช้าอีกแล้วงั้นหรือ?”

ลูกสมุนเห็นนายน้อยกำลังหงุดหงิด เขาก็ลอบถอนหายใจกับตนเองเช่นกัน หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกระซิบเสียงเบา “นายน้อย พวกเราออกมาจากเมืองหลวงหนึ่งเดือนกว่าแล้ว หากยังไม่กลับไป ฝ่าบาทอาจมิพอพระทัยที่ท่านออกจากการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ได้รับอนุญาต เกรงว่าจะกระทบกับตระกูลอวี้นะขอรับ ท่านว่า…”

“มิใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีเบาะแสของคนผู้นั้น เจ้ายังจะให้ข้ากลับไปตอนนี้งั้นหรือ? ในเมื่อคนผู้นั้นบอกว่าเมื่อสองวันก่อนเขายังอยู่ที่เจียงเฉิงแห่งนี้ ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็หาต่ออีกสักสองสามวัน บางทีเราอาจหาเจอก็เป็นได้ แม้แต่หมอหลวงก็ยังพูดเองว่าโรคของหรานหร่าน เกรงว่าคงมีแค่หมอปีศาจที่รักษาได้ ครั้งนี้มิว่าจะทำเช่นไร ข้าก็ต้องตามหาหมอปีศาจนั่นให้เจอ ต่อให้ถูกจับ ก็ต้องจับเขากลับไปรักษาหรานหร่านให้ได้”

เสียงของอวี๋จั้วหลินทั้งเกลียดชังทั้งร้อนรุ่ม มีความหงุดหงิดที่มิอาจบรรยายได้ซ่อนอยู่ในน้ำเสียง

อวี้ชิงลั่วที่ซ่อนอยู่ด้านหลังฉากกั้นกลับชะงักงัน มุมปากของนางกระตุกขึ้น

อวี๋จั้วหลินเดินทางออกจากเมืองหลวงมายังเจียงเฉิงไกลกว่าพันลี้ ก็เพื่อตามหานาง?

จริง ๆ เลย…นางมีดีอะไรกัน เหอะ ๆ

………………………..

[1] เฮยไป๋อู๋ฉาง (黑白无常) หรือ ยมทูตหน้าขาว – หน้าดำ ยมทูตของจีนตามศาลเจ้า ตนหนึ่งใส่เสื้อขาว ส่วนอีกตนใส่เสื้อสีดำ ทั้งสองตนนี้ไปไหนมาไหนต้องไปด้วยกัน ขณะที่เทพเจ้าแห่งโชคลาภจะไปไหน ทุกบ้านต่างเปิดประตูต้อนรับ แต่เทพสององค์นี้ ผู้คนกลับไม่มีใครต้องการ ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว ไม่แน่ว่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภจะไปหาทุกบ้าน แต่ที่แน่ ๆ คือ ยมทูตหน้าขาว – หน้าดำนี้ จะไปหาทุกบ้านและทุกคนเมื่อถึงเวลาอันสมควร โดยไม่เลือกว่า บ้านนั้นหรือคนคนนั้นจะต้อนรับหรือไม่

[2] เสี่ยวเอ้อ (小二) ซึ่งแปลได้ว่าน้องรอง(คนที่สอง) ฟังดูก็คล้าย ๆ เราเรียกบริกรบ้านเราว่า “น้อง” แต่เสี่ยวเอ้อในภาษาจีนไม่ได้มีความหมายแบบนั้นซะทีเดียว เพราะน้องรองคนนี้ ไม่ใช่น้องรองของคนที่เรียก แต่เป็นน้องรองของร้าน ซึ่งมีพี่ใหญ่เป็นเถ้าแก่ร้าน

สารจากผู้แปล

หม่าม้าจะรู้ไหมนะว่าลูกชายทำเรื่องยุ่งจนโดนลักพาตัวหายไปแล้ว

เกลียดตัวกินไข่สิเนี่ยขุนพลอวี๋ ถ้าชิงลั่วเป็นหมอปีศาจอย่างที่ว่าจริง

ไหหม่า (海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *