อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 630 ให้กินจดหมายเข้าไป

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter 630 ให้กินจดหมายเข้าไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 630 ให้กินจดหมายเข้าไป

ตอนที่ 630 ให้กินจดหมายเข้าไป

เถ้าแก่ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า “หากแม่นางลงกลอนประตูก่อนจะออกไป ก็ไม่น่าจะมีใครเข้าไปได้… เอ่อ แต่เมื่อสักครู่มีบุรุษคนหนึ่งมาถามว่ามีสตรีกับเด็กมาพักด้วยกันหรือไม่ แล้วแขกคนหนึ่งที่เห็นแม่นางก็บอกหมายเลขห้องของท่านไปแบบไม่คิดอะไร ชายคนนั้นจึงขึ้นไปชั้นบน แต่ข้าเห็นว่าแม่นางออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ข้าจึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากนัก หรือว่าของของแม่นางหาย? ข้า…”

“ชายคนนั้นไปไหนแล้ว?” อวี้ชิงลั่วขัดจังหวะเขา

เถ้าแก่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นมือชี้ไปทางซ้ายนอกประตู แล้วพูดว่า “ก่อนที่แม่นางจะกลับมา ข้าเห็นว่าเขาเพิ่งออกไปข้างนอก ไปทางนั้น”

อวี้ชิงลั่วรีบหันหลังก้าวออกจากโรงเตี๊ยมทันที และเดินไปตามทิศทางที่เถ้าแก่ชี้

ทว่าขณะนี้นอกจากพ่อค้าแม่ค้า และคนที่เดินพลุกพล่านตลอดสองข้างทางแล้ว ก็ไม่มีคนที่ดูน่าสงสัยแต่อย่างใด

นางหลุบตาลง แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินกลับไปถามที่สำนักงานโรงเตี๊ยมว่า “เถ้าแก่ คนผู้นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?”

“หน้าตาหรือ?” เถ้าแก่มองดูท่าทางของนาง ดูเหมือนว่านางคงไม่ได้ต้องการเอาเรื่องตน ดังนั้นของในห้องของนางไม่ได้หายหรอกหรือ? เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ค่อนข้างโล่งใจ หลังจากคิดอย่างรอบคอบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กระซิบว่า “เขาตัวสูงใหญ่ แต่หน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก มีสีหน้าจริงจังและถือดาบไว้ในมือ เสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็ดูดี ไม่เหมือนคนธรรมดา เขาน่าจะอายุราวยี่สิบ และเสียงพูดของเขาก็ไพเราะรื่นหู”

“…” อวี้ชิงลั่วอดกลอกตาไม่ได้ แล้วถามอีกครั้งด้วยเสียงที่เบาลงเล็กน้อย “แล้วมีจุดสังเกตบนตัวเขาหรือไม่? เช่นมีแผลเป็นที่ใบหน้าหรือมีไฝที่หางตาหรือไม่?”

“ข้าไม่ได้ดูละเอียด มองแวบเดียวก็ดูเหมือนจะไม่มี”

อวี้ชิงลั่วเงียบ หันหลังกลับแล้วขึ้นไปชั้นบน

ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาจะคืออะไร แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาได้พบกับเหมิงหลัวอวี้แล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้อีกต่อไป เป็นการดีกว่าที่จะเปลี่ยนไปพักโรงเตี๊ยมอื่น

อวี้ชิงลั่วเปิดประตูเข้ามา เหมิงหลัวอวี้ที่ยังคงรู้สึกกังวลจนถึงตอนนี้รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วรีบก้าวเข้าไปหา “ท่านน้าชิง เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ? นี่มัน… ฮูหยินใหญ่ส่งมาหรือเปล่า?”

“ยังไม่แน่ใจ” อวี้ชิงลั่วดึงตัวนางให้นั่งลง เมื่อหันไปเห็นว่าหนานหนานยังคงตัวมอมแมมอยู่ นางจึงโบกมือไล่เขาไปล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นหันไปหาเหมิงหลัวอวี้ แล้วถามนางว่า “ชายคนนั้นพูดอะไรตอนที่เข้ามา? เล่าให้น้าฟังว่าเมื่อสักครู่นี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง”

มือเล็ก ๆ ของเหมิงหลัวอวี้จับมือของนางไว้ และอารมณ์ของก็ค่อย ๆ สงบลง หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็พูดเบา ๆ ว่า “ข้ากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ซึ่งหากเป็นท่านน้าชิงหรือหนานหนานกลับมาจะไม่เคาะประตูเด็ดขาด ข้าจึงมองเงาสูงใหญ่ข้างนอก และเห็นว่าดูไม่เหมือนเสี่ยวเอ้อจึงไม่เปิด คนนอกประตูเรียกอยู่สองสามคำ แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ เขาจึงผลักประตูเข้ามา ข้ากังวลว่าจะเป็นคนของฮูหยินใหญ่ จึงรีบไปซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง แต่คนผู้นั้นดูเหมือนจะเก่งกาจนัก เขารู้ว่าข้าแอบใต้เตียงและจับข้าออกไป”

เมื่อเล่าจนถึงตอนนี้ นางก็กำมือแน่นทันที ราวกับว่านางยังคงตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย แต่จากนั้นครู่หนึ่งนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ชายคนนั้นมองมาที่ข้า แล้วขมวดคิ้ว ก่อนพูดว่า ‘เป็นเด็กผู้หญิงนี่’ แล้วก็… แล้วก็เอ่ยขอโทษข้า เมื่อเห็นว่าข้ายังระแวงเขาอยู่ เขาก็จากไป” ดูเหมือนว่าเขาจะพูดอะไรบางอย่างอีกสองสามคำ แต่ตอนนั้นนางตื่นตระหนกมากเกินไปจึงนึกถึงเพียงแค่การหาทางหนี นางจึงไม่ได้สนใจ

อวี้ชิงลั่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากที่เหมิงหลัวอวี้เล่ามา ชายผู้นั้นคงกำลังตามหาใครสักคนอยู่ แต่เขาไม่ได้ตามหา… เด็กผู้หญิง

นางเคาะโต๊ะเบา ๆ ขณะครุ่นคิดเรื่องนี้ แม้ว่าตอนนี้นางจะรู้สึกว่าคนผู้นั้นคงเข้าผิดห้องและเจอคนผิด แต่เพื่อความปลอดภัย นางควรเปลี่ยนไปพักโรงเตี๊ยมอื่น

“ท่านน้าชิง…” เมื่อเห็นว่านางเงียบ เหมิงหลัวอวี้จึงยื่นมือน้อย ๆ ออกไปกอดนาง

อวี้ชิงลั่วลูบหลังมือของนางด้วยรอยยิ้ม เมื่อหันไปเห็นหนานหนานเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว นางจึงบอกทั้งสองว่า “อย่างไรเสียพวกเราก็เปลี่ยนไปพักที่โรงเตี๊ยมอื่นกันเถิด พวกเจ้าสองคนเก็บของที่นี่ไป น้าจะลงไปบอกเถ้าแก่ว่าเราจะออกไปวันนี้”

ทว่าช่วงนี้ชาวเหมิงได้จัดเทศกาลชิมสุรา ร้านจากทั่วแว่นแคว้นจึงมาที่เมืองหลวง ทำให้โรงเตี๊ยมและร้านอาหารเต็มไปด้วยแขก ดังนั้นการหาโรงเตี๊ยมที่เหมาะสมจึงค่อนข้างลำบาก

อวี้ชิงลั่วถูหว่างคิ้วของตน แล้วเดินออกจากห้องไปอีกครั้ง

เมื่อเห็นนางเดินมา เถ้าแก่ก็โบกมือให้นางด้วยความประหลาดใจ “แม่นาง ชายคนนั้นเพิ่งเดินผ่านประตูไปอีกครั้ง แต่ไม่นานเขาก็จากไป ไม่ต้องห่วง คราวหน้าข้าจะช่วยจับตาดู และข้ามั่นใจว่าจะสามารถจำเขาได้”

“ข้าต้องการออก” ไม่สำคัญว่าจะต้องจำได้หรือไม่ และนางไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

“…” เถ้าแก่เบิกตากว้าง คำพูดของเขาเสียเปล่าอย่างนั้นหรือ? ฮึ่ม โชคดีที่เขายังไม่ทันได้พูดถึงไฝที่หูของชายคนนั้น เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดแล้ว

“ฮัดชิ่ว—” เสิ่นอิงขมวดคิ้วแล้วลูบปลายจมูกของตน ตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้ เขาจามอย่างหนักราวกับว่ามีคนลอบนินทาเขาอยู่

เขาเม้มปาก แล้วบีบปลายจมูกอย่างแรง จากนั้นหายใจออก และเดินเข้าไปในร้านอาหารที่อยู่ตรงหน้าเขา ก่อนจะตรงไปที่ชั้นสอง

ในห้องด้านข้างที่หันหน้าไปทางถนนบนชั้นสอง เย่ซิวตู๋มองจดหมายในมือด้วยสีหน้าเย็นชา สายตาของเขาเคร่งขรึมเล็กน้อย สองวันที่ผ่านมาเขารู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาใครบางคน เขาอยากจะให้นางกินจดหมายนี้เข้าไปเหลือเกินยามได้เจอสตรีผู้นั้น

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ประตู เย่ซิวตู๋ก็รีบเก็บจดหมายที่ยับยู่ยี่ไว้ในแขนเสื้ออย่างใจเย็น แล้วเงยหน้าขึ้นมอง

เสิ่นอิงปิดประตูเบา ๆ แล้วเดินมาหาเขาอย่างเงียบเชียบ ก่อนส่ายหัวต่อหน้าเย่ซิวตู๋ “กระหม่อมยังไม่พบแม่นางอวี้และหนานหนาน วันนี้กระหม่อมไปที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง มีแขกเห็นสตรีคนหนึ่งจูงเด็กมาด้วย แต่เมื่อกระหม่อมไปค้นห้องก็พบว่าเด็กคนนั้นเป็นผู้หญิงพ่ะย่ะค่ะ”

น่าเสียดายที่เมื่อเขาเห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในเวลานั้น เขากลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่ายินดี

เย่ซิวตู๋หายใจออกช้า ๆ แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “พรุ่งนี้ข้าจะตามหาต่อไป” เขารู้สึกเสมอว่าชิงเอ๋อร์และหนานหนานอยู่ใกล้เขามาก หากวันนั้นเขามองไม่ผิด เด็กที่กระโดดลงมาชั้นล่างในวันนั้นคือหนานหนาน

เสิ่นอิงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ”

เขาคิดว่าบางทีวันพรุ่งนี้เขาควรจะไปตามหาในที่ที่ไกลกว่านี้ สตรีที่มีลูกอายุห้าขวบคนเดียว หากสืบหาโดยใช้ข้อมูลนี้ก็ไม่น่าจะหายาก อีกทั้งหนานหนานยังมีนิสัยร่าเริงด้วย หากเขาจะไม่เป็นจุดสนใจของคนอื่นเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้

ทั้งสองคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเสียงเผิงอิงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เสิ่นอิงเดินไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาค่อนข้างตึงเครียด เขาก็มองเย่ซิวตู๋และลังเลที่จะพูด

เสิ่นอิงลูบหน้าของตน ก่อนขมวดคิ้วพูดว่า “มีอะไร? เกิดอะไรขึ้นอีก?”

ใบหน้าของเผิงอิงเต็มไปด้วยความลำบากใจ จากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็เดินไปข้างเย่ซิวตู๋ แล้วมอบสิ่งของในมือให้กับเย่ซิวตู๋

!!

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องช่างรักแรงโกรธแรงเหลือเกิน

ไหวตัวทันแล้ว แต่จะหาโรงเตี๊ยมที่ใหม่ได้หรือเปล่านี่น่ะสิ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *