อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 57 ร่วมมือวางแผนใส่อวี้ชิงลั่ว

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 57 ร่วมมือวางแผนใส่อวี้ชิงลั่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 57 ร่วมมือวางแผนใส่อวี้ชิงลั่ว

หนานหนานรู้สึกพึงพอใจ เขากระโดดลงมาจากโต๊ะและปีนขึ้นหลังของเย่ซิวตู๋อย่างช่ำชอง “ท่านลุงเย่ พวกเราไปกันเถอะ หากถูกท่านแม่จับได้คงจบเห่แน่”

  

“อืม” ประตูห้องถูกเปิดออก แล้วเงาร่างของเย่ซิวตู่และหนานหนานก็หายออกไปจากโรงเตี๊ยมฝูหลงทันที

 

ต้าอู่ถึงกับเข่าอ่อนยวบ บนหน้าผากปรากฏเม็ดเหงื่อเล็ก ๆ ผุดซึมออกมา

หลอกแม่นางอวี้แบบนี้ ทั้งยังใช้คำพูดโกหกร้ายแรงขนาดนี้ หากแม่นางอวี้ทราบเรื่องเข้า ต่อให้เขามีหลายชีวิตก็ไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มกระมัง

เจ้าเด็กหนานหนานคนนี้ชักจะร้ายกาจเกินไปแล้ว เหตุใดถึงต้องมาหาเขาให้เป็นตัวตายตัวแทนด้วย?

ต้าอู่ก้าวเท้าเดินอย่างล่องลอยออกมาจากห้องปีกข้าง ตอนที่เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตูห้องครัว ก็พบว่าจินหลิวหลีกำลังเดินถือผลไม้ออกออกมาหนึ่งถาดพอดี

 

อีกฝ่ายเห็นเขาตกอยู่ในภวังค์ไม่กล่าวทักทายแม้เห็นหน้านาง จึงหรี่ตาลงและใช้ฝ่ามือตบไปที่หน้าผากของเขา “ต้าอู่ มัวคิดอะไรอยู่?”

“เถ้า…เถ้าแก่เนี้ย?” ต้าอู่แสดงสีหน้าเศร้าโศกขณะส่ายหน้า

 

จินหลิวหลีเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมาแต่ไหนแต่ไร นางกระชากหูของเขาพร้อมกับสอบถามด้วยท่าทางดุร้าย “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าไม่บอก ข้าจะให้เจ้าเอามีดตอนเจ้าโลกตัวเองเลย ไม่เชื่อก็คอยดู”

ต้าอู่หนีบข้าทั้งสองข้างเข้าหากันโดยเร็ว พลางเผชิญหน้าที่แสนน่ากลัวของจินหลิวหลีด้วยความรู้สึกอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดจึงกัดฟันแน่น และเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้นางฟังอย่างละเอียด

จินหลิวหลีเบิกตากว้างครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านไปเนิ่นนาน นางจึงเริ่มครุ่นคิด

เหตุใดหนานหนานและเย่ซิวตู๋ถึงอยากให้นังเด็กอวี้ชิงลั่วไปที่เมืองหลวง? ทั้งยังฝากต้าอู่ให้ไปบอกอวี้ชิงลั่ว เกี่ยวกับข่าวที่แม่นมเก๋ออยู่เมืองหลวงตอนนี้?

ถึงนางคาดเดาว่ามีโอกาสมากกว่าครึ่งที่แม่นมเก๋อจะอยู่ที่นั่นก็จริง แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวที่แน่นอน นางจึงไม่กล้าเดาแบบส่งเดช

 

จินหลิวหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย ผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ ๆ นางก็ยัดถาดผลไม้ไว้ที่มือของต้าอู่ กล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง “เรื่องนี้ ข้าจะไปบอกอวี้ชิงลั่วเอง”

“หา? เถ้าแก่เนี้ย ท่าน…ท่านคิดจะ…”

“หากข้าไปบอก มันยิ่งทำให้น่าเชื่อถือขึ้นมิใช่หรือ?”

พูดตามตรง แม้ว่าเมืองหลวงจะเป็นสถานที่ที่มีความซับซ้อนและอันตราย และไม่ได้เหมาะสมที่อวี้ชิงลั่วจะไปใช้ชีวิต แต่ตอนนี้หนานหนานได้นำไปที่เมืองหลวงก่อนแล้ว ไม่ว่าอย่างไรอวี้ชิงลั่วก็คงไม่อยู่ที่เจียงเฉิงแห่งนี้ต่อ

 

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ทำตามความปรารถนาของหนานหนานยังจะดีเสียกว่า

อีกอย่าง ศัตรูของอวี้ชิงลั่วก็อยู่ที่เมืองหลวง ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วนางก็ต้องไปจัดการกับคนพวกนั้นอยู่ดี ทุกอย่างราบรื่นก็ดีแล้ว ออกเดินทางวันนี้ก็แล้วกัน

ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด จินหลิวหลีก็เดินไปที่ห้องด้านบนชั้นสองด้วยใบหน้าเงียบสงบ

อวี้ชิงลั่วกำลังทำแผลให้เผิงอิงอยู่ เมื่อเห็นบาดฟื้นฟูได้พอสมควรแล้ว จึงพยักหน้าเบา ๆ และเก็บของ กล่าวว่า “นับตั้งแต่วันพรุ่งไม่ต้องให้ข้าตรวจอาการแล้ว เจ้าระมัดระวังสักหน่อย พักผ่อนให้เต็มที่สักสามสี่วันก็ดีขึ้นแล้ว ข้ามียาขี้ผึ้งขวด ให้เจ้าทาลงบนแผลเช้าและค่ำ หลังจากหายดีจะไม่ทิ้งแผลเป็นไว้”

 

เผิงอิงดันขวดยากลับไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นหรอก แผลเป็นบนร่างกายของบุรุษไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้ส่งผลกระทบ ขอแค่บาดแผลหายดีก็พอ“

เขาทราบดีว่าของที่อยู่บนตัวของหมอปีศาจเป็นของดีทั้งหมด เช่นนั้นก็เก็บไว้ใช้ตอนที่จำเป็นเถอะ

อวี้ชิงลั่วไม่ได้คะยั้นคะยอ นางจึงเก็บของกลับมาตามเดิม

เพียงแต่ตอนที่นางเพิ่งจะหมุนกาย ประตูห้องก็ถูกคนออกแรงผลักให้เปิดออก

เสียง “ปัง” ดังขึ้น จนคนที่อยู่ในห้องตกใจจนตกตะลึงกันถ้วนหน้า

ทุกคนหันไปมองก็พบว่าเป็นจินหลิวหลี ท่าทางระวังภัยทั่วทั้งร่างกายจึงผ่อนคลายลง

“เกิดอะไรขึ้น?” เป็นเรื่องยากที่จะเห็นจินหลิวหลีตื่นตระหนกเช่นนี้ สีหน้าก็ดูขาวโพลน แม้แต่จังหวะการหายใจก็ยุ่งเหยิง

อวี้ชิงลั่วมีสีหน้าเคร่งขรึมโดยพลัน หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องใหญ่ นางไม่มีทางอยู่ในสภาพแบบนี้

“ชิง…ชิงลั่ว มีข่าวคราวเรื่องแม่นมเก๋อแล้ว”

อวี้ชิงลั่วแสดงอาการดีใจ ของที่อยู่ในมือถูกโยนลงพื้น นางรีบปรี่ตัวมาด้านหน้าและจับแขนของจินหลิวหลีเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น “จริงหรือ อยู่ที่ไหน? อยู่ที่เจียงเฉิงหรือไม่?”

ซี๊ด แรงของนังหนูคนนี้เหตุใดถึงได้มากขนาดนี้?

จินหลิวหลีส่ายหน้า “ไม่ได้อยู่เจียงเฉิง ข้าได้รับแจ้งข่าวมาว่ามีคนเห็นนางที่เมืองหลวง”

“เมืองหลวง?”

แม่นมเก๋อกลับเมืองหลวงไปแล้ว? ก็มีความเป็นไปได้ บางทีแม่นมเก๋ออาจจะกลับไปหานางและหนานหนานก็เป็นได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้

“ข้าจะรีบเก็บของเพื่อเดินทางกลับเมืองหลวง หลิวหลี เจ้าช่วยไปเรียกหนานหนานกลับมาให้ข้าหน่อย”

จินหลิวหลีส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่ต้องหาแล้ว หลังจากหนานหนานเพิ่งทราบเรื่องนี้ เขาก็บอกทันทีว่าจะไปเมืองหลวง ตอนนี้คุณชายเย่พาเขาไปแล้ว”

 

“อะไรนะ?” ไม่เพียงแค่อวี้ชิงลั่ว คนอื่น ๆ ที่อยู่ภายในห้องก็หันสบตากันด้วยความตกตะลึงเช่นกัน

คุณชาย…พาหนานหนานกลับเมืองหลวงไปแล้ว? เหตุใดก่อนเกิดเรื่องถึงไม่ได้มีการปรึกษากับพวกเขาสักหน่อย?

“เย่ซิวตู๋…” ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วดูซับซ้อนหลากหลายอารมณ์ นางคิดไม่ถึงเลยว่าหนานหนานจะกลับไปเมืองหลวงพร้อมกับเย่ซิวตู๋

เจ้าเด็กบ้านี่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่อยากรักษาระยะห่างจากเขา เห็นได้อย่างชัดเจนว่า…ลืมคำพูดเมื่อวานที่นางบอกไปแล้ว

นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะขว้างสิ่งของลงบนพื้นอย่างเกรี้ยวกราด และเดินออกจากห้องเพื่อไปยังสวนด้านหลังอย่างไร้อารมณ์

เหวินเทียนและเสิ่นอิงหันสบตากัน ก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “แม่นางอวี้…”

 

เพียงแต่เพิ่งเอ่ยปากพูด จินหลิวหลีก็มาขวางพวกเขาไว้ จนกระทั่งเงาของอวี้ชิงลั่วหายไป นางจึงกระซิบกำชับกับพวกเขาว่า “คุณชายเย่บอกไว้ว่า ให้พวกเจ้ารีบไปเก็บข้าวของและออกเดินทางโดยเร็ว ระหว่างทางคุ้มกันอวี้ชิงลั่วให้ดี เมื่อถึงเมืองหลวงให้พานางไปเจอเขาอีกครั้ง”

ทุกคนชะงัก จากนั้นจึงตอบรับด้วยใบหน้าจริงจัง

เผิงอิงยังอยู่ในโรงเตี๊ยม คนอื่น ๆ รีบเพิ่มความเร็วกลับไปที่จวนโม่ นำของที่เตรียมไว้อย่างดีขนขึ้นรถม้า และกลับมาที่โรงเตี๊ยมฝูหลงอย่างเงียบเชียบไม่ให้เป็นที่เอิกเกริก

อวี้ชิงลั่วถือย่ามใบใหญ่สองใบยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว เมื่อเห็นพวกเขามาถึง สีหน้าก็ดูย่ำแย่อย่างมาก

นางอยากรีบออกเดินทางเพื่อตามหนานหนานไปก่อน แต่นางก็รู้จักประเมินตนเอง เมื่อเทียบกับฝีเท้าของเย่ซิวตู๋แล้ว นางไม่มีทางสู้เขาได้

 

ถึงอย่างไรนางก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสองคนนั้นเดินทางด้วยเส้นทางไหน ต่อให้ไปถึงเมืองหลวง นางที่ไม่รู้จักตัวตนของเย่ซิวตู๋คงมิอาจตามหาเขาได้

ดังนั้น ตัวเลือกที่ดีที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของนาง ก็คือตามเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ กลับเมืองหลวงไปด้วยกัน

เย่ซิวตู๋น่าจะทิ้งสัญลักษณ์ระหว่างทางให้กับลูกสมุนของตนเองถึงจะถูก

 

เสิ่นอิงทราบดีว่านางอารมณ์ไม่ดี จึงทำได้เพียงแค่ช่วยประคองนางขึ้นรถม้าอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่กล้าพูดกับนางแบบตามอำเภอใจ เพราะกลัวว่านางจะไม่มีความสุขและวางยาใส่พวกเขา และไม่มีมนุษยธรรมต่อจากนี้

รถม้ามีแค่สองคัน อวี้ชิงลั่วนั่งหนึ่งคัน ส่วนอีกคันไว้ให้เผิงอิงนั่งเฝ้าสัมภาระแบบง่าย ๆ

เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ แต่งตัวเป็นองครักษ์ของตระกูลใหญ่ธรรมดา ทำตัวกลมกลืนไม่โดดเด่น คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางมองเห็นถึงสถานะของพวกเขา

 

“แม่นางอวี้ เจ้านั่งให้ดีนะ พวกเราจะออกเดินทางแล้ว”

อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเย็น เห็นได้ชัดว่าความโกรธที่นางมีต่อเย่ซิวตู๋ได้โยนมาที่บนศีรษะของพวกเขาแล้ว ถึงขั้นชักสีหน้าใส่ทุกคน

โม่เสียนที่อยู่ด้านนอกประตูรถม้าถูจมูก ยกแส้ม้าขึ้น ตอนที่เพิ่งส่งเสียง “ย๊า”

เสียง “พรึ่บ” พลันดังขึ้น ผ้าม่านของรถม้าถูกแหวกออก จากนั้นก็มีห่อผ้าหนึ่งห่อถูกโยนเข้ามาจากด้านนอกอย่างแรง และวางลงข้างกายของอวี้ชิงลั่ว

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ชิงลั่วจะตามลูกทันไหม เจ้าเด็กนี่ก็แสบจริง ๆ ทิ้งแม่ไปกับผู้ชายที่เป็นพ่อหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เฉย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *