อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 580 เกิดเรื่องกับหนานหนานแล้วหรือ

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 580 เกิดเรื่องกับหนานหนานแล้วหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 580 เกิดเรื่องกับหนานหนานแล้วหรือ

ตอนที่ 580 เกิดเรื่องกับหนานหนานแล้วหรือ

อวี้ชิงลั่วตื่นตระหนก หงเย่ที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยความประหลาดใจ “หมายความว่าอย่างไร จะบอกว่าฝ่าบาททรงสงสัยว่าหนานหนานวางยาอย่างนั้นหรือ”

“มิใช่ๆ” โม่เสียนส่ายศีรษะ “ไม่ได้ทรงสงสัยว่าหนานหนานวางยา เพียงแต่ว่า…”

โม่เสียนยังไม่ทันได้กล่าวจนจบ ทางด้านพ่อบ้านหยางก็วิ่งมาหาอวี้ชิงลั่ว กล่าวเสียงต่ำ “แม่นางอวี้ เหมียวกงกงจากทางวังหลวงมาขอรับ ตอนนี้อยู่ที่สวนด้านหน้า กล่าวว่าฝ่าบาททรงเรียกให้เข้าเฝ้าขอรับ”

อวี้ชิงลั่วชี้ไปที่ตนเอง “ทรงเรียกข้าอย่างนั้นหรือ”

นางขมวดคิ้ว ในหัวงุนงงไปหมด นางมีภาพจำในใจกับการมาของเหมียวกงกง ครั้งก่อนเหมียวเชียนชิวโน้มน้าวให้นางส่งตัวจินหลิวหลีให้ พยายามโจมตีด้วยการล้างสมองนางทุกด้าน เอาแต่นั่งอยู่ตรงหน้านางแล้วพูดไม่หยุดโดยไม่ยอมแพ้

จนกระทั่งฮ่องเต้ส่งเปาเหอเฟิงมาตามตัวเขากลับไป เหมียวเชียนชิวจึงถอนหายใจโล่งอก ส่งสายตาบอกความนัยให้กับอวี้ชิงลั่วก่อนจะจากตำหนักอ๋องซิวไปพร้อมกับเปาเหอเฟิง

คืนนั้นนางฝันร้ายเกือบทั้งคืน ในหัวมีแต่คำพูดของเหมียวเชียนชิวดังอยู่ เกือบจะทำให้เย่ซิวตู๋ต้องหึงหวงแล้ว

ดังนั้นครั้งนี้เมื่อได้ยินว่าเหมียวกงกงมาที่นี่อีกครั้ง อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทันใด

แต่เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหนานหนาน นางเองก็ทำได้เพียงไปที่สวนด้านหน้าพร้อมพ่อบ้านหยาง

เหมียวเชียนชิวยังคงโทษนางอยู่เล็กน้อย ครั้งก่อนตนนั้นพร่ำบอกไปมากมายแต่ก็ไม่สามารถโน้มน้าวใจองค์หญิงเทียนฝูได้เลยแม้แต่น้อย ในใจนั้นไม่ยินดีเป็นอย่างมาก

เย่ซิวตู๋ไม่ได้อยู่ที่ตำหนัก เย่ฮ่าวหรานเกิดเรื่อง ไม่ว่าฮ่องเต้จะลงโทษเขาหนักหรือไม่ เขาก็ต้องหาความช่วยเหลือทุกทาง

เมื่อมาถึงห้องรับรอง เหมียวเชียนชิวก็วางถ้วยน้ำชาที่เพิ่งได้รับเพื่อมาต้อนรับในทันที

อวี้ชิงลั่วถาม “เกิดเรื่องกับหนานหนานแล้วหรือ?”

“…” ตามปกติแล้ว เมื่อนางรู้ว่าฝ่าบาทถูกวางยา ก็ควรถามถึงฝ่าบาทก่อนมิใช่หรือ

แต่ก็นั่นแหละ องค์หญิงเทียนฝูผู้นี้และหนานหนานนั้นนิสัยคล้ายกัน ต่างก็แปลกประหลาดทั้งคู่

เหมียวเชียนชิวส่ายหน้าให้นาง “ไม่ถือว่าเกิดเรื่องหรอกพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่เมื่อเช้าวันนี้ขณะฝ่าบาทกำลังเสวยมื้อเช้า ซื่อจื่อน้อยก็วิ่งมา ฝ่าบาททรงให้ซื่อจื่อน้อยเสวยมื้อเช้าด้วยกัน คิดไม่ถึงว่าเพียงซื่อจื่อน้อยเสวยไปเพียงคำเดียว จู่ๆ ก็ทรงนั่งยองๆ ลงไปกับพื้นทำท่าปวดท้อง จากนั้นก็ทรงหายาของตนแล้วเสวยเข้าไปจึงดีขึ้น แต่เมื่อทรงยืนขึ้นได้ก็ตรัสว่ามีคนวางยาในพระกระยาหารของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

อวี้ชิงลั่วมุ่นคิ้ว สุขภาพของหนานหนานนั้นนางรู้ดี ทุกครั้งที่กินยาพิษเข้าไปแม้เพียงเล็กน้อย เขาก็จะมีปฏิกิริยาตอบกลับเสมอ

เขาบอกว่ามียาพิษ เช่นนั้นก็คงจะมีพิษจริงๆ

แต่สถานการณ์คงไม่หนักหนา ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ใช่เพียงแค่นั่งยองๆ ลงไปกับพื้นแน่

เหมียวเชียนชิวมองดูสีหน้าของนาง จากนั้นก็กล่าวต่อ “แต่ทว่าขันทีที่ลองชิมอาหารนั้นไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ฝ่าบาทเองก็เช่นกัน แต่เห็นว่าซื่อจื่อน้อยตรัสอย่างจริงจัง อีกทั้งยังทรงปวดเสียจนเหงื่อแตกจริงๆ อีก จึงมีการให้หมอหลวงมาตรวจอาการดู แต่หมอหลวงสองสามคนทางนั้นตรวจซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่างก็กล่าวเพียงว่าฝ่าบาททรงมีพระวรกายอ่อนแอ ไม่ได้มีสัญญาณใดๆ ของยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”

อวี้ชิงลั่วเม้มปาก สายตามองไปยังปลายนิ้วเรียวของตนเอง

ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวออกมาเสียงเบา “ร่างกายหนานหนานแตกต่างจากคนทั่วไป เหมียวกงกงเองก็น่าจะทราบ ครั้งก่อนเฉิงซื่อจื่อเองก็เพราะได้หนานหนาน จึงรู้ได้ว่าอาหารของตนถูกวางยาพิษ”

เหมียวเชียนชิวพยักหน้า เรื่องนี้เขาเองก็เข้าใจ “ก็เป็นเพราะแบบนั้น ฝ่าบาทจึงทรงให้กระหม่อมมาที่นี่ รบกวนให้องค์หญิงเสด็จเข้าวังหลวง เพื่อยืนยันในสิ่งที่ซื่อจื่อน้อยตรัส ให้เหล่าหมอหลวงที่เชื่อมั่นในตนเองและไม่เชื่อใจซื่อจื่อน้อยได้เห็นพ่ะย่ะค่ะ”

อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชา วิเคราะห์แทนฝ่าบาทก็วิเคราะห์แทนฝ่าบาทสิ เหมียวเชียนชิวผู้นี้ ยังต้องมากล่าวว่าทำเพื่อหนานหนานอีก

แต่ฮ่องเต้เป็นคนที่เย่ซิวตู๋ห่วงใย ดูจากปฏิกิริยาของหนานหนานแล้ว เกรงว่าจะมีคนต้องการทำร้ายเขาจริงๆ

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า จากนั้นก็ลุกขึ้น “เช่นนั้นแล้ว ข้าก็ขอไปเปลี่ยนอาภรณ์เสียก่อน แล้วจะตามกงกงเข้าวังทันที”

เหมียวเชียนชิวถอนหายใจโล่งอก ยังดีที่ครั้งนี้แม่นางชิงตรงไปตรงมาเช่นนี้

อวี้ชิงลั่วเปลี่ยนอาภรณ์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พาหงเย่และแม่นมเซียวเข้าวัง

ฮ่องเต้ประทับอยู่ในห้องบรรทมของตน ด้านนอกเป็นเฟยจื่อที่ได้ยินข่าวแล้วจึงมา แต่เนื่องจากเป็นพระราชโองการของฮ่องเต้ แต่ละคนจึงทำได้เพียงยืนสำรวจอยู่ด้านนอก ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไป

เมื่ออวี้ชิงลั่วก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ก็พบเหล่าหมอหลวงคุกเข่าอยู่ที่พื้นพร้อมกับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

อวี้ชิงลั่วตกตะลึง เหตุใดเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้

“ท่านแม่” หนานหนานยืนอยู่ข้างๆ ฮ่องเต้ ยืนเท้าเอวคอยปกป้องอยู่ตรงหน้า เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วก็รีบโบกมือให้นางทันที

อวี้ชิงลั่วเดินตรงไปแล้วทำความเคารพฮ่องเต้ ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ จากนั้นก็มองอวี้ชิงลั่วโดยละเอียด

องค์หญิงเทียนฝูผู้นี้ เขาไม่เคยเรียกนางเข้าพบตามลำพังมาก่อน และไม่เคยพบนางในระยะใกล้ๆ เช่นนี้มาก่อนเช่นกัน ตอนนี้เมื่อดูแล้ว ก็ถือว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ท่าทางดูงดงามอ่อนโยน เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นดูเฉียบคมเกินไปเสียหน่อย

เหตุใดซิวเอ๋อร์จึงชื่นชมหญิงสาวเช่นนี้ได้ เขาคิดมาตลอดว่าซิวเอ๋อร์เป็นคนที่จะสนใจหญิงสาวอ่อนหวานจากตระกูลใหญ่โตจึงจะถูก

ดังเช่นแม่นางชิงที่ดูฉลาดเฉียบแหลมนี้ คล้ายคลึงกับนิสัยของซิวเอ๋อร์จนเกินไป เกรงว่าจะมีแต่ทะเลาะเบาะแว้งกันนี่สิ

แต่เท่าที่เขารู้ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นจะราบรื่นดี

ดูแล้วไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ

ฮ่องเต้ส่ายพระพักตร์ ให้อวี้ชิงลั่วเข้ามาจับชีพจรของตน

หนานหนานที่อยู่ด้านข้างพูดจาขึ้นมาในทันที “ท่านแม่ ท่านก็รู้ว่าร่างกายข้านั้นเก่งกาจเพียงใด แค่ข้ากินของเสียเพียงนิดเดียวก็ปวดท้องแล้ว แต่ว่าท่าหมอไร้ฝีมือเหล่านี้ กลับบอกว่าข้าเป็นไข้เพราะนอนดึกอากาศเย็น ไม่ได้ถูกพิษแต่อย่างใด ท่านดูสิ ข้ามักจะนอนบนเตียงแล้วปิดผ้าห่มเสียทุกมุม แม้แต่มุมผ้าห่มก็ยังไม่ให้เปิดออกได้ ข้าจะถูกอากาศเย็นได้อย่างไร จริงไหมขอรับ”

มุมปากอวี้ชิงลั่วกระตุก ไม่ได้สนใจเขา

เขากล้าพูดถึงนิสัยการนอนของตนต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร นางไม่กล้าจะยอมรับเลยว่านี่คือบุตรชายของตน

“อีกอย่างนะท่านแม่ คนที่เป็นไข้จะร่าเริงสดใสอย่างข้าได้หรือ จะกินยาเพียงเม็ดเดียวก็ลุกขึ้นยืนได้เหมือนข้าหรือ พวกเขานั้นโง่เง่าเกินไปแล้ว”

อวี้ชิงลั่วลดมือลง ค่อยๆ หันหน้าไปมองหนานหนาน “เด็กดี ไปอยู่ตรงอื่นเสียก่อนเถิด”

“…ขอรับ” หนานหนานพยักหน้า เดินไปยังมุมห้องแล้วหันหน้าเข้ากำแพง ไม่ได้กล่าวอันใดเลย เขาพิจารณาความผิดของตน ถึงแม้จะคิดไม่ออกว่าตนทำอันใดผิดไปก็ตาม

ฮ่องเต้มองแล้วก็เลิกพระขนง เขากล่าวอันใด หนานหนานก็ไม่ฟังแม้แต่น้อย แต่เมื่อแม่นางชิงกล่าว หนานหนานก็ยอมฟังเช่นนี้

จริงๆ เลย…จริงๆ เลย… คิดแล้วก็ช่างไม่เท่าเทียมกันแม้แต่น้อย

“ฝ่าบาทเพคะ ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานี้ทรงปวดพระเศียรบ่อยหรือไม่เพคะ” อวี้ชิงลั่วดึงความสนใจของเขากลับมา แล้วถาม

ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อาการปวดหัวของเขานั้นเริ่มขึ้นในช่วงหกเดือนนี้จริงๆ

เช่นนั้นแล้ว…

สายพระเนตรของฮ่องเต้ตึงเครียดขึ้นมาทันที พระหัตถ์ตบโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ภายในหกเดือนนี้ใครกันที่ใกล้ชิดกับฝ่าบาท คนนั้นก็น่าสงสัยอยู่

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *