อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 515 นี่เรียกว่าวิธีสิ้นคิด

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 515 นี่เรียกว่าวิธีสิ้นคิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 515 นี่เรียกว่าวิธีสิ้นคิด

ตอนที่ 515 นี่เรียกว่าวิธีสิ้นคิด

เสิ่นอิงถึงกับกายสั่นสะท้าน พลันเอ่ยรายงานด้วยสีหน้าเศร้าหมองดูน่าสงสาร “แม่นางอวี้ ข้าคลาดสายตาจากเขาไปแล้วขอรับ”

“อือฮึ?”

ครั้นเสิ่นอิงได้ยินเสียงทุ้มลึก เขาก็รีบถดกายหนีโดยไม่รู้ตัว ก่อนกลืนน้ำลายและชี้ตัวเองด้วยความอับอายเล็กน้อย “จริงนะขอรับ แม่นางอวี้ ท่านดูข้าสิ ข้าพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่หนานหนานช่างชาญฉลาดนัก เขาซ่อนตัวในโรงเตี๊ยมและเข้าไปในหอสราญรมย์ ก็เลย…ติดตามไปได้ยาก”

เขาจะรู้ได้เช่นไรว่าเจ้าตัวเล็กจะเป็นเยี่ยงนี้? เข้าไปซ่อนตัวในโรงเตี๊ยมและลอบออกทางประตูด้านหลังยังพอทน แต่นี่…กลับเข้าไปในหอสราญรมย์ทั้งที่อายุยังน้อยเท่านี้ เขาหวาดกลัวเหลือเกินว่าเจ้าเด็กนี่จะปรากฏตัวจนโดนจับได้

หากฝ่าบาทกับท่านอ๋องรู้เรื่องนี้เข้า ก็เกรงว่าเขาคงจะรักษาศีรษะตัวเองไว้บนบ่าไม่ได้

น้ำชาที่อวี้ชิงลั่วกลืนลงไปแทบจะพุ่งขึ้นมาในทันที เข้าหอสราญรมย์? เจ้าตัวเล็กนี่พาตัวเองเข้าไปในดงสาวงามอีกแล้วหรือ?

“แม่นางอวี้ เคล็ดวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ของหนานหนานช่างล้ำเลิศนัก กระทั่งข้าน้อยยังต้องพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ให้คลาดจากเขา ต่อให้สู้เคล็ดวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ได้ แต่ก็ไม่อาจสู้ความฉลาดแสนกลของหนานหนานได้หรอกขอรับ ไม่ว่าจะตามติดเขาอย่างไรก็คลาดจากเขาจนได้” เสิ่นอิงเอ่ยอย่างอับอายกับตัวเองเสียเต็มประดา

เพียงนึกถึงเรื่องที่ว่า ท่านเสิ่น…ผู้อารักขาประจำตำหนักอ๋องซิวที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากท่านอ๋องกลับถูกเด็กน้อยถอนหงอก เขาก็ไม่มีหน้าไปไว้ไหนแล้วหากมันแพร่กระจายออกไป

อวี้ชิงลั่วพรมนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ หนานหนานเจ้าเด็กทึ่มนี่ช่างอยู่เหนือความคาดคิดนัก รับมือได้ยากมากจริงๆ

“แม่นางอวี้…หรือว่า จะให้เผิงอิงไปดีขอรับ วิชาตัวเบาของเจ้าเด็กนั่นดีกว่าข้า บางทีอาจตามหนานหนานทัน”

อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงอย่างดูถูก “เจ้าไปหัดเรียนรู้การลากคนอื่นลงน้ำมาจากไหนกัน?”

ท่านอย่างไรเล่า!!

เสิ่นอิงอยากจะตะโกนตอบนางดังๆ เหลือเกิน แต่เมื่อคิดถึงการไล่บัญชีแค้นย้อนหลังอันโหดร้ายของแม่นางอวี้แล้ว เขาก็ได้แต่กล้ำกลืนไว้และโยนความคิดนี้ทิ้งไป

“แม่นางอวี้ ข้าไม่ใช่คนประเภทเอาดีเข้าตัวเสียหน่อยขอรับ” ก็แค่โยนงานให้คนมีความสามารถทำเท่านั้น นี่ไม่ใช่คำพูดที่ชาญฉลาดหรือ?

อวี้ชิงลั่วกลั้วหัวเราะ “เอาล่ะ ข้าเองก็รู้เช่นนี้อยู่แล้ว เจ้ารีบไปเถอะ ตัวเจ้าเหม็นหึ่งจะแย่อยู่แล้ว”

เสิ่นอิงนึกฉุน ที่เขาตัวเหม็นแบบนี้ไม่ใช่ว่านางกลั่นแกล้งเขาหรืออย่างไร? หากไม่ใช่เพราะติดตามจับตามองหนานหนานอย่างเชื่อฟังตามคำสั่งของนาง เขาจะมีสภาพเหนื่อยหอบเหงื่อโซมกายเป็นสุนัขหอบแดดอย่างนี้หรือ?

แม่นางอวี้แย่ที่สุด ขนาดตัวท่านยังปล่อยเนื้อปล่อยตัวได้เลย ยังมีหน้ามารังเกียจเขาอีกหรือ?

เสิ่นอิงหันหลังกลับอย่างขุ่นเคือง จงใจสะบัดแขนเสื้อสองครั้งก่อนจะจากไป หลังเห็นอวี้ชิงลั่วย่นหน้าก็เดินไปที่ประตูอย่างพึงพอใจ

“!!!!” แต่ทันทีที่เขายกเท้าขวาเตรียมก้าวผ่านประตู เขาก็ต้องชะงักค้างอยู่อย่างนั้น

เสิ่นอิงมองเด็กน้อยที่ยืนอยู่ตรงประตูและจ้องมองเขาด้วยความรู้สึกอับอาย ก่อนหัวเราะสองเสียง “หนานหนาน เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่เล่า?”

เอ่ยดังนั้นก็หันหลังไปมองอวี้ชิงลั่ว อีกฝ่ายทำท่าทางไร้เดียงสาราวกับไม่รู้เรื่องราวใดๆ ทำเพียงหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาสำรวจลวดลายข้างถ้วย

เสิ่นอิงแทบหลั่งน้ำตา พร้อมกับความเจ็บปวดฉับพลันแล่นริ้วขึ้นจากฝ่าเท้าที่เหยียบบนพื้น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวในทันที ก่อนยึดกรอบประตูพลางอุทานลั่น “หนานหนาน หนานหนาน อย่า อย่าเหยียบ”

เจ้าตัวเล็กนี่นิสัยเสียพอๆ กับแม่นางอวี้เลยที่เหยียบขยี้เท้าเขา แม้พลังเท้าเล็ก ๆ นี่จะไม่ได้มาก แต่ก็เล็งที่นิ้วเท้าของเขาและเหยียบลงบนนั้นเต็มๆ ซึ่งการโดนเหยียบขยี้บนจุดเล็ก ๆ เหล่านั้นมันก็เจ็บพอที่จะฆ่าคนตายได้ทีเดียว

หนานหนานแค่นเสียงเย็นชา ออกแรงเหยียบลงไปสุดกำลัง ก่อนจะเดินผ่านเขาไป

เสิ่นอิงหลับตาพลางเขย่งเท้าข้างหนึ่งกระโดดออกจากประตู ในภายหน้า เขาจะอยู่ห่างจากแม่ลูกคู่นี้ให้มากที่สุดและจะไม่กลับมาอีกเลยคอยดู

ฮือๆ ถ้าจะถูกกลั่นแกล้งแบบหัวเดียวกระเทียมลีบเช่นนี้ เขาขอไปสมัครเป็นผู้อารักขาจวนอวี้คอยปกป้องอวี้เป่าเอ๋อร์คู่กับโม่เสียนที่เห็นสตรีดีกว่าสหายได้หรือไม่?

เสียงคร่ำครวญลอยห่างออกไปไกลขึ้นทุกขณะ ขณะหนานหนานกระโดดมาอยู่ข้างๆ อวี้ชิงลั่วพร้อมกับพองแก้ม เงยหน้าขึ้นและเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ ท่านหยุดให้ท่านลุงเสิ่นตามติดข้าเสียที วรยุทธ์ท่านลุงเสิ่นสูงมาก สูงกว่าเหล่าผู้พิทักษ์ทมิฬเสียอีก ท่านรู้ไหมว่ากว่าข้าจะสลัดหลุดจากเขาได้เป็นเรื่องยากลำบากเพียงใด?”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้นหรอก” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขา เมื่อเห็นเขานั่งบนเก้าอี้และส่งเสียงครางอย่างหวาดกลัว นางก็แค่นเสียงเย็นชา “ตราบใดที่เจ้าบอกแม่ว่าช่วงนี้ไปที่ไหนและพบเจอใคร ข้าก็สัญญาว่าจะไม่มีใครติดตามเจ้า และทำให้เจ้าไม่ต้องลำบากขนาดนี้”

“…” หนานหนานถึงกับสำลักในคำพูดของนาง เขาเกาศีรษะและปีนป่ายออกจากเก้าอี้อีกครั้งพลางกระถดไปสองก้าว “จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้ลำบากนัก”

“ใช่น่ะสิ ไปหอสราญรมย์เพื่อไปพบเหล่าสาวงามได้ จะถือว่าลำบากได้อย่างไร?”

หนานหนานแค่นเสียงในใจพลางกลอกตา จู่ๆ ก็งอตัวกุมท้องพลางร้องครวญครางอย่างน่าเวทนา “โอ๊ย ปวดท้อง ปวดท้องจริง ข้าคงไปกินของแสลงมาแน่ๆ ท่านแม่ ข้าจะไปห้องสุขา”

เขาเอ่ยก่อนถอยไปสามก้าว หันหลังกลับในทันที และวิ่งไปที่ประตู

อวี้ชิงลั่วคิ้วกระตุกพร้อมกับขีดดำสามขีดปรากฏบนหน้าผาก “ปัสสาวะราดอีกแล้วหรือ?”

เสียงฝีเท้าด้านนอกของหนานหนานหยุดลง เขาชะงักก่อนหันกลับมาโดยพลัน พลางแก้ต่างให้ตัวเองด้วยท่าทางจริงจัง “ท่านแม่ นี่ไม่ใช่ปัสสาวะราด นี่คืออุจจาระราดต่างหาก”

สิ้นเสียงประโยคนั้น คนทั้งคนก็หายตัวไปแล้ว

“พรูดดด…” อวี้ชิงลั่วถึงกับพ่นชาที่จิบเข้าไป ต้องยอมรับว่านางกำลังรังเกียจ เห็นทีจะต้องสั่งสอนเจ้าเด็กผีตัวน้อยนี่ให้ดีๆ เสียแล้ว

หลังระบายลมหายใจ อวี้ชิงลั่วก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องชั้นใน เปิดตู้ที่อยู่ในนั้นและหยิบขวดกระเบื้องเคลือบเล็ก ๆ ออกมา มุมปากกระตุกโค้งขึ้นเล็กน้อยพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ

เช้าวันต่อมา

หลี่เจ๋อส่งรายงานให้เบื้องสูง ก่อนจะลาออกจากจวนผู้ตรวจการด้วยเหตุผลที่ตนบกพร่องในหน้าที่จนทำให้สองแม่ลูกเฉินจีซินถูกสังหารอยู่ในคุก

ฮ่องเต้รู้สึกปวดพระเศียรนัก เพียงไม่กี่วันผ่านไป จวนผู้ตรวจการเมืองหลวงก็เกิดเรื่องสะเทือนขวัญอย่างต่อเนื่องถึงสองเรื่อง แต่ในระยะนี้เองเย่ซิวตู๋ก็ได้เข้าวังอย่างฉับพลันอีกครั้ง รายงานว่าเย่ฮ่าวหรานได้ออกจากเมืองหลวงไปกับสตรีในดวงใจ และไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร

ฮ่องเต้ทรงพิโรธยิ่งนัก และก็เป็นอย่างที่เย่ซิวตู๋คาดเดาไว้ งานประลองสี่อาณาจักรยังไม่สิ้นสุดและยังมีทูตจากสี่อาณาจักรอยู่ด้วย ทางราชวงศ์จึงไม่อาจมีเรื่องอื้อฉาวใด ๆ ได้

จึงมีพระราชโองการลงมาว่าเย่ฮ่าวหรานออกจากเมืองหลวงด้วยคำสั่งของพระองค์ และให้องค์ชายหกเป็นผู้ปฏิบัติภารกิจที่เขาเคยได้รับแทนเป็นการชั่วคราว พร้อมกันนั้นก็ให้เย่ซิวตู๋ตามตัวเย่ฮ่าวหรานกลับมาอย่างลับๆ

พระราชโองการนี้ทำให้องค์ชายทั้งหลายต่างถกเถียงกัน คาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าฝ่าบาทส่งเย่ฮ่าวหรานออกไปทำราชกิจอันใดในช่วงนี้ และเป็นไปเพื่อเหตุใด

ส่วนการยื่นคำร้องขอลาออกของหลี่เจ๋อ พระองค์ก็ไม่ได้มีรับสั่งอนุมัติในทันที ตรัสเพียงว่าตอนนี้มีราชกิจล้นมือ รอให้งานประลองสี่อาณาจักรเสร็จสิ้นแล้วจึงพิจารณาอีกครั้ง

ในขณะที่เย่ซิวตู๋เข้าวังโดยลำพัง อวี้ชิงลั่วก็เก็บข้าวของ อำพรางตนเอง ก่อนจะขึ้นรถม้าออกจากตำหนักอ๋องซิวเช่นกัน

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

สงสารท่านเสิ่นจริงๆ โดนแกล้งให้เหนื่อยเปล่า

อ๋องแปดหนีไปไหนกันนะ ทุกคนตามตัวกันวุ่นแล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *