อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 315 ทารุณตัวเอง

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 315 ทารุณตัวเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 315 ทารุณตัวเอง
ตอนที่ 315 ทารุณตัวเอง

อวี้ชิงลั่วพอจะคาดเดาได้ว่าฉีหานเว่ยคงเดาสถานะของนางได้แล้ว และคงสั่งให้องครักษ์แอบตามนางมาเพื่อยืนยันความจริง ดังนั้นการที่เขาจะส่งคนตามมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

“ไปโรงเตี๊ยมเถิด” อวี้ชิงลั่วปล่อยหนานหนานชั่วคราว เด็กคนนี้ยังคงเม้มปากก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร

แต่เมื่อได้ยินอวี้ชิงลั่วพูดแบบนี้ หนานหนานก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ถูกต้อง ๆ ใช้วิธีของข้านี่แหละ ใช้รถม้าห้าคันต้องเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาได้แน่นอน”

“เจ้ารู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ทำในวันนี้มากสินะ?”

“…” หนานหนานลืมตาอย่างโง่เขลา กลับไปซ่อนตัวหลังอวี้เป่าเอ๋อร์อีกครั้ง

ตอนนี้เอง เหวินเทียนและโม่เสียนที่อยู่ด้านนอกก็ถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ พากันส่ายหน้าอย่างจนปัญญา อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงก็ไม่ได้เปิดปากพูดแก้ตัวแทนเขาแล้ว หนานหนานเอาแต่เป็นแบบนี้ พอแผลหายก็ลืมความเจ็บปวด อวี้ชิงลั่วยังไม่ทันหายโกรธ เขาก็รีบกลับไปย้ำเตือนความผิดพลาดของตนเองอีกครั้ง

ทว่า เขาพูดแบบนี้ โม่เสียนที่อยู่ด้านนอกก็พอจะเข้าใจความคิดของแม่นางอวี้แล้วเช่นกัน

แม้ว่าหนานหนานยังเล็ก แต่ถึงอย่างไรเขาก็เข้าใจและรู้ใจแม่นางอวี้มากที่สุด

อวี้ชิงลั่วไม่ได้พูดอะไรอีก รถม้าเริ่มมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมแห่งนั้นที่พวกเขาเคยพักก่อนหน้านี้

ฉีจ้านที่ไล่ตามหลังแอบชะงัก ย่อตัวอยู่ที่ประตูหลังของโรงเตี๊ยมแห่งนั้นด้วยความไม่เข้าใจ

ผ่านไปได้ไม่นาน จู่ ๆ ด้านในโรงเตี๊ยมก็มีรถม้าวิ่งออกมาสี่ห้าคันอย่างต่อเนื่อง แต่กลับวิ่งออกไปคนละทิศคนละทาง

ฉีจ้านตระหนักได้ในทันทีว่าตนเองถูกจับได้แล้ว จึงคิดได้ว่าเดิมทีแม่นางอวี้ผู้นั้นก็เป็นคนฉลาดปราดเปรื่องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นางจะไม่รู้ความคิดของนายท่านได้อย่างไรกัน? เขาจึงเกิดความหงุดหงิดขึ้นทันใด ทว่าก็เลือกไล่ตามหนึ่งในรถม้านั้นไป

ทิศทางของรถม้าคันนั้น มุ่งหน้าไปที่ตำหนักอ๋องซิวของเย่ซิวตู๋

รัชทายาทพูดไว้ว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่แม่นางคนนั้นคือแม่นางชิงหมอปีศาจผู้โด่งดังในเมืองหลวงช่วงนี้และพักอาศัยอยู่ที่ตำหนักของท่านอ๋องซิว เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ทำได้เพียงแค่เดิมพันกันสักตั้ง ดูสิว่ารถม้าด้านหน้าที่กำลังวิ่งไปที่ตำหนักท่านอ๋องซิวมีคนนั่งอยู่ในนั้นหรือไม่

เพียงแต่ รถม้าคันนั้นที่ฉีจ้านไล่ตามกลับขับวนหน้าประตูตำหนักท่านอ๋องซิว ก่อนจะขับออกไปอีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว

ฉีจ้านแอบถอนหายใจ เขาเข้าใจแล้วว่าวันนี้คงกลับไปมือเปล่า เมื่อเห็นท้องฟ้าที่มืดครึ้มลงเรื่อย ๆ จึงทำได้เพียงแค่รวบรวมความกล้า กลับไปที่เรือนรับรองอีกครั้ง เพื่อนำเรื่องไปรายงานฉีหานเว่ยตามความจริง

เขาเพิ่งจะออกไปได้ไม่นาน รถม้าคันนั้นก็วนกลับมาอีกครั้ง ในที่สุดจึงหยุดลงที่ประตูด้านหลังของตำหนักท่านอ๋องซิว

หนานหนานกระโดดลงมาจากรถม้าเป็นคนแรก สาวเท้าเล็ก ๆ เดินเข้าไปด้านใน เพียงไม่นานก็หายเข้าไปในเรือนของตนเอง

อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกอย่างรุนแรง ก่อนจะเหยียบลงบนที่วางเท้าที่คนรับใช้ยกมาวางไว้

“เป่าเอ๋อร์ เจ้ากลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ ค่ำ ๆ ข้าจะให้คนทำอาหารค่ำรสเบาไปส่งที่ห้องของเจ้า” ปากของอวี้เป่าเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บ แค่มุมปากขึงตึงและขยับก็ทำให้เกิดบาดแผลได้ง่าย ๆ แล้ว ทั้งยังสั่งให้ห้องครัวช่วยสับอาหารให้ละเอียดสักหน่อยยิ่งดี

อวี้เป่าเอ๋อร์รู้สึกอบอุ่นภายในใจ เงยหน้ายิ้มกับอวี้ชิงลั่ว “ตกลง” มีท่านพี่อยู่ด้วยช่างดีจริง ๆ

อวี้ชิงลั่วจึงหันกลับมา ก็พบเย่หลานเฉิงที่กำลังยืนมองแผ่นหลังของหนานหนานด้วยความเป็นกังวลอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามว่า “หลานเฉิง เด็กคนนั้นที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ล่ะ?”

“หา? อ๋อ ผู้อารักขาเหวินบอกว่าเด็กคนนั้นมีประวัติความเป็นมาไม่แน่ชัด ตอนนี้เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงการแข่งสี่อาณาจักรแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ไม่ให้เขารู้สถานะของพวกเราจะดีกว่า ก็เลยส่งเขาไปอยู่ในโรงเตี๊ยมใกล้ ๆ หาหมอให้เขารวมถึงให้เงินไปส่วนหนึ่งแล้ว รอให้เขารักษาตัวให้หายดีก่อนค่อยว่ากัน”

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านใน

อวี้เป่าเอ๋อร์ได้ยินคำพูดของอวี้ชิงลั่ว ทั้งยังถูกนางจ้องมองจนกลับเข้าไปพักผ่อนที่ห้องของตนเอง เย่หลานเฉิงครุ่นคิดก่อนจะวิ่งไปที่ห้องของหนานหนาน

ใครจะไปคิดว่าตอนที่เพิ่งก้าวเท้าเดินเข้ามาในห้อง กลับพบว่าเขากำลังยื่นผ้าผืนยาวสองผืนให้สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ บอกให้พวกนางออกแรงมัดที่เอวของเขา

เย่หลานเฉิงชะโงกหน้าเข้ามาถามด้วยความสงสัย “หนานหนาน เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”

“คืนนี้กินข้าวไม่ได้มิใช่รึ? ข้าก็เลยบอกให้พวกนางรัดท้องข้าให้แน่นสักหน่อย มิเช่นนั้นอีกเดี๋ยวข้าคงหิวแย่” หนานหนานตอบกลับอย่างจริงจัง

ทว่าสาวใช้สองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขากลับตกใจจนโยนผ้าผืนยาวลงบนพื้น พลางพูดด้วยความตกใจว่า “เสี่ยวซื่อจื่อ ใช้วิธีนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ”

หนานหนานหยิบผ้าขึ้นมา ยัดใส่มือพวกนางอีกหน “โถ่เอ๊ย รีบมัดเข้าเถอะ มิเช่นนั้นท้องของข้าจะหิวแล้วนะ”

“นี่มัน…” สาวใช้ทั้งสองคนหันไปมองเย่หลานเฉิงราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ อยากให้อีกฝ่ายช่วยพูดสักหน่อย

เย่หลานเฉิงถึงกับหมดคำพูด หยิบผ้ามาไว้ในมือของตนเอง ก่อนจะโบกมือให้สาวใช้สองคนออกไป จากนั้นจึงลากหนานหนานเดินมานั่งข้าง ๆ พร้อมกับถลึงตามองเขาด้วยความไม่พอใจ พลางกระซิบว่า “เจ้าอย่าทรมานตัวเองเลย ค่ำ ๆ ข้าจะแอบเก็บของกินแล้วเอามาให้ รับรองว่าท่านน้าชิงและคนอื่น ๆ จะไม่รู้เรื่องนี้ เจ้าไม่หิวจนท้องกิ่วหรอก”

รู้จักกับหนานหนานมานานขนาดนั้น เย่หลานเฉิงย่อมรู้ดีว่าสำหรับหนานหนานแล้วความหิวจนทรมานเป็นเช่นไร

เด็กคนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาสนใจนั่นก็คือกินและสะสมเงิน หากขาดสองสิ่งนี้คงเป็นเรื่องทรมานอันน่าสยดสยองสำหรับหนานหนาน สะสมเงินยังดีหน่อยค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปได้ แต่ถ้าไม่มีอะไรให้กิน ไม่รู้ว่าเขาจะทรมานมากเพียงใด

หนานหนานบุ้ยปากมองเขา “เสี่ยวเฉิงเฉิง ข้ารับความหวังดีของเจ้าไว้แล้ว แต่เจ้าเองก็รู้ ข้าคือวีรบุรุษผู้รู้ผิดแล้วแก้ไข พูดคำไหนคำนั้น มีเมตตาเคารพความชอบธรรม มั่นคงซื่อตรงไม่ยกยอประจบสอพลอใคร คำพูดเชื่อถือได้ เมื่อรับปากแล้วมีค่าดั่งทองคำพันชั่ง ให้ความสำคัญกับความรู้สึกที่มีต่อกันเช่นนั้นมาโดยตลอด ต่อให้ท่านแม่ไม่รู้ ข้าก็แอบกินไม่ได้ มิเช่นนั้นคงมิอาจทำให้ข้าตื่นรู้ได้”

ที่แท้หนานหนานก็มีจุดเด่นมากขนาดนี้นี่เอง เย่หลานเฉิงอยากยิ้ม แต่เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเขาจึงทำได้แค่กลั้นไว้จนแก้มป่องราวกับกบ

หนานหนานถลึงตาใส่เขา เสี่ยวเฉิงเฉิงไม่ไว้หน้าเขามากเกินไปแล้ว

“ถึงอย่างไร มื้อค่ำนี้ข้าก็กินไม่ได้ เจ้าไม่ต้องโน้มน้าวใจข้าแล้ว ข้าเป็นคนมีสัจจะและมีคุณธรรมอันสูงส่ง เข้าใจหรือไม่?”

เย่หลานเฉิงรู้สึกประหลาดใจมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหนานหนานจะตัดสินใจลงโทษตัวเองให้หิวหนึ่งมื้อจริง ๆ ดูเหมือนว่า เขาจะรู้สึกละอายใจเพราะเรื่องของเป่าเอ๋อร์จริง ๆ ดูจากท่าทางของเขา คาดว่าเขาคงพูดให้อีกฝ่ายใจอ่อนไม่ได้

เขาจึงถอนหายใจเบา ๆ เขาคิดว่าคนที่จะพูดให้หนานหนานเปลี่ยนใจได้คงมีแค่ท่านน้าชิงเท่านั้น

เขาแอบซ่อนผ้าไว้ เย่หลานเฉิงไม่อยากให้หนานหนานใช้วิธีเช่นนี้ ‘ทารุณ’ ตัวเอง จากนั้นจึงอยู่คุยกับหนานหนานอีกครู่หนึ่ง ลุกขึ้นยืนและเดินกลับห้องของตัวเอง

ทันทีที่ออกจากห้อง เขาก็วิ่งไปที่ห้องของอวี้ชิงลั่วเพราะทนไม่ไหว

ใครจะไปคิดว่าตอนที่เพิ่งวิ่งเข้ามาที่เรือนของอวี้ชิงลั่ว เขากลับกระแทกเข้ากับคนที่อยู่ตรงหน้า

ขาทั้งสองข้างของเย่หลานเฉิงยืนไม่มั่นคง จึงเซผงะไปด้านหลังหลายก้าวจนเกือบจะหงายหลังลงพื้น ทว่ามือทั้งสองข้างกลับถูกใครบางคนประคองไว้ได้อย่างหวุดหวิด

……………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

หนานหนานเอาจริงเรอะ จะลองดูนะคะว่าจะอดทนได้แค่ไหน อย่าให้เห็นว่าแอบย่องมาขโมยของกินนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *