อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 420 สำนึกผิดอย่างไร้เหตุผล

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 420 สำนึกผิดอย่างไร้เหตุผล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 420 สำนึกผิดอย่างไร้เหตุผล

ตอนที่ 420 สำนึกผิดอย่างไร้เหตุผล

อวี้ชิงลั่วแหวกม่านรถทันใด ก่อนจะมองไปที่ตำหนักอ๋องที่ค่อย ๆ ออกห่างมากขึ้นเรื่อย ๆ

สายตาของนางเฉียบแหลม เพียงไม่นานนางก็พบศีรษะเล็ก ๆ ที่แอบซ่อนตรงขอบประตูชะโงกออกมา นั่นมัน…หนานหนาน?

ตอนที่นางออกมาจากตำหนักเมื่อครู่ นางไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าตัวเล็ก ตอนนี้กลับคิดจะออกมาส่งงั้นรึ?

อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ว่าหนังตากระตุกวูบ ภายในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีปะทุขึ้น นางดึงมือกลับมา ตอนที่กำลังจะสั่งให้รถม้าหยุด ใครจะไปคิดว่าร่างของนางกลับเอนเอียงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเย่ซิวตู๋เสียแล้ว

“เย่ซิวตู๋ ท่านทำ…”

นางเบิกตาโตมองใบหน้าหล่อเหลาไร้เทียบเทียมที่ขยับเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกได้ถึงไอเย็นเล็ก ๆ เหนือริมฝีปาก สมองพลันมึนงงไปชั่วขณะหนึ่ง

มุมปากเย่ซิวตู๋กระตุกวูบ จู่ ๆ เขาก็เพิ่มพละกำลัง เคลื่อนปลายลิ้นแทรกลึกเข้ามาในปากของนาง พัวพันอยู่กับลิ้นอันหอมหวานของนาง กวาดไปทั่วตามอำเภอใจ

จุมพิตแรกเริ่มของเขาเป็นแค่เพียงผิวเผินทว่าในภายหลังกลับลึกล้ำร้อนแรง ระดับนี้ทำให้อวี้ชิงลั่วเริ่มปัดป้องไม่ไหว จนกระทั่งเขาเกิดความพึงพอใจเล็ก ๆ และผละออกจากนาง อวี้ชิงลั่วหอบหายใจพร้อมกับดวงตาที่แฝงด้วยความมึนงง

เย่ซิวตู๋แทบจะอดใจไม่อยู่ รีบยื่นมือออกไปบดบังใบหน้าของนาง จนกระทั่งลมหายใจสม่ำเสมอแล้วจึงปล่อยมือลง

ในเวลาเดียวกันอวี้ชิงลั่วถึงกับหยิกแก้มของเขาแรง ๆ “เย่ซิวตู๋ ท่านเป็นบ้าไปแล้วรึ”

เขารู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังทำสิ่งใด? ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่บนรถม้า รถม้ากำลังเดินหน้า หากถลำลึกไปมากกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อย คงได้พัฒนาไปถึง…พัฒนาไปถึง…รถ…สั่นเลยกระมัง?

น่าอายเกินไปแล้ว

เย่ซิวตู๋หัวเราะ สายตาจับจ้องดวงตาของนาง จู่ ๆ เขาก็ใช้ปลายลิ้นเลียริมฝีปากอย่างแผ่วเบา

ลำคอของอวี้ชิงลั่วเกิดเสียง ‘อึก’ หนึ่งเสียง นางกลืนน้ำลายลงไปอย่างขลาดกลัว มือที่หยิกใบหน้ารูปไข่ของเขาทิ้งลงข้างลำตัวอย่างหมดแรง ให้ตายเถิด คนคนนี้กำลังอ่อยนาง ทำท่าทางกระชากวิญญาณแบบนั้น เขาคิดจะทำอะไร? ไม่รู้หรือว่าตอนนี้นั่งอยู่บนรถม้า? บนรถม้าน่ะ? เดี๋ยวก็ควบคุมตนเองไม่ได้กันพอดี

เย่ซิวตู๋หัวเราะ ท่าทางดูภาคภูมิใจมากขึ้นเรื่อย ๆ “ใครใช้ให้เจ้ายั่วยวนข้าตั้งแต่เช้าตรู่กันเล่า?” เขาอดกลั้นมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะคว้าโอกาสตอนที่แม่นมเซียวไม่อยู่

“…” อวี้ชิงลั่วชะงัก ได้สติกลับมาภายในพริบตาเดียว นางยั่วยวนเขา?

“แต่งกายแบบนั้น…”

“ข้าอยากแต่งให้ออกมาเป็นเช่นนั้นรึ?” อวี้ชิงลั่วถลึงตามองเขาด้วยความโกรธขึ้ง “นั่นเป็นสิ่งที่แม่นมเซียวยืนกรานให้ข้าใส่ต่างหากเล่า”

เย่ซิวตู๋รู้สึกเสียดายเหลือประมาณ “ข้านึกว่าเจ้าคิดถึงข้ามาก จึงจงใจแต่งกายแบบนั้นเพื่อมาดึงดูดความสนใจจากข้าเสียอีก”

“ข้าคิดถึงท่านมาก? ข้าแทบอยากจะ…” คำพูดของอวี้ชิงลั่วหยุดชะงัก นางหรี่ตามองเขาด้วยสายตามืดหม่นอย่างฉับพลัน “พอพูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็นึกขึ้นได้แล้ว เมื่อคืนนี้ดูเหมือนว่าพวกเรายังไม่ทันได้คิดบัญชีเรื่องเหล่านั้นให้ชัดเจน จริงหรือไม่”

เย่ซิวตู๋ถึงกับตกใจ แอบส่งเสียงอย่างเงียบ ๆ ว่าซวยแล้ว เขายกเท้าขึ้นเพื่อลงจากรถ

อวี้ชิงลั่วตาไวมือไวรีบดึงเขากลับมาในทันที “จะไปไหน? มีบางเรื่องที่ดูเหมือนท่านยังไม่ได้อธิบายกับข้าให้ชัดเจนนะ เมื่อคืนนี้ถูกแม่นมเซียวแทรกขัดจังหวะเสียก่อน ตอนนี้ท่านมาหาข้าถึงที่แล้ว พวกเรามาคิดบัญชีย้อนหลังกันเถิด ท่านคิดเห็นอย่างไร?”

“…” จริง ๆ ด้วยสินะ ได้กินของหวานเสร็จแล้วก็ต้องชำระหนี้ เขาดีใจจนลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง คิดแค่เข้ามาบนรถม้าเพื่อคลายความปรารถนา คิดไม่ถึงเลย…

“ข้าจะไม่สืบสาวเอาเรื่องเกี่ยวกับเรื่องเกินจริงภายในท้องพระโรงเมื่อวานนี้ว่าใครเป็นคนคิด ถึงอย่างไรต่อให้ท่านไม่พูด ข้าก็พอจะเดาได้” อวี้ชิงลั่วจับเสื้อของเขา ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายกระโดดออกไปข้างนอก “มา ตอนนี้ท่านบอกข้ามาได้แล้ว ท่านไปรู้จักมักจี่กับองค์ชายรองตั้งแต่เมื่อใด แล้วท่านไปสรุปสถานะองค์หญิงเทียนฝูของข้ากับองค์ชายรองตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

แรกเริ่มนางหาใช่องค์หญิงเทียนฝูอะไรนั่นไม่ และนางก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เจอหน้าองค์ชายรองอีกครั้งหลังจากห่างหายจากกันไปนาน ดังนั้นตอนที่ได้ยินว่าเย่ซิวตู๋ต้องการรับราชโองการอภิเษกสมรสกับองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่จึงทำให้นางถึงกับมึนงง รู้สึกผิดปกติไปทั้งตัว คิดอยากไปหาองค์ชายรองเพื่อเจอหน้าองค์หญิงเทียนฝูผู้นั้น

ภายหลังเย่ซิวตู๋บอกนางว่า คนที่เขาจะแต่งงานด้วยมีแค่อวี้ชิงลั่วคนเดียวเท่านั้น นางจึงเบาใจลง อวี้ชิงลั่วเชื่อใจเย่ซิวตู๋ ดังนั้นจึงไม่ได้ซักถามเรื่องนี้ ภายในใจคิดว่าบางทีนี่อาจเป็นแผนอย่างหนึ่งของเย่ซิวตู๋และองค์ชายรอง บางทีพวกเขาทั้งคู่อาจแอบวางแผนอะไรไว้ คิดจะใช้เรื่องนี้เพื่อจัดการกับใครบางคน

อวี้ชิงลั่วไม่อยากรู้เกี่ยวกับการต่อสู้เหล่านั้นของพวกเขา และไม่ได้ตั้งใจจะเข้าร่วมด้วย นางรู้แค่ว่าเย่ซิวตู๋เคยพูดว่าจะแต่งงานกับนางเพียงคนเดียว แค่นางเชื่อเขาก็เพียงพอแล้ว

ดังนั้นเรื่องอื่น นางจึงไม่ได้ถามและไม่คิดจะสนใจอีก

ถูกต้อง พวกเขาทั้งคู่มีแผนการจริง ๆ แอบวางแผนบางอย่างกันจริง ๆ คิดจะจัดการกับใครบางคนจริง ๆ และคนคนนั้น…ก็คือนาง…อวี้ชิงลั่ว

ผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดก็คือเย่ซิวตู๋

อย่างน้อย ๆ การใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ก็ทำให้เย่ซิวตู๋ต้อนให้นางพูดความในใจออกมาได้

เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ อวี้ชิงลั่วก็อาเจียนออกมาอย่างหนักอยู่ในใจ นางเก็บอาการไม่อยู่แล้วจริง ๆ องค์ชายรองผู้นั้นนิสัยเป็นอย่างไรใช่ว่านางไม่รู้ ปรากฏว่านางกลับหลงเข้ามาในกับดักที่แสนจะง่ายดายเช่นนี้

“เอ่อ…” เย่ซิวตู๋เห็นสีหน้าของนางที่เริ่มไม่เป็นมิตรมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทราบได้ว่าในสมองของนางเริ่มเกิดความคิดตำหนิจนยุ่งเหยิงไปหมด เพื่อป้องกันไม่ให้นางคิดไปในเชิงไม่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงรีบพูดให้ชัดเจนว่า “ชิงเอ๋อร์ เรื่องนี้จริง ๆ แล้วก็ต้องโทษเจ้านะ”

อวี้ชิงลั่วส่งเสียงประหลาดใจ “โทษข้า???”

“หนานหนานมีวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ เรื่องนี้ข้าเคยถามเจ้าแล้ว ตอนนั้นหากเจ้ายอมบอกข้าอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับที่มาที่ไปของอาณาจักรเทียนอวี่ ข้าก็คงไม่ไปสืบเสาะด้วยตนเอง”

อวี้ชิงลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง…เถียงข้าง ๆ คู ๆ “ตอนนั้นข้ากับท่านไม่ได้คุ้นเคยกัน ทำไมข้าต้องบอกท่านว่าหนานหนานเรียนรู้วิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ได้อย่างไร”

ดวงตาของเย่ซิวตู๋พลันหรี่ลง “ไม่คุ้นเคยกัน? หนานหนานคือลูกชายของข้า ส่วนเจ้าเป็นมารดาของลูกชายข้า ความสัมพันธ์เช่นนี้ เจ้ายังกล้าพูดว่าไม่คุ้นเคยกัน?”

อวี้ชิงลั่วถูกสายตาเย็นชาและเคร่งขรึมของเขาจ้องมองจนสั่นสะท้าน นางเชิดหน้าแค่นเสียงเบา ๆ กล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า “ตอนนี้ข้ากำลังถามท่านอยู่นะ ท่านอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง บอกมา ท่านไปติดต่อกับองค์ชายรองตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

มุมปากของเย่ซิวตู๋ถึงกับกระตุกวูบ ต้องยอมรับว่า บางครั้งนิสัยของอวี้ชิงลั่วและหนานหนานก็คล้ายกันจนน่าทึ่งจริง ๆ

เขาเหลือบมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกปราดหนึ่ง ก่อนจะปิดตาลงและพิงเข้าข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไร

อวี้ชิงลั่วถลึงตามองเขาพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เหตุใดบทสนทนาถึงได้เปลี่ยนทิศทางมาทางนี้? เหตุใดถึงได้พัฒนาไปในทางที่บิดเบี้ยวถึงขั้นนี้? ควรเป็นนางที่เอ่ยถามเพื่อคิดบัญชีกับเขามิใช่หรือ?

เหตุใดเมื่อมาถึงเวลานี้ คนที่ดูเหมือนจะมีความผิดคือนาง คนที่ควรสำนึกผิดอย่างไร้เหตุผลกลับกลายเป็นนางเสียเอง?

“เจ้าเองก็รู้ ก่อนการแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักรจะเริ่มต้นขึ้น ทูตของแต่ละอาณาจักรจะส่งคนมายังสนามแข่งขันก่อน ถือว่า…เพื่อทำความเข้าใจ อันที่จริงองค์ชายรองเดินทางมาถึงเมืองหลวงล่วงหน้าเมื่อหนึ่งเดือนกว่า ๆ เขามาถึงก่อนเจ้าเสียอีก” จู่ ๆ น้ำเสียงที่ฟังดูไม่แยแสของเย่ซิวตู๋ก็ดังขึ้น อวี้ชิงลั่วชะงัก รีบขยับเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เขาพร้อมกับเงี่ยหูฟัง

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

สกิลหลบหลีกของท่านอ๋องช่างร้ายกาจ แปบเดียวทำให้ชิงลั่วตกเป็นรองได้อีกแล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *