อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 311 เจ้ายังไม่ตาย

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 311 เจ้ายังไม่ตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 311 เจ้ายังไม่ตาย
ตอนที่ 311 เจ้ายังไม่ตาย

อวี้ชิงลั่วหลุบตาลงเล็กน้อย เหลือบมองไปที่อวี้เจี้ยนต๋าปราดหนึ่ง

นางไม่รู้จักคนผู้นี้…

ทว่าอวี้เป่าเอ๋อร์ที่อยู่ตรงกันข้ามกลับได้สติในทันที ครั้นนึกได้ว่าพี่สาวของตนเองจำอะไรไม่ได้ จึงรีบชะโงกหน้ากระซิบข้างหูนางว่า “นั่นคือท่านพ่อ…”

คิ้วของอวี้ชิงลั่วถึงกับขมวดเข้าหากันอย่างหนัก อวี้เจี้ยนต๋า? บัดซบ เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่?

นางใช้สายตากวาดมองอวี้เจี้ยนต๋าที่กำลังมองตนเองด้วยความตกตะลึงอย่างไม่สบอารมณ์ ทว่ากลับเห็นอีกฝ่ายถึงกับเซ ถลึงตาด้วยความหวาดกลัว ทั้งยังถอยหลังออกไปหลายก้าวอย่างตะลีตะลาน “เจ้า…เจ้ายังไม่ตายรึ? ชิงลั่ว เจ้าตายไปตั้งแต่หกปีก่อนแล้วมิใช่รึ?”

ฉีหานเว่ยหันไปมอง จ้องมองอวี้เจี้ยนต๋าอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงใช้สายตาครุ่นคิดมองมาที่อวี้ชิงลั่ว

เมื่อครู่เขากำลังคิดว่า ในเมื่ออวี้เป่าเอ๋อร์เรียกนางว่าท่านพี่ เช่นนั้นสตรีผู้นี้ก็น่าจะเป็นบุตรสาวของอวี้เจี้ยนต๋าถึงจะถูก แต่นางกลับเดินเข้ามาด้วยสีหน้าปกติ ดูไม่เหมือนกับรู้จักอวี้เจี้ยนต๋า นอกจากนี้สายตาดูไม่คุ้นเคยราวกับไม่เคยเจอคนผู้นี้มาก่อน ตอนนั้นเขาจึงคิดว่า สองพี่น้องคู่นี้อาจไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ ๆ อาจเป็นแค่พี่น้องที่รู้จักกันก็เท่านั้น

ตอนนี้ดูเหมือนว่า…สตรีผู้นี้ก็เป็นบุตรสาวของอวี้เจี้ยนต๋าเช่นกัน

‘เจ้าตายไปตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนแล้ว’ หมายความว่าอย่างไร?

“ชิง…ชิงลั่ว เหตุใดเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่ เจ้า…เจ้า…ไม่มีทาง เป็นไปได้อย่างไร?” อวี้เจี้ยนต๋าราวกับสติหลุดไปแล้ว เขาถอยหลังออกไปอย่างต่อเนื่องหลายก้าว จ้องมองสตรีที่กำลังใช้สายตาเย็นชามองมาที่ตนเองด้วยความตกใจ

นางไม่พูดอะไร อวี้เจี้ยนต๋าจึงได้แต่ถอยออกไป

ฉีหานเว่ยเห็นสถานการณ์ ในที่สุดจึงไอกระแอมเบา ๆ หนึ่งเสียง เอ่ยถามว่า “ใต้เท้าอวี้ นี่คือ…”

อวี้เจี้ยนต๋าหันกลับมามองเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะขยี้ตาและเอ่ยถามด้วยริมฝีปากสั่นระริก “รัช…รัชทายาท ท่านมองเห็น…ชิงลั่ว พูดแบบนี้ นาง…นางไม่ใช่ผีรึ?”

“นางเป็นคน” ฉีหานเว่ยเหลือบมองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง พลางเลิกคิ้วขึ้น

นางชื่อชิงลั่ว? อวี้ชิงลั่ว? ชื่อนี้ช่างไพเราะนัก รู้สึกคล้ายกับนิสัยของนาง อวี้เจี้ยนต๋าผู้นี้ไม่ได้มีความสามารถอะไร แต่กลับตั้งชื่อของลูกสาวได้ดีมาก

อวี้เจี้ยนต๋ากลับสูดลมเย็นเข้าปากแรง ๆ อีกครั้ง ดวงตาของเขากลมโตราวกับระฆังทองแดงและนัยน์ตาคู่นี้เต็มไปด้วยความตกตะลึงจนสั่นไหว

อวี้ชิงลั่วกลับยิ้มเยาะเบา ๆ เอ่ยถามฉีหานเว่ย “คนผู้นี้คือใครรึ?”

“???” ไม่เพียงแค่ฉีหานเว่ยที่มองด้วยความสงสัย ฉีหานเทียนและคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้างก็ไม่เข้าใจเช่นกัน จากท่าทางของอวี้เจี้ยนต๋าเห็นได้ชัดว่าเขารู้จักนาง แต่เหตุใดนางกลับท่าทางราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้า?

ฉีหานเว่ยขมวดคิ้ว หันซ้ายมองขวาและพูดขึ้นว่า “เขาคือ…บิดาของอวี้เป่าเอ๋อร์”

“ชิงลั่ว เจ้า เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วรึ?” อวี้เจี้ยนต๋าก้าวเท้ามาด้านหน้าสองก้าว มองบุตรีที่ไม่ได้เจอกันมานาน ภายในใจทั้งตกตะลึง ดีใจ และละอายใจ มีอารมณ์จำนวนนับไม่ถ้วนที่ถาโถมเข้ามา ทำให้เขาคอแห้งผากและแสบปลายจมูกในทันใด

อวี้ชิงลั่วกลับยิ้มออกมา แค่นเสียงเบา ๆ “ท่านจำผิดคนแล้ว ข้ามิใช่ชิงลั่วที่ท่านเอ่ยถึง”

“แต่…”

“ท่านพ่อ” อวี้เป่าเอ๋อร์เอ่ยแทรกขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกอวี้เจี้ยนต๋าว่า ‘ท่านพ่อ’ ทว่าคำพูดที่เปล่งออกมา กลับดูเย็นชาอย่างมาก “นางไม่ใช่ท่านพี่ ท่านพี่ถูกฆ่าตายไปเมื่อหกปีก่อนแล้ว ท่านพ่อเองก็รู้มิใช่รึ? ตอนที่ท่านพี่มาขอร้องในตอนนั้น ท่านพ่อยังไม่ยอมให้ท่านพี่เข้ามาเลย”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ อวี้เป่าเอ๋อร์ก็แสดงความเกลียดชังต่ออวี้เจี้ยนต๋า

หากมิใช่เพราะการแสดงออกเช่นนั้นของท่านพ่อ สองแม่ลูกเฉินจีซินจะกล้าทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร? เพราะความลำเอียงของท่านพ่อ จึงทำให้ท่านพี่ต้องแบกรับความทุกข์ทรมานอยู่หลายปี

เรื่องนี้เขาไม่มีวันให้อภัยท่านพ่อตลอดทั้งชีวิต

อวี้เป่าเอ๋อร์รู้เป็นอย่างดีว่าอวี้ชิงลั่วยังวางแผนที่จะจัดการกับอวี๋จั้วหลิน ดังนั้นสถานะของนางต้องปิดซ่อนไว้ เขาจึงต้องโกหกอวี้เจี้ยนต๋า

อวี้เจี้ยนต๋าชะงัก ทั้งยังรู้สึกละอายใจต่อคำพูดของอวี้เป่าเอ๋อร์

ถูกต้อง ตอนนั้นเขาไร้หัวใจ หลายปีมานี้เขาก็ยังรู้สึกเสียใจ แต่เสียใจจะไปมีประโยชน์อะไรกัน? บุตรสาวตายไปแล้ว เขาช่วยอะไรนางไม่ได้แล้ว

ตอนนี้เมื่อได้เจออวี้ชิงลั่ว นอกจากความตกตะลึง เขายังมีความคิดอยากจะชดใช้ด้วย

ทว่า เหตุใดนางกลับไม่รู้จักเขา?

“เป่าเอ๋อร์ ทั้ง ๆ ที่นางคือพี่ของเจ้า หรือเจ้าจะบอกว่าพ่อจำบุตรสาวตัวเองผิดคน?”

“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้โกหก นางไม่ใช่ท่านพี่จริง ๆ ก็แค่หน้าตาเหมือนท่านพี่เท่านั้น”

ฉีหานเว่ยเลิกคิ้ว แอบยิ้มเงียบ ๆ เมื่อครู่เขาได้ยินอย่างชัดเจน อวี้เป่าเอ๋อร์เรียกนางว่า ‘ท่านพี่’ จริง ๆ อวี้เจี้ยนต๋าคงจำไม่ผิดคนหรอก

อวี้ชิงลั่วกลับไม่คิดจะพัวพันกับอวี้เจี้ยนต๋าให้มากความ นางเก็บกระเป๋ายาที่อยู่ในมือ ก่อนจะกระซิบบอกอวี้เป่าเอ๋อร์ว่า “เอาล่ะ ใช้ยาขี้ผึ้งพวกนี้ทาไปก่อนนะ กลับไปข้าจะทำแผลให้เจ้าอย่างละเอียด มา พวกเราไปกัน”

อวี้เป่าเอ๋อร์เห็นท่านพ่อมองมาที่ตนเอง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเด็ก จึงเกิดอาการใจอ่อน เมื่อเห็นเขาชะงักไม่ยอมพูดอะไรอยู่นาน จากนั้นจึงลงจากเตียงพร้อมกับอวี้ชิงลั่ว

เพิ่งจะก้าวเดินไปได้ก้าวเดียว จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ รีบจับมืออวี้ชิงลั่ว “หนานหนาน หนานหนานยังอยู่กับพวกเขา…”

“เขาไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เข้ามาในเรือนรับรอง”

“แต่ ข้าได้ยินว่ามีเด็กอายุห้าขวบ…” อวี้เป่าเอ๋อร์ยังเป็นกังวล

อวี้ชิงลั่วถึงกับถอนหายใจอย่างห้ามไม่อยู่ นางลูบศีรษะของเขาพลางกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “เมื่อครู่ข้าเจอเขาข้างนอกแล้ว เด็กที่ถูกตีคนนั้นไม่ใช่เขา เจ้าอย่าได้เป็นกังวล หนานหนานมีฝีมือไม่เลว เขาไม่ตกอยู่ในสภาพจนตรอกเช่นนี้หรอก มีก็แต่เจ้านี่ล่ะ เหตุใดถึงได้กล้าหาญจี้ปล้นองค์ชายเช่นนี้ ดูเจ้าสิ ถูกทุบตีจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว”

อวี้เป่าเอ๋อร์แอบรู้สึกอึดอัดใจ จับเส้นผมพลางยิ้มด้วยความรู้สึกผิด “หลังจากนี้ข้าจะตั้งใจเรียนวรยุทธ์แล้ว”

อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุก นางไม่ได้ถามเรื่องนี้สักหน่อย “เรียนวรยุทธ์เป็นเรื่องรอง ครั้งหน้าจำไว้ว่าอย่าได้ทำตัวผลีผลามเช่นนี้อีก ต่อให้เป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องกับหนานหนาน สิ่งแรกที่เจ้าควรทำคือกลับมาขอความช่วยเหลือ เข้าใจหรือไม่?”

“ข้า…ตอนนั้นข้าคิดน้อย แค่…แค่…แค่กลัวว่าจะหนานหนานจะตกอยู่ในอันตราย”

อวี้ชิงลั่วหลุดยิ้ม ช่างเถิด หนานหนานมีท่านน้าที่รักเขาขนาดนี้ นางจะทำใจตำหนิเขาได้อย่างไรกัน? ตัวเขาได้รับบาดเจ็บทั้งตัว ทั้งยังได้รับความอยุติธรรม แคนี้ก็ทำให้นางปวดใจมากพออยู่แล้ว

ตอนแรกที่นางเห็นเขาขดตัวอยู่ที่นั่นไม่ขยับตัว นางตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง คิดว่านางมาช้าเกินไปหนึ่งก้าว

ทั้งคู่ผลัดกันพูด เพิกเฉยทุกคนที่อยู่ภายในห้อง ก่อนจะเดินออกจากห้อง

ฉีหานเว่ยถึงกับหน้าชา สตรีผู้นี้มีความหยิ่งผยองในตนเองขนาดนี้เชียวรึ? ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตายังพอทน แต่นี่กลับเดินออกจากเรือนรับรองของเขาโดยไม่บอกเขาสักคำ ถึงอย่างไรก็ควรจะบอกเขาสักคำมิใช่รึ? อย่างน้อย ๆ เขาก็เป็นถึงรัชทายาทของอาณาจักรหลิวอวิ๋น ต่อให้เคยถูกนางช่วยชีวิต แต่ก็ไม่ควรเพิกเฉยกันถึงเช่นนี้

เขาจึงหมุนกาย คิดอยากจะห้ามอีกฝ่าย

ทว่าอวี้เจี้ยนต๋ากลับเร็วกว่าเขาหนึ่งก้าว พุ่งตัวออกไปอย่างรีบร้อน กางแขนทั้งสองข้างขวางตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว “ช้า…ช้าก่อน ”

……………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ก็ถูกแหละที่ชิงลั่วตอนนี้ไม่ใช่ชิงลั่วคนนั้นอีกแล้ว เพราะคนเก่าตายไปแล้ว แล้ววิญญาณหมอหญิงศตวรรษที่ 21 มาเข้าร่างแทน

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *