อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 517 จะดูว่าใครกล้าหยุด

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 517 จะดูว่าใครกล้าหยุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 517 จะดูว่าใครกล้าหยุด

ตอนที่ 517 จะดูว่าใครกล้าหยุด

อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะที่สารถีเห็นว่าทหารบางคนกล้าที่จะเดินมาข้างหน้า เขาจึงรีบมาขวางไว้ข้างหน้า และเอ่ยอย่างโกรธเคือง “บังอาจ แน่จริงพวกเจ้าก็กล้าเดินเข้ามาอีกสิ”

อวี๋จั้วหลินแค่นเสียง “พี่ชายผู้นี้ พวกเรากำลังปฏิบัติตามหน้าที่ ท่านควรถอยไปจะดีกว่า”

อวี้ชิงลั่วนึกสงสัยว่าตนใจดีเกินไปหรือไม่ที่ปล่อยให้อวี๋จั้วหลินยังไม่ถึงกาลอวสานจนทำให้เขามีความกล้าหาญและอำนาจพอที่จะสร้างความอับอายให้ตัวเอง

นางลอบถอนหายใจพลางอธิบายกับสารถีที่กำลังถลึงตา “ขึ้นรถแล้วขับออกนอกเมืองเถิด ข้าจะคอยดูว่าใครกันที่จะกล้าทำตัวหยาบคายกับข้า”

หากนางต้องกระทำจริงๆ นางก็ไม่ลังเลที่จะทำโทษบุคคลที่กล้าขัดขวางนางในโทษฐานที่แสดงความกระด้างกระเดื่องต่อองค์หญิง

สารถีสะดุ้ง ก่อนพยักหน้ารับอย่างยินดี คำกล่าวของแม่นางอวี้ช่างทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงได้เสมอ ราศีรอบกายนางช่างเหมือนกับท่านอ๋องยิ่ง ราวกับว่านางได้ให้ยาสงบใจกับเขา

ใบหน้าอวี๋จั้วหลินพลันซีดเผือด มือที่จับด้ามหอกพลันกำแน่นขึ้น

เหล่าทหารที่กำลังก้าวเดินรุดหน้าพลันมองหน้ากันอย่างตกตะลึงเมื่อได้ยินดังนั้น ก่อนหันหน้าไปทางอวี๋จั้วหลินอย่างไม่อาจตัดสินใจได้ไปชั่วขณะ

อวี๋จั้วหลินเห็นดังนี้ก็ก้าวมาด้านหน้าในทันที และขวางทางอวี้ชิงลั่วไว้ “หากเป็นเช่นนั้น กระหม่อมก็ต้องขอล่วงเกินแล้ว”

เขาเอ่ยด้วยเจตนาหมายจะจับตัวนาง

ขณะที่เขากำลังยื่นมือออกมา อวี้ชิงลั่วพลันชักมีดสั้นออกมาฟันเขา ทำให้อวี๋จั้วหลินสะดุ้งและก้าวถอยไปก้าวหนึ่ง

แต่ในชั่วขณะต่อมา ขาขวาของอวี้ชิงลั่วก็กวาดออก ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องน้อย

รูม่านตาอวี๋จั๋วหลินหดเกร็งเล็กน้อย พร้อมกับขาที่ก้าวถอยไปสองก้าว หลบการโจมตีของนางได้อย่างฉิวเฉียด

“เจ้า…” เขามีสีหน้าไม่อยากเชื่อ อวี้ชิงลั่วก็เป็นวรยุทธ์เช่นกันหรือ? กระบวนการโจมตีของนางช่างลื่นไหลและไร้ปรานี จนเขาเกือบจะเสียทีให้นางแล้ว

อวี้ชิงลั่วแค่นเสียง “ผู้ใดที่กล้าเข้ามาใกล้อีก ข้าก็ไม่รีรอที่จะซัดพิษบางอย่างใส่เขา พวกเจ้าควรรู้ไว้ด้วยว่าองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่มีอีกสถานะหนึ่งเช่นกัน ต่อให้เจ้าตายที่นี่ก็ไม่มีใครล้างแค้นแทนเจ้า พวกเจ้าควรคิดดูให้ดี”

นายทหารเบื้องหลังอวี๋จั้วหลินมองหน้ากัน ก่อนจะพากันก้าวเท้าถอยหลังอย่างพร้อมเพรียง

ทุกคนต่างรักชีวิตของตน เดิมทีก็ไม่กล้ามีเรื่องกับตำหนักอ๋องซิวอยู่แล้ว ในตอนนี้พวกเขายิ่งไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าโดยลำพัง

อวี๋จั้วหลินขมวดคิ้วแน่น ขณะที่อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงก่อนก้าวขึ้นรถม้าด้วยอาการสงบ

สารถีเชิดคางขึ้นพลางเหลือบมองอวี๋จั้วหลินอย่างนึกดูถูก

สายตานั้นทำให้อวี๋จั้วหลินหน้าซีดขาว เกิดความคิดอยากหยุดเขาไว้

ขณะที่เขากำลังยื่นมือออกไป ม้าตัวหนึ่งก็พลันย่างเข้ามา สีหน้าคนบนหลังม้าดูเย็นชาเคร่งขรึม เขามองลงมายังกลุ่มทหารรักษาเมืองที่ยืนเป็นทิวแถวพลางเอ่ยเสียงเย็น “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน?”

เกิดเรื่องวุ่นวายที่ประตูเมืองจนทำให้ผู้คนเข้านอกออกในไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

เมื่อทหารบางส่วนเห็นคนบนหลังม้า พวกเขาก็รีบคุกเข่าลงทันที “ท่านอ๋องเป่าเสด็จ ถวายพระพรท่านอ๋องเป่า”

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” ท่านอ๋องเป่าขมวดคิ้ว เมื่อเหลือบมองสารถีรถม้ากับอวี๋จั้วหลินที่กำลังจ้องตากันเขม็งแล้วก็พลันอึ้งไป รถม้านี่…ไม่ใช่ว่ามาจากตำหนักน้องห้าหรอกหรือ?

อีกอย่าง ทำไมถึงเป็นอวี๋จั้วหลินอีกแล้ว? เขาคิดจะท้าทายอำนาจตำหนักอ๋องซิวหรือ?

เสียงจากด้านนอกพลันทำให้อวี้ชิงลั่วถึงกับตกใจ ท่านอ๋องเป่า? โอรสของซูเฟยอย่างนั้นหรือ?

นางเลิกผ้าม่านขึ้นและมองไปด้านนอก เป็นจังหวะเดียวกับที่ท่านอ๋องเป๋ามองมาทางนางพอดี ก่อนจะอึ้งไปครู่หนึ่งยามสบตานาง จากนั้นก็พยักหน้า “องค์หญิงเทียนฝู”

“ท่านอ๋องเป่า ข้าขอถามท่าน ข้าไม่มีอิสระแม้กระทั่งออกจากประตูเมืองเลยหรือ?”

ทันทีที่ท่านอ๋องเป่าเห็นนาง เขาก็พลันมองอวี๋จั้วหลิน และพอจะเข้าใจขึ้นมารางๆ อวี๋จั้วหลินผู้นี้เห็นทีจะยังไม่ยอมแพ้ และพยายามหาเรื่องใส่ตัวเองอยู่เสมอ

เขาเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา พลางแค่นเสียงเบา “อวี๋จั้วหลิน เจ้ายังไม่ปล่อยวางอีกหรือ? หากเจ้ายังกล้ารบกวนองค์หญิงอีก ก็ระวังหัวของเจ้าไว้ให้ดี”

หลังเอ่ยจบ เขาก็หันมายิ้มให้อวี้ชิงลั่ว “องค์หญิง เราจะนำท่านออกนอกประตูเมืองเอง และเราก็อยากจะรู้นักว่าใครหน้าไหนกล้าจะมาหยุดท่าน”

“ขอบคุณอย่างยิ่ง” อวี้ชิงลั่วปล่อยมือให้ม่านคลี่ลงมาปิด จากนั้นก็เอนกายพิงหมอนนุ่มอย่างสบายใจ

การปรากฏตัวของท่านอ๋องเป่าทำให้นางมีกำลังใจเหลือล้น และการออกจากเมืองก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป

เนื่องจากความล่าช้าอันยาวนาน ในตอนนี้นางก็ไม่รู้ว่าแมงป่องของตนไปอยู่ที่ไหนแล้ว

อวี๋จั้วหลินขบเคี้ยวฟันจนแทบแตก แขนทั้งคู่ถูกคนรับใช้ของท่านอ๋องเป๋ายึดไว้ก่อนจะลากตัวเขาไปข้างในโดยที่ทหารเหล่านั้นไม่กล้าแม้กระทั่งเงยหน้าขึ้นมา ไม่ต้องพูดถึงการสกัดขวางทางเลย

เมื่อมีท่านอ๋องเป่าเปิดทางให้ รถม้าของอวี้ชิงลั่วก็แล่นออกนอกประตูเมืองโดยสวัสดิภาพ

ท่านอ๋องเป่านำทางนางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยุดลง หลังมองไปยังทางเบื้องหน้าที่ทอดยาวไม่รู้จบ เขาก็ขี่ม้าเข้ามาเทียบข้างรถม้า พลางเอ่ยเสียงต่ำ “องค์หญิง เรามีกิจต้องทำในเมืองหลวง ดังนั้นจึงมาส่งท่านได้เพียงเท่านี้”

“วันนี้ต้องขอบคุณท่านอ๋องเป็นอย่างยิ่งแล้ว”

“องค์หญิงกล่าวขบขันแล้ว เป็นเราต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน หมู่เฟยของเรามีพลานามัยแข็งแรงในทุกวันนี้ ก็ต้องขอบคุณการวินิจฉัยและการรักษาขององค์หญิงที่ทำให้หมู่เฟยของเราหายจากโรคที่เรื้อรังมานานหลายปี เราเห็นแล้วก็นึกขอบคุณองค์หญิงเป็นอย่างยิ่ง และหาทางตอบแทนท่านอยู่เสมอ ยิ่งกว่านั้นองค์หญิงยังถึงพร้อมด้วยสติปัญญา ต่อให้เราไม่ได้ปรากฏตัวในตอนนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ท่านจะออกจากประตูเมือง” ท่านอ๋องเป่าเอ่ยอย่างเป็นมิตร

อวี้ชิงลั่วอึ้งไปครู่หนึ่งขณะค้นหาความนัยในคำพูดของท่านอ๋องเป่า และดูเหมือนว่าเขาจะแสดงความเป็นมิตรกับนาง

ซูเฟยเป็นคนมีเหตุผล บางทีอาจเป็นเพราะนางมีสุขภาพไม่ดีมาหลายปี ทำให้นางต้องคิดวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ โดยละเอียด

“ข้าจะเข้าวังไปดูอาการของซูเฟยอีกครั้งในวันหลัง วันนี้ข้ามีกิจมากมายที่ต้องทำ ท่านอ๋องเป่าเชิญกลับไปเถิด”

“เช่นนั้นก็ขอลา” ท่านอ๋องเป่าทำความเคารพก่อนตวัดแส้ม้า และคนทั้งหลายก็กลับไปที่ประตูเมืองอีกครั้ง

อวี้ชิงลั่วลดม่านลงจนกระทั่งเสียงกีบเท้าม้าได้ห่างไกลออกไปแล้ว ก่อนเอ่ยสั่งสารถีเบา ๆ “เลี้ยวซ้าย แมงป่องอยู่ตรงนั้น”

รถม้าหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหักเลี้ยวไปทางซ้าย ก่อนแมงป่องจะปรากฏตัวบนก้อนหินในทันที ราวกับว่ามันกำลังรอพวกเขา หากไม่สังเกตให้ดีก็ไม่รู้ว่ามีสัตว์ตัวน้อยเช่นนี้หลบซ่อนอยู่

แมงป่องตัวนี้แสนรู้นัก สิ่งของของแม่นางอวี้ช่างพิเศษเหลือเกิน ซึ่งบางสิ่งก็ไม่มีแม้กระทั่งในวังหลวง

สารถีไม่กล้าล่าช้าอีกต่อไป เขาดึงบังเหียนและบังคับศีรษะม้าให้หันไปอย่างฉับพลัน

เจ้าม้าแค่นเสียงทุ้มพลางสะบัดหัวอย่างแรง ก่อนย่างเหยาะไปข้างหน้า

แมงป่องบนก้อนหินส่ายหางก่อนไต่ลงจากหิน และพุ่งปราดไปข้างหน้าอย่างว่องไว

แต่ไม่ไกลจากพวกเขาก็มีร่างบุคคลหนึ่งแอบติดตามอย่างเงียบเชียบ

อวี๋จั้วหลินลดปีกหมวกลง หอกในมือถูกแทนที่ด้วยมีดสั้น สีหน้าฉายแววเหี้ยมเกรียม แสยะยิ้มเย็นพลางตามรถม้าของอวี้ชิงลั่วไปทางด้านซ้ายตลอดทาง

…………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องเป่ามาขวางไว้ ค่อยยังชั่วหน่อย สั่งสอนกระจั๊วสักทีจะเป็นพระคุณ แต่กระจั๊วนี่ก็ตายยากจริง ติดตามชิงลั่วไปอีกแล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *